ตอนที่ 20 คนกระจอก
เรือนเก็บสมุนไพรใหญ่มาก ด้านในค่อนข้างเป็นระเบียบเรียบร้อย มีชั้นวางเรียงรายหลายแถว และจัดแยกหมวดหมู่สมุนไพรไว้เป็นอย่างดี
ลึกสุดด้านในยังมีห้องขนาดกลางอยู่อีกหนึ่งห้อง สมุนไพรด้านในจะแตกต่างกับด้านนอก เพราะมันมีไว้สำหรับนักรบหมานเท่านั้น คนธรรมดาไม่มีสิทธิเข้าไป
ถึงแม้จะเป็นแพทย์สามัญก็ตาม โดยปกติแล้วจะต้องมีสารจากท่านปู่หรือจ้าวเผ่าเท่านั้นถึงจะเข้าไปในสถานที่สำคัญของเผ่าแห่งนี้ได้
ทว่ากฎเหล่านี้ไม่มีผลกับซูหมิง เมื่อนานมาแล้วท่านปู่ได้มอบสิทธิพิเศษให้แก่เขา สามารถเข้าออกเรือนแห่งนี้ได้ตามใจชอบ เพื่อให้เขาแยกแยะสมุนไพรได้สะดวกขึ้น
เมื่อเข้ามาในเรือน ซูหมิงเห็นเป่ยหลิงเดินจับมือเฉินซินเข้าไปในห้องเล็กที่เต็มไปด้วยสมุนไพรล้ำค่า ด้านหน้าประตูมีผู้อาวุโสนั่งขัดสมาธิ เขาสวมเสื้อหนังสัตว์ รูปร่างซูบผอม ผมหงอกสีขาวดูชราภาพ บนใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอย เดิมทีเขาหลับตาสนิท ทว่ายามนี้ลืมขึ้นเผยร่องเล็กหนึ่งเส้น เมื่อรับสารจากเป่ยหลิงที่ส่งมาให้แล้ว เขาเหลือบตามองแวบหนึ่ง สีหน้ายังคงเรียบเฉย ก่อนหลับตาลงอีกครั้ง
ซูหมิงเดินอย่างเชื่องช้า เขาทราบดีว่าเหตุใดเป่ยหลิงถึงไม่อยากมองหน้าตน จึงไม่ได้ตามเข้าไป แต่เดินไปมารอบๆ ตรงชั้นวางด้านนอก มองดูสมุนไพรหลากชนิดด้านบน ซูหมิงรู้จักพวกมันเป็นอย่างดี เพราะสมุนไพรแทบทุกชนิดในนี้เขาเคยเก็บมาแล้วทั้งสิ้น
กระทั่งเดินดูจนครบ เป่ยหลิงและเฉินซินก็ยังไม่ออกมาเสียที ซูหมิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเดินไปใกล้ห้องเล็กอย่างช้าๆ
“ลาซูน้อย มัวลังเลอะไร?” ขณะซูหมิงกำลังลังเล พลันได้ยินเสียงแหบพร่าดังขึ้น เขาเงยหน้าขึ้นมอง เป็นผู้อาวุโสที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่หน้าห้องเล็ก และเฝ้าดูแลที่นี่มานานปี
“ท่านปู่หนานซง ข้าไม่ใช่ลาซูแล้ว…” ซูหมิงเกาศีรษะ ยิ้มกล่าว
“นึกออกแล้ว เหมือนว่าลาซูรุ่นพวกเจ้าจะทำพิธีชี้นำหมานเสร็จไปเมื่อหลายเดือนก่อน จากนี้ไปข้าเรียกเจ้าว่าลาซูไม่ได้แล้ว” ผู้อาวุโสฉีกยิ้ม แววตาอ่อนโยน
“ในเมื่อเจ้ามาแล้ว เหตุใดถึงไม่เข้าไป? ไม่ต้องกลัว ข้าหนุนหลังเจ้าเอง! นึกถึงตอนนั้นข้ายังกล้าแย่งสตรีกับปู่ของเจ้าเลย จะกลัวอะไร!” ผู้อาวุโสขยิบตาให้ หัวเราะกล่าวหยอกล้อ
ซูหมิงเบิกตากว้าง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเรื่องแบบนี้ หลังจากลังเลพักหนึ่ง จึงยิ้มแห้งๆ แล้วเปิดประตูเดินเข้าไป
