Skip to content

สู่วิถีอสุรา 248

ตอนที่ 248 ข้าวาดภาพให้เจ้า

“จื่อเชอ ไอ้คนเขลา เสียแรงที่พี่ออกหน้าแทนเจ้าตั้งแต่เยาว์วัย หากเจ้ายังเป็นผู้ชาย ก็ไปลากคอซุนต้าหู่ออกมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!” นอกยอดเขาลำดับเก้า เสียงกัดฟันด้วยความโกรธของสตรีดังแว่วเข้ามา

บนท้องฟ้ามีสายรุ้งลากยาวเข้ามาสองเส้น คนนำหน้าสวมอาภรณ์สีเหลืองสง่างาม มีใบหน้ารูปไข่ห่าน แม้ยามนี้มีสีหน้าโกรธแค้นก็ยังงดงาม

ด้านหลังนางเป็นสตรีอีกคนหนึ่ง งดงามเช่นเดียวกัน

เพียงแต่ว่ายามนี้นางมีสีหน้าเหมือนอยากจะพูดแต่กลับเงียบเอาไว้ นัยน์ตาฉายแววประหลาด สตรีผู้นี้คือหานชางจื่อ

จื่อเชอเกาศีรษะ รีบยืนขึ้น ทว่าไม่รู้ควรจะกล่าวอย่างไรดี ได้แต่ทำตัวไม่ถูกอยู่ตรงนั้น

“พี่…”

“อย่าเรียกข้าพี่ ข้าไม่มีน้องชายอย่างเจ้า!” หญิงสาวถลึงตามองจื่อเชออย่างเหี้ยมโหด ก่อนมองซูหมิง

“หืม นี่มันอาจารย์อาซูมิใช่รึ” หญิงสาวยิ้มเยาะกล่าว

ซูหมิงปวดหัวเล็กน้อย หญิงสาวคนนี้มีนามว่าจื่อเยียน

เป็นพี่สาวของจื่อเชอ ในช่วงเวลาสองเดือนมานี้ นางมาที่นี่แล้วหลายครั้ง ตอนแรกก็มาหาแค่หู่จื่อ หลังจากหู่จื่อหลบอยู่หลายครั้งก็ถูกอีกฝ่ายพบตัว ไม่รู้ว่าระหว่างทั้งสองเกิดเรื่องอะไรขึ้น ตั้งแต่นั้นมาหู่จื่อก็หลบซ่อนตัวลึกขึ้น รู้เพียงว่าเขาอยู่บนเขาลูกนี้ ทว่ากลับหาที่ซ่อนตัวพบยากยิ่งนัก

จนกระทั่งถูกบีบคั้นอย่างหนัก เขาจึงตะโกนออกมาเป็นคำพูด แต่คำพูดเหมือนลอยไปตามลม ยากจะหาต้นตอของเสียง

กระทั่งมีอยู่ครั้งหนึ่ง อาจเป็นเพราะหู่จื่อคิดว่าทุกคนก็มองด้วยกัน หญิงสาวคนนี้กลับหาเรื่องแต่เขา ดังนั้นจึงกล่าวคำแบบเมื่อครู่ไป เป็นอย่างนี้หลายครั้ง จนเริ่มเบี่ยงเบนความสนใจของนางได้ทีละน้อย

ซูหมิงได้แต่จำใจยอมรับเรื่องนี้ ยิ้มฝืดเฝื่อนและปวดศีรษะ

หญิงสาวคนนี้มีนิสัยอ่านยาก หลังจากหันเหความสนใจไป ก็เสนอเงื่อนไขที่ไร้สาระอย่างยิ่งกับซูหมิง หากไม่ทำตามเงื่อนไขของนาง นางจะตามราวีไม่เลิก

โชคดีที่ซูหมิงมิใช่ตัวการหลัก หลังจากหลบมาหลายครั้ง จื่อเยียนก็เพ่งความสนใจไปกับการตามหาซุนต้าหู่ตัวก่อเรื่องอีกครั้ง

“เอ่อ…ศิษย์หลานจื่อเยียน…” ซูหมิงมองจื่อเยียนที่มีสีหน้าโมโห แน่นอนว่าเขาเห็นหานชางจื่ออยู่ด้านหลังด้วย จึงกะพริบตาให้

หานชางจื่อแสร้งทำมองไม่เห็น หันไปมองทางอื่น

“ไม่ทราบว่าอาจารย์อาซูมีอะไรอยากจะสั่งข้าหรือไม่ หรือว่าตอนนั้นยังดูไม่พออีก?”

