ตอนที่ 144 แสดงให้แซ่ฟางได้เห็นหน่อย
คำพูดของชายวัยกลางคนเฉียบคม ดังก้องกังวานบนยอดเขาเงียบสงบ ชายตัวเตี้ยร่างกำยำขั้นชำระล้างข้างกายเขามีสีหน้าเป็นปกติ ทว่าเผยรอยยิ้มมุมปาก
คนอื่นๆ ราวกับไม่ได้ยิน แต่ละคนล้วนเงียบขรึม ส่วนชายชราเสื้อคลุมฟ้าหน้าสุดยังคงหลับตาเหมือนไม่แยแสทุกสิ่ง และยังมีอีกสองคนตรงกลาง พวกเขาเป็นอย่างที่ซูหมิงคาดเอาไว้จริงๆ ไม่ใช่ชาวเผ่าบูรพาสงบ แต่เป็นแขกพิเศษที่จะเข้าไปในแดนลับเมืองเขาหานกลุ่มที่สาม
ในสองคน คนหนึ่งเป็นชายชราผมแดง ส่วนอีกคนเป็นชายหนุ่มอายุราวสามสิบปี สีหน้าสงบนิ่ง หลับตาไม่สนใจเรื่องนี้แม้สักนิด
“ผู้นำ เจ้าต้องการทราบคุณสมบัติของเขาหรือ? คำพูดของข้าฟางเซินนี่แหละคือคุณสมบัติ!” จ้าวเผ่าบูรพาสงบกล่าวเรียบๆ
“จ้าวเผ่ารับประกัน ข้าเชื่อว่าเขาไม่มีเจตนาร้ายต่อเผ่าบูรพาสงบ แต่จำนวนคนที่จะเข้าไปในแดนลับมีจำกัด สามคนที่กำหนดเอาไว้ในครั้งนี้ เป็นเพราะเขามาโจวเยวี่ยเลยถูกถอดสิทธิ์ หากเขาพิสูจน์ได้ว่าแข็งแกร่งกว่าโจวเยวี่ย ข้าก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้” ชายวัยกลางคนยังคงไม่มองซูหมิง แต่จ้องฟางเซินแล้วกล่าวอย่างเย็นชา กระทั่งไม่รอให้ฟางเซินกล่าวก็ออกปากต่อ
“โจวเยวี่ย หากเจ้าเอาชนะเขาได้ ใครก็ห้ามเจ้าเข้าไปในแดนลับมิได้”
ชายวัยกลางคนร่างกำยำเพิ่งกล่าวจบ มีเสียงหัวเราะลากยาวดังมาจากขั้นบันไดอีกทางของยอดเขา ก่อนพบว่าท่ามกลางหมอกหนามีชายร่างกำยำสูงราวหนึ่งจั้งกว่าเดินเข้ามา เขาเปลือยท่อนบนเผยให้เห็นร่างกายแข็งแกร่ง ใบหน้าอัปลักษณ์ เดินเข้ามาพลางแสยะยิ้ม
ขณะเดินใกล้เข้ามา ความรู้สึกถึงกลิ่นอายพลังโลหิตมหาศาลพลันปะทุขึ้น พัดหมอกรอบตัวหายไปจำนวนมาก การปรากฏตัวของเขาทำให้จ้าวเผ่าบูรพาสงบขมวดคิ้ว แม้แต่แขกพิเศษสองคนที่อยู่ตรงกลางยังลืมตาขึ้น มองชายร่างกำยำที่กำลังเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ชายร่างกำยำเหยียบเท้าลงพื้นเกิดเป็นเสียงดังสนั่น เมื่อเดินมายืนอยู่ข้างชายตัวเตี้ยร่างกำยำขั้นชำระล้างที่กำลังยิ้มมุมปากแล้ว ก็คารวะชายชราเสื้อคลุมฟ้าด้านหน้า น้ำเสียงประดุจคลื่นลูกยักษ์
