ตอนที่ 97 คนทรยศคือเขา!
สิบเอ็ดคน!
จากในป่าทึบมีเงาคนพุ่งออกมาสิบเอ็ดคน หนึ่งในนั้นมีจ้าวเผ่าภูผาดำเป็นผู้นำ กำลังห้อเหยียด นอกจากนั้นยังมีชายฉกรรจ์เสื้อคลุมดำสีหน้าแข็งกระด้าง เห็นได้ชัดว่ารอยแยกและม่านแสงก่อนหน้านี้ รวมถึงเคล็ดวิชาหมานของหนานซง ไม่ได้ส่งผลอะไรมาก
สีหน้าของพวกเขาดูเหนื่อยล้า ไม่ได้ส่งเสียงร้องฮึกเหิมอย่างก่อนหน้านี้ สงครามระหว่างทั้งสองเผ่า ล้มตายกันไปจำนวนมาก ไม่ใช่เพียงแค่เผ่าเขาทมิฬ ที่มากกว่าคือเผ่าภูผาดำ
ผู้นำกองรักษาการณ์ ผู้นำกลุ่มล่าสัตว์ และผู้นำอื่นๆ แห่งเผ่าภูผาดำล้วนตายตก ที่สำคัญกว่าคือ ปี้ซู่โอรสแห่งสวรรค์ของพวกเขายังตาย!
นักรบหมานบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก สร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับเผ่าภูผาดำ หากไม่ใช่ว่ามีชายฉกรรจ์เสื้อคลุมดำอยู่ รวมถึงชาวเผ่าที่ปี้ถูใช้วิชาหมานชั่วร้ายเพื่อฝืนทะลวงขั้นพลังให้ เกรงว่าครั้งนี้คงยากจะสำเร็จ
เผ่าภูผาดำไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเผ่าเขาทมิฬจะอึดถึงขนาดนี้ ทำให้พวกเขาต้องยอมแลกกับความย่อยยับ บางทีในจุดนี้ แม้แต่จ้าวหมานปี้ถูยังคาดไม่ถึง
เขาถูกท่านปู่โม่ซังตรึงเอาไว้ ตัวเขาเป็นขั้นชำระล้าง แต่กลับทำอะไรไม่ได้มากในสงคราม หากย้อนเวลาได้ หากพวกเขาเผ่าภูผาดำทราบว่าจะเป็นเช่นนี้แต่แรก บางที…พวกเขาอาจจะไม่เปิดสงครามทันที แต่อาจจะเตรียมตัวอีกสักระยะ
สงครามครั้งนี้ แม้ว่าเผ่าภูผาดำเป็นฝ่ายชนะ ทว่าก็เสียหายอย่างหนักหนาสาหัส และที่สำคัญกว่าคือ หากปล่อยให้ชาวเผ่าเขาทมิฬไปถึงเผ่าร่องลมได้ เช่นนั้นเผ่าภูผาดำคงต้องตายเปล่า ไม่ได้อะไรจากสงครามแม้แต่น้อย
นักรบภูผาดำที่กำลังตรงเข้ามาเหล่านี้ นอกจากชายฉกรรจ์เสื้อคลุมดำแล้ว ทุกคนล้วนนึกเสียใจภายหลัง ทว่ายามนี้ทำสงครามกันมาถึงขนาดนี้แล้ว อีกทั้งยังไม่มีทางเลือก จึงได้แต่ยืนหยัดต่อไป โดยเฉพาะการตายของปี้ซู่ ทำให้จ้าวเผ่าภูผาดำต้องสังหารซูหมิงให้ได้
ซูหมิงมองสิบเอ็ดคนที่กำลังตรงเข้ามา สีหน้าเรียบเฉย แววตาเย็นชา มือขวากำหอกเกล็ดโลหิตเอาไว้แน่นพร้อมกับยืนขึ้น
หนานซง ซานเหิน เงียบขรึม เพียงแต่เผยจิตสังหาร
มีเพียงเหลยเฉินที่ยังไม่ขยับ ทว่าแววตาของเขากลับมีความบ้าคลั่งและจิตสังหารเช่นเดียวกัน
แทบจะเป็นช่วงที่นักรบภูผาดำสิบเอ็ดคนเข้ามาใกล้ในระยะหนึ่งร้อยจั้ง