จื่อเยียนแค่นเสียงหึด้วยความเย็นชา พาร่างระหงเดินเข้ามาช้าๆ จนกระทั่งถึงยอดเขาลำดับเก้า ยืนอยู่บนแท่นราบนอกถ้ำของซูหมิง ยามนี้สายลมพัดผ่านเส้นผมดำปลิวไสว พากลิ่นหอมโชยเข้ามากระทบใบหน้าซูหมิง

“คือว่า…เงื่อนไขที่เจ้าเสนอมาครั้งก่อน มิใช่ว่าข้าทำไม่ได้ ทว่าถึงอย่างไรอาจารย์อาหู่จื่อของเจ้าก็เป็นตัวการ หากเขาทำตามเงื่อนไขของเจ้า ข้าก็จะทำตามด้วย” มิใช่ว่าซูหมิงไม่เก่งเรื่องการพูด เพียงแต่หลังจากมาถึงแดนอรุณใต้ เขาเคยชินกับความเงียบแล้วก็เท่านั้น

เวลานี้บนยอดเขาลำดับเก้ามีความอบอุ่นที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่บ้าน คำพูดที่เคยใช้ตอนอยู่ภูเขาทมิฬ ยามนี้ค่อยๆ กลับมาเล็กน้อย

“เจ้า…” จื่อเยียนถลึงตามอง ขณะกำลังจะกล่าว หานชางจื่อข้างกายนางกระแอมเสียงเบา จื่อเยียนมองซูหมิงอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง แค่นเสียงหยันแล้วกล่าวต่อ

“เห็นแก่หน้าศิษย์น้องหญิงฟาง เรื่องนี้เลื่อนไปก่อนได้ รอข้าหาซุนต้าหู่พบก่อนเถอะ!”

ยามจื่อเยียนกล่าว ก็เริ่มเดินไปมารอบๆ ยอดเขาลำดับเก้า

ยอดเขาลำดับเก้าแปลกยิ่งนัก ไม่มีมหาอาคมคุ้มกันภูเขา คนสัญจรไปมาได้ตามอำเภอใจ ทว่าก็ต้องอยู่ในเงื่อนไขอนุญาตเท่านั้น หากมิได้รับอนุญาตจากคนยอดเขาลำดับเก้า ผลลัพธ์ก็จะเหมือนกับจื่อเชอ

เพียงแต่ตอนนี้พูดได้ว่าคนทั้งยอดเขาลำดับเก้าล้วนรู้สึกเกรงใจจื่อเยียนเล็กน้อย เทียนเสียจื่อเจ้าเล่ห์ ปิดด่านฝึกพลังไปก่อนหน้านี้แล้ว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับศิษย์พี่ใหญ่ ดังนั้นเขาจึงไม่เดือดร้อนอะไร

ส่วนศิษย์พี่รอง สองเดือนมานี้เขามักจะเดินเตร่ไปมาและปลูกพืชดอกเหล่านั้น ทุกครั้งที่เห็นจื่อเยียน เขาจะเผยรอยยิ้มอ่อนโยนราวกับลมฤดูใบไม้ผลิ แล้วพยักหน้าให้นาง

ระหว่างที่จื่อเยียนกำลังตามหาซุนต้าหู่ซึ่งหลบซ่อนตัวบนยอดเขาลำดับเก้า

หานชางจื่อก็ลงมาจากท้องฟ้า ยืนอยู่บนแท่นราบ จื่อเชอมองออกแต่แรกแล้วว่าทั้งสองคนนี้เหมือนรู้จักกันมาก่อน บวกกับเรื่องของซูหมิงที่แพร่สะพัดในแผ่นดินเหมันต์ตอนนี้ ยามนี้เขารีบก้มหน้าลง ถอยหลังไปหลายก้าว คอยอยู่ไกลๆ

ท้องฟ้าแจ่มใส เมฆขาวฟ้าสีคราม มีสายลมอ่อนๆ พัดพาความหนาวผ่านคนทั้งสอง ม้วนเส้นผมหลายเส้นลอยขึ้น ขณะเดียวกัน ความสงบของที่นี่ก็สรรสร้างความงดงามขึ้น

“เหมือนเจ้ากำลังหลบข้าอยู่” ซูหมิงมองฟางชางหลันพลางยิ้มกล่าว

“ข้าเปล่า” ฟางชางหลันไม่มองซูหมิง แต่ยืนอยู่ตรงนั้น มองท้องฟ้าสีครามไกลๆ ขณะกล่าวเสียงเบา

“สองเดือนมานี้เจ้ามาเป็นเพื่อนศิษย์พี่หญิงจื่อเยียนของเจ้าหลายครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าอยู่คนเดียว” ในแววตาซูหมิงคือเงาของฟางชางหลันท่ามกลางสายลม เหมือนกับบัวหิมะ แฝงไว้ด้วยความสงบ

“ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยมา” ฟางชางหลันกล่าวเบาๆ

“ขอบคุณเจ้ามาก” ซูหมิงนั่งลงด้านข้าง มองเมฆขาวบนท้องฟ้า

“ขอบคุณข้าเรื่องอะไร?” ฟางชางหลันหันหน้ามองซูหมิง ท่าทางของนางงดงามยิ่งนัก แสงตะวันสาดส่องบนใบหน้า เห็นขนอ่อนด้านบนได้อย่างชัดเจน

“ขอบคุณในความห่วงใยของเจ้าตอนจื่อเชอมา ขอบคุณที่เจ้าเตือนข้าตอนสู้กับซือหม่าซิ่น” ซูหมิงหยิบกระดานภาพขึ้นมา แล้วดีดนิ้วมือขวาลงไปด้านบน

เสียงกระทบเบาๆ ดังก้อง บนกระดานภาพมีผงบางๆ กระจายออก

“ข้ารู้ว่าเจ้าน่าจะเดาเป้าหมายของซือหม่าซิ่นออก ก็เลยไม่ได้มาเตือนอีก”

ฟางชางหลันยิ้มบาง ในรอยยิ้มนั้นมีบางส่วนที่ซูหมิงเข้าใจ ทว่ากลับมีความนัยลังเลแฝงอยู่

“บุตรชายหมานรึ” นัยน์ตาซูหมิงฉายแววเย็นชา หากถึงตอนนี้แล้วเขายังไม่เข้าใจเป้าหมายของซือหม่าซิ่น ก็คงไม่ใช่ซูหมิงที่อยู่ในแดนอรุณใต้เพียงลำพังและเดินมาจนถึงวันนี้ได้

“ข้าไม่รู้ว่าซือหม่าซิ่นจะใช้วิธีอะไรต่อไป แต่จากที่ข้ารู้จักเขา หากเขาตัดสินใจทำอะไรแล้วจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด เจ้า…ต้องระวังด้วย”

ฟางชางหลันลังเลครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวเบาๆ กล่าวจบนางใช้มือขวารวบเส้นผมดำที่ถูกลมพัดขึ้น ทัดปอยผมไว้หลังหู ก่อนหันหน้ากลับไม่มองซูหมิงอีก

เป็นอย่างที่ซูหมิงว่า นางกำลังหลบเขาอยู่จริงๆ เพราะทุกครั้งที่สบตากับซูหมิง นางจะหัวใจเต้นแรงขึ้นทันที

“อย่าขยับ” ซูหมิงพลันกล่าว

ฟางชางหลันหยุดชะงัก มองซูหมิงด้วยแววตาสงสัย

“ค้างเอาไว้อย่างนั้น ข้าจะวาดภาพให้เจ้า”

ซูหมิงถือกระดานภาพ มองฟางชางหลัน มือขวาตวัดบนกระดานภาพ

ฟางชางหลันมีใบหน้าแดงเรื่อ นางกัดริมฝีปากมองซูหมิง ค้างอยู่ในท่ารวบเส้นผม อาภรณ์ของนางปลิวไสวตามสายลม ด้านหลังเป็นเมฆขาวท้องฟ้าคราม

สายลมพัดผ่าน ไม่เพียงแต่สะบัดอาภรณ์ของนางเท่านั้น มันยังทำให้เส้นผมนางปลิวไสวไปอีกทาง ภาพนี้งดงามยิ่งนัก

เวลาเหมือนช้าลงในชั่วพริบตา ขณะซูหมิงตวัดนิ้วมือของเขา บนกระดานภาพค่อยๆ ปรากฏเค้าโครงของสตรี ฟางชางหลันที่หัวใจเต้นแรง ยามนี้ก็ค่อยๆ สงบลง นางเพ่งมองซูหมิง สิ่งแรกที่เห็นคือรอยแผลเป็นใต้ดวงตาทั้งสองข้าง

นางมองรอยแผลเป็นนี้ เกิดความรู้สึกปวดใจ

ทั้งสองคนไม่กล่าวอีก อยู่ในความเงียบสงบ หนึ่งคนกำลังวาดภาพ อีกคนกำลังมอง

ไกลออกไป จื่อเชอมีสีหน้าเลื่อมใส แม้เขาไม่ได้ยินเสียงสนทนาของซูหมิงกับฟางชางหลัน ทว่าก็เห็นทั้งสองคนกำลังวาดภาพ ความเลื่อมใสต่อซูหมิงทะยานถึงขีดสุดเรียบร้อยแล้ว