“โจวเยวี่ยคารวะจ้าวหมาน คารวะผู้นำนักรบ คารวะผู้นำกองรักษาการณ์” ขณะกล่าวก็คารวะไปทางชายร่างกำยำขั้นชำระล้างตัวเตี้ยกับชายวัยกลางคนเสื้อคลุมแดง
ชายชราเสื้อคลุมฟ้ายังคงหลับตาไม่สนใจ
ทว่าโจวเยวี่ยกลับไม่ถือสา เขาทราบดีถึงฐานะของอีกฝ่าย หากจ้าวหมานบูรพาสงบผู้นี้ลืมตาพยักหน้ารับ เขาคงต้องประหลาดใจอย่างแน่นอน
“โจวเยวี่ย เป็นเขาที่มาแทนที่เจ้า เจ้าไปสู้กับเขาสักรอบเถอะ” ผู้นำกองรักษาการณ์บูรพาสงบ ชายวัยกลางคนเสื้อคลุมแดงกล่าวอย่างเย็นชา ชี้นิ้วไปทางซูหมิง
“ท่านผู้นำกองรักษาการณ์ แซ่โจวออกมือเกรงว่าจะเกินไป หากพลั้งมือสังหารเขา…” แววตาโจวเยวี่ยพลันเป็นประกายดุดัน จ้องมองซูหมิงแสยะยิ้มราวกับมองศพ
“ช่วยไม่ได้ ดูท่าท่านจ้าวเผ่าก็ไม่ถือสาเรื่องนี้ ถึงอย่างไรก็เป็นการประมือกัน หากไม่เห็นศพก็คงมองไม่เห็นความจริง” คนที่กล่าวมิใช่ชายวัยกลางคนเสื้อคลุมแดง แต่เป็นผู้นำนักรบตัวเตี้ยขั้นชำระล้าง
“โม่ซู ท่านเคยบอกว่าวิชาที่ท่านเรียนคือหมานสังหาร วันนี้แสดงให้แซ่ฟางได้เห็นหน่อย!” จ้าวเผ่าบูรพาสงบมีสีหน้าเคร่งขรึม เรื่องของซูหมิงเดิมทีเขาจัดการเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อวาน ทว่าวันนี้ก่อนเริ่มพิธี คู่ต่อสู้ของเขากลับพลันโต้ตอบ
ซูหมิงเงียบไม่กล่าวสิ่งใด แต่เบื้องหน้าเขาโจวเยวี่ยกำลังสาวเท้ายาวเข้ามา เกิดเป็นเสียงผืนดินดังตึกๆ รูปร่างของโจวเยวี่ยสูงใหญ่ยิ่งนักล้ำหน้าเกินคนธรรมดา ยามนี้เข้าใกล้ประดุจภูเขาเล็กถับถม โดยเฉพาะรอยแสยะยิ้มจากใบหน้าอัปลักษณ์ เส้นเลือดพลันพองบวมทั้งตัวกลายเป็นแรงกดดันมหาศาล แสงสีแดงขยับวูบวาบทำให้หมอกบนยอดเขากลายเป็นสีแดง
เทียบกับเขาแล้ว เดิมทีร่างกายซูหมิงผอมบาง แม้จะมีเสื้อคลุมดำปกปิด ทว่าในด้านความสูงยังห่างไกลจากชายร่างกำยำ เมื่อสองคนอยู่ด้วยกันให้ความรู้สึกคนละระดับอย่างชัดเจน
