Skip to content

สู่วิถีอสุรา 292

ตอนที่ 292 ข้าไม่ใช่เทียนเสียจื่อ

เสียงแรก มาจากในเรือนใต้ต้นไม้ใหญ่ตรงริมที่ราบหิมะ มาจากกรงเล็บภูตผีที่ยื่นมาจากมวลอากาศ

เสียงหลัง มาจาก…เทียนเสียจื่อ

“พูดถูก ย่ามันเถอะ พวกเจ้าก่อเรื่องพอรึยัง?” เทียนเสียจื่อสวมเสื้อคลุมตัวยาวสีขาว สวมผ้าคลุมหัวสีดำ เผยดวงตาสองข้างและปาก ดู….ประหลาดยิ่งนัก

ขณะเขากล่าว บนท้องฟ้า กรงเล็บภูตผีที่คว้ามาทางศิษย์พี่รองไม่ยอมหยุด แต่กลับเร็วขึ้น ตรงมาทางศิษย์พี่รองในชั่วพริบตา ช่วงที่มันเข้าใกล้ ศิษย์พี่รองไม่ขยับ ตรงหน้าเขากลับปรากฏกลุ่มหมอกดำ

หมอกดำนี้มีกลิ่นอายพลังคล้ายกับศิษย์พี่รอง ทว่าความจริงแล้วต่างกันโดยสิ้นเชิง หลังจากหมอกดำรวมตัว ก็มีชายร่างกำยำเดินออกมาจากด้านใน

ชายร่างกำยำคนนี้เป็นสีดำทั้งตัว สูงสองจั้งกว่า เหมือนกับยักษ์ยืนอยู่ตรงหน้าศิษย์พี่รอง ยิ้มมุมปากชั่วร้าย ก่อนปล่อยหมัดเข้าใส่กรงเล็บภูตผี

บุคคลนี้ก็คือหนึ่งในสามร้อยทาสที่ศิษย์พี่ใหญ่ส่งมา!

ตอนนั้นเขากระหายโลหิต จึงแสวงหาการเข่นฆ่าอย่างบ้าคลั่ง ยามนี้ลงมือก็เข้าปะทะกับกรงเล็บภูตผี เสียงระเบิดดังสะเทือนฟ้า กรงเล็บภูตผีกระเด็นถอยหลายจั้ง ชายร่างกำยำกลับตัวสั่น กระอักโลหิต

แต่เขาที่กระอักโลหิตกลับไม่อ่อนระโหยโรยแรง ในทางตรงกันข้ามกลับยิ่งตื่นเต้น เงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า ก่อนตรงเข้าใส่กรงเล็บภูตผี ขณะพุ่งทะยานก็ยกมือขวาตบหน้าอกตัวเอง

“บุญคุณจิ่วหลี[1]ตกทอด คำสาปต้องห้ามห้วงลึกโลหิต!” เมื่อตบหนึ่งครั้ง ตัวเขาดูพิลึกอย่างยิ่ง….แตกเป็นเสี่ยงๆ !

สองแขน สองขา ศีรษะและตัวพลันแยกจากกัน กลายเป็นหมอกดำหลายเส้น และรวมเข้าด้วยกันตรงหน้าเป็นน้ำวนสีดำ เสียงคำรามต่ำหลายเสียงดังแว่วมาจากในน้ำวน

เสียงนั้นเหมือนมาจากห้วงลึกยมโลก แฝงไว้ด้วยการเข่นฆ่าต่อชีวิตและบ้าคลั่ง ขณะเดียวกันก็เข้าใกล้กรงเล็บภูตผี ตรงส่วนลึกในน้ำวนมีมือสีแดงโลหิต มือนี้ไม่มีผิวหนัง มีเพียงเลือดเนื้อ บนตัวมือประทับอักขระจำนวนมาก มันจับกรงเล็บภูตผีแล้วกระชากลงมา

มือสองมือที่ต่างกันปะทะกันกลางอากาศ ต่างฝ่ายต่างปะทุพลังที่รุนแรงอย่างยิ่ง ท่ามกลางเสียงระเบิดดังสนั่น มีเสียงร้องอย่างน่าเวทนาดังกึกก้อง กรงเล็บภูตปีขาดสะบั้น ส่วนที่ขาดถูกดึงเข้าไปในน้ำวน

ขณะเดียวกัน น้ำวนสั่นสะเทือน มีเสียงเคี้ยวดังแว่วมาจากในนั้น ก่อนกลายเป็นหมอกดำอีกครั้ง แล้วรวมตัวเป็นชายร่างกำยำคนเดิม เขากระอักโลหิตกองโต เงยหน้าขึ้นฟ้าหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เช็ดโลหิตตรงมุมปากนำไปถูตรงหน้าอก