หนานซงพลันก้าวไปเบื้องหน้า เปล่งแสงโลหิตสว่างจ้าจากในตัว ทว่ายังคงเชื่อมกับเหลยเฉินด้านหลังตลอดเวลา อีกทั้งแสงโลหิตในตัวเหลยเฉินยังเข้มข้นมากขึ้น ราวกับก่อขึ้นเป็นม่านโลหิต
หนานซงแผดเสียงร้อง เสื้อท่อนบนระเบิดกระจาย ใบหน้าแก่ชราราวกับหวนคืนสู่วัยหนุ่มในชั่วพริบตา โดยเฉพาะแขนทั้งสองข้าง กล้ามเนื้อปูดโปนขึ้น พลันกดลงบนพื้นพร้อมกับร้องลั่น ใต้ฝ่าเท้าสิบเอ็ดคนเบื้องหน้าปรากฏหลุมน้ำวนใหญ่ยักษ์ ภายในเต็มไปด้วยโคลน อีกทั้งยังมีมือโคลนยื่นออกมาจำนวนมาก จับขาของพวกเขาเอาไว้
หนานซงพุ่งทะยานไปเบื้องหน้า ด้านหลังของเขาเป็นซูหมิงที่กำลังห้อเหยียดด้วยความเร็วสูงสุด
ซานเหินนัยน์ตาฉายแววสับสนและจิตสังหาร เขายกมือขวาขึ้น พลันปรากฏดาบกระดูกจันทร์เสี้ยวในมือ เคลื่อนตัวลอยขึ้นอย่างรวดเร็วประดุจภูติผี
ส่วนเหลยเฉินยามนี้ตัวสั่นเทา ใบหน้าของเขาราวกับแก่ชราในพริบตา ราวกับถูกสูบไปเล็กน้อย
โคลนน้ำวนบนผืนดินยับยั้งเผ่าภูผาดำได้มากกว่าครึ่ง ทว่าก็ไม่เป็นผลกับชายฉกรรจ์เสื้อคลุมดำ เขาเหยียบเท้าขวาลงบนพื้น โคลนน้ำวนพลันระเบิดกระจายไปจำนวนมาก ก่อนพุ่งตรงเข้าหาหนานซง
สงครามโลหิตได้เริ่มขึ้นแล้ว
ซูหมิงยังคงเงียบงัน ไม่สนใจชายฉกรรจ์เสื้อคลุมดำ และไม่เลือกจ้าวเผ่าภูผาดำ แต่กระโดดไปทางอีกเก้าคนที่เหลือ ขั้นพลังสูงสุดของทั้งเก้าคนนี้คือลำดับเจ็ดขั้นรวมโลหิต ส่วนใหญ่จะอยู่ประมาณลำดับหก ด้วยความเร็วของซูหมิง ขอแค่ซานเหินตรึงจ้าวเผ่าภูผาดำเอาไว้ได้ มันก็มีเวลามากพอที่เขาจะสังหารได้ทั้งหมด
เงาซานเหินดูพิลึก พลันเข้าประชิดตัว และคนที่เขาเลือกคือจ้าวเผ่าภูผาดำ ทั้งสองปะทะเข้าใส่กัน ส่งเสียงระเบิดดังก้อง เปิดฉากเข่นฆ่าโรมรัน
ซูหมิงเคลื่อนตัวด้วยความเร็วสูง เขาเมินเฉยต่อความเจ็บปวดของร่างกาย ภายใต้จันทร์เต็มดวงบนท้องฟ้า ทั้งตัวเขาราวกับถูกแสงจันทร์โอบล้อม ในแววตาเผยเงาจันทร์โลหิตชัดเจน พริบตาเดียวก็เข้าถึงตัวหนึ่งในนักรบภูผาดำ หอกยาวในมือส่งเสียงลากยาว หลังจากพุ่งทะยานสวนกับนักรบคนนั้น บนตัวมีบาดแผลลึกหลายจุด ทว่าคนที่วิ่งตัดสลับกับเขา ศีรษะกระเด็น โลหิตอาบไปทั่ว
ซูหมิงเหยียบลงบนพื้น หายใจกระชั้นถี่ ทว่าเขาไม่หยุดเพียงเท่านี้ พลันพุ่งทะยานไปเบื้องหน้า แสงจันทร์โอบล้อมรอบกาย หลั่งไหลเข้าไปในบาดแผลเพื่อรักษา ทำให้เขายังยืนหยัดต่อไปในสภาพนี้ได้ เขาทะยานร่างเข้าหานักรบภูผาดำอีกแปดคนที่เหลือ มีห้าคนใกล้เข้ามา ส่วนอีกสามคนอ้อมซูหมิงอย่างรวดเร็ว ราวกับอยากตามล่าขบวนอพยพต่อ