“กล้าแย่งที่ท่านโจวคนนี้ ตายซะ!” โจวเยวี่ยคำรามเสียงต่ำ พลันสาวเท้ายาว ทั้งตัวกระโดดลอยขึ้นกำหมัดขวา ในร่างกายมีเสียงดังกรุบกรอบราวกับกระดูกกระทบกันระเบิดเป็นพลังน่าสะพรึง เขาประชิดตัวซูหมิงอย่างรวดเร็ว ก่อนปล่อยหมัดพลางแสยะยิ้ม
หมัดนี้เขาเตรียมพร้อมมาตลอดทั้งคืน ตั้งใจจะปิดฉากอีกฝ่ายภายในหมัดเดียว ทำให้ร่างกายระเบิดเศษเนื้อกระจุย เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่อีกฝ่ายจะระเบิดกระจายด้วยหมัดของเขา จากประสบการณ์ที่ผ่านมามีคนจำนวนมากตายตกด้วยพละกำลังมหาศาลของเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเจ้าผอมบางตรงหน้า ในความคิดเขาก็คงไม่ต่างกัน
กระทั่งเผื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝัน โจวเยวี่ยใช้พละกำลังทั้งหมด ด้านหลังของเขาปรากฏเป็นเงารางขนาดใหญ่ มันเป็นวานรสีดำกำลังแผดเสียงคำราม พุ่งตรงเข้าหาซูหมิงพร้อมกับเขา
“โจวเยวี่ยแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว!” ชายหนุ่มหนึ่งในแขกพิเศษสองคน ยามนี้แววตาเป็นประกายสีหน้าดูจริงจัง ส่วนชายชราข้างกายเขาก็ดูจริงจังเช่นเดียวกัน มองเงาโจวเยวี่ยกำลังพุ่งตรงเข้าไป นัยน์ตาฉายแววขบคิด
ผู้นำกองรักษาการณ์บูรพาสงบ ชายวัยกลางคนเสื้อคลุมแดงมองอย่างเย็นชา เขาไม่คิดว่าโจวเยวี่ยจะสังหารโม่ซูได้ภายในหมัดเดียว ทว่าในช่วงที่โม่ซูกระเด็นถอยน่าจะสาหัสเอาเรื่อง ให้บุคคลนี้ได้ทราบว่าเผ่าบูรพาสงบ นอกจากจ้าวหมานแล้ว มิใช่จ้าวเผ่าที่เป็นใหญ่
ผู้นำนักรบขั้นชำระล้างตัวเตี้ยยิ้มมุมปากตลอด ความคิดของเขาต่างจากชายวัยกลางคนเสื้อคลุมแดงเล็กน้อย เขาไม่คิดห้ามความตั้งใจของฟางเซิน กระทั่งในความคิดเขา บุคคลลึกลับนามโม่ซูคนนี้ทำให้เขามองไม่ทะลุ เขาอยากใช้โอกาสนี้เพื่อตรวจสอบพลังที่แท้จริงของซูหมิง ทุกคนความคิดต่าง แม้แต่คนที่เงียบขรึมมาโดยตลอดเหล่านั้นยังมองตามไป
ทว่าขณะที่โจวเยวี่ยประชิดตัวซูหมิงอย่างรวดเร็ว กลับเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น!
