Skip to content

สู่วิถีอสุรา 128

ตอนที่ 128 ได้รับของชิ้นใหญ่

เวลาเร่งด่วนเสวียนหลุนกลับมาได้ตลอดเวลา คาดเดาและวิเคราะห์ทุกอย่างเผื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ตั้งแต่ประสบเรื่องของเหอเฟิง ซูหมิงยอมรับแล้วว่าในด้านความคิดตนยังห่างไกลจากพวกนักวางแผนมือฉมังเหล่านั้น เรื่องทางโลกบางครั้งใช่ว่าตนคิดว่าใช่ มันก็จะใช่ตามนั้น

เขาอุ้มร่างหมดสติของเหอเฟิงวิ่งทะยานอยู่ในป่าฝนพลางโคจรโลหิตเพื่อต่อต้านหมอกพิษ

ยามท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้น เขาใช้ความเร็วที่ตนชำนาญทะยานเข้าไปในส่วนลึกยิ่งกว่าของป่าฝน ต้นไม้ภายในแน่นขนัด ใบไม้กว้างใหญ่รวมตัวกันอย่างหนาแน่น แม้ยามนี้ท้องฟ้าสว่าง แสงตะวันสาดส่องก็ยังถูกใบไม้แน่นขนัดแยกเป็นเศษเสี้ยวแสง ทำให้ในป่าฝนแห่งนี้มืดทึบเป็นส่วนใหญ่

และเพราะว่าส่วนลึกตรงจุดนี้เปียกชื้นมากขึ้นจึงทำให้หมอกพิษหนากว่าเดิม สัตว์แปลกและแมลงค่อยๆ เพิ่มจำนวน ซูหมิงเห็นกับตาว่ามีแมงป่องคล้ายงูเหลือมกำลังเคลื่อนตัวอยู่ในดินโคลน ดูน่าสะพรึงยิ่งนัก ทั้งยังมีพืชดอกไม้แปลกอีกไม่น้อยขับกลิ่นอายหอมหวาน ทว่ากลิ่นอายนี้หากสูดดมเข้าไปหลายครั้ง อาจเกิดความรู้สึกอยากอาเจียนออกจากตับไตไส้พุงทั้งหมด ความหอมหวานพวกนั้นเป็นสิ่งประหลาด

เมื่อแสงตะวันเด่นชัดเข้าสู่ยามเที่ยงวัน ซูหมิงกำลังห้อเหยียดอยู่ในป่าฝน ข้างหูได้ยินเสียงเพลงไพเราะที่ไม่อาจบรรยาย แฝงไว้ด้วยทำนองงดงาม ประดุจเด็กสาวกำลังขับร้องเสียงเบา ทำให้ผู้ฟังอดเคลิบเคลิ้มมิได้

หากไม่ใช่เพราะซูหมิงเป็นคนรอบคอบโคจรโลหิตในร่างกายอยู่ตลอดเวลา จึงได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว เช่นนั้นแล้วก็ไม่อยากจะคาดคิด เพราะเมื่อได้สติกลับมา เขาไม่ทราบว่าเดินมาถึงตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไร

สิ่งแรกที่เห็นคือต้นไม้ใหญ่เน่าเปื่อยห่างไปหลายจั้งเบื้องหน้า บนต้นไม้มีลูกนกตัวสีขาว ด้านหลังเป็นสีสันแพรวพราว ทว่าภายใต้สีสันแพรวพราวกลับมีปากใหญ่น่าสยดสยอง

ตลอดการเดินทางซูหมิงตื่นตระหนกยิ่งนัก เขาเห็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่เคยพบมาก่อนจำนวนมาก ในช่วงที่ท้องฟ้าเข้าสู่ยามโพล้เพล้อีกครั้ง เบื้องหน้าซูหมิงปรากฏเป็นเทือกเขา ด้านหลังเทือกเขายังคงเป็นป่าฝน ไม่ทราบว่าส่วนลึกสุดของมันจะอยู่ไกลเพียงใด ทว่าเขาไม่กล้าไปต่อ ในป่าฝนหลังเทือกเขาแห่งนี้จะต้องมีสิ่งมีชีวิตน่ากลัวจำนวนมากอย่างแน่นอน ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เขาจะต่อต้านได้ในยามนี้

แววตาซูหมิงเป็นประกาย พาเหอเฟิงเข้าไปในเทือกเขาป่าฝน เลือกหารอยแยกทางธรรมชาติแล้วมุดเข้าไป เดิมทีตรงจุดนี้เป็นถ้ำสัตว์ป่า เขากวาดสายตามองไปรอบๆ ก็มั่นใจว่าน่าจะเป็นถ้ำของสัตว์ประเภทงูเหลือม