เห็นเงาสามคนทะยานออกห่างไปไกล นักรบภูผาดำทั้งห้าบีบเข้ามาจากรอบตัวซูหมิงอย่างรวดเร็ว เขากระโดดลอยขึ้นอย่างไม่ลังเล ก่อนปาหอกลงพื้น เหตุที่เขาไม่ปาออกไปด้านนอก นั่นก็เพราะว่าต่อให้ปาถึงคนทั้งสาม อย่างมากก็สังหารได้เพียงหนึ่งคนเท่านั้น
หอกยาวพลันเปล่งแสงโลหิตสว่างจ้า กลายเป็นอินทรีโลหิตตัวใหญ่ เสียงครึกโครมดังขึ้นเบื้องล่างซูหมิง เกิดเป็นคลื่นลมและแรงกระแทก ทำให้คนทั้งห้าพลันชะงัก ซูหมิงอาศัยแรงกระแทกนี้ ปล่อยหอกเกล็ดโลหิตในมือ ก่อนพุ่งทะยานเข้าใส่คนทั้งสามที่กำลังวิ่งห้อไกลออกไป
ด้วยความเร็วของเขา รวมถึงแสงสีแดงจากเส้นเลือดสองร้อยสี่สิบสามเส้น ทำให้ตัวเขาเหมือนกับดาวตกสีแดง พุ่งตรงเข้าประชิดคนทั้งสาม พวกเขาเองก็ไม่ธรรมดา ทิ้งหนึ่งคนขวางเอาไว้ อีกสองคนที่เหลือขยับแสงโลหิตรอบตัว ความเร็วจึงเพิ่มมากขึ้น พลังโลหิตมหาศาลใต้แสงโลหิต สำแดงพลังของจุดสูงสุดลำดับหกขั้นรวมโลหิต
ส่วนคนที่ขวางไม่รู้ว่าใช้วิธีแบบใดถึงปกปิดขั้นพลังได้ อีกทั้งการต่อสู้ยังรวดเร็วมาก ซูหมิงจึงไม่สังเกตเห็น พบว่าอีกฝ่ายเปล่งแสงโลหิตวูบวาบ ระเบิดพลังโลหิตลำดับเจ็ดขั้นรวมโลหิต สีหน้าของเขาดูบ้าคลั่ง คิดจะตรึงซูหมิงเอาไว้
ทันใดนั้น เส้นเลือดของเขาพองบวมอย่างรวดเร็ว ตั้งใจจะระเบิดเส้นเลือดตัวเอง!
การระเบิดครั้งนี้ได้ผลคุ้มค่า ซูหมิงอยู่ใกล้ อีกทั้งยังเหนื่อยล้าและมีบาดแผล ฉะนั้นจึงไม่มีทางต้านทานได้ หากเขาถอยแล้วปล่อยให้อีกสองคนละสายตา จะต้องเป็นอันตรายต่อขบวนอพยพอย่างแน่นอน
แทบจะเป็นช่วงที่ชายฉกรรจ์ขวางหน้าซูหมิงเลือกระเบิดเส้นเลือดตัวเอง บาดแผลบนร่างกายของเขาฉีกอีกครั้ง มีโลหิตหลั่งไหล
“ไม่ใช่แค่เผ่าเขาทมิฬของเจ้าที่ระเบิดตัวเองได้ เผ่าภูผาดำของข้าก็ทำได้เช่นกัน!” ชายฉกรรจ์แผดเสียงคำราม แสยะยิ้มมองซูหมิง แววตาซูหมิงเป็นประกายวาววับ เขาไม่ถอย แต่กลับเร่งความเร็วขึ้น
ในช่วงที่เข้าประชิดชายฉกรรจ์ เส้นเลือดพองบวมใกล้ระเบิด ซูหมิงพลันปล่อยมือซ้ายที่กำตลอด สะบัดเข้าใส่บาดแผลบนตัวชายฉกรรจ์
ผงสีแดงลอยเข้ามา พริบตาเดียวก็ตกใส่บาดแผลบนตัวชายฉกรรจ์ เขาพลันตัวสั่นสะท้าน เบิกตากว้าง ในขณะที่เส้นเลือดในกายกำลังระเบิด โลหิตทั่วร่างพลันแผดเผา เมื่อซูหมิงเคลื่อนผ่านตัวเขา ทั้งตัวกลายเป็นกลุ่มหมอกสีแดงลอยขึ้นฟ้าทันที ภาพดังกล่าวอยู่ในสายตาของคนทั้งสองเบื้องหน้า แววตาพวกเขาตื่นกลัว พลันรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว
“หมานชั่วร้าย!”
“มันเป็นหมานชั่วร้าย!”
