Skip to content

สู่วิถีอสุรา 125

ตอนที่ 125 เหอเฟิง แซ่สวี่มาแล้ว!

‘ไม่อยากเชื่อว่าเหอเฟิงผู้นี้จะชั่วช้าเพียงนี้! แต่เขามั่นใจได้อย่างไรว่าข้าจะช่วยเขาได้? ข้ากับเขาเพียงเห็นหน้ากันครั้งเดียวก็คือตอนอยู่ในโรงเตี๊ยมกลางดึก’

‘แล้วเขารู้ได้อย่างไรว่าข้าอยู่ในป่าฝน หลังจากหนีมาถึงที่นี่แล้วเดาได้แม่นมากว่า ด้วยนิสัยของเสวียนหลุน จะต้องล่อให้ข้าออกมาได้อย่างแน่นอน’

‘และเขายังมั่นใจว่าข้าจะไม่เข้าไปพัวพัน หากไม่เลือกอยู่เฉยๆ ก็จะหนีไป ฉะนั้นเมื่อเขาเห็นว่าข้ากำลังหนีจึงออกปาก!’

‘หากบอกว่านี่เป็นเพียงเรื่องบังเอิญก็ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ ทว่าความบังเอิญเช่นนี้ มันเหมือนจริงเกินไปหน่อย!’

‘เขาใช้ข้าเพื่อหันเหความสนใจของเสวียนหลุน เขามั่นใจว่าข้าจะต้านทานได้ และมองออกว่าข้ามีเพียงสองทางเลือก หนึ่งคือทำลายใบหน้าอสูรที่กำลังตรงเข้ามาแล้วร่วมมือกับเขาต่อสู้กับเสวียนหลุน เพื่อปกป้องตัวเองและหลีกหนีปัญญาในภายภาคหน้า อีกทั้งต่อให้ข้าแสดงความบริสุทธิ์ใจเข้าไปช่วยเสวียนหลุน เหอเฟิงคนนี้ก็มีไพ่ตายสุดท้าย อาจถึงจุดที่เรียกว่าเหี้ยมโหดของเขา

ทางเลือกสองคือกำราบใบหน้าอสูรแล้วหนีไปอย่างเร่งรีบ หากเป็นเช่นนี้ ก็จะเป็นการยืนยันคำพูดของเขาก่อนหน้านี้ สร้างหายนะใหญ่หลวงให้แก่ตัวเอง อีกทั้งอาจหันเหความสนใจของเสวียนหลุน กระทั่งบางทีเหอเฟิงอาจมีวิธีเปลี่ยนความคิดของเสวียนหลุนให้มาล่าสังหารข้า

รวมถึงเรื่องที่เหอเฟิงพลันปรากฏตัวในป่าฝน ทำให้ข้ารับมือไม่ทัน แสดงพลังวิญญาณค้างคาวจันทราเพื่อหลบหลีกดัชนีของเสวียนหลุน ด้วยอานุภาพพลังนี้ แม้ข้าจะหลบได้ ทว่ามันกลับผลักให้ข้าเข้าไปในแผนการชั่วร้ายของเหอเฟิง เมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อให้ข้าแสร้งตาย เสวียนหลุนก็ไม่มีทางเชื่อ’

‘นี่มันกระดานหมากแห่งความตาย! เหอเฟิง ข้ากับเจ้าไม่มีความแค้นต่อกัน แต่เจ้ากลับทำร้ายข้าเพื่อปกป้องตัวเอง! มิน่าท่านปู่ถึงได้บอกข้าเสมอว่าจิตใจมนุษย์เหี้ยมโหด!’

เป็นครั้งแรกที่ซูหมิงสัมผัสถึงจุดนี้ได้อย่างลึกซึ้ง เดิมทีเขาคิดว่าแค่ตนไม่แสดงเจตนาร้าย ก็จะหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ได้ ทำให้ตัวเองปลอดภัย ทว่ายามนี้ เหอเฟิงกลับใช้การกระทำบอกซูหมิงว่า บางเรื่องต่อให้ไม่แสดงเจตนาร้าย ต่อให้ไม่รู้จักกันก็สร้างหายนะแห่งความตายได้จากสาเหตุอื่น

เทียบกับเหอเฟิง ซูหมิงยังนับว่าอ่อนหัด แม้มีแผนการอยู่บ้าง ทว่าก็ผ่านประสบการณ์เพียงหายนะของชนเผ่าและการทรยศของซานเหิน ยังไม่เคยพบเจอความชั่วร้ายของจิตใจมนุษย์ ความจริงแล้วก่อนหน้านี้เขายังเคยเห็นใจเหอเฟิง