‘คราบหนังงูเหลือมแห้ง ตรงนี้มีกลิ่นที่อ่อนมาก มันน่าจะไม่ได้กลับมานานแล้ว บางทีอาจตายอยู่ข้างนอก’ ซูหมิงตกอยู่ในห้วงความคิด เมื่อวางเหอเฟิงลงจึงนำคราบงูเหล่านั้นไปวางกองไว้ตรงปากถ้ำ กลิ่นอายของมันน่าจะกันพวกพืชดอกพิลึกและสัตว์แปลกเหล่านั้นได้

เมื่อจัดการเสร็จซูหมิงยังคงตึงเครียด หลังจากขบคิดอย่างละเอียดแล้วจึงค่อยๆ ผ่อนคลายลง ตรงจุดนี้ห่างจากสนามรบระหว่างเหอเฟิงกับเสวียนหลุนมาไกลมาก โอกาสที่เสวียนหลุนจะหาพบจึงน้อยตามลงไป อีกทั้งช่วงเวลามีเพียงน้อยนิด คงหาจุดที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้ว มีเพียงแค่ที่นี่เท่านั้น บางทีหากมองจากอีกมุมอาจปลอดภัยกว่า

ขณะขบคิดซูหมิงมองไปทางเหอเฟิง เขายังคงหมดสติ ตลอดทางสูดหมอกพิษไปจำนวนมาก หากไม่ใช่เพราะมีขั้นพลังที่แข็งแกร่งรวมกับเป็นชำระล้าง เกรงว่าด้วยอาการบาดเจ็บคงสิ้นใจไปนานแล้ว

ยามนี้แม้ว่าเขายังมีลมหายใจอยู่เล็กน้อย ทว่าก็ไม่มีทางฟื้นกลับมาได้และค่อยๆ ก้าวเข้าสู่ความตายภายใต้กาลเวลา

เหตุที่ซูหมิงเลือกที่นี่ นอกจากหลบเสวียนหลุนแล้ว อีกหนึ่งเป้าหมายคือใช้หมอกพิษทำให้เหอเฟิงอ่อนแอลงเรื่อยๆ ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็มีขั้นพลังสูง หากเขาฟื้นกลับมาจะต้องไม่จริงใจเหมือนก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน แม้บอกว่าซูหมิงไม่เกรงกลัวเหอเฟิงยามบาดเจ็บสาหัส ทว่ากลับไม่อาจห้ามเขาไม่ให้ระเบิดตัวเอง มีแต่ต้องให้หมอกพิษไหลเข้าสู่ร่างกายอย่างต่อเนื่องเท่านั้น ถึงจะหลีกปัญหานี้ได้

‘ก่อนหน้านี้เขาบอกว่าในอกเสื้อมีของสิ่งหนึ่งจะให้ข้า’ ซูหมิงไม่ผลีผลาม ความคิดของเหอเฟิงหยั่งลึกยิ่งนัก เขาเข้าใจเป็นอย่างดี ยามนี้พอนึกถึงคำพูดและการกระทำของเหอเฟิงก่อนหมดสติ จึงนั่งขัดสมาธิรอจนผ่านยามโพล้เพล้

ไม่นานด้านนอกมืดทึบ เทือกเขาที่เขาอยู่เตี้ยยิ่งนัก มีเพียงส่วนนูนขึ้นมาเล็กน้อย ส่วนใหญ่ถูกป่าฝนปกคลุมจนมิด

น่านฟ้าเหนือป่าฝนกลายเป็นมืดมิด ดวงจันทร์ลอยสูง แต่แสงจันทร์กลับเหมือนแสงอาทิตย์ยามกลางวัน มีเล็ดลอดเข้ามาเพียงเล็กน้อย

แม้จะเป็นเช่นนั้น ซูหมิงในยามค่ำคืนยังคงสัมผัสได้ถึงสภาวะของตัวเองว่าบรรลุถึงจุดขีดสุด เขาจึงยันกายขึ้นมาอยู่ตรงหน้าเหอเฟิง เมื่อพิจารณาอย่างรอบคอบอีกครั้งแล้ว จึงถอดเสื้อของเหอเฟิงออก พบว่าในอกเสื้อเขามีสิ่งของสีม่วงอยู่หนึ่งชิ้น