เสียงร้องตกใจพลันดังขึ้นในสนามรบ แม้แต่หนานซงกับซานเหินยังได้ยิน
จ้าวเผ่าภูผาดำที่กำลังประมือกับซานเหินสีหน้าเปลี่ยน ดูตื่นตะลึง กระทั่งชายฉกรรจ์เสื้อคลุมดำสีหน้าแข็งกระด้างยังเหม่อมองไป ทว่าไม่นานแววตาเขาพลันฉายประกายแสงเด่นชัด ราวกับพบอะไรบางอย่าง ทว่าเขากำลังต่อสู้กับหนานซง จังหวะที่เหม่อ จึงเปิดโอกาสให้กับอีกฝ่าย
เสียงระเบิดพลันดังขึ้น ซูหมิงไม่หยุดเพียงเท่านี้ เขาตรงเข้าหาอีกสองคนที่กำลังตื่นตะลึงกับเหตุการณ์เมื่อครู่ พวกเขาขบกราม แล้วแยกเป็นสองทางทันที
ทว่าซูหมิงกลับพ่นโลหิตมาหนึ่งกองในทันที โลหิตหนึ่งหยดพลันกลายเป็นหมอก แผ่ขยายเข้าหาคนทางซ้าย
ภายในหมอกเลือดแฝงไว้ด้วยพลังโลหิตมหาศาลของซูหมิง เป็นการสำแดงเคล็ดวิชาธุลีโลหิตดำของเขา ในขณะเดียวกัน ตัวเขาก็ทะยานเข้าหาคนทางขวา และเปิดศึกต่อสู้กับนักรบภูผาดำคนนั้น
ผ่านไปชั่วครู่ บนตัวซูหมิงเต็มไปด้วยบาดแผล เขาหอบหายใจแรง แสงโลหิตอาบไปทั้งตัว จันทร์โลหิตในแววตาขยับวูบวาบ ก่อนห้อเหยียดไปทางจุดที่ทุกคนกำลังต่อสู้ ด้านหลังของเขา ทางซ้ายและขวามีศพเป็นแผลเหวอะหวะนอนแน่นิ่งอยู่สองคน
สนามรบในยามนี้ เหลือเผ่าภูผาดำเพียงเจ็ดคน!
นอกจากชายฉกรรจ์เสื้อคลุมดำและจ้าวเผ่าภูผาดำแล้ว อีกห้าคนที่เหลือล้วนตื่นตะลึงในการสังหารของซูหมิง รวมถึงความน่ากลัวของหมานชั่วร้ายในความคิดของพวกเขา จึงมองหน้าสลับกันไปมา เกิดความคิดจะล่าถอยอย่างที่พบเห็นได้ยาก
แต่ทันใดนั้น ซานเหินที่กำลังประมือกับจ้าวเผ่าภูผาดำกระอักโลหิต กระเด็นถอยออกไป เขาโดนหมัดของจ้าวเผ่าภูผาดำอัดจนบาดเจ็บสาหัส ร่างถูกโยนไปทางหนานซง ใบหน้าจ้าวเผ่าภูผาดำอัดแน่นไปด้วยจิตสังหาร
ด้านหลังมีหมีโลหิตก่อรูปขึ้น แผดเสียงคำรามแล้วพลันไล่ตามไป สะบัดมือใหญ่ที่ก่อรูปจากหมอกโลหิตเข้าใส่ซานเหิน
เห็นมือใหญ่กำลังตะปบซานเหิน หนานซงที่อยู่ใกล้ที่สุดเปลี่ยนสีหน้า กระโดดเข้ามาดึงซานเหินอย่างไม่ลังเล พร้อมกับปล่อยหมัดเข้าใส่กรงเล็บหมีโลหิต เสียงโครมดังสนั่น หนานซงกระเด็นถอยไป
“กลับไปรักษาบาดแผล เจ้าพวกนี้ ข้าเอง…” หนานซงกล่าวอย่างรวดเร็ว แต่กลับตัวสั่นสะท้านในฉับพลัน โลหิตไหลมาจากมุมปาก ร่างแห้งเหี่ยวลงอย่างรวดเร็ว สีหน้าเผยความเศร้าโศก จากนั้นพลันใช้ฝ่ามือตบไปทางซานเหิน
ในช่วงที่หนานซงช่วยเขา ซานเหินก้มหน้าลง ใช้ดาบโค้งตรงมือขวาตัดเส้นเลือดระหว่างเหลยเฉินกับหนานซง ไม่รู้เขาใช้วิธีแบบใด พอตัดเส้นเลือดจนขาดสะบั้นแล้ว จึงใช้ดาบแทงลึกเข้าไปในตัวผู้เฒ่า