เขาไม่ได้ลังเลใจเกี่ยวกับเฉินซินอย่างที่ผู้อาวุโสกล่าว แต่เป็นเพราะเป่ยหลิงผู้มีบุญคุณต่อตน เขาไม่ทราบว่าควรจะอธิบายอย่างไรดี ผ่านมานานหลายปีแล้ว อีกฝ่ายยังคงเย็นชาเช่นเดิม
“ช่างมัน….” ซูหมิงถอนหายใจเบาๆ ช่วงที่เปิดประตูเข้าไป พบว่าเฉินซินกำลังเลือกสมุนไพรอยู่ ข้างกายนางเป็นเงาคนท่าทางองอาจสง่างาม กำลังขมวดคิ้วมองมาที่ตนด้วยสายตาเย็นชา
ซูหมิงสบตากับอีกฝ่าย ก่อนเดินไปยังชั้นวางด้านข้างโดยไม่สนใจคนทั้งสอง แล้วจึงเริ่มมองหาสมุนไพรสำหรับการหลอมโอสถวิญญาณผาตามลักษณะในความทรงจำ
เฉินซินเห็นซูหมิงเช่นเดียวกัน ในใจอยากกล่าวอะไรบางอย่าง ทว่าลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ไม่กล่าวออกมา นางเติบโตขึ้นและได้เข้าใจอะไรหลายอย่าง หลังทราบถึงเรื่องตนกับเป่ยหลิง ความผูกพันในช่วงวัยเด็กของตนกับซูหมิงก็ค่อยๆ จางหายไป
“ว่านไขกระดูกราตรี….”
“ดอกพันใบ…” ซูหมิงเดินอย่างช้าๆ ในห้องเล็ก กวาดสายตามองสมุนไพรล้ำค่าเหล่านั้น จนท้ายที่สุดก็ได้สมุนไพรสำหรับการหลอมโอสถวิญญาณผามาสองต้น
“น่าเสียดายไม่มีชนิดสุดท้าย…” ซูหมิงตกอยู่ในห้วงความคิด เดินสำรวจสมุนไพรทั้งหมดในห้อง
ยามนี้เฉินซินและเป่ยหลิงเลือกสมุนไพรเสร็จพอดี นางจึงกล่าวลากับซูหมิง ก่อนเป่ยหลิงจะจูงมือนางเดินออกไป ขณะนั้นเอง เขาพลันชะงักฝีเท้า กล่าวขึ้นเรียบๆ โดยไม่หันกลับมามองว่า
“ไม่มีกายหมาน สมุนไพรพวกนี้ไม่มีประโยชน์กับเจ้า! ใช้มันสิ้นเปลืองเช่นนี้ สู้เก็บไว้ให้ผู้อื่นไม่ดีกว่ารึ หัดทำตัวให้ดีเสียบ้าง” กล่าวจบ เป่ยหลิงก็พาเฉินซินจากไป
ซูหมิงเงียบขรึมไม่กล่าวใดๆ เงยหน้าขึ้นมองเงาทั้งสองเดินจากไป ก่อนเริ่มมองหาสมุนไพรในห้องเล็กอีกรอบ เมื่อได้สมุนไพรที่ต้องการทั้งสองชนิดแล้วจึงเดินออกจากห้องเล็ก
สำหรับสมุนไพรที่ซูหมิงหยิบมา ผู้อาวุโสหน้าห้องไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย แต่เขากลับมองซูหมิงด้วยท่าทีสนใจ
“ท่านปู่หนานซง…ไม่ใช่อย่างที่ท่านคิด…..” ซูหมิงถูจมูก
“ข้าคิดอะไร? ข้ายังไม่ได้พูดถึงความสัมพันธ์ซับซ้อนระหว่างเจ้ากับลาซูน้อยสองคนนั้นเลย ข้าเปล่านะ” ผู้อาวุโสหัวเราะเสียงดัง
ซูหมิงหน้าแดง รู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย ทว่าทันใดนั้นในหัวพลันสว่างวาบ เขานั่งยองลงมองผู้อาวุโส
“ท่านปู่หนานซง ท่านเคยเห็นสมุนไพรชนิดนี้หรือไม่?” ซูหมิงกล่าว พลางวาดภาพสมุนไพรลงบนพื้น
ผู้อาวุโสอมยิ้ม ก้มหน้ามอง แววตาครุ่นคิด สักประเดี๋ยวเขาก็ตบหน้าผากตัวเอง
“นี่มันใบตาข่ายเมฆามิใช่หรือ สมุนไพรชนิดนี้เผ่าเราไม่มีหรอก มันจะเติบโตในสภาพแวดล้อมที่พิเศษใกล้ แถบนี้มีแค่เผ่าร่องลมเท่านั้นที่มีขาย เจ้าจะเอาไปทำอะไรรึ?”