ซูหมิงไม่หลบแต่กลับเผชิญหน้า ก้าวเดินเพื่อย่นระยะห่างระหว่างโจวเยวี่ย ในช่วงที่หมัดของโจวเยวี่ยตรงเข้ามาและสัมผัสได้ถึงความรู้สึกร่างกายระเบิดกระจุยของอีกฝ่าย ซูหมิงพลันยกมือขวาปล่อยหมัดปะทะกับหมัดของโจวเยวี่ย
เสียงระเบิดดังสนั่น ภาพดังกล่าวคือโจวเยวี่ยกระโดดลอยอยู่กลางอากาศ ซูหมิงสวมเสื้อคลุมดำทั้งตัวใส่หน้ากากสีดำยืนอบู่บนพื้น เสื้อคลุมเขาสั่นไหว กำหมัดขวาแล้วชกปะทะกับหมัดของโจวเยวี่ย
เสียงกรุบกรอบพลันดังขึ้น โจวเยวี่ยเห็นเลือดเนื้อ ทว่าเลือดเนื้อดังกล่าวกระเด็นมาจากตัวเขา แขนขวาเขาระเบิดกระจุยกลายเป็นเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ความเหี้ยมเกรียมกลายเป็นสับสน รอยแสยะยิ้มกลายเป็นตื่นกลัว สีหน้าเขาถูกความหวาดผวาเข้ามาแทนที่ เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าในหมัดของซูหมิงมีกลิ่นอายพลังรวดเร็วและดุดัน มันมีอานุภาพราวกับทำลายได้ทุกสิ่งทะลวงเข้าไปในมือขวาของเขา หลังจากทำให้แขนเขาระเบิดแล้วก็ทะลวงเข้าสู่ร่างกาย
ในช่วงที่กลิ่นอายพลังแผ่ขยาย ขาทั้งสองข้างไร้ความรู้สึก แขนซ้ายและทั้งตัวเขาราวกับหายไปในชั่วพริบตา สายตาเห็นเป็นสีแดง ในสีแดงนั้นเขาเห็นซูหมิงชักมือขวากลับแล้วสะบัดเสื้อคลุมดำบนตัว
นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาเห็น หลังจากนั้นโลกของเขาแข็งค้าง แขกพิเศษสองคนตรงกลางหายใจกระชั้นถี่ เบิกตากว้าง ในความคิดพวกเขา เหตุการณ์เมื่อครู่เกิดขึ้นเร็วมาก ในชั่วพริบตา ร่างกายสูงใหญ่ของโจวเยวี่ยหายไปต่อหน้าซูหมิง แตกกระจายเป็นเศษ จากคนเป็นแหลกสลายทันที ภาพเหตุการณ์น่าสะพรึงดังกล่าวทำให้ทั้งสองคนเหลือเชื่อ สายตาที่มองซูหมิงพลันกลายเป็นเคารพยำเกรง
“ไม่หลบ แต่ตอบโต้ด้วยหมัดเช่นเดียวกัน ทำให้โจวเหยี่ยแหลกกระจายเป็นเศษ นี่…
“เขายังไม่ได้ใช้พลังโลหิตอย่างเต็มที่ด้วยซ้ำ ฝ่าเท้าไม่ขยับแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าการโจมตีของโจวเยวี่ยไม่มีค่าพอให้เขาสนใจ!”
ผู้แข็งแกร่งไม่ว่าอยู่ไหนก็ล้วนได้รับการยกย่อง ซูหมิงในยามนี้ใช้การกระทำของเขา ได้รับเกียรตินั้นมา
จ้าวเผ่าบูรพาสงบแววตาเป็นประกาย ใบหน้าค่อยๆ เผยรอยยิ้ม ทว่ายังคงแอบตกตะลึงเช่นกัน เขาทราบว่าโจวเยวี่ยมีสายเลือดของชนเผ่าขุนเขาร้าง มีพละกำลังมหาศาล แม้มีเส้นเลือดแค่เจ็ดร้อยกว่าเส้น ทว่าหากรวมกับพรสวรรค์ด้านพละกำลังแล้วต่อให้เป็นคนที่มีเส้นเลือดมากกว่าเขาเล็กน้อย ก็ใช่ว่าจะเอาชนะเขาได้ง่ายๆ
และที่สำคัญสุดคือ ซูหมิงใช้เพียงหมัดเดียว!
ผู้นำกองรักษาการณ์บูรพาสงบหรี่ตาลง มีความรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าต่อหน้าทุกคน เขาไม่เคยคิดเลยว่าโจวเยวี่ยจะถูกจัดการในหมัดเดียว กระทั่งเขายังถามตัวเองว่าหากเป็นเขา ต่อให้ต้านทานหมัดของโจวเยวี่ยได้ ทว่าอย่างมากสุดก็ต้องกระเด็นถอย ไม่อาจ…..สังหาร!
