Skip to content

สู่วิถีอสุรา 224

ตอนที่ 224 เข้าใจ

“ไป!” ซูหมิงพยักหน้า

ศิษย์พี่สามพลันตะลึงงัน ถือน้ำเต้าเงยหน้ามองท้องฟ้า กล่าวพึมพำหลายประโยคโดยที่ซูหมิงไม่ได้ยิน ก่อนยกมือเหมือนกำลังคำนวณ ผ่านไปครู่หนึ่งจึงเผยรอยยิ้มซื่อๆ

“ได้ เจ้าโชคดี วันนี้ไปพบศิษย์พี่ใหญ่ได้ ไป ตามข้ามา” ขณะศิษย์พี่สามกล่าว เขาขยับตัวทะยานไกลออกไป ซูหมิงไม่กล่าวเพียงตามอยู่ด้านหลัง มองเงาแผ่นหลังศิษย์พี่สาม เริ่มไม่เข้าใจเงาแผ่นหลังนี้เล็กน้อย

ทั้งสองคนหน้าและหลัง ช่วงที่ตะวันแรกเริ่มทอแสง พวกเขาห้อเหยียดอยู่กลางภูเขา ไม่นานก็มาถึงหินภูเขาทรุดโทรมเล็กน้อย ตรงนั้นซูหมิงเห็นเป็นถ้ำเล็กเตี้ยแห่งหนึ่ง มีหินก้อนใหญ่ปิดเอาไว้มากกว่าครึ่ง ทำให้แม้เป็นยามกลางวันก็แทบไม่มีแสงตะวันเล็ดลอดเข้าไป

“ศิษย์พี่ใหญ่นั่งฌานอยู่ตรงนี้รึ?” ซูหมิงลังเลครู่หนึ่งก็ออกปากถาม

“ศิษย์พี่ใหญ่จะไปใช้ชีวิตแบบนี้ได้อย่างไร นี่เป็นถ้ำของศิษย์พี่หู่เอง เป็นอย่างไรบ้าง ดูมีสง่าราศีมากเลยใช่รึไม่ เจ้ารอตรงนี้ก่อน ข้าจะไปเอาสุรา” ขณะศิษย์พี่สามกล่าว เขาย่อตัวเข้าไปในถ้ำเล็กเตี้ย ซูหมิงยืนงุนงงอยู่ด้านนอกครู่หนึ่ง การคาดเดาของเขาก่อนหน้านี้เกิดการสั่นคลอน

ไม่นานศิษย์พี่สามก็เดินออกมา น้ำเต้าสุราในมือยังมีสุรากระเซ็นออกมาเล็กน้อย มอบแวบแรกก็รู้ว่าถูกเติมจนเต็ม เขาหิ้วน้ำเต้าใหญ่ สีหน้ามีความสุข

“ไปเถอะ พวกเราต้องทำเวลาแล้ว มิเช่นนั้นจะไม่ทันการ”

ขณะกล่าว ศิษย์พี่สามห้อเหยียดไปด้านหน้าด้วยความเร็ว ซูหมิงลังเลครู่หนึ่งก่อนตามหลังไป ทั้งสองคนมุ่งตรงไปทางตีนเขา

ราวหนึ่งก้านธูปต่อมา ชายร่างกำยำนามหู่จื่อพาซูหมิงมาถึงตีนเขา เลี้ยวลดคดเคี้ยวจนมาอยู่กลางรอยแยกตัวภูเขา ช่วงที่เพิ่งเหยียบเข้าไป ซูหมิงพลันสัมผัสได้ถึงไอหนาวกระทบใบหน้า

เขาเห็นการกระทำของศิษย์พี่สาม เห็นได้ชัดว่าคุ้นเคยกับตรงนี้อย่างยิ่ง หลังเดินเข้าไปในรอยแยกอยู่นานก็ค่อยๆ เข้ามาในส่วนลึก ระหว่างทางมีหลายครั้งที่มองไม่เห็นทางข้างหน้าราวกับทางตัน ทว่าภายใต้การนำของหู่จื่อ กลับปรากฏเส้นทางใหม่ขึ้นมา

เดินเลี้ยวไปเลี้ยวมาในชั้นน้ำแข็ง ต่อให้เป็นซูหมิงก็ยังรู้สึกมึน ทันใดนั้นศิษย์พี่สามตรงหน้าพลันหยุดชะงัก พาซูหมิงมาอยู่นอกแอ่งกระทะชั้นน้ำแข็งขนาดไม่ใหญ่นัก

ครั้นเบิ่งตามอง พบว่าแอ่งกระทะตรงหน้าเหมือนถ้ำใหญ่ ด้านล่างมืดทึบ ปล่อยไอหนาวเยือกเสียดกระดูก โดยรอบมีน้ำแข็งย้อยจำนวนมาก แฝงไว้ด้วยความหนาวเหน็บ