“ข้าเคยเห็นในตำราของท่านปู่ แต่ข้าหาบนเขาทมิฬอยู่นานแล้วก็ยังไม่พบ ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง” สีหน้าซูหมิงกระจ่างแจ้ง
“ย่อมไม่มีแน่นอน มันเป็นสมุนไพรสำหรับการฝึกฝนขั้นรวมโลหิตที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว หากซื้อจากเผ่าร่องลมราคาจะสูงมาก แต่หากเจ้าอยากได้จริงๆ ก็ให้ท่านปู่ของเจ้าพาไปตลาดนอกเผ่าร่องลมเสีย ที่นั่นมีการซื้อขายแลกเปลี่ยนสมุนไพรหลากชนิดอยู่เป็นประจำ” ผู้อาวุโสส่ายหน้ายิ้ม
ซูหมิงใจสั่น หลังจากถามอีกหลายคำถามแล้ว จึงยันกายขึ้นกล่าวลาผู้อาวุโส ก่อนเดินออกไปท่ามกลางสายตาหยอกล้อเรื่องก่อนหน้านี้ของผู้สูงวัย
ซูหมิงเดินออกจากเรือนเก็บสมุนไพรพร้อมเรื่องในใจ ย่ำพื้นหิมะไปในชนเผ่า
“ใบตาข่ายเมฆา….วัตถุดิบชนิดอื่นข้าเก็บมันเองได้ มีแต่ใบตาข่ายเมฆาเท่านั้น….ท่านปู่หนานซงบอกว่ามันแพงมากด้วย…เฮ้อ” ซูหมิงขมวดคิ้ว คลำไปตามลำตัว นอกจากเหรียญหินที่เก็บได้จากอวี้ฉื่อเล็กน้อยแล้ว ตัวเขาไม่มีเงินอยู่เลย
ในชนเผ่าส่วนใหญ่จะแลกเปลี่ยนสิ่งของกัน น้อยมากที่จะใช้เงิน ทว่าหากออกไปยังโลกภายนอกแล้ว จำเป็นต้องใช้เหรียญหินเป็นสิ่งของแลกเปลี่ยน
เหรียญหินเป็นเหรียญที่สร้างขึ้นจากหินพิเศษ มีเพียงเผ่าใหญ่เท่านั้นที่ผลิตมันขึ้นมาได้ หากใครผลิตโดยพลการ จะต้องพบกับภัยพิบัติทำลายล้างชนเผ่าจากเผ่าใหญ่ที่ปกครองในเขตนั้นๆ
หลังจากค้นทั้งตัวแล้ว ซูหมิงมีเหรียญหินเพียงสามเหรียญเท่านั้น ล้วนได้มาจากอวี้ฉื่อที่ตายตกไปทั้งสิ้น ส่วนของซูหมิงเอง ไม่มีแม้แต่เหรียญเดียว
“ไม่มีเงินแล้วจะไปซื้อของได้อย่างไร…หากมีสักร้อยเหรียญ…พันเหรียญคงจะดี….ส่วนตลาดนั่นเหมือนจะเคยได้ยินท่านปู่พูดถึงที่ตั้งคร่าวๆ หลังจากคนในเผ่ากลายเป็นนักรบหมานแล้วมักจะชอบรวมกลุ่มกันไปที่นั่น ห่างจากตรงนี้ไม่ถือว่าไกลมากนัก….” ซูหมิงยิ้มเจื่อน เริ่มปวดศีรษะ