ผู้นำนักรบขั้นชำระล้างรอยยิ้มมุมปากแข็งค้าง ดวงตาหรี่ลงจริงจัง ขั้นพลังของเขาคือชำระล้าง มองเห็นในจุดยิบย่อยที่ผู้อื่นมองข้าม
‘ความละเอียดอ่อน…และยังมีพลังจากศาสตราวุธหมาน…บุคคลนี้……’ แววตาผู้นำนักรบเป็นประกาย ล้มเลิกความคิดหยั่งเชิงอีกฝ่ายทันที
ซูหมิงสะบัดเสื้อคลุม ดวงตาบนหน้ากากมองผู้นำกองรักษาการณ์เสื้อคลุมแดงด้วยความเย็นชา ในช่วงที่ประสานสายตากันชายวัยกลางคนเกิดความรู้สึกหนาวเยือกในจิตใจ แทบเป็นช่วงที่เกิดความรู้สึกดังกล่าว ซูหมิงพลันก้าวเดินเข้ามา
ด้วยความเร็วของเขาจากระยะห่างไม่ถึงสิบจั้ง แทบเป็นชั่วพริบตาเดียว เขาหายไปในสายตาของชายเสื้อคลุมแดง
เขาตกตะลึงเพียงชั่วครู่ รู้สึกแปลกๆ พลันยืนขึ้น ทว่าในช่วงที่เพิ่งยืนพลันชะงัก ดวงตาหรี่ลง มองซูหมิงที่ไม่ทราบว่ามาปรากฏอยู่ตรงหน้าเมื่อไหร่อย่างเหม่อลอย ทั้งยังจิ้มนิ้วตรงกลางระหว่างคิ้วของเขา
สิ่งที่เขาเห็นเพียงอย่างเดียวคือหน้ากากบนใบหน้าของซูหมิง เขาในยามนี้มิได้มีความรู้สึกขบขันหน้ากากอันนั้นอีก แต่จิตใจสั่นไหวใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
คนที่ตื่นตะลึงมิได้มีเพียงแค่เขา ผู้นำนักรบชำระล้างก็เช่นเดียวกัน ดวงตาไร้ประกาย พลังโลหิตในร่างกายพลันโคจรขึ้นทันที
“โม่ซู ท่านคิดจะทำอะไร!” แม้แต่จ้าวเผ่าบูรพาสงบยังตื่นตะลึง พลันยืนขึ้น เขาไม่เห็นเลยว่าเงาของซูหมิงมาปรากฏอยู่หน้าผู้นำกองรักษาการณ์ได้อย่างไร
ส่วนคนที่เหลือต่างพากันตื่นตะลึง ทุกสายตาล้วนจับจ้องไปทางซูหมิง นิ้วชี้มือขวาของเขาจิ้มไปตรงกลางระหว่างคิ้วผู้นำกองรักษาการณ์บูรพาสงบ มองคนตรงหน้าด้วยแววตาเย็นชา
“ตอนนี้ ข้ามีคุณสมบัติพอรึยัง?”
“เจ้า…เจ้า….” ชายเสื้อคลุมแดงผู้นำกองรักษาการณ์บูรพาสงบ ยามนี้จิตใจสั่นไหว เขาแทบไม่เคยสัมผัสถึงความรู้สึกอันตรายเด่นชัดเช่นนี้มาก่อน นิ้วของซูหมิงปล่อยแรงกดดัน ทำให้ร่างกายและจิตใจของเขาราวกับแหลกสลาย รู้สึกเหมือนเผชิญหน้ากับจ้าวหมาน
และยังมีความเย็นชาจากแววตา ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงจิตสังหาร
“เจ้ามีคุณสมบัติ!” น้ำเสียงแผบพร่าดังเข้ามาเรียบๆ จ้าวหมานบูรพาสงบลืมตาขึ้นเป็นครั้งแรก ก่อนมองซูหมิง