Skip to content

สู่วิถีอสุรา 163

ตอนที่ 163 หากไม่ตาย นั่นก็เป็นวาสนา

“ชาวเผ่าหมานจะเข้าใจอาคมของแดนเซียนข้าได้อย่างไร นี่มิใช่ผนึกมิติระดับสี่ตั้งนานแล้ว แต่เป็นครึ่งระดับ!” สายตาซูหมิงพร่ามัว ในตอนที่กลับมาชัดเจนอีกครั้ง เขาพบว่าอยู่ในแดนมืดมิด เป็นถ้ำภูเขาแห่งหนึ่ง โดยรอบไม่มีแสงเห็นเพียงเลือนราง

“รีบส่งข้ากลับบ้าน อาการบาดเจ็บข้าจากในตอนนั้นยังไม่หายดี ตอนนี้ข้าละทิ้งร่างเดิมไปแล้วเหลือแค่ร่างแยก ยืนหยัดได้อีกไม่นาน หากร่างเดิมข้าตายและยังออกไปไม่ได้ ร่างนี้ก็จะตายตามไปด้วย!

ต้องแบ่งร่างออกจากแดนหมานเท่านั้น ภายใต้กฏเกณฑ์ที่ต่างกับแดนเซียน จะสามาถตัดการเชื่อมต่อกับร่างเดิม และทำให้ข้ามีชีวิตต่อไป” เสียงหอบหายใจแรงดังข้างซูหมิง หานคงจับไหล่ซูหมิงเอาไว้แน่น ใบหน้าของเขาห่างจากซูหมิงเพียงเจ็ดชุ่น เขาจ้องดวงตาของซูหมิง นัยน์ตาฉายแววคลุ้มคลั่งและร้อนรน เขาในยามนี้ใกล้จะสิ้นหวังแล้ว มิได้มีท่าทีสงบนิ่งเหมือนก่อนหน้า

“ข้าไม่มีวิธีส่งท่านกลับไป” ซูหมิงเงียบไปครู่หนึ่ง กล่าวเรียบๆ

“ข้าจะบอกอีกครั้ง ส่งข้ากลับไป!” หานคงแผดเสียงตะโกน จับไหล่ของซูหมิง สีหน้าเผยจิตสังหาร

“หากท่านไม่เชื่อก็มายึดวิญญาณข้า ดูความทรงจำของข้าแล้วจะรู้เองว่าข้าหลอกท่านหรือไม่…” ซูหมิงมีสีหน้าสงบนิ่งยามมองหานคง นั่นคือเป้าหมายของเขา!

ตอนอยู่ข้างผนังหินตรงปลายเส้นทาง เขาได้ทราบอะไรหลายๆ อย่าง เขายังลังเลเกี่ยวกับเรื่องความทรงจำว่าหายไปบางส่วนจริงหรือไม่ จะมองข้ามเรื่องนี้ไปมิได้ เขาอยากทำให้ทุกอย่างชัดเจน

ทว่าซูหมิงทราบดีว่าแค่พลังของตัวเองคงไม่พอ ดังนั้นเขาจึงนึกถึงบรรพบุรุษเขาหาน นึกถึงสิ่งที่เหอเฟิงบอก….การยึดวิญญาณ!

การยึดวิญญาณมีจุดหนึ่งที่สามารถรื้อค้นความทรงจำ! เรื่องที่เหอเฟิงทำไม่ได้ แต่ซูหมิงเชื่อว่าบรรพบุรุษเขาหานตรงหน้าทำได้

‘ข้าอยากรู้ว่าเหตุใดหานชางหลันถึงมองด้วยแววตาสงสาร…ข้าอยากรู้ว่าเหตุใดหนานเทียนถึงไม่กล่าวเรื่องชาวเผ่าหมานเพลิงถูกเทพหมานทำลาย….ข้าอยากรู้ว่าเหตุใดบนเส้นทางสีแดงถึงปรากฏดวงตาเย็นชาและคำพูดนั้น เหตุใดทำให้ข้าเครียดและหวาดกลัว…

ข้าอยากรู้ หากความทรงจำข้าหายไปจริงๆ แล้วความทรงจำเหล่านั้นเกิดขึ้นเมื่อไหร่…ข้าอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับความทรงจำที่หายไป….ข้าอยากรู้ว่าทุกอย่างในภูเขาทมิฬกับท่านปู่เป็นเพียงความฝันหรือไม่……’ ซูหมิงหลับตา ก่อนลืมตาอีกครั้ง มองหานคงหอบหายใจแรง

