Skip to content

สู่วิถีอสุรา 127

ตอนที่ 127 ความลับเมืองเขาหาน

ต้องลงมืออย่างรวดเร็ว เหอเฟิงมีเพียงโอกาสเดียวเท่านั้น คำพูดของซูหมิงจุดชนวนในจิตใจ ทำให้เขาไม่มั่นใจว่าอีกฝ่ายแค่ลองเชิงหรือว่าทราบจริงๆ ทว่ายามนี้ไม่มีเวลาขบคิดมากนักจึงชิงลงมือก่อน

แสงอ่อนจากในร่างของเขาเตรียมพร้อมแล้ว ยามนี้ปล่อยออกมา หากซูหมิงตกหลุมพรางหันกลับไปมอง เช่นนั้นก็ยากจะหลบได้

ทว่าเหอเฟิงประเมินซูหมิงต่ำไป!

ซูหมิงไม่หันกลับไปมองแม้แต่น้อย ในช่วงที่เหอเฟิงลงมือ แสงจันทร์รอบตัวเขาพลันก่อขึ้นเป็นม่านแสงเบื้องหน้า อีกทั้งวิญญาณค้างคาวจันทรารอบตัวยังปกคลุมเขาเอาไว้ข้างใน

กลุ่มแสงอ่อนปะทะกับม่านแสงจันทร์จนขยับแสงวูบวาบอย่างรุนแรง ความเร็วของมันช้าไปเล็กน้อย ทว่าแสงอ่อนเป็นการจู่โจมสวนกลับก่อนตายของเหอเฟิง โดยเฉพาะยามนี้เขาทะลวงสู่ขั้นชำระล้าง แม้ร่างกายอ่อนแอยิ่งนัก อานุภาพในการโจมตีครั้งสุดท้ายกลับแข็งแกร่ง

ม่านแสงแตกกระจาย แสงอ่อนทะลวงผ่านกระทบร่างซูหมิง ทว่าที่แปลกคือมันทะลวงผ่านร่างซูหมิงเข้าไปตกในป่าฝนห่างไกล ไม่มีเสียงดังขึ้น มีเพียงฝุ่นฟุ้งกระจายในระยะสิบจั้ง ประดุจลอยหายไปกับอากาศ

ยามนี้ตัวซูหมิงที่ถูกแสงอ่อนทะลวงผ่านกลับหย่อนยวบ ข้างตัวเขาปรากฏซูหมิงอีกคน ร่างปลอมเมื่อครู่พลันหายไป

ทุกอย่างเกิดขึ้นในช่วงเสี้ยววินาที ย่อมทำให้เกิดเป็นภาพลวงตา

“สิ่งที่ข้าถนัดมากที่สุดคือความเร็ว” ซูหมิงกล่าวช้าๆ มองใบหน้าเหลือเชื่อของเหอเฟิง เดินเข้าไปทีละก้าว เมื่อครู่เขาใช้การเตรียมตัวก่อนล่วงหน้า อาศัยม่านแสงจันทร์มาเป็นตัวขัดขวางเพื่อหลบแสงอ่อนได้อย่างสมบูรณ์

เหอเฟิงเงียบขรึม จ้องซูหมิงเขม็ง ยามนี้เขาสิ้นหวังไปแล้วจึงไม่ปิดบังอีก นัยน์ตาค่อยๆ ฉายแววเด็ดขาดและดุร้าย

“ในเมื่อเจ้ามองแผนการข้าออกแต่แรก เหตุใดถึงให้โอกาสข้า!” เหอเฟิงนอนอยู่ตรงนั้น กล่าวด้วยน้ำเสียงมืดทะมึน

“เพราะสิ่งที่ข้าต้องการคือเจ้าในสภาพใกล้ตาย” ซูหมิงเดินมาใกล้เหอเฟิง ตอบคำถามของเขา

“ข้าในสภาพใกล้ตาย? หลังจากเสียเปรียบแล้ว ความคิดดูจะโตขึ้นเยอะ แต่เจ้ายังอ่อนหัด…” ม่านตาเหอเฟิงหรี่เล็กลง หัวเราะอย่างเหี้ยมเกรียม เขารู้ว่าวันนี้ต้องตายอย่างแน่นอน ทว่าก่อนตาย ไม่ว่าอย่างไรก็จะลากมือสังหารลงไปยมโลกด้วย เสียดายเพียงอย่างเดียวคือเขาไม่ได้ลงมือสังหารเสวียนหลุน

ตอนนี้ไม่สนใจทุกสิ่ง คิดจะระเบิดเส้นเลือดตัวเอง ควรรู้ว่าแม้ร่างกายเขาจะอ่อนแอ ทว่าก็ก้าวเข้าสู่ขั้นชำระล้าง พลังโลหิตในร่างกายแม้อ่อนลงก็ยังมีชีวิตชีวาอยู่ ขอแค่พลังโลหิตมีชีวิตชีวา เมื่อฉีกออกก็จะระเบิดตัวเองได้