“เทียนเสียจื่อ นี่หมายความว่าอย่างไร!” แขนภูตผีมือขาดสะบั้นหายไปในความมืดอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน มีเสียงโกรธแค้นดังมาจากในเรือนตรงริมที่ราบหิมะ

“เจ้าสอง ลงมา!” เทียนเสียจื่อขยับวูบไหว เงยหน้ามองศิษย์พี่รองของซูหมิง

ศิษย์พี่รองมีสีหน้าสงบนิ่ง ลงมาอย่างช้าๆ ยืนอยู่ข้างซูหมิง คารวะเทียนเสียจื่อด้วยความเคารพ

“เจ้าด้วย เจ้าใหญ่คงให้เจ้ามา ลงมาเดี๋ยวนี้!”

ชายร่างกำยำตัวดำทึบถลึงตา ฉายแววไม่ยินยอม ทว่าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงคล้อยตามทันที บินลงมายืนอยู่ข้างเทียนเสียจื่อ

“อาจารย์…” ซูหมิงลังเลครู่หนึ่ง กล่าวเสียงเบา

“หุบปาก!” เทียนเสียจื่อถลึงตามอง ชี้ซูหมิงกับศิษย์พี่รอง และยังมีชายร่างกำยำตัวดำ สีหน้าโมโห ความโมโหนั้นไม่เหมือนแสร้งทำ แต่โกรธจริงๆ

“ดูสิ่งที่พวกเจ้าทำ หาญกล้านักรึ หืม? ก่อเรื่องพอรึยัง” ขณะที่เทียนเสียจื่อกำลังสั่งสอนศิษย์ ก็มีเสียงแก่ชราดังมาจากเรือนตรงริมที่ราบหิมะอีกครั้ง

“เทียนเสียจื่อ เรื่องนี้เจ้าต้องชดใช้ให้เผ่าแดนภูต!”

เทียนเสียจื่อไม่สนใจ แต่ถลึงตามองพวกซูหมิง ท่าทางโกรธเคืองนั้นทำให้ซูหมิงมองศิษย์พี่รองข้างกาย ศิษย์พี่รองก้มหน้าเงียบ

“เหตุใดพวกเจ้าทำเช่นนี้? พวกเจ้าบอกมา มีแบบนี้ด้วยรึ มาในเผ่าคนอื่นแล้วก็ฆ่าเอาฆ่าเอา สนุกมากรึไม่ มาๆๆ บอกข้ามาว่าพวกเจ้ายังก่อเรื่องไม่พอ! มารดามันเถอะ ข้าตามพวกเจ้ามาตลอดทาง ทนดูไม่ไหวจริงๆ” เทียนเสียจื่อตะโกน

“พวกเจ้าก่อเรื่อง ฆ่าคน? นี่คือการบุกเผ่าคนอื่นรึ? มีใครเขาบุกแบบพวกเจ้ากัน ไม่มีพลังเลย ข้าโกรธจะแย่อยู่แล้ว พวกเจ้าคอยดู อาจารย์จะสอนพวกเจ้าว่าอะไรเรียกว่าบุกเผ่า อะไรเรียกว่าอวดดี!” เทียนเสียจื่อไม่ลดเพลิงโทสะแม้แต่น้อย แต่กลับพูดดังขึ้นเรื่อยๆ มีท่าทางสั่งสอนคนรุ่นหลังให้ประพฤติตาม ทั้งยังเกือบทุบอกกระทืบเท้าด้วยความเสียใจ

“เทียนเสียจื่อ!” น้ำเสียงโกรธไม่ด้อยไปกว่าเทียนเสียจื่อเท่าไรนักดังแว่วมาจากในเรือนบนที่ราบหิมะ

“ใคร? เจ้าเรียกใคร? ข้าไม่ใช่คนที่เฉลียวฉลาด หล่อเหลาสง่างาม พรสวรรค์สูงส่ง ขั้นพลังล้ำเลิศ รูปร่างสูงใหญ่แข็งแรงอย่างเทียนเสียจื่อเสียหน่อย และยังมีอะไรอีก อ้อ ฉลาดเป็นหนึ่ง คิ้วกระบี่ดวงตาดาราด้วย!” เทียนเสียจื่อหมุนตัวกลับ มองเรือนไกลๆ พลางตบหน้าอก ทำท่าทางหยิ่งยโส

“เจ้าใช้ตาอะไรมองว่าข้าเหมือนเทียนเสียจื่อ?