“ช่วยข้า บอกข้าว่าในความทรงจำมีอะไรหายไป และก็บอกตัวท่านเองเสียว่าเหตุใดข้าถึงไม่รู้วิธีส่งท่านกลับบ้าน จะได้เป็นการพิสูจน์ด้วยว่าข้าไม่ได้หลอกท่าน ช่วยข้า…..บอกข้าที…..ข้าเป็นใคร…” ซูหมิงกล่าวเสียงเบา นัยน์ตาฉายแววยึดมั่น

หานคงจ้องซูหมิง แววตาเช่นนี้ เขาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงเกิดความกลัวในจิตใจอย่างบอกไม่ถูก สิ่งที่เขาหวาดกลัวคือความสงบนิ่งของซูหมิง ในชีวิตของเขาไม่เคยมีใครมาขอให้ช่วยยึดวิญญาณมาก่อน

“การยึดวิญญาณแบบบริสุทธิ์กับการค้นหาวิญญาณจะมองไม่เห็นความทรงจำทั้งหมด เห็นเพียงเศษกระจัดกระจายเท่านั้น…ในเมื่อเจ้าไม่รู้วิธีส่งข้ากลับ ทั้งยังขอร้องให้ข้ายึดวิญญาณ เช่นนั้นข้าจะช่วยเจ้าสักครั้ง!

ร่างแยกของข้านี้หลอมขึ้นจากชาวเผ่าหมาน ตัวเขาก่อนหน้านี้เป็นนักรบเซ่นไหว้กระดูกของเผ่าหมาน หากเจ้าอยากให้ข้าช่วยจริงๆ ข้าต้องหลอมเจ้าให้กลายเป็นร่างแยกของข้า! หากข้าตายเจ้าก็จะตายไปด้วย หากเจ้าไม่ตายนั่นก็เป็นวาสนา ข้าช่วยเต็มที่แล้วเจ้าว่าอย่างไร!”

หานคงมีชีวิตอยู่มานาน จะมองไม่ออกถึงท่าทางแปลกๆ ได้หรือ ทว่าเขาไม่มีเวลาแล้ว…นัยน์ตาหานคงฉายแววเคียดแค้น เขารอมาแปดพันปี แต่ผลที่ได้คือเขาไม่ได้กลับบ้าน

กระทั่งยามนี้เขาตายได้ตลอดเวลา หากร่างเดิมด้านนอกตายตกเขาก็จะตายตามไปด้วย จะมาตายอย่างนี้ สู้ฝากความหวังไว้กับซู่มิ่งที่ให้ความหวังและทำลายความหวังของเขาไม่ดีกว่าหรือ หลอมเป็นร่างแยกของตัวเอง หากตายก็ต้องตายพร้อมกัน ไม่ว่าอย่างไรก็จะได้เห็นความทรงจำทั้งหมดของอีกฝ่ายแน่นอน

ไม่รอให้ซูหมิงพยักหน้าตกลง หานคงพลันใช้มือขวากดตรงท้องน้อยของตัวเอง ทั้งตัวพลันสั่นสะท้าน เกิดเป็นเสียงระเบิดตรงหน้าซูหมิง ร่างกายกลายเป็นหมอกโลหิต

หมอกโลหิตย้อมซูหมิงทั้งตัว ท่ามกลางหมอกมีแสงทองวูบวาบ เห็นเพียงคนเล็กขนาดเท่าฝ่ามือสีทองบินออกมาจากหมอก ตรงมายังระหว่างคิ้วซูหมิง ลักษณะของคนเล็กคือหานคง ทว่าความแข็งแกร่งเหอเฟิงไม่อาจเปรียบได้

คนเล็กเป็นกายสมบูรณ์ มิใช่กายวิญญาณ แต่เป็นแก่นวิญญาณที่เหนือกว่าทารกวิญญาณ ในตัวเขามีกระดูกสันหลังสีทองหนึ่งชิ้น!

แม้กระดูกสันหลังชิ้นนี้ขาดมันวาว แต่กลับมีกลิ่นอายพลังของเผ่าหมาน สิ่งนี้คือกระดูกพันธุกรรมชิ้นแรกในร่างกายของผู้แข็งแกร่งขั้นเซ่นไหว้กระดูก!

