Skip to content

สู่วิถีอสุรา 243

ตอนที่ 243 หนอนไม้พลองประหลาด

ซูหมิงมองกระดานไม้ที่ตนสร้างขึ้นเองกับมือตรงหน้า เขายกมือขวาขึ้นลูบผ่านเบาๆ บนแผ่นกระดานราบเรียบ ไม่มีความหยาบใดๆ

“จากนี้ไป เจ้าจะตระหนักรู้ถึงการสร้างของฟ้าดินพร้อมกับข้า…” ซูหมิงพึมพำแล้วค่อยๆ หลับตาลง

ยามนี้ท้องฟ้าภายนอกมืดสนิทลงแล้ว ลมหนาวพัดครืนๆ เข้ามา พัดผ่านยอดเขาลำดับเก้า พัดผ่านแท่นราบนอกถ้ำของซูหมิง มีบางส่วนทะลุเข้ามาในถ้ำ บางครั้งก็พัดเส้นผมยาวของเขาปลิวไสว

ซูหมิงกำลังหลับตา เขามิได้ทำการตระหนักรู้หรือตกอยู่ในห้วงการฝึกฝน ในความคิดเขาขาวโพลน เพียงแต่ในความว่างเปล่านั้นค่อยๆ ปรากฏเงาของสตรีผู้หนึ่ง

นางมีรอยยิ้มงดงาม ดวงตาทั้งสองข้างเป็นประกาย ทำให้มองแวบแรกก็ถูกความงามของนางดึงดูด จากนั้นเงาร่างของนางชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จนสัมผัสได้ถึงความงามแบบดื้อรั้นจากในตัวนาง

เหมือนกับดอกไม้ผลิบานอย่างอิสระในป่าทึบ ส่งกลิ่นหอมที่มีแรงดึงดูดใจรุนแรงอย่างเป็นธรรมชาติ

นางสวมอาภรณ์สีขาว อมยิ้มเหมือนกำลังมองซูหมิง

“ไป๋หลิง…ไป๋ซู่…” ซูหมิงพึมพำ ขณะหลับตาก็ยกมือขวาขึ้น ใช้นิ้วมือแทนพู่กัน วาดบนไม้กระดานสีขาวที่เพิ่งสร้างขึ้น

ทุกลายเส้นปรากฏเป็นเส้นมายาบนแผ่นกระดาน คนอื่นมองไม่เห็นเส้นมายาเหล่านั้น เห็นเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น เสมือนบนไม้กระดานไม่มีเส้นใดๆ เป็นเพียงนิ้วมือที่ลากผ่านแล้วไม่ทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้

ทว่ามีเพียงซูหมิงเท่านั้นที่จิตใจถูกชักนำ เมื่อนิ้วมือลากผ่าน เขาจึงเห็นได้ว่าตนกำลังวาดอะไร บางทีอาจพูดได้ว่าสิ่งที่เขาวาดคือภาพเหมือนของจิตใจเขา ความรู้สึก กลิ่นอายพลัง ตาเปล่าย่อมมองไม่ออก

เวลาค่อยๆ ผ่านไป ลมหนาวส่งเสียงลากยาวมากขึ้นกลางดึก ภายในถ้ำเงียบสงัด มีเพียงเสียงนิ้วมือที่วาดกระทบบนแผ่นไม้กระดานไม่หยุด แต่เมื่ออยู่ท่ามกลางสายลม เสียงนั้นเบายิ่งนักจนไม่ได้ยิน

จนกระทั่งหนึ่งคืนผ่านไป ตอนที่ท้องฟ้าด้านนอกสิ้นสุดลง ตะวันแรกค่อยๆ โผล่ขึ้นฟ้า มือขวาของซูหมิงหยุดชะงักบนแผ่นกระดานแล้วลืมตาขึ้น

เขามองแผ่นกระดาน ยามนี้หากคนอื่นเห็นแผ่นกระดานของเขาจะรู้สึกว่ามันไม่ต่างอะไรกับของเมื่อคืนวาน ยังคงมีแต่ความว่างเปล่า ทว่าในสายตาของเขากลับเป็นร่างสตรีผู้หนึ่ง