“ถึงแล้ว ศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้านล่าง แต่ข้างล่างมันลึกมากจนพวกเราเข้าไปไม่ได้ อยู่ตรงนี้ก็พอแล้ว” ศิษย์พี่สามหันกลับมามองซูหมิง ชี้แอ่งกระทะตรงหน้า

ซูหมิงเดินหน้ามาหลายก้าว มองลงไปในแอ่งกระทะด้านล่าง ขั้นพลังและสายตาของเขายังมองไม่เห็นก้นแอ่งกระทะ

ศิษย์พี่สามวางน้ำเต้าในมือลง ยืนอยู่ด้านข้าง ยกมือขวากางนิ้วทั้งห้าราวกับกำลังคำนวณเวลา

“เหลือเวลาอีกครึ่งก้านธูป ศิษย์น้องเล็กรออีกหน่อย…” ทว่ายังกล่าวไม่จบ พลันมีเสียงคำรามต่ำดังแว่วมาจากในแอ่งกระทะ เสียงคำรามดังสนั่น สั่นสะเทือนชั้นน้ำแข็งนอกแอ่งกระทะจนสั่นไหวอย่างรุนแรง

ซูหมิงสีหน้าเปลี่ยน เขาสัมผัสได้ถึงความร้อนระอุอย่างชัดเจนปะทุออกมาจากชั้นน้ำแข็งที่ไม่ควรจะมีอยู่ เขาพลันถอยไปหลายก้าว ความรู้สึกร้อนจัดตรงเข้ามา พบว่าเป็นคลื่นไอร้อนหลั่งทะลักมาจากแอ่งกระทะ

ระลอกคลื่นมอบความรู้สึกร้อนระอุ แม้แต่ร่างกายยังอาจถูกอบจนแห้งเกรียม ทว่าที่แปลกคือแอ่งกระทะกับชั้นน้ำแข็งโดยรอบกลับหลอมละลายอย่างช้าๆ ภาพเหตุการณ์ที่ไม่สอดคล้องกับหลักการทั่วไปปรากฏตรงหน้าซูหมิง ทำให้เขาตื่นตะลึง สูดลมหายใจเข้าลึก

“มารดาเถอะ เหตุใดครั้งนี้ศิษย์พี่ใหญ่ถึงปล่อยพลังก่อนเวลา ศิษย์พี่ใหญ่ หู่จื่อมาหา และยังพาศิษย์น้องเล็กที่ตาแก่เพิ่งรับมาด้วย เห็นแก่หน้าศิษย์น้องเล็ก ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรท่านต้องช่วยอุ่นสุราให้ข้า ข้าขอบอกท่านก่อนนะศิษย์พี่ใหญ่ หากครั้งนี้ท่านทำน้ำเต้าสุราข้าแตกอีก จนข้าต้องอับอายต่อหน้าศิษย์น้องเล็กละก็ จากนี้ข้าจะไม่มาหาท่านอีกแล้วจริงๆ”

ขณะศิษย์พี่สามกล่าว เขารีบโยนน้ำเต้าสุราข้างกายลงไปในแอ่งกระทะ น้ำเต้าสุราถูกกลิ่นอายความร้อนที่ปะทุจากแอ่งกระทะดันเอาไว้ทำให้ไม่ร่วงลง และลอยอยู่กลางอากาศ

เพียงแต่ว่ามีเสียงกึกๆ ดังขึ้น น้ำเต้าสุราเกิดรอยแตก และยังมีสุราไหลมาตามรอยแตกเล็กน้อย จากนั้นจึงหยดลงสู่แอ่งกระทะ

“ศิษย์พี่ใหญ่!” หู่จื่อแผดเสียงตะโกนอย่างป่าเถื่อน สีหน้าเปลี่ยนไป

มีเสียงหึเย็นชาดังแว่วมาจากแอ่งกระทะ รอยแตกจำนวนมากบนน้ำเต้าสุราพลันมีชั้นน้ำแข็งมาอุดเอาไว้ ทำให้สุราจากในน้ำเต้าไม่ไหลออกมาอีก

ขณะเดียวกัน มีไอร้อนแผ่ขยายมาจากน้ำตาที่เปิดฝาเอาไว้ มันเป็นกลิ่นหอมสุราเข้มข้นอบอวลโดยรอบ ทำให้คนที่ได้กลิ่นมันเกิดความรู้สึกอบอุ่นในตัว

นอกน้ำเต้าเป็นน้ำค้างแข็ง ภายในน้ำเต้ากลับเป็นสุราเดือดพล่าน กลายเป็นไอสุราลอยหายไปเกือบครึ่ง