แต่ในช่วงที่เขากำลังจะระเบิดตัวเอง สีหน้าพลันเปลี่ยนไป การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนต่อหน้าซูหมิง การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าความมั่นใจและศรัทธาของเขาได้พังทลายลง คำพูดของเขาติดๆ ขัดๆ

“นี่…นี่…เหตุใดเป็นเช่นนี้…” ใบหน้าเหอเฟิงขาวซีดดุจคนคิดสั้นเชือดคอตัวเอง ทว่ามีดในมือกลับกลายเป็นเชือกผ้า เขาพบว่าพลังโลหิตในร่างกายไม่เพียงแต่อ่อนลง แต่ยังเสียชีวิตชีวาไปด้วยจนเหมือนกับน้ำนิ่ง ไม่อาจทำให้พวกมันระเบิดตัวเองได้

ซูหมิงย่อตัวลง มองเหอเฟิงที่นอนอยู่สีหน้าสับสน ถอนหายใจ

“ในด้านสติปัญญาและจิตใจข้าเทียบเจ้าไม่ได้ เจ้าพบเจอข้าครั้งแรกก็เริ่มวางแผน จนกระทั่งถึงตอนนี้ ทว่าท้ายที่สุดเจ้าก็ยังเผยช่องโหว่ให้เห็นเล็กน้อย นั่นคือหมอกพิษในป่าฝน”

“ข้าปล่อยให้เจ้าถ่วงเวลาก็เพราะกลัวว่าจะบีบเจ้ามากเกินไป เจ้าอาจเลือกระเบิดตัวเอง หากเป็นเช่นนั้นข้าก็จะไม่ได้อะไรเลย ภายใต้หมอกนี้ ยิ่งเจ้าพูดมาก ยิ่งขบคิดมากเท่าไหร่ การเต้นของหัวใจก็จะเร็วขึ้น เมื่อหายใจกระชั้นถี่มากขึ้น สิ่งที่เจ้าสูดรับเข้าไปก็จะมากขึ้น หากเจ้าโคจรพลังโลหิตเป็นวงกว้าง บางทีอาจต่อต้านหมอกพิษที่เจ้าลืมไปได้ กระทั่งต่อให้เจ้ากำลังรักษาบาดแผล ก็จะไม่ได้รับอันตรายจากหมอกพิษ

ทว่าก่อนหน้านี้เจ้าไม่กล้าทำเพราะความรอบคอบ แม้รวมเป็นแสงอ่อนเพื่อจู่โจมสวนกลับ ก็สูดรับหมอกพิษไปจำนวนมาก ผลของมันคือทำให้พลังโลหิตของเจ้าเสียชีวิตชีวา ไม่อาจระเบิดตัวเองได้” ซูหมิงมองเหอเฟิงพลางกล่าวเรียบๆ เขาโคจรพลังโลหิตในร่างกายอยู่ตลอดเวลา ในจุดนี้เหอเฟิงมองออก แต่เขาคิดว่าเป็นความรอบคอบของซูหมิง ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเพราะหมอกพิษ

เหอเฟิงยิ้มขมขื่น รอยยิ้มในครั้งนี้เป็นของจริง เขามองซูหมิง สายตาพร่ามัว ทว่าฝืนตัวเองไม่ให้หมดสติ ขณะมองซูหมิงมีบางครั้งราวกับมองเห็นตัวเองในอดีต ทว่าที่ชัดเจนคือ ชายหนุ่มตรงหน้ามีความใจเย็นมากกว่าตน

“ตายในมือเจ้า ข้าเหอเฟิงไม่มีความอาฆาต น่าเสียดายความแค้นโลหิตของข้า ไม่อาจชำระ…ข้าไม่รู้ว่าเจ้ามีนามว่าอะไร จะเรียกเจ้าว่าสหายก็แล้วกัน สหาย……” เหอเฟิงหายใจกระชั้นถี่ สติในยามนี้เริ่มอ่อนยวบ พยามกัดปลายลิ้นฝืนไม่ให้หมดสติ

“สหาย ขอร้องเจ้าช่วยสังหารเสวียนหลุน นำศีรษะของเขากลับไปเซ่นไหว้วิญญาณในชนเผ่าข้า ข้าจะยอมรับทุกเงื่อนไข เจ้าต้องการข้าในสภาพใกล้ตายคงไม่พ้นเรื่องนำไปทำเป็นหุ่นเชิด เรื่องนี้ข้าคิดว่าหากข้าสมัครใจจะส่งผลดีกับเจ้ามากกว่า หากเจ้าสัญญาว่าจะช่วยข้าสังหารเสวียนหลุน ข้าเหอเฟิงจะเต็มใจ!