เรื่องนี้ไม่ต่างจากที่ซูหมิงคาดเดาสักเท่าไร ทว่าผลสุดท้ายก็ยังเหมือนเดิม เขาไม่ต่อต้าน แต่มองแก่นวิญญาณหานคงตรงเข้ามา แล้วหลับตาลง

‘เรื่องในโลกใบนี้ น้อยนักที่จะดูแลได้ครอบคลุมทุกด้าน เพราะมีความผิดพลาด ดังนั้นจึงมีความถูกต้อง ข้าลงเดิมพันแล้ว!’ ในช่วงที่หลับตา แก่นวิญญาณหานคงกระทบกับระหว่างคิ้วซูหมิงและทะลวงเข้าไปในชั่วพริบตา ในช่วงที่เขาหายเข้าไป ร่างกายซูหมิงสั่นไหวอย่างรุนแรง ใบหน้าภายใต้หน้ากากดูเจ็บปวด

ความเจ็บปวดนี้มากกว่าตอนเหอเฟิงยึดวิญญาณหลายเท่า กระทั่งไม่อาจนำมาเปรียบกันได้ เป็นความต่างราวกับฟ้าดิน รู้สึกเหมือนมีเข็มกระดูกจำนวนมากแทงเข้าไปตามรูขุมขน อีกทั้งจิตใจราวกับถูกเทือกเขากดทับ ร่างกายเหมือนจะแหละละเอียด

ภายใต้ความเจ็บปวด มีโลหิตไหลมาตามหน้ากาก เป็นโลหิตจากทวารทั้งเจ็ด! ความเจ็บปวดยากจะบรรยาย ทว่าซูหมิงไม่ได้แผดเสียงคำราม ไม่ได้คลุ้มคลั่ง แต่เขานั่งขัดสมาธิแววตาสงบนิ่ง ฝืนทนความเจ็บปวดอย่างเงียบๆ การยึดวิญญาณของหานคงก็ดี หลอมร่างแยกก็ดี เขาทนรับทุกอย่างด้วยความเงียบ

จนกระทั่งสายตาพร่ามัวและมาถึงโลกที่เขาเคยมาก่อนหน้านี้ เป็นพื้นที่โล่งเพียงสิบกว่าจั้ง โดยรอบมีหมอกหนาปกคลุม ซูหมิงยังคงเป็นแสงอ่อนเบาบางลอยอยู่กลางอากาศ ความรู้สึกคุ้นเคยและความคิดกลอุบาย ทำให้ซูหมิงสงบนิ่ง ไม่มีความหวาดกลัว เขามองแสงทองสว่างจ้าด้านข้าง นั่นคือแก่นวิญญาณหานคงที่กำลังมาหลอมรวมกับเขา

แก่นวิญญาณหานคงสูงหลายจั้ง เทียบกับซูหมิงแล้ว อีกฝ่ายเหมือนกับคนยักษ์ ขณะเข้าใกล้พื้นที่โล่งในขอบเขตสิบกว่าจั้งรอบตัวซูหมิงเกิดการสั่นสะเทือน ราวกับไม่อาจทนรับไหวใกล้พังทลายลง

แสงทองสว่างจ้า เงาคนสูงใหญ่นั้นยังไม่ทันเข้าใกล้ซูหมิงก็เกิดเป็นลมพายุคลั่งรอบตัว ทำให้มอดดับได้ทุกเมื่อ

“นี่มันความคิดอะไรกัน…ไม่อยากเชื่อว่าจะมีหมอกมากถึงเพียงนี้!” หานคงมองไปรอบๆ ใบหน้าแก่นวิญญาณดูตื่นตะลึง เขาทราบดีว่านี่มันหมายถึงอะไร พลันมองไปทางซูหมิงพร้อมด้วยแววตาซับซ้อน

“ข้า จะช่วยเจ้าเต็มที่!” หานคงกล่าว

แก่นวิญญาณพลันอ้าปากกว้างสูบกลืนซูหมิง กลุ่มแสงอ่อนซูหมิงพลันลอยเข้าไปทางหานคง แม้ถูกกลืนทว่าในนี้ก็เป็นความคิดของซูหมิง เขายังคงเห็นว่าหมอกเบื้องหน้าเลือนหายอย่างรวดเร็ว ไหลเวียนมาถึงความทรงจำของแดนอรุณใต้…

“ครั้งนี้ ข้าจะได้เห็นหรือไม่…” ซูหมิงพึมพำ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!