“พอแล้วๆ ศิษย์พี่ใหญ่ พอแล้ว!” หู่จื่อหน้าเปลี่ยนสีอย่างเร็ว หนึ่งลมหายใจก่อนหน้านี้ยังโอดครวญ หนึ่งลมหายใจต่อมากลับมีท่าทางยิ้มแย้มดีใจ

“น้องสาม…..ทีหลังอย่าทำเช่นนี้อีก…ทุกครั้งที่เจ้ากลับไปข้าต้องปรับวงแหวนอาคมเส้นทางด้านนอกตลอด แต่เจ้าก็ยังบุกเข้ามาได้…” น้ำเต้าสุราที่ถูกหุ้มด้วยน้ำค้างแข็งลอยไปทางหู่จื่อ ก่อนวางลงตรงหน้าเขา ขณะเดียวกันก็มีเสียงดังแว่วมาจากแอ่งกระทะด้วยความจำใจ

น้ำเสียงนั้นนุ่มนวลยิ่งนัก ทว่าเมื่อเข้าหูซูหมิง เขากลับรู้สึกถึงความหนาวเย็นเป็นลำดับแรก จากนั้นค่อยๆ กลายเป็นความอบอุ่นอยู่ทั้งในและนอกร่างกาย

“พลังประจำตัวที่กว่าข้าจะฝึกฝนได้กลับใช้อุ่นสุราให้เจ้า และก็มีแค่เจ้าคนเดียวที่ได้มัน…เฮ้อ จำเอาไว้นำสุราไปให้อาจารย์ครึ่งหนึ่ง มิเช่นนั้นครั้งหน้าข้าจะไม่อุ่นสุราให้เจ้าแล้วจริงๆ!” น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความจำใจ ทำให้ซูหมิงคิดว่าศิษย์พี่สามทำเกินไปหน่อย

“ศิษย์พี่ใหญ่วางใจ ข้าจะเอาไปให้ตาแก่ครึ่งหนึ่งอย่างแน่นอน เฮอะๆ” หู่จื่อมีสีหน้าดีใจ รีบหยิบน้ำเต้าขึ้นมาสูดดมกลิ่นสุราภายใน สีหน้าเคลิบเคลิ้ม

“น้องสี่ เจ้าเพิ่งขึ้นเขามา น่าเสียดายศิษย์พี่ยังออกฌานไม่ได้ ยังต้องรออีกหลายปี เอาอย่างนี้ ของสิ่งนี้ข้าให้เจ้าเอาไว้ใช้ป้องกันตัว” น้ำเสียงนุ่มนวลดังแว่วมาอีกครั้ง ก่อนมีน้ำแข็งสีฟ้าก้อนหนึ่งลอยจากในแอ่งกระทะมาอยู่ตรงหน้าซูหมิง

ภายในน้ำแข็งสีฟ้าเป็นเพลิงสีเดียวกัน แฝงไว้ด้วยความรู้สึกยั่วยวนใจอย่างน่าประหลาด

“ขอบคุณศิษย์พี่ใหญ่” ซูหมิงรีบประสานมือคารวะ แล้วเก็บน้ำแข็งสีฟ้าลงไป เพียงมองแวบแรกก็รู้แล้วว่าสิ่งนี้มิใช่ของธรรมดา

“ศิษย์พี่ใหญ่รีบฝึกฝนเถอะ ข้านับเอาไว้แล้ว อีกสี่สิบสามวันจะเป็นวันที่ท่านปล่อยพลังประจำตัวอีกครั้ง ถึงตอนนั้นข้าจะมาหาท่านอีก ถ้าอย่างนั้นข้าไม่รบกวนท่านแล้ว ศิษย์พี่ใหญ่อย่ายอมแพ้!” หู่จื่อหิ้วน้ำเต้าสุราและดึงซูหมิงถอยไปหลายก้าว ก่อนตะโกนเสียงดังลงไปในแอ่งกระทะ

กลิ่นอายพลังร้อนระอุจากในแอ่งกระทะพลันชะงักอย่างเห็นได้ชัด ก่อนมีเสียงถอนหายใจอย่างจนปัญญาดังแว่วมา

“เจ้าเองก็อย่าเห็นแก่สุราให้มากนัก จำคำพูดที่อาจารย์พูดกับเจ้าตอนนั้นได้รึไม่ แม้สุราเป็นวิธีทำให้จิตใจสงบของเจ้า แต่นั่นก็เป็นแค่ขั้นตอน สิ่งสำคัญคือความฝันหลังจากเจ้าเมาแล้วต่างหาก…” น้ำเสียงอ่อนนุ่มดังก้อง

“รู้ๆ พวกข้าขอตัวก่อน” หู่จื่อกำลังรีบออกไป ซูหมิงกลับหยุดชะงัก มองกลิ่นอายพลังร้อนจัดที่ปะทุมาจากในแอ่งกระทะ