‘ทั้งหมดเป็นเพราะข้าอ่อนแอเกินไป หากข้าแข็งแกร่ง เหอเฟิงจะกล้าใช้วิธีชั่วช้าอย่างนี้หรือ!’ ความคิดดังกล่าวแล่นผ่านสมองขณะใบหน้าอสูรเข้าใกล้ ในช่วงเวลาเป็นตายนี้ ซูหมิงถูกบีบให้ต้องใช้ความคิดทุกอย่าง นี่ไม่เกี่ยวกับขั้นพลัง การแก้ไขจำเป็นต้องใช้ไหวพริบของเขา

‘สู้ แพ้ก็ถูกใช้ประโยชน์ หนี หนีไม่รอดก็ถูกล่าสังหาร…สู้จนตัวตาย เว้นแต่จะตายจริงๆ มิเช่นนั้นแล้วคงไม่มีใครเชื่อ…..เหอเฟิง สามทางเลือกนี้เจ้าปิดข้าจนมิด เช่นนั้นข้าซูหมิงจะเปิดทางเลือกที่สี่!’ แววตาซูหมิงเป็นประกาย แทบจะเป็นช่วงที่ใบหน้าอสูรแผดเสียงคำรามตรงเข้ามา ซูหมิงพลันยกมือขวาขึ้น ในมือเขาปรากฏดาบกระดูก

เขาไม่ถอยแต่ก้าวยาวไปเบื้องหน้า เมื่อเหยียบเท้าลง ดวงจันทร์บนท้องฟ้าราวกับสว่างจ้า แสงจันทร์อาบไปทั้งตัวซูหมิง พลันกลายเป็นเปลวเพลิงลุกแผดเผาทั้งตัวดุจทะเลเพลิง

หนึ่งดาบพลันตรงเข้าใส่ใบหน้าอสูร ในช่วงที่ลงดาบมีวิญญาณค้างคาวจันทราปรากฏขึ้นรอบตัวซูหมิง ทำให้ร่างกายของเขาเหยียบอากาศลอยขึ้น ไม่มีผู้ใดเห็นได้ว่าใต้ฝ่าเท้าเขาในยามนี้มีวิญญาณค้างคาวจันทรา รอบตัวเขาก็เช่นกัน

ดาบของเขาปะทะกับหมอกใบหน้าอสูรเกิดเป็นเสียงดังสนั่น ซูหมิงกระอักเลือด ร่างโซเซถอยหลัง ดาบกระดูกในมือแตกกระจายเป็นเศษจำนวนมาก วิญญาณค้างคาวจันทรารอบตัวเขาเหล่านั้นล้วนสั่นสะท้าน ไม่ได้หายไป เพียงแต่เข้ามาโอบล้อมซูหมิงอีกครั้ง

ในช่วงที่ซูหมิงกระอักเลือดถอยหลัง ใบหน้าอสูรแผดเสียงร้องแสบหู ประดุจถูกลมพายุคลั่งฉีกแยกแตกกระจายเป็นชิ้น ก่อนกลายเป็นเส้นหมอกกระจัดกระจาย

“สหายเหอเฟิงรีบหนีเร็ว ก่อนหน้านี้แซ่สวี่ละอายใจ ตอนนี้ได้สติแล้ว จะถ่วงเสวียนหลุนให้อย่างสุดชีวิต!” ซูหมิงกล่าวจบพลันพุ่งทะยานไปเบื้องหน้า ค้างคาวจันทราอยู่รอบตัวเขาตรงเข้าสู่สนามรบในส่วนลึกของป่าฝน

เหอเฟิงที่กำลังเข่นฆ่ากับเสวียนหลุนได้ยินดังนั้นจึงขมวดคิ้วขึ้น ทว่ายามนี้อยู่ในวิกฤต เขาไม่มีเวลามาขบคิด กลับพบว่าเสวียนหลุนยิ้มเยาะ ไม่รู้แสดงวิชาอะไร หมอกดำรอบตัวเขาพลันแบ่งครึ่งตรงเข้าหาซูหมิง

ภายในหมอกครึ่งหนึ่งมีเสียงคำรามแหลม กลายเป็นเส้นหมอกเหมือนผมคนตายจำนวนมาก แผ่ขยายพร้อมกับพันรอบซูหมิงอยู่ด้านหน้าดุจจะรัดคอสิ้นใจ

เส้นหมอกดังกล่าวเหมือนกับสายฝนรวมตัวกันอย่างหนาแน่น เนื่องด้วยท้องฟ้ามืดมิดจึงทำให้ยากจะมองเห็นอย่างละเอียด เห็นเพียงยามหมอกจำนวนมากกลายเป็นเส้นผมยุ่งเหยิงโอบล้อมผืนฟ้าดิน ก็พลันหดตัวลงเข้าพันรอบซูหมิง ลักษณะของมันคล้ายวิชาหมานเชือกดำของปี้ถูหลายส่วน

