ตอนที่ 262 เด็กหนุ่ม
แผ่นดินเผ่าเชมัน ท้องฟ้ากว้างใหญ่ บริเวณชายแดนของเผ่าเชมันไม่ไกลจากกำแพงหมอกนภามากนัก กลิ่นคาวเลือดกระจายเต็มพื้น สายลมพัดผ่านยากจะชะล้างกลิ่นเลือดบนแผ่นดินให้จางหาย
มีนกใหญ่สีทองขนาดราวหนึ่งพันจั้งลอยอยู่กลางอากาศ รอบตัวมันมีสัตว์ร้ายหลายร้อยตัวนอนหมอบอยู่ ไม่กล้าขยับตัว ราวกับกำลังรอคำสั่งจากนกใหญ่ทองคำ
นกใหญ่ทองคำกำลังหลับตา บนหลังมันมีชายชรานั่งฌานหลับตาอยู่เช่นกัน เสื้อคลุมม่วงทั้งตัวเหมือนย้อมด้วยโลหิตแห้งกรังอยู่ท่ามกลางสายลม
เทียนเสียจื่อรอมาหนึ่งวันครึ่งแล้ว เขาจะรออีกหนึ่งวันครึ่ง รอศิษย์สี่ของเขากลับมา
นี่คือการฝึกฝน และเป็นการทดสอบซูหมิงเช่นกัน
“จิตใจเปลี่ยนครั้งแรก ไม่ว่าเจ้าจะผ่านหรือไม่ เจ้าก็ยังเป็นศิษย์ของข้า ขอแค่เจ้ายังมีชีวิตอยู่ สักวันหนึ่งอาจจะมีโอกาสข้ามผ่านจิตใจเปลี่ยน ทว่า…สงครามหมอกนภาล่าเชมัน ส่วนใหญ่แล้วคนเป็นไป แต่คนตายกลับ…” เทียนเสียจื่อพึมพำเบาๆ ก่อนลืมตาขึ้น
“ข้าไม่กังวลเรื่องจิตใจเปลี่ยนของเจ้า แม้ไม่รู้ว่าเจ้าเคยผ่านอะไรมาบ้างก็ตาม แต่จิตใจเปลี่ยนครั้งแรกนี้ ข้าเชื่อมั่นในตัวเจ้า…โดยเฉพาะตอนเห็นเขาสร้างซวิน ในใจของเจ้าน่าจะปล่อยวางแล้ว
สิ่งที่ข้ากังวลคือ…นิสัยของเจ้า แม้จะอำมหิต ทว่ากลับมิได้เป็นของแดนอรุณใต้ อีกทั้งความเข้าใจเรื่องความแค้นต่อเผ่าเชมันยังมีไม่มากพอ อาจจะ…ใจอ่อนได้” นัยน์ตาเทียนเสียจื่อไร้ความเหี้ยมโหด แต่สงบนิ่ง
เขามองทอดไกลอย่างเงียบๆ
หากมองตามสายตาเทียนเสียจื่อ ห่างออกไปไร้ที่สิ้นสุด จุดที่ห่างจากตรงนี้หลังเดินทางราวหนึ่งวันครึ่ง จะมีภูเขาเล็กลูกหนึ่งอยู่ในป่าทึบทอดตัวยาว
ซูหมิงยืนอยู่บนภูเขาเล็ก เขาไม่ได้หันกลับไปมองเด็กหนุ่มตรงตีนเขาด้านหลังซึ่งห่างกันไม่ไกล เด็กหนุ่มคนนี้เหมือนอยู่ประมาณลำดับสองหรือสามขั้นรวมโลหิตของเผ่าหมานเขา แม้จะเป็นเผ่าเชมัน ซูหมิงกลับทำใจสังหารไม่ลง
ท่ามกลางความเงียบงัน เกิดอาการเจ็บปวดตรงหน้าอกของซูหมิง โลหิตสดยังคงไหลซึมออกมา ดาบเล็บเล่มนี้สร้างบาดแผลให้กับเขาจริงๆ
หากมิใช่เพราะหลบในตอนนั้น ดาบเล่มนี้คงแทงหัวใจไปแล้ว
ซูหมิงดึงดาบเล็บออก ขณะกำลังจะไปจากเขาลูกนี้ เขายกมือซ้ายขึ้น แล้วชี้ไปทางเด็กหนุ่มหน้าซีดขาวที่ยามนี้เพิ่งได้สติกลับมาจากความตื่นกลัวและกำลังหมุนตัววิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
สายลมลากยาวจากปลายนิ้วเข้าถึงตัวเด็กหนุ่มในชั่วพริบตา วินาทีที่ตกลงบนตัว มันพลันแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกตรงใส่อสรพิษสีเขียวที่กำลังอ้าปากกว้างพุ่งเข้าหาเด็กหนุ่มจากต้นไม้ด้านข้าง โดยที่เด็กหนุ่มมิได้สังเกตเห็นแม้แต่น้อย หัวอสรพิษระเบิดกระจุยก่อนตกลงสู่พื้น
ส่วนดัชนีสายลมอีกเส้นก็ตรงเข้าใส่เด็กหนุ่ม ทำให้ตัวเขาสั่นเทา ล้มลงกับพื้นแล้วหมดสติไป