“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านฝึกฝนวิชาอะไร ใช่เคล็ดวิชาในหินหยกบนชั้นสองของห้องลับอาจารย์หรือไม่”

ภายในแอ่งกระทะเงียบไปชั่วครู่ ก่อนเสียงนุ่มนวลจะดังขึ้น

“สิ่งที่ข้าเห็น พวกเจ้ามองไม่เห็น…เพราะสิ่งที่ข้ากระหายมากที่สุดในใจคือเคล็ดวิชา”

เสียงของศิษย์พี่ใหญ่ดังกึกก้อง ซูหมิงในเวลานี้จิตใจสั่นไหว จนกระทั่งเขาถูกหู่จื่อดึงออกจากจุดนั่งฌานของศิษย์พี่ใหญ่และมาถึงตีนยอดเขาลำดับเก้า ในความคิดเขาเกิดเป็นคลื่นลูกใหญ่

เขาไม่รู้ว่าตัวเองออกมาได้อย่างไร เขาแยกกับศิษย์พี่สามด้วยอาการตื่นตะลึงและกลับมาถึงนอกถ้ำของตัวเอง ก่อนนั่งขัดสมาธิอยู่บนแท่นราบ มองฟ้าดินไกลๆ ทว่าสิ่งที่เขาเห็นไม่สำคัญแล้ว เพราะจิตใจของเขาไม่อาจสงบลง

‘เพราะศิษย์พี่ใหญ่กระหายในเคล็ดวิชา ดังนั้นตอนเขาเข้าไปในชั้นสอง หินหยกพวกนั้นจึงมีอยู่จริงๆ…เขาได้วิชาที่เขาอยากได้ ฝึกฝนจิตใจขณะนั่งฌาน ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

แต่ข้า สิ่งที่สนใจมากที่สุดคือแผนที่ ดังนั้นศาสตราวุธหมานในชั้นหนึ่งและเคล็ดวิชาในชั้นสองรวมถึงคัมภีร์ในชั้นสามถึงเป็นภาพมายา มีแค่แผนที่ที่ข้ามองเห็น…

ศิษย์พี่ใหญ่ใช้การนั่งฌานเป็นการฝึกจิตใจ เพื่อเข้าใจถึงคำว่าสร้าง…บางทีวิชาของเขาอาจเป็นเพียงส่วนหนึ่ง การคิดสร้างต่างหากที่จะสอดคล้องกับความหมายแท้จริงของการสร้าง

ไม่รู้ว่าศิษย์พี่รองได้อะไรมาจากห้องลับของอาจารย์…เขาเลือกปลูกพืชดอกเหล่านั้น เพราะการปลูกด้วยตัวเองคือตัวแทนของการคิดสร้าง…สร้างชีวิต ใช้วิธีนี้ในการฝึกฝนจิตใจและตระหนักรู้…

ส่วนศิษย์พี่สาม หลังจากเมาแล้วก็นอน เมาคือขั้นตอน ความฝันเมื่อหลับแล้วต่างหากคือการเริ่มต้นฝึกฝนจิตใจ…ความฝันก็คือการสร้างฝันเช่นกัน…’ ซูหมิงเข้าใจแล้ว

ซูหมิงตัวสั่นสะท้าน ยามนี้เขามองทอดไปไกล เห็นฟ้าดินเริ่มต้น ตะวันแรกโผล่พ้นขึ้นมา แสงตะวันส่องสว่างแผ่นดินใหญ่ด้วยความหวั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก สายลมพัดผ่านเส้นผมซูหมิงอย่างเนิบช้า ดูราวกับมีหลากหลายบุคลิกภายใต้แสงตะวัน

ซูหมิงหันหน้าอย่างช้าๆ มองยอดเขาภายใต้แสงตะวัน ตรงนั้นเขาเห็นรางๆ ว่ามีเงาคนแก่ชรายืนอยู่ เงาคนนั้นกำลังมองตะวันแรกไกลๆ เสื้อผ้าปลิวไสว

“อาจารย์…” ซูหมิงพึมพำเบาๆ

‘เป็นศิษย์ของข้าเทียนเสียจื่อ สักวันหนึ่งเจ้าจะรู้เองว่าสำนักเหมันต์สวรรค์ก็ไม่เท่าไร!’

ในความคิดซูหมิงปรากฏคำพูดที่เทียนเสียจื่อเคยพูดกับเขาในตอนนั้น

ซูหมิงหลับตาตกอยู่ในห้วงความคิด

เวลาค่อยๆ ผ่านไป หนึ่งวัน สองวัน สามวัน…

ซูหมิงยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น ตะวันขึ้นลงสลับกัน ลมหนาวหิมะพัดผ่าน เขาแน่นิ่งไม่เคลื่อนไหว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!