นางสวมอาภรณ์สีขาว มีรอยยิ้มงดงาม สมจริงราวกับมีชีวิต แต่กลับไม่มีดวงตา

ซูหมิงเงียบไปครู่หนึ่ง พลันยกมือขวาขึ้นตวัดนิ้วตรงดวงตาของเด็กสาวหลายครั้ง เด็กสาวบนแผ่นกระดานในสายตาของซูหมิงมีดวงตาเพิ่มเข้ามา ในดวงตานางมีประกายน่าหลงใหล เพียงแต่ในประกายนั้นมีความรังเกียจแฝงอยู่ ทำให้เอกลักษณ์เฉพาะตัวของนางเปลี่ยนไป ราวกับกำลังถามซูหมิงด้วยน้ำเสียงติเตียน

“นางคือไป๋ซู่” ซูหมิงกล่าวกับตัวเองเบาๆ แววตาสงบนิ่งไร้ระลอกคลื่น เขามองสตรีในแผ่นกระดานอยู่นาน ก่อนใช้มือขวาดีดบนแผ่นกระดาน

แผ่นกระดานพลันสั่นไหว มีผงบางๆ ดีดขึ้นจากผิวแผ่นกระดานหนึ่งชั้น มันเหมือนกับคลี่ออกเป็นผ้าบางๆ และผ้าผืนนั้นวาดร่างคนสีขาวเอาไว้

ช่วงที่ซูหมิงดีดเศษผงขึ้นมาเป็นผ้าบาง มีลมหนาวพัดเข้ามาจากนอกถ้ำ ม้วนผงเหล่านั้นพัดผ่านข้างซูหมิงและหายไป

ในสายตาของเขา แผ่นกระดานกลับมาว่างเปล่าอีกครั้ง ไม่มีร่องรอยของสตรีหลงเหลือแม้แต่น้อย

เหมือนกับหัวใจของเขา วาดภาพท่ามกลางความเงียบสงบยามค่ำคืน ขจัดความตื่นตะลึงที่เกิดขึ้นเพราะใบหน้าของนางทิ้งไป มันลอยหายไปกับอากาศ ไม่อาจหลอมกับหัวใจเขา

ยามนี้ด้านนอกฟ้าสว่างแล้ว แสงตะวันสาดส่องเข้ามาตามปากถ้ำ เหมือนแสงสว่างกลืนกินเงามืด และหยุดอยู่ตรงหน้าซูหมิงห่างไปสามฉื่อ นอกระยะสามฉื่อนี้จะเห็นได้ว่าแสงตะวันส่องสะท้อนเป็นลักษณะวงแหวน ทว่าจุดที่เขานั่งอยู่ยังคงเป็นเงามืด

ท่ามกลางความเงียบงัน ซูหมิงวางแผ่นกระดานลง นัยน์ตาขยับประกาย แล้วหยิบระฆังเขาหานออกมา ทันใดนั้นมีเสียงแก๊งๆ ดังมาจากในระฆัง เห็นได้ชัดว่านั่นคือหนอนงูขนาดเท่าไม้พลองเล็กกำลังต่อสู้ดิ้นรนเพื่อออกมา

ซูหมิงมองระฆังใบนี้ นัยน์ตามีความเย็นเยือก การต่อสู้กับซือหม่าซิ่นทำให้เขาเริ่มเข้าใจพลังฟ้าดินของกระบี่เล่มนั้นเล็กน้อย นอกจากนี้แล้ว เขายังได้หนอนงูที่อยู่ในระฆังเขาหานมาด้วย

เจ้าสิ่งนี้ในความคิดเขาเหมือนหนอนประหลาด

ทว่าซือหม่าซิ่นเคยพูดว่ามันเป็นงู จุดนี้ในตอนนั้นซูหมิงมิได้ขบคิดมากนัก ยามนี้อยู่ในความสงบ เขาจึงยกมือขวาดีดระฆังย่อส่วนตรงหน้าเขา

หลังจากนั้นเสียงระฆังดังกึกก้อง เพียงแต่เสียงระฆังไม่ได้ดังออกไปด้านนอก แค่กังวานอย่างต่อเนื่องภายในถ้ำอยู่เนิ่นนาน มีเสียงคำรามดุดันดังแว่วมาจากในระฆัง ภายใต้การสั่นของเสียงระฆัง ไม่นานหนอนงูที่กำลังดิ้นรนอยู่ด้านในก็อ่อนแรงลง ทว่าก็ยังกระแทกระฆังเป็นบางครั้ง

ผ่านไปอีกหนึ่งก้านธูป หนอนงูภายในระฆังไม่ดิ้นรนอีก ขณที่มันร้องโหยหวนด้วยความอ่อนแรงถึงขีดสุด ซูหมิงชี้ระฆังเขาหานในทันใดนั้น ระฆังค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นจนมีขนาดหนึ่งจั้ง นัยน์ตาเขาขยับประกายแสง ใช้มือขวาทำท่าทางแปลกประหลาด ดูไม่ค่อยสละสลวย