การควบคุมสายลมจากนิ้วแบบนี้ มีเพียงนักรบขั้นชำระล้างที่เข้าใจความละเอียดอ่อนเท่านั้นถึงจะทำได้ ทว่าความละเอียดอ่อนของซูหมิงบรรลุถึงจุดที่เรียกว่าประณีตอย่างยิ่งแล้ว
“ข้าจะไม่สังหารเจ้าก็ได้ แต่เจ้าห้ามกลับไปบอกตำแหน่งของข้า” ซูหมิงขยับตัววูบไหวออกจากภูเขาเล็ก ห้อเหยียดกลับไปทางเดิม
การล่าสังหารใช้เวลาหนึ่งวันกว่า ยามนี้เมื่อสิ้นสุดลง ซูหมิงไม่ได้หยุดพักหายใจ แต่ใช้ความเร็วสูงสุดรีบกลับไปภายในสามวันตามที่อาจารย์บอก
บนดินแดนแปลกตา ในเขตเผ่าเชมันที่เต็มไปด้วยอันตรายทุกแห่งนี้ ซูหมิงต้องระวังตัวเป็นอย่างยิ่ง เขารู้ว่าตนควรสังหารเด็กหนุ่มคนนั้น ทว่าเขา…กลับทำให้อีกฝ่ายหมดสติแทน
หลังซูหมิงเคลื่อนตัวออกไปไกล ครึ่งก้านธูปต่อมา เด็กหนุ่มพลันตัวสั่นเทา ราวกับมีพลังประหลาดบางอย่างทำให้เขาตื่นก่อนเวลาอันควร!
เด็กหนุ่มลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่ทำคือคลำตัวเองก่อน เมื่อพบว่าไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรแล้วก็มองอสรพิษไร้ศีรษะข้างกาย ก่อนหยุดชะงัก
แต่ก็หยุดชะงักเพียงชั่วครู่เท่านั้น เด็กหนุ่มมองไปทางภูเขาเล็ก บนใบหน้าเยาว์วัยไม่อึ้งตะลึงอีก แต่แทนที่ด้วยความแค้นและความเหี้ยมโหด
เขายืนขึ้นไวๆ แล้ววิ่งไปทางชนเผ่าของตนด้วยความเร็วสูงสุด เขาวิ่งมาตลอดทางไม่มีการหยุดพัก ขณะวิ่งเขากัดปลายลิ้นพ่นโลหิต หลับตาลงและลืมตาอย่างรวดเร็ว โลหิตจากปากเขาพลันกลายเป็นนกน้อยสีเลือดตัวหนึ่ง
นกตัวนี้กระพือปีกด้วยความเร็วน่าทึ่ง บินหายลับไปจากสายตา
ครึ่งชั่วยามต่อมา ตรงจุดที่ห่างไปไม่ไกลนัก ต้นไม้ในป่าทึบถูกตัดสร้างขึ้นเป็นชนเผ่า พื้นดินเลนถูกถมให้แข็งตัว กระทั่งไกลออกไปยังมีแปลงดินผืนใหญ่ ปลูกของที่เหมือนจะกินได้อีกไม่น้อย
ภายในหมู่บ้านมีเสียงหัวเราะดังแว่วออกมา บ้างก็เห็นชายร่างกำยำเผ่าเชมันบางส่วนในบริเวณรอบๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยสัก เดินลาดตระเวนด้วยสีหน้าตื่นตัว เมื่อพวกเขาเห็นนกน้อยสีโลหิตบินมาจากในป่าทึบก็ล้วนเปลี่ยนสีหน้า
นกน้อยสีโลหิตบนตรงเข้ามาในชนเผ่า พริบตาเดียวก็บินเข้าไปในเรือนพักหลังหนึ่งในหมู่บ้าน
ในเรือนพักนั้นมีชายชรานั่งฌานสมาธิอยู่คนหนึ่ง เขาเปลือยกายท่อนบน ตรงเอวมีหนังสัตว์ผูกเอาไว้ ด้านหน้าเขาวางหม้อเล็กสามขาใบหนึ่ง ภายในมีหญ้าจำนวนหนึ่งกำลังถูกเผาจนเกิดควันลอยโชย ชายชราหลับตาสูดควันเข้าไปทางทวารทั้งเจ็ด หลังจากนั้นก็ปล่อยออกมาทางรูขุมขน เกิดเป็นความรู้สึกขมุกขมัวที่บิดเบี้ยว
ด้านหลังเขามีเด็กสาวเผ่าเชมันสองคน ใบหน้างดงามยิ่งนัก พวกนางคุกเข่าอยู่ด้านข้าง ในมือถือพัดใบไม้ขนาดใหญ่ กำลังโบกเบาๆ
สายลมจากพัดเบาบางยิ่งนัก ไม่อาจพัดควันให้ลอยหายไป ทั้งห้องเงียบสงบ แต่ช่วงที่นกน้อยสีโลหิตบินเข้ามา ชายชราพลันลืมตา ในดวงตาคู่นั้นของเขามีลูกตาสี่ดวง!