เสียงระเบิดพลันดังก้องกังวานหลายครั้ง เส้นหมอกจำนวนมากพลันหดตัวปกคลุมรอบซูหมิง รวมกันอย่างต่อเนื่องจนคล้ายกลายเป็นผมก้อนกลม มันมีขนาดใหญ่หลายจั้ง ด้านบนมีเส้นจำนวนมากพันรอบ ผนึกไว้อย่างหนาแน่น ไม่เผยภายในแม้แต่น้อย ได้ยินเพียงเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดจากข้างใน เสียงนั้นเป็นของซูหมิง

โลหิตหยดมาจากใต้ก้อนกลม แม้มีไม่มากทว่าก็ยังน่าสะพรึง

ภาพดังกล่าวทำให้เหอเฟิงตื่นตระหนก รีบถอยหลังทันที เสวียนหลุนยิ้มเยาะตามเข้ามาติดๆ ชี้มือขวาไปทางก้อนกลมนั้น

“ไม่ว่าเขาจะเป็นสหายของเจ้าหรือไม่ ก็เป็นอาหารของเส้นผมข้าไปแล้ว และ…”

เสวียนหลุนยังไม่ทันกล่าวจบ ก้อนผมค่อยๆ คลายออกตามคำสั่งนิ้วมือของเขา ทว่าสิ่งที่ทำให้เสวียนหลุนตกตะลึงคือ ภายในก้อนผมกลับไม่พบเงาซูหมิง เป็นเพียงความว่างเปล่า มีเพียงโลหิตเล็กน้อย แม้แต่เหอเฟิงยังสับสน

ในช่วงที่ทั้งสองคนเบิ่งตาค้างทำอะไรไม่ถูก ซูหมิงหายไปแล้ว หายไปอย่างไร้ร่องรอย ประดุจลอยไปกับอากาศ เห็นได้ชัดว่าใช้วิธีการพิเศษบางอย่างหลบหนีไป เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน จึงทำให้สนามรบพลันเงียบสงัด

เหอเฟิงสีหน้าเปลี่ยน สูญเสียความสามารถในการตัดสินใจ แต่ต่อมาเขาเผยรอยยิ้มบางที่ยากจะคาดเดา ร่างขยับเคลื่อนไหว กำลังหนีไป เสวียนหลุนในยามนี้โกรธจัด พลันหมุนตัวตรงเข้ามาหาเหอเฟิง

เสียงระเบิดดังกึกก้อง ผ่านไปนานจึงตามมาด้วยเสียงคำรามด้วยความเจ็บปวด เหอเฟิงกระอักเลือด หมอกโลหิตอาบไปทั้งตัว ใบหน้าขาวซีด ตกลงสู่พื้นเหมือนดังคนตาย ในช่วงที่ร่างเขาตกลงสู่พื้น แสงจันทร์รอบตัวเขาพลันขยับวูบวาบ ส่องแสงสว่างจ้าละลานตา ทำให้เสวียนหลุนที่กำลังไล่ตามหรี่ตาลง

ทันใดนั้นกลับพบว่าภายในแสงจันทร์สว่างจ้า ทั้งตัวเหอเฟิงราวกับแผดเผาพลังโลหิต พลันพุ่งทะยานกลายเป็นดวงตะวันส่องสว่างไม่หยุดกลางค่ำคืนมืดมิด ความเร็วของเขาเพิ่มมากขึ้นหลายเท่า เร็วชนิดที่เสวียนหลุนยังตื่นตะลึงหลบหนีไปไกล เสวียนหลุนสีหน้าเปลี่ยน ใช้นิ้วมือกดไปบนตัวหลายครั้งก่อนห้อเหยียดตามไปติดๆ ไม่นานนัก ทั้งสองกลายเป็นสายรุ้งห่างไกลจากเส้นขอบฟ้า หายลับไปจากสายตา

เวลาเคลื่อนไปอย่างเชื่องช้าจนผ่านไปครึ่งชั่วยาม ท่ามกลางความเงียบสงัดโดยรอบ ในป่าฝนที่อบอวลไปด้วยหมอกพิษเบื้องล่าง มีมือข้างหนึ่งยื่นมาจากดินโคลน มือดังกล่าวแห้งเหี่ยวประดุจกรงเล็บคนตาย ตะเกียกตะกายขึ้นมาเป็นเงาคน

เงาคนไม่มีเส้นผม ใบหน้าเว้าลงไปหมด มองดูคล้ายโครงกระดูก ในแววตามืดสลัว หลังจากดิ้นรนปีนขึ้นมาแล้ว ก็ราวกับใช้พละกำลังทั้งหมดเพื่อหอบหายใจ