ข้าจะไม่ขอร้องให้เจ้าไปสังหารเขาตอนนี้ ขอแค่เมื่อเจ้ามีขั้นพลังที่เพียงพอแล้ว ช่วยข้าทำความปรารถนานี้ให้เป็นจริงด้วย!” เหอเฟิงหายใจกระชั้นถี่ มองซูหมิงด้วยความหวัง

“อีกอย่างข้าจะไม่ให้เจ้าทำเรื่องนี้โดยไม่มีของตอบแทน ข้ามีสมบัติล้ำค่าจะมอบให้ ที่เสวียนหลุนทำลายชนเผ่าข้า ล่าสังหารข้ามาโดยตลอดและยังมีเรื่องที่หานเฟยจื่อช่วยข้า ก็เพราะสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้!

ข้าซ่อนมันเอาไว้ในแดนลับ ไม่กล้านำมาติดตัว อีกอย่างเพราะชนเผ่าข้าชำนาญเคล็ดวิชาตีตรา แม้แต่หานเฟยจื่อยังยากจะใช้เคล็ดวิชาหมานล่วงรู้ความทรงจำของข้า อีกอย่างนางกับเสวียนหลุนเหมือนจะไม่ยอมให้ผู้อื่นล่วงรู้มากนัก ในโลกใบนี้มีแค่ข้าคนเดียวที่รู้ว่ามันซ่อนอยู่ที่ไหน ฉะนั้นข้าจึงจัดการปัญหาได้อย่างสบาย

ในเมื่อบังคับไม่ได้ผล พวกเขาทั้งสองหนึ่งสร้างบุญคุณอีกหนึ่งล่าสังหาร เดิมทีคิดว่าข้าอยู่ในกำมือแล้ว ทว่าพวกเขาสองประเมินข้าเหอเฟิงต่ำไป! ข้ามองเปลือกนอกพวกเขาออก แต่ก็ยอมร่วมมือด้วย เพื่อแสร้งทำให้สับสนเท่านั้น ระหว่างพวกเขาก็มีความขัดแย้งและความเกรงกลัวต่อกัน ต่างปิดบังกันและกัน จึงกลายเป็นโอกาสของข้า ข้าบุกโซ่เขาหานเพียงครั้งเดียวก็มองออกถึงความสัมพันธ์ทั้งสอง การเสแสร้งนั่นมันเป็นของปลอม!

เบื้องหลังพวกเขา หนึ่งเป็นเผ่าเหยียนฉือ อีกหนึ่งเป็นเผ่าผู่เชียง เผ่าบริวารทั้งสองในตอนนั้นคงคิดว่าข้าเหอเฟิงเป็นพวกโง่งม! พวกเขาวางแผนทำร้ายข้า ข้าก็จะหลอกใช้งานพวกเขา หากไม่ใช่เพราะต้องการให้หานเฟยจื่อช่วยข้าเข้าร่วมกลุ่มสิบหกวิญญาณลับ เป็นสมาชิกเขตนอกของพวกเขา ข้าคงได้สิ่งที่ดีกว่าในเมืองเขาหาน”

สายตาเหอเฟิงพร่ามัว คำพูดดังกล่าวซ่อนอยู่ในใจเขามาแสนนาน ยามนี้สิ้นหวังแล้วเหมือนได้หลุดพ้น กล่าวกับซูหมิงภายใต้สภาวะวิงเวียนศีรษะ

“สหาย เผ่าที่ข้าอยู่เป็นชนเผ่าเล็ก ชาวเผ่ามีไม่ถึงสองร้อยคน มีน้อยคนนักที่จะรู้จัก ชนเผ่าของข้าเป็นสาขาลับของชนเผ่าเขาหานที่ครอบครองเมืองเขาหานเมื่อหลายร้อยปีก่อน เผ่าเขาหานถูกบริวารสามเผ่าทำลาย ทว่าพวกข้าก็ยังมีชีวิตรอดมาได้ แต่ตอนนี้เหลือเพียงข้าคนเดียว…ในตำนานเผ่าเขาหานกล่าวไว้ว่าบรรพบุรุษเขาหานในตอนนั้นไม่ใช่คนเผ่าหมาน ฐานะของเขาลึกลับยิ่งนัก มาตั้งรกรากอยู่ที่นี่ หลายพันปีต่อมาจึงกลายเป็นเผ่าเขาหาน

ดังนั้นข้าจึงมีวิชาต่างจากเคล็ดวิชาหมานและใช้มันเพื่อตรวจสอบกลิ่นอายพลังของเจ้า นี่เป็นเคล็ดวิชาสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ อีกทั้งยังมีสมบัติล้ำค่าตกทอดมาอีกหลายชิ้น มอบให้กับชนเผ่ารุ่นหลัง ทว่ามีสามชิ้นถูกสามเผ่าบริวารชิงไป และอีกชิ้นก็คือสมบัติที่ข้าพูดถึง!”