น่าเสียดาย ข้าไม่ใช่เทียนเสียจื่อจริงๆ !” เทียนเสียจื่อกะพริบตา รีบกล่าว

“พอแล้ว เทียนเสียจื่อ เจ้ากับศิษย์ของเจ้ามาเผ่าแดนภูตของข้า…..”

น้ำเสียงแก่ชรายังไม่จบ ก็มีเสียงตะโกนเฉียบคมที่ดังกว่าเขาหลายเท่าออกมาจากปากเทียนเสียจื่อ

“ข้าไม่ใช่เทียนเสียจื่อ ข้าไม่ใช่เทียนเสียจื่อจริงๆ !” เทียนเสียจื่อมีสีหน้าตึงเครียด ตะโกนเสียงดังพร้อมกับเดินหน้าหนึ่งก้าว จับชาวเผ่าแดนภูตคนหนึ่งที่กำลังคุกเข่าไปทางเรือนพัก แล้วยกขึ้นมาอยู่ตรงหน้าตนเหมือนหิ้วสัตว์ตัวน้อย ดวงตาแดงก่ำ จ้องชาวเผ่าคนนั้นที่ตกใจจนเหม่อลอย

“เจ้าบอกมา ข้าใช่หรือไม่ใช่เทียนเสียจื่อ!”

ชาวเผ่าแดนภูตคนนั้นตัวสั่น รีบส่ายหน้า

เทียนเสียจื่อเผยรอยยิ้ม โยนชาวเผ่าไว้ด้านข้าง

“เทียนเสียจื่อ เจ้าทำเกินไปแล้ว!” เสียงคำรามต่ำด้วยความโกรธดังแว่วมาจากเรือนพัก พบว่าต้นไม้ใหญ่นอกเรือน ยามนี้พลันบิดตัวอย่างน่าประหลาด ใบไม้สีดำทั้งหมดหลุดร่วง ขณะร่วงโรยกลับกลายเป็นเงาภูตผีคล้ายเด็กสิบแปดคน อ้าปากอย่างดุร้ายปานเขมือบได้ทั้งศีรษะ ก่อนกลายเป็นหมอกดำเข้มตรงมาทางเทียนเสียจื่อ

เทียนเสียจื่อเบิกตากว้าง ในนั้นมีความโกรธ

“ข้าไม่ใช่เทียนเสียจื่อ บัดซบ ข้าไม่ใช่เทียนเสียจื่อจริงๆ !” เขากล่าวพลางเดินหน้าหนึ่งก้าว ขณะกำลังพุ่งไปทางภูตผีสิบแปดตน กลับหยุดชะงัก หันกลับไปถลึงตามองพวกซูหมิง

“มัวทำอะไร? มาด้วยกัน! พวกเจ้าจะให้ตาแก่อย่างข้าลุยคนเดียวรึ!”

นัยน์ตาศิษย์พี่รองขยับประกาย พุ่งตัวไปเป็นคนแรก ด้วยความเร็วของเขา จึงแซงหน้าเทียนเสียจื่อในชั่วพริบตา ยิ้มมุมปากเย็นเยือก แววตาเย็นชา

คนที่พุ่งตัวเป็นคนที่สองคือชายร่างกำยำสีดำ เขามีสีหน้าเหี้ยมโหด ทำเสียงร้องแปลกๆ พร้อมกับทะยานเข้าไปเหมือนสายลมดำ

แม้ซูหมิงออกตัวช้าสุด ทว่าความเร็วของเขาเพียงก้าวเดียว กลับมาอยู่หน้าสุด เกราะแม่ทัพเทพปกคลุมตัว เสียงระฆังเขาหานดังกึกก้อง เพราะสายฟ้าประจำตัวของเขา จึงทำให้บนท้องฟ้ามีเสียงฟ้าผ่าดังสนั่น

ในตัวซูหมิง วัตถุประจำตัวของเขา นั่นคือเศษชิ้นเล็กพิลึกหลังจากหลอมเป็นสายฟ้าในตอนนั้น ยามนี้มันเปล่งแสงสายฟ้าที่คนอื่นมองไม่เห็น แผ่คลุมตัวซูหมิง ทำให้สายฟ้าหลายเส้นแผ่ขยายออกรอบตัวเขา