ตอนที่ชายชราลืมตาขึ้น นกน้อยสีโลหิตบินเข้ามาใกล้แล้วตกอยู่ตรงหน้าเขาดังปึก สลายกลายเป็นหมอกโลหิต ก่อนถูกสูดเข้าไปในทวารทั้งเจ็ดของชายชรา นัยน์ตาเขาพลันสั่นไหว ราวกับปรากฏภาพเป็นฉากๆ ตรงหน้าเขา ทำให้เห็นทุกสิ่งอย่างชัดเจน
“เผ่าหมาน…” ชายชราเผยรอยยิ้มอำมหิตกระหายเลือด ทั้งยังแลบลิ้นยาวเลียมุมปาก หากชาวเผ่าหมานเห็นลิ้นของเขาจะต้องตื่นตะลึงเป็นแน่ ลิ้นของชายชรายาวมากกว่าคนปกติ ดูคล้ายกับงู เหมือนว่าจะเลียไปถึงเส้นผมได้
ชายชรายืนขึ้นขณะยิ้มโหดเหี้ยมอำมหิต หลังจากเดินออกจากเรือนพักแล้วก็กางแขนสองข้างแผดเสียงตะโกนไปในชนเผ่า
ท่ามกลางเสียงตะโกน ทั้งชนเผ่าพลันเงียบลง ทุกคนล้วนมองชายชรา
“พวกเจ้าได้กลิ่นอะไรรึไม่!”
ชายชรากล่าวเสียงแหบ ทว่ากลับเย็นยะเยือก
“นั่นคือกลิ่นของเผ่าหมาน กลิ่นแบบนี้คือความหอมหวานของโลหิตเผ่าหมาน…มีเผ่าหมานลุกล้ำเข้ามาในป่าทึบอันเป็นแหล่งอาศัยของเทพกิ้งก่าของพวกเรา มันเหยียบแผ่นดินของพวกเรา มันสังหารนักรบเผ่าเชมัน!
มันรบกวนเทพกิ้งก่าในป่าทึบ!
สังหารมันแล้วนำศีรษะกลับมาแขวนไว้นอกชนเผ่าเรา ควักหัวใจของมัน เค้นเลือดหัวใจของมัน โลหิตนั้นจะเป็นของผู้แข็งแกร่งที่สุดเพียงผู้เดียว! สังหารมันเสีย นำฟันมันมาแขวนตรงคอของพวกเจ้า ทำเป็นสินสงครามของพวกเรา!”