ซูหมิงมองเหอเฟิงที่กล่าวอย่างสะเปะสะปะ ฟังจากคำพูดของเขา ค่อยๆ เปิดเผยความลับที่โอบล้อมเมืองเขาหานทีละชั้น

“เมืองเขาหาน มันเป็นของเผ่าเขาหานข้า เป็นสิ่งที่บรรพบุรุษข้าสร้างขึ้น เป็นชนเผ่าข้าที่สร้างมันเป็นคนแรก ในเหวลึกใต้โซ่เมืองเขาหานซ่อนดินแดนที่สามเผ่าบริวารปรารถนาจะเข้าไป ที่นั่นเป็นแดนที่บรรพบุรุษเขาหานนั่งฌานละสังขาร!”

เหอเฟิงกล่าวพึมพำ มองซูหมิงด้วยความหวังมากขึ้น

“ข้าไม่แค้นสามชนเผ่าบริวาร การเกิดและดับสูญของชนเผ่า ผู้แข็งแกร่งกลืนกินผู้อ่อนแอ สิ่งเหล่านี้ฟ้ากำหนด ข้าไม่แค้นหานเฟยจื่อ แม้เป้าหมายนางคือต้องการสมบัติล้ำค่าก็ตาม แต่นางก็ต้อนรับข้าเป็นอย่างดี เดิมทีข้าคิดว่าหากไม่ไหวจริงๆ จะมอบสิ่งนี้ให้กับนางด้วยซ้ำ

ที่ข้าแค้นมีเพียงเสวียนหลุน เขาสังหารญาติพี่น้องของข้า ทำลายชนเผ่าข้า สังหารเขา รับปากข้า ช่วยข้า…สังหารเขา!”

ซูหมิงเงียบไปครู่หนึ่ง การหลอมโอสถชิงวิญญาณไม่ต้องการความสมัครใจของผู้ตาย กระทั่งหากมีความแค้น ผลลัพธ์น่าจะออกมาดีกว่า

ทว่ายามนี้ซูหมิงมองเหอเฟิง ก่อนพยักหน้า

“หากขั้นพลังข้าเพียงพอจะสังหารเขา ข้ารับปากว่าจะช่วยเจ้าแก้แค้น!”

“สหาย ขอบคุณ…..” เหอเฟิงหลับตา กล่าวเสียงเบา มีเพียงซูหมิงเท่านั้นที่ได้ยิน ในคำพูดนั้นบอกถึงแหล่งที่ซ่อนของสมบัติ

“ในอกเสื้อข้ามีของอีกชิ้น เดิมทีข้ามีสาม เสวียนหลุนชิงไปหนึ่ง ข้าให้หานเฟยจื่ออีกหนึ่ง อันสุดท้ายนี้ให้เจ้า…….” เหอเฟิงกล่าว ก่อนหมดสติไป

ซูหมิงอุ้มร่างของเหอเฟิง เก็บขวดเล็กบนพื้น มุ่งหน้าไปอย่างรวดเร็ว เขาไม่ได้ออกจากป่าฝน แต่มุ่งหน้าไปยังส่วนลึกที่ไกลกว่า หายไปไร้เงา ในความคิดของเขา เทียบกับข้างนอกแล้วป่าฝนกว้างใหญ่แห่งนี้ บางทีอาจปลอดภัยกว่า เมื่อเสวียนหลุนกลับมาและตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนแล้ว อาจจะมองข้ามจุดนี้ไป

เงาคนขยับวูบวาบอยู่ในป่าฝน สีหน้าซูหมิงซับซ้อน แผนการของเหอเฟิงหยั่งลึกยิ่งนัก จากคำพูดของเขา ซูหมิงเข้าใจมันอย่างลึกซึ้ง อีกทั้งในเมืองเขาหานยังมีความลับเช่นนี้อยู่ และได้ยืนยันข้อสันนิษฐานของซูหมิงก่อนหน้านี้ว่าเหตุใดผู้แข็งแกร่งถึงได้มารวมตัวกันในเมืองเขาหาน เหตุใดสามชนเผ่าถึงได้รับแขกพิเศษอยู่ตลอด

“เหอเฟิง…….” ซูหมิงถอนหายใจเบา แผนการของบุคคลนี้ทำให้ซูหมิงแทบไม่มีทางเลือก มีแต่ต้องเดินไปตามทางที่เขากำหนดเอาไว้ทีละก้าว

หากเป็นช่วงวิกฤติ ซูหมิงคงคิดจะเข้าไปในมิติของเศษหินสีดำอยู่หลายครั้ง แต่เกรงว่ายามนี้สถานการณ์ยากจะคาดเดา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!