หลังจากเขาครอบครองระฆังใบนี้ ในความคิดเขาก็ผุดวิธีการควบคุมมันขึ้นเองโดยธรรมชาติ เมื่อทำท่าทางแปลกๆ เสร็จแล้ว ซูหมิงก็ผลักมือขวาไปด้านหน้า

ระฆังเขาหานพลันสั่นสะท้าน เหมือนมีระลอกคลื่นออกจากตัวมัน ระฆังพลันโปร่งใสตรงหน้าซูหมิง ทำให้เขาเห็นหนอนงูลักษณะเหมือนไม้พลองที่ถูกผนึกไว้ในระฆังอย่างชัดเจน ลำตัวมันโค้งงอดั่งดึงสายธนู ราวกับว่าสามารถระเบิดพลังน่าสะพรึงได้ตลอดเวลา

บนตัวมันไม่มีร่องรอยบาดเจ็บสาหัสใด โดยเฉพาะดวงตาทั้งสองข้างที่เป็นประกายทะมึนทึบเย็นเยือกเสมือนกำลังรอโอกาส

หากเพียงเท่านี้ก็ไม่เท่าไร ซูหมิงเห็นกับตาเลยว่าหนอนงูตัวนี้ดูกระปรี้กระเปร่าอย่างชัดเจน และกำลังรอโอกาสดีๆ อยู่ ทว่ามันกลับส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างอ่อนแรงถึงขีดสุด อีกทั้งแววตายังดุร้าย

‘เป็นหนอนที่ฉลาดมาก!’ นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกาย ความปราดเปรื่องของหนอนประหลาดตัวนี้ทำให้เขายิ้มเยาะ เขาดีดนิ้วมือขวาใส่ระฆังอีกหลายครั้ง ทำให้มีเสียงอื้ออึงก้องในระฆัง และเกิดเป็นคลื่นเสียงจำนวนมากแผ่ขยายออกไป หนอนเล็กพลันมีสีหน้าบิดเบี้ยว ทว่ากลับฝืนยืนหยัดเอาไว้และร้องโหยหวนอย่างเป็นจังหวะ ท้ายที่สุดก็ไม่มีเสียงออกมาอีก หากใช้เสียงของมันมาตัดสินว่าตายหรือยัง ยามนี้มีโอกาสสูงมากที่จะทำให้คนคิดว่ามันใกล้ตายแล้วจริงๆ

แต่ซูหมิงเห็นชัดเจนทุกอย่าง แม้ว่าหนอนตัวนี้จะสั่นเทาเบาๆ มันก็ยังคงงอตัวเตรียมจู่โจม ดวงตาดุร้ายฉายแววกระหายโลหิต ไม่เพียงแต่ไม่ลดน้อยลงเท่านั้น ยังเหมือนว่าจะรุนแรงมากขึ้นเพราะความเจ็บปวดด้วย

ภาพนี้ทำให้ซูหมิงหน้าเปลี่ยนสี

“ซือหม่าซิ่นกำราบมันได้อย่างไร!” ซูหมิงพึมพำเบาๆ สิ่งนี้มีนิสัยดุร้าย เห็นได้ชัดว่าคงกำราบมันไม่ง่าย

‘ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าหนอนตัวนี้มีขีดจำกัดเท่าไร!’ แววตาซูหมิงเย็นเยือก ยกมือขวาขึ้น คราวนี้มิใช่การดีด แต่ใช้ฝ่ามือตบระฆังเขาหานแทน

ยามที่เขาตบลง เสียงอึกทึกในระฆังพลันทะยานถึงขีดสุด เสียงเด่นชัดนั้นแม้ว่าคนนอกยังพอได้ยินเบาๆ ทว่าในระฆังกลับเป็นการกระแทกอย่างบ้าคลั่งราวกับลูกคลื่นยักษ์น่าสะพรึง

หนอนเล็กตัวสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ร่างโค้งงอของมันเหมือนไม่อาจทนรับไหว ค่อยๆ คลายออก ท้ายที่สุดถึงคลายออกอย่างสมบูรณ์แล้วร้องเสียงแหลมทรมาน