‘สมกับเป็นอาจารย์อาซู ตอนสู้กับซือหม่าซิ่นก็ปล่อยพลังชั่วร้ายคุกคามอีกฝ่าย ท่าทางองอาจน่าเกรงขาม…ยามนี้ยังวาดภาพอย่างอ่อนโยน ทำให้ใบหน้าสตรีขวยเขินได้อีก…เมื่อไรกันที่ข้าจื่อเชอจะมีความสามารถเช่นนี้บ้าง…’ จื่อเชอทอดถอนใจ ขณะส่ายศีรษะก็หลับตาลง ราวกับกำลังขบคิดอะไรบางอย่าง

‘เมื่อเดือนก่อนยังสู้กับซือหม่าซิ่นอยู่เลย มาวันนี้นั่งวาดภาพหญิงงาม หากวันหนึ่งที่ข้าสามารถ…ประโยคต่อไปน่าจะเป็นอะไรดี…’ จื่อเชอขมวดคิ้ว สองเดือนมานี้ หลังจากเขาเห็นนิสัยแปลกของคนยอดเขาลำดับเก้าตลอด จึงทำให้เขาเข้าใจและรู้สึกว่านิสัยแปลกนี้ บางทีอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่พวกเขาต่างจากทุกคน

ดังนั้นเขาจึงหานิสัยแปลกของตัวเอง เหมือนกับตอนนี้ ก็คือการสร้างประโยคขณะกำลังกล่าวในใจ…

ช่วงที่จื่อเชอกำลังขบคิดว่าประโยคต่อไปควรจะเป็นอะไร และซูหมิงกำลังเพ่งมองฟางชางหลันเพื่อวาดภาพ ขณะเดียวกันบนยอดเขาลำดับเก้า ศิษย์พี่รองกำลังนั่งยองปลูกพืชดอกอยู่บนพื้น ยามนี้เงยหน้าขึ้นมองไปทางถ้ำของซูหมิง แววตาเป็นประกายเช่นเดียวกัน

“ศิษย์น้องเล็ก ขอบใจ” หลังจากศิษย์พี่รองกล่าวแปลกๆ เช่นนี้ เขาก็ยืนขึ้นกระแอมเสียงหลายครั้งก่อนหายไปในชั่วพริบตา

อีกจุดหนึ่งของยอดเขาลำดับเก้า ศิษย์พี่รองพลันปรากฏตัว เขาจัดระเบียบอาภรณ์ตัวเองเป็นอย่างแรก เมื่อสูดลมหายใจลึกหลายครั้งแล้ว จึงเอาสองมือไพล่หลัง เงยหน้ามองท้องฟ้า

ทว่าไม่นานเขาก็เอียงตัว ให้แสงตะวันส่องสะท้อนข้างใบหน้า

มีสายลมพัดผ่านเบาๆ พัดเส้นผมยาวและอาภรณ์ปลิวไสว สายลมยังคงพัดเข้ามาแบบนี้เรื่อยๆ ศิษย์พี่รองยืนนิ่งมองท้องฟ้า

ไม่นาน เงาของจื่อเยียนมาปรากฏตรงขั้นบันไดภูเขาห่างไปไม่ไกล นางหามาหลายที่แล้ว ทว่าก็ยังไม่พบซุนต้าหู่ ทั้งโกรธแค้น และระบายออกมามิได้

ขณะกำลังเดินพลันได้ยินเสียงอ่อนนุ่มดังแว่วเข้ามาข้างหู

“แม่นางจื่อเยียน”

จื่อเยียนหยุดชะงัก ขณะกำลังหมุนตัวก็เห็นศิษย์พี่รองยืนอยู่ ตอนที่เห็นศิษย์พี่รอง นางมีสีหน้ามึนงง

นางเห็นศิษย์พี่รองของซูหมิง เสื้อคลุมยาวของเขากำลังพลิ้วไปมาท่ามกลางสายลม…

นางยังเห็นศิษย์พี่รองของซูหมิงท่านนี้เอาสองมือไพล่หลัง หันหน้าด้านข้างให้ ใบหน้าเงยขึ้นมองเมฆขาวบนท้องฟ้า แสงตะวันสาดส่องบนเสี้ยวหน้า ทำให้ยามนี้เขาดูต่างจากแต่ก่อน

“เอ่อ….จื่อเยียนคารวะอาจารย์อาสองแห่งยอดเขาลำดับเก้า…” จื่อเยียนหวาดหวั่นเล็กน้อย ไม่รู้ว่าคนตรงหน้านี้เป็นอะไรกันแน่ นางรีบถอยหลังหลายก้าว แล้วกล่าวเบาๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!