ในช่วงที่เห็นของสีม่วง สีหน้าซูหมิงเปลี่ยนไป แววตาพลันดุดัน จ้องสีม่วงในอกเสื้อของเหอเฟิง ก่อนนัยน์ตาจะฉายแววสับสนและหวนคิดถึง

“สิ่งนี้…” ซูหมิงกล่าวพึมพำ ในความคิดปรากฏบุคคลที่ถูกลืม นั่นคือผู้อาวุโสปากแหลมแก้มลิง เขาขายสมุนไพรแปลกหายากหลากชนิด ทั้งยังขายถุงชำรุดให้กับซูหมิง

“คืออะไรกันแน่…” ผ่านไปนาน ซูหมิงนั่งยองลง หยิบของสีม่วงจากอกเสื้อของเหอเฟิงขึ้นมาตรงหน้า เพราะนอกจากสีแล้ว มันแทบจะเหมือนกับถุงชำรุดของเขาทุกประการ! เพียงแต่ว่าถุงสีม่วงใบนี้ไม่มีรอยขาด แต่เป็นของสมบูรณ์ เทียบกันแล้วถุงของเขาไม่อาจเปรียบได้

‘ถุงแบบเดียวกัน…เสวียนหลุนชิงไปหนึ่ง เหอเฟิงให้หานเฟยจื่อไปอีกหนึ่ง……บรรพบุรุษเขาหานยังฝากสมบัติล้ำค่าเอาไว้อีกสี่ชิ้น เหยียนฉือ ผู่เชียง บูรพาสงบชิงไปเผ่าละชิ้น และยังเหลือชิ้นสุดท้ายที่เหอเฟิงซ่อนเอาไว้…..

ใต้เมืองเขาหานมีเหวลึกหมื่นจั้ง ซ่อนความลับยิ่งใหญ่ของเมืองเขาหานเอาไว้ ที่นั่นเป็นจุดที่บรรพบุรุษเขาหานนั่งฌานละสังขารในตอนนั้น รวมถึงถุงชนิดนี้ก็จะน่าจะเป็นมรดกของบรรพบุรุษเขาหานเหมือนกัน…’ นัยน์ตาฉายแววสับสนมากยิ่งขึ้น ถุงสีม่วงใบนี้ทำให้เขารู้สึกว่าในตัวมันมีปริศนาลึกลับอะไรบางอย่าง

ขณะขบคิด ซูหมิงมองถุงสีม่วงในมือ หากเป็นของสิ่งอื่นที่เขาไม่เคยเห็น จะต้องใช้เวลาตรึกตรองสักช่วงเวลาหนึ่งถึงจะกล้าเปิด ทว่าของสิ่งนี้เขากลับไม่ต้องทำเช่นนั้น

แววตาซูหมิงเป็นประกาย ใช้มือขวาตบไปบนถุง พบว่ามีพลังสะท้อนกลับส่งมาทันที ซูหมิงตกตะลึง เรื่องนี้เขาไม่เคยพบมาก่อน ทว่าแรงสะท้อนกลับก็เบาบางยิ่งนัก ภายใต้การโคจรโลหิตละเอียดอ่อนไม่กี่ลมหายใจก็หายไป เขาตบบนถุงอีกครั้ง ในความคิดสั่นสะเทือน มันเป็นมิติขนาดใหญ่สิบกว่าจั้ง

ซูหมิงหลับตาจนผ่านไปนานจึงค่อยลืมขึ้น ในแววตาไม่อาจปกปิดความยินดี ในช่วงที่เขายกมือซ้ายขึ้น กลางฝ่ามือมีลำแสงวูบวาบ ปรากฏข้ึนเป็นมู่เจี่ยน (แผ่นไม้บันทึก) มันดูเก่าแก่ แม้ไม่มีร่องรอยชำรุด ทว่าก็มีความรู้สึกผ่านกาลเวลามาอย่างชัดเจน

มันคือมู่เจี่ยนที่ต่างจากเคล็ดวิชาหมานจากปากของเหอเฟิงก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง มันสามารถนำกลิ่นอายพลังของคนมาเป็นตราประทับ ขอแค่อยู่ไม่ไกลมากก็จะสัมผัสได้อย่างชัดเจน

ซูหมิงวางสิ่งนี้ไว้ด้านข้าง มือซ้ายเขาขยับแสงวูบวาบอีกครั้ง ปรากฏเป็นกระดูกสัตว์สีขาวชิ้นหนึ่ง มันเป็นสีขาวทุกส่วน เมื่อปรากฏแล้วราวกับมีเงาซ้อนทับ เพียงมองแวบแรกอาจไม่แน่ใจ จนกระทั่งยังได้ยินเสียงร้องแหลมจำนวนมาก แต่ทุกอย่างก็หายไปเมื่อซูหมิงได้สติกลับมา