เทียนเสียจื่อแสยะปากยิ้ม ยกมือขวาพลันสะบัดไปด้านหน้า หมอกปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา และไหลเชี่ยวกรากเหมือนคลื่นยักษ์ตรงไปด้านหน้า เรือนน้ำแข็งทั้งหมดที่มันผ่านระเบิดกระจาย ทั้งยังมีชาวเผ่าบางส่วนหลบไม่ทัน ถูกม้วนเข้าไปในหมอกขาว ท่ามกลางเสียงร้องด้วยความตื่นกลัว ขณะหมอกขาวเคลื่อนตัวไปด้านหน้า มันพลันกลายเป็นลูกกลมหมอกยักษ์ มีขนาดหลายสิบจั้ง

เสียงอึกทึกดังขึ้น ลูกกลมนั้นตรงไปทางเรือนพักตรงริมที่ราบหิมะ

ทันใดนั้น มีชายชราผมขาวผู้หนึ่งเดินมาจากในเรือน ฝ่ามือกดบนลูกกลมยักษ์ ตัวเทียนเสียจื่อพลันหายไป แล้วมาปรากฏอยู่ในหมอก ปล่อยหมัดใส่ชายชราคนนั้น

“ข้าไม่ใช่เทียนเสียจื่อ!” หนึ่งหมัด!

“ข้าไม่ใช่เทียนเสียจื่อจริงๆ !” อีกหนึ่งหมัด

“มารดาเจ้าเถอะ ข้าไม่ยอมรับ!” อีกหนึ่งหมัด!

เสียงระเบิดดังกังวาน ชายชราผมขาวมีสีหน้าโกรธแค้น รีบป้องกันหมัด ทว่าตัวเขากลับถอยหลังไม่หยุด จนกระทั่งหนึ่งหมัดของเทียนเสียจื่อทำลายเรือนพักแห่งนี้ แตกกระจุยเป็นเศษ

ชายชราผมขาวถูกเทียนเสียจื่อรัวหมัดใส่เรื่อยๆ จนมาถึงขอบหน้าผาที่ราบหิมะ อีกทั้งภายใต้เสียงคำรามสุดท้าย หนึ่งหมัดอัดเข้าใส่ตัวชายชราจนออกจากที่ราบหิมะ!

“เจ้าสอง เจ้าสี่ เห็นหรือยัง การสังหารคนหากไม่ทำลายเรือนพัก มันจะเรียกว่าการบุกเผ่ารึ? อย่างพวกเจ้าเขาเรียกว่าก่อเรื่องเล่นๆ นี่สิถึงเรียกว่าของจริง!”

เทียนเสียจื่อมีสีหน้าลำพองใจ หันกลับไปมองพวกซูหมิงที่กำลังสู้กับภูตผีเด็กสิบแปดตน

“เทียนเสียจื่อ เจ้ามันคนบ้า!” กลางอากาศนอกที่ราบหิมะ ชายชราผมชาวมีสภาพย่ำแย่ เสื้อผ้าขาด เส้นผมยุ่งเหยิง มุมปากมีโลหิตไหล สีหน้าดุร้าย

“คนบ้า? ข้าไม่ใช่คนบ้า ข้าไม่ใช่คนบ้า!” เทียเสียจื่อได้ยินดังนั้นพลันเหม่อลอยไปชั่วครู่ ก่อนสีหน้าตึงเครียด ดวงตาแดงก่ำยิ่งกว่าเดิม

“ข้าไม่ใช่คนบ้าจริงๆ ข้าไม่ใช่…ข้าไม่ใช่คนบ้า!” เทียนเสียจื่อเดินหน้าหนึ่งก้าว แผดเสียงคำรามไปทางชายชรา สีหน้าคับอกคับใจ ตึงเครียด และยังมีความตื่นกลัวที่จะถูกล่วงรู้ความลับ

“ข้าไม่ใช่คนบ้า ข้ารักษาหายแล้ว ข้าไม่ใช่คนบ้าจริงๆ !” เทียนเสียจื่อพุ่งตัวไปทางชายชราปานคนเสียสติ ดูจากท่าทางของเขา เหมือนอยากจับชายชราไปพิสูจน์ให้ดู

ชายชราคนนั้นเบิกตากว้าง นัยน์ตาหวาดกลัว

ซูหมิงยิ้มเฝื่อนอยู่ไม่ไกล เพียงแค่ยิ้มเฝื่อนเท่านั้น……

……………………

[1] เผ่าจิ่วหลี ตามตำนานจีนคือชนเผ่าเรืองอำนาจสมัยโบราณที่ประกอบด้วย 9 เผ่าย่อย มีผู้นำคือ ชือโหยว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!