ชายชรากล่าวจบก็เงียบไปชั่วครู่ จากนั้นทั้งชนเผ่าเกิดเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่ง
เสียงร้องคำรามมาจากนักรบเชมันในเผ่านี้ทุกคน กระทั่งบนใบหน้าเด็กน้อย สตรี และคนชรายังมองเห็นถึงความอำมหิต
ชายชราเดินหน้าหนึ่งก้าว กลายเป็นสายรุ้งยาวออกจากชนเผ่าไป ด้านหลังเขามีเงาร่างกำลังตามมาราวยี่สิบกว่าคน ตรงเข้าสู่ป่าทึบนอกชนเผ่าอย่างรวดเร็ว
หลังจากพวกเขาออกจากชนเผ่าก็แยกเป็นสองทาง ชายชรานำหลายคนตรงขึ้นท้องฟ้า ส่วนที่เหลือออกตามรอยด้วยวิชาค้นหาที่สืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษของพวกเขา
ซูหมิงกำลังทะยานผ่านในป่าทึบ เขารวดเร็วยิ่งนัก ตลอดทางไม่มีการหยุดพักใดๆ ตรงหน้าอกเขาไม่มีเลือดไหลอีก แต่ความเจ็บปวดภายในกลับรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จากการทะยานวิ่งของเขา
ซูหมิงเคยคิดจะบิน ทว่าความคิดนี้ก็ถูกลบไปทันที การเดินทางหนึ่งวันครึ่ง หากบินคงยากจะหลบพ้นสายตาเผ่าเชมัน ในแผ่นดินเชมันแปลกตานี้ การทำเช่นนั้นถือเป็นเรื่องโง่เขลาสำหรับเขาในตอนนี้
เทียบกับท้องฟ้าแล้ว ป่าทึบผืนนี้ยังเหมาะกับการเดินทางของซูหมิงมากกว่า
ขณะห้อเหยียด เวลาค่อยๆ ผ่านไป เมื่อค่ำคืนวันที่สองมาเยือน ซูหมิงกำลังนั่งฌานอยู่บนต้นไม้ใหญ่ หายใจราบเรียบ
‘จากการคำนวณระยะทาง พรุ่งนี้ยามค่ำคืนก็น่าจะไปถึงอาจารย์…’ ซูหมิงคลำตรงหน้าอก ดวงตาขวามีสีโลหิต เขาไม่ได้รับบาดเจ็บเช่นนี้มานานมากแล้ว การมาในเผ่าเชมันครั้งนี้ทำให้เขาได้เห็นถึงความแปลกของเผ่าเชมัน
สำหรับเขาแล้ว มันเป็นประโยชน์อย่างมากในสงครามล่าเชมันอีกหลายเดือนหลังจากนี้ เพราะประสบการณ์ในการล่าเชมันเพียงลำพังในแผ่นดินเผ่าเชมัน ใช่ว่าทุกคนจะมีได้
ซูหมิงสูดอากาศในป่าทึบของเผ่าเชมัน ความรู้สึกกดดันตอนที่เพิ่งเหยียบแผ่นดินเชมันหายไปไม่น้อย
‘ไม่คิดเลยว่า…อาจารย์จะมีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าเชมัน! แม้ข้าไม่รู้ว่าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์คือสิ่งใด ทว่าแค่พลังคำรามของมันก็สามารถสังหารผู้สื่อวิญญาณ และยังทำให้คู่ดาราตายไปหนึ่งเจ็บอีกหนึ่ง ทั้งยังสังหารชาวเผ่าเชมันโดยรอบทั้งหมด พลังระดับนี้…’ ซูหมิงสูดลมหายใจเข้าลึก เขานึกถึงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อีกตัวหนึ่งที่ตนเคยเห็นก่อนหน้านี้!
ทะเลหมอกหมุนตลบที่อยู่ในความทรงจำเขา ม้วนตัวเหมือนหมอกดำลอยวน ตลบอบอวลอยู่ในขอบเขตหลายพันลี้ ในนั้นมีปลาน้ำจืดตัวใหญ่ยักษ์ บนตัวมันยังมีร่างของสตรียืนอยู่ผู้หนึ่ง
‘อาจารย์อาไป๋…ต่อสู้กับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ได้เชียวหรือ?!’ ซูหมิงตื่นตะลึง เขาได้ความรู้มากขึ้นเรื่อยๆ ยามนี้จึงคาดเดาขั้นพลังของอาจารย์อาไป๋ใหม่
ขณะซูหมิงกำลังขบคิดเกี่ยวกับอาจารย์และอาจารย์อาไป๋ ตื่นตะลึงกับความแข็งแกร่งของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าเชมันอยู่นั้น แววตาเขาพลันเคร่งขรึม แสงโลหิตขยับประกายที่ตาขวา ทั้งตัวเหมือนสายคันศรที่ถูกดึงจนตึง ก่อนพุ่งทะยานออกจากต้นไม้ในพริบตา
ในจิตสัมผัสของซูหมิง เขาพบว่าในขอบเขตสามร้อยจั้งมีเงาร่างคนชาวเผ่าเชมันสิบกว่าคนกำลังปิดล้อมเข้ามาทางเขาด้วยความอำมหิตและตื่นเต้นกระหายเลือด
วินาทีที่เห็นชาวเผ่าเชมันเหล่านั้น ภาพแรกที่ปรากฏในความคิดซูหมิงคือเด็กหนุ่มคนที่เขาใช้ดัชนีสายลมทำให้หมดสติไป!