‘กระดูกชิ้นนี้ไม่ทราบที่มา ไม่รู้ว่าเป็นของคนหรือว่าสัตว์ ทว่าตัวมันเกิดเหตุการณ์พิลึกเช่นนี้ บางทีอาจใช้ปลูกสมุนไพรได้’ ซูหมิงจ้องกระดูก มือขวาหยิบถุงสีม่วงแล้วเทลงด้านข้าง

เสียงครืดดังขึ้น สิ่งของจำนวนมากถูกเทออกจากถุงสีม่วง ขยับแสงอ่อนวูบวาบ แม้ภายในถ้ำแห่งนี้แสงไม่พอ ทว่าซูหมิงกลับมองเห็นอย่างชัดเจน สิ่งของเหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นเหรียญหิน มีสีขาวไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นเหรียญหินราคาต่ำ แต่จำนวนมากขนาดนี้ ราคาก็น่าตะลึงได้เช่นกัน

‘มีราวหลายหมื่น!’ ซูหมิงสูดลมหายใจเข้าลึก นี่เป็นจำนวนเงินมากสุดเท่าที่เขาเคยเห็น ทว่าไม่นาน สายตาของเขาจ้องไปในกองเหรียญหิน พบว่ามีเหรียญหินสีแดงสองเหรียญ มันเป็นสีแดงสด แม้ภายในถ้ำจะค่อนข้างมืด แต่กลับไม่อาจปกปิดแสงสะท้อนจากมันได้

นอกจากของเหล่านี้แล้ว ซูหมิงยังเจอขวดเล็กหลายขวด ภายในบรรจุของเหลวต่างกัน บ้างหอมหวาน บ้างไร้กลิ่น บ้างเหม็นเน่า และยังมีหลายขวดส่งกลิ่นหอมสดชื่น หากเพียงแค่นี้ก็ไม่เท่าไร ทว่าในกองสิ่งของยังมีหนังสัตว์อยู่ผืนหนึ่ง บนแผ่นหนังบันทึกเคล็ดวิชาหมานสองชนิด เมื่อซูหมิงอ่านจบ แววตาพลันเป็นประกายวาววับ

“น่าเสียดาย ไม่มีศาสตราวุธหมาน…มิน่าด้วยเหตุนี้เอง ตอนเหอเฟิงต่อสู้กับเสวียนหลุนจะต้องใช้สิ่งของเหล่านี้แน่” ซูหมิงกล่าวพึมพำ ดวงตาพลันเพ่งสมาธิมองไปในกองสิ่งของ พบว่ามีอยู่สองสิ่งดูพิเศษอย่างเห็นได้ชัด

หนึ่งคือกล่องหินขนาดเท่าฝ่ามือ เป็นสีขาวทุกส่วน อีกหนึ่งคือหน้ากากสีดำ ไม่รู้ว่ามันสร้างจากสิ่งใด ในช่วงที่ซูหมิงมองไปราวกับสายตาถูกดึงดูด

เขาถือกล่องหินสีขาว เมื่อมองอย่างละเอียดแล้วสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย เขาไม่ทราบว่าภายในบรรจุอะไร ทว่าวัตถุดิบของกล่องหินหลอมขึ้นมาจากเหรียญหินสีขาว อีกทั้งมันมีขนาดไม่ใหญ่ แต่กลับมีน้ำหนักมาก

“นี่ต้องใช้เหรียญหินสีขาวเท่าไรกัน……” ซูหมิงเหม่อลอยไปเพียงชั่วครู่ เขานึกไม่ถึงเลยว่าเหรียญหินจะมีวิธีการใช้แบบนี้อยู่ด้วย ในความรู้สึกของเขา มันเป็นเพียงเงินตราใช้สำหรับการซื้อขายเท่านั้น ทว่ายามนี้ กล่องหินดังกล่าวทำให้เขารู้สึกว่าความคิดของตนก่อนหน้านี้ผิดไปเล็กน้อย

“หรือว่า เหรียญหินพวกนี้จะไม่ใช้เพียงซื้อขาย แต่ยังเอาไปใช้แบบอื่นได้อีก” จิตใจซูหมิงสั่นไหว เปิดกล่องหิน เมื่อมองสิ่งของที่อยู่ด้านในแล้ว ตัวเขาก็สั่นสะท้าน

“นี่มัน…….”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!