ขณะมันกำลังแผดเสียง เหมือนว่าตัวมันจะเกิดรอยปริแตก มีของเหลวสีขาวนมไหลออกมาหลายสายคล้ายโลหิต สีหน้ามันพลันห่อเหี่ยว ปีกที่กางอยู่หุบลง ทว่าความดุร้ายในแววตากลับรุนแรงมากขึ้นจนใกล้เคียงกับคำว่าบ้าคลั่ง

ความเหี้ยมโหดในแววตาของมันเด่นชัดมากขึ้น ราวกับว่าหากให้โอกาสมันหนีไป คนที่ทำให้มันเจ็บปวดเช่นนี้จะต้องถูกมันแก้แค้นอย่างบ้าคลั่ง

ซูหมิงมีสีหน้าสงบนิ่ง เขายกมือขวาขึ้นตบระฆังเขาหานอีกครั้ง เสียงภายในพลันทะยานขึ้นสูง ภายใต้เสียงระฆังดังสนั่น ปีกของหนอนเล็กฉีกขาดเป็นสองส่วน ลำตัวมันสั่นเทิ้มเหมือนจะแหลกสลาย ของเหลวสีขาวไหลออกมาจำนวนมาก ทั้งตัวมันล้มลงราวโคลนนิ่ม ไม่มีแรงเหลือแม้แต่น้อย ประหนึ่งชีวิตมาถึงปลายทางแล้ว

หากแต่ในแววตาของมัน ซูหมิงเห็นไม่เห็นอาการยอมศิโรราบ ไม่เห็นความสิ้นหวัง สิ่งที่เห็นยังคงเป็นเปลวเพลิงรุนแรง คล้ายกับว่าหากชีวิตยังไม่สิ้น เปลวเพลิงก็จะไม่มอดดับ!

ซูหมิงยกมือขึ้นครั้งที่สาม เขาทราบดีว่าหากตบครั้งนี้หนอนเล็กจะต้องตายทันที! ถึงอย่างไรหนอนตัวนี้ก็เก่งในด้านความเร็วและพลังในการทะลวงที่น่าสะพรึง ไม่ใช่การป้องกันอย่างในตอนนี้

ซูหมิงขบคิดครู่หนึ่ง ก่อนค่อยๆ ลดมือขวาลง เขามองหนอนเล็กในระฆังเขาหาน ในแววตาของมัน ซูหมิงเห็นความเหี้ยมโหดและความเข้มแข็งทรหด อีกทั้งเขายังเห็นความซื่อสัตย์ต่อซือหม่าซิ่นเจ้านายของมัน

เหตุที่เขาเห็นเพียงความซื่อสัตย์ซ่อนอยู่ภายใต้ความเหี้ยมโหดในแววตามัน ก็เป็นเพราะซูหมิงเคยเห็นแววตาแบบเดียวกันจากเจ้าลิงน้อยเสี่ยวหงตอนอยู่ภูเขาทมิฬ

‘เสี่ยวหง…’ ซูหมิงอดนึกถึงมันมิได้

ซูหมิงหลับตาลงอยู่นาน ก่อนลืมตาขึ้นช้าๆ แววตากลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง เขามองระฆังเขาหานแล้วพลันกล่าวกับระฆัง

“เจ้ามีสติปัญญาดีเช่นนี้จะต้องฟังคำพูดของข้ารู้เรื่องแน่นอน…ในเมื่อเจ้าซื่อสัตย์ต่อซือหม่าซิ่น เช่นนั้นพวกเรามาทดสอบกันดูสักครั้ง ดูว่าในใจของเจ้า

ซือหม่าซิ่นสำคัญเพียงใด!” ซูหมิงกล่าวเนิบช้า

เห็นได้ชัดว่าหนอนเล็กได้ยินคำพูดของซูหมิง มันพลันเงยหน้า ทว่ามองไม่เห็นซูหมิง เห็นเพียงโดยรอบขมุกขมัวไร้ที่สิ้นสุด

“ข้าอยากรู้นัก ซือหม่าซิ่นจะทำอย่างไรกับเจ้า เขาจะเลือกอย่างไร…”

ขณะซูหมิงกล่าวเรียบๆ เขาพลันยกมือขวากดไปตรงกลางระหว่างคิ้วตัวเอง

ขณะเดียวกัน มีเหรียญหินจำนวนมากลอยออกมาจากถุงเก็บวัตถุ พวกมันล่องลอยอยู่กลางอากาศรอบตัวซูหมิง ก่อนระเบิดพลังจากเคล็ดวิชาตราประทับในจิตสัมผัสของเขา!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!