ขณะหอบมีโลหิตไหลมาจากมุมปากไม่หยุด เลือดเป็นสีดำทั้งยังมีกลิ่นเหม็น

‘เสวียนหลุน เจ้าคงคิดไม่ถึงว่าข้าเหอเฟิงจะเตรียมทางหนีเอาไว้ ข้าเตรียมตัวมาอย่างดีสำหรับการล่าสังหารของเจ้า แม้จะเสียหุ่นตัวแทนที่แม้แต่หานเฟยจื่อยังไม่รู้ ต้องสังเวยชีวิตและเลือดของข้าจำนวนมากก็ตาม ทว่าขอแค่ยังมีชีวิตรอดนั่นก็เพียงพอแล้ว เจ้าจะต้องตายในมือของข้า ท่านพ่อ ท่านแม่และชาวเผ่าทุกคน ข้าจะแก้แค้นให้พวกท่าน!!’ คนร่างแห้งเหี่ยวคือเหอเฟิง เขายังไม่ตาย!

‘น่าเสียดาย ไม่รู้ว่าหนุ่มลึกลับคนนั้นทำอย่างไรถึงหลบหนีไปได้ มิเช่นนั้นแล้วแผนการของข้าคงจะสมบูรณ์กว่านี้ และตัวข้าก็ไม่ต้องมาตกอยู่ในสภาพอ่อนแอเช่นนี้

ต้องฟื้นฟูกลับมาโดยเร็ว ด้วยความเร็วของหุ่นตัวแทนข้า เสวียนหลุนคงจะตามไปอีกหลายวัน เมื่อเขาพบความผิดปกติและหวนกลับมาอีกครั้ง แม้จะมีเวลาไม่มาก แต่ข้าก็ได้รับโชคจากหายนะ ทะลวงขั้นรวมโลหิตแล้ว

วิธีที่หานเฟยจื่อบอกได้ผลจริงๆ หากไม่สนใจเรื่องจำนวนเส้นเลือดที่สมบูรณ์แบบ ไม่ละโมบอยากได้เก้าร้อยห้าสิบเส้นขึ้นไป เช่นนั้นการปะทุพลังภายใต้วิกฤติ เมื่อพ้นจากความตายจะมีโอกาสทะลวงสู่ขั้นชำระล้าง

ยามนี้ขอแค่ขั้นพลังข้าฟื้นฟูกลับมาเล็กน้อย ข้าก็จะเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นชำระล้าง วาดลวดลายหมานของตัวเองได้! มีหานเฟยจื่อคอยช่วย ข้าก็จะมีคุณสมบัติกลายเป็นวงแหวนชั้นนอกของเผ่าสิบหกวิญญาณลับ’ เหอเฟิงสูดลมหายใจเข้าลึก ยามนี้เขาขยับร่างกายมากไม่ได้ แทบจะอ่อนแอถึงขีดสุด หากไม่ใช่เพราะการฟื้นฟูพลังใต้ดินทำได้เชื่องช้า อีกทั้งยังกลัวเสวียนหลุนกลับมาพบ เขาคงไม่ดิ้นรนออกมา ยามนี้ทำได้เพียงเอนกายนอน ค่อยๆ รักษาอาการบาดเจ็บ

‘ข้าต้องการเพียงสามวัน!’ เหอเฟิงยกมือขึ้นอย่างยากลำบาก ค่อยๆ ล้วงเข้าไปในอกเสื้อ ในนั้นมีลำแสงขยับประกาย มือเขาหยิบขวดเล็กออกมา มันเป็นสีขาวทุกส่วน แทบโปร่งใส เห็นได้ชัดว่าภายในมีของเหลวอยู่เล็กน้อย

ขณะกำลังใช้ฟันเปิดจุดขวด ร่างกายเหอเฟิงพลันแข็งค้างขนลุกไปทั้งตัว ภัยอันตรายร้ายแรงพลันตรงเข้ามา สิ่งที่ตามมาคือน้ำเสียงเย็นชาประดุจลมหนาว

“เหอเฟิง แซ่สวี่มาแล้ว มาเอาของที่เจ้าว่าจะตอบแทน”

จิตใจเหอเฟิงสั่นสะท้าน เขาเห็นเงาคนค่อยๆ เดินมาจากในป่าฝนไม่ไกลนัก เงาคนดังกล่าวแฝงไว้ด้วยความหนาวเหน็บประดุจน้ำแข็งที่ไม่มีวันละลาย แรงกดดันแผ่ขยายพร้อมกับการมาเยือนของอีกฝ่าย

เขาคือซูหมิง!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!