Skip to content

สู่วิถีอสุรา 332

ตอนที่ 332 ผู้ดูดวิญญาณ

ตอนที่เห็นหินผลึก ชายตรงหน้าพลันยิ้ม

“ไม่ผิด ข้ามาเพื่อสิ่งนี้ น่าเสียดายที่ในตัวเจ้าขยะเผ่าเชมันอีกสองคนไม่มี ทว่าในเมื่อสหายโม่เอามาแล้ว เช่นนั้นย่อมเป็นของเจ้า ดูท่าสหายโม่น่าจะมุ่งหน้าไปเมืองหมอกนภากระมัง หากเป็นเช่นนั้น แซ่อูก็ไปทางเดียวกับสหายโม่” อูตัวประสานมือคารวะซูหมิง

“ไม่ต้องหรอก” ซูหมิงมองอูตัวแวบหนึ่ง หมุนตัวเตรียมจากไป เขารู้สึกว่าบุคคลนี้อันตรายยิ่ง ตอนนี้อยู่ในช่วงสงครามหมอกนภา ซูหมิงไม่อยากเสียเวลามากนัก แน่นอนว่าหากอีกฝ่ายลงมือก่อน เช่นนั้นซูหมิงก็ไม่ถือสาที่จะลองดูว่าตอนนี้ตนมีพลังเท่าไรแล้ว

“สหายโม่ ช้าก่อน” อูตัวเดินหน้ามาหลายก้าว พลันกล่าวขึ้น

ซูหมิงหยุดชะงัก นัยน์ตาฉายแววเย็นชา

“สหายโม่อย่าเข้าใจผิด แซ่อูแค่อยากแลกเปลี่ยน สหายโม่ต้องสนใจแน่นอน”

อูตัวมีสีหน้าปกติ ยิ้มกล่าวราวกับไม่เห็นสายตาเย็นชาของซูหมิง

ซูหมิงไม่กล่าวสิ่งใด เพียงมองอูตัวผู้นี้อย่างเย็นชา

“สหายโม่ไปเมืองหมอกนภาเพียงลำพัง หากนำคุณูปการไปด้วยบ้าง หลังจากเข้าเมืองหมอกนภาแล้วจะต้องติดอันดับสูงขึ้นไม่น้อย แซ่อูมีงานอย่างหนึ่งอยากให้สหายโม่ช่วย หากสำเร็จ รับรองว่าสหายโม่จะสร้างความดีความชอบได้มากแน่นอน และเมืองหมอกนภาจะต้องให้ความสนใจ” อูตัวเลียริมฝีปาก กล่าวช้าๆ

“พูดมา!” สีหน้าซูหมิงสงบนิ่ง

“เฮอะๆ สหายโม่พูดชัดเจนดี จุดนี้แซ่อูชื่นชมยิ่งนัก เช่นนั้นข้าจะไม่พูดให้มากความ ข้ามีรายงานลับ สงครามหมอกนภาครั้งนี้มีชาวเผ่าเชมันบางส่วนใช้วิธีบางอย่างแอบเข้ามาในแผ่นดินเผ่าหมานของเราช่วงที่เมืองหมอกนภาไม่มีเวลาสนใจ

สามคนที่เจ้าพบก่อนหน้านี้เป็นกลุ่มแรก ด้านหลังพวกมันน่าจะยังมีอีกที่ลักลอบเข้ามา หากพวกเราสองคนร่วมมือกัน สังหารพวกมันทั้งหมดแล้วนำศีรษะไปเมืองหมอกนภา จะต้องเป็นการสร้างคุณูปการครั้งใหญ่แน่! สหายโม่ เจ้าคิดว่าอย่างไร?” อูตัวยิ้มกล่าวขณะมองซูหมิง

“พวกที่หลบกองรักษาการณ์ในเมืองหมอกนภาเข้ามาในแผ่นดินเผ่าหมานได้ ขั้นพลังจะต้องแข็งแกร่ง อีกทั้งหากจำนวนคนน้อย คุณูปการก็ไม่ยิ่งใหญ่ หากจำนวนคนเยอะ เกรงว่าต่อให้ข้ากับเจ้าร่วมมือกันคงยากจะทำสำเร็จ นอกจากนี้สิ่งที่สำคัญคือเจ้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร!” น้ำเสียงซูหมิงเย็นชา กล่าวอย่างช้าๆ

“สหายโม่คงไม่รู้ว่าในเมืองหมอกนภามีช่องโหว่ จะว่าไปก็มิใช่ช่องโหว่จริงๆ เพราะมีเพียงเผ่าเชมันระดับต้นเท่านั้นถึงจะผ่านไปได้ หากเป็นเชมันระดับกลางคงยากจะเข้ามาได้เพราะขั้นพลังสูงเกินไป และที่สำคัญที่สุดคือการผ่านช่องโหว่นี้ต้องเสียเลือดเนื้อไปจำนวนมาก จะต้องเป็นคนที่เตรียมตัวมาเป็นอย่างดีในช่วงสงครามเท่านั้น ถึงจะมีโอกาสเข้าไปได้

คนแบบนี้ไม่น่ามีเยอะ มิเช่นนั้นแล้วคงมิใช่ความลับ ข้ามีรายงานลับว่าพวกที่เข้ามาในแดนเผ่าหมานและเคลื่อนไหวอยู่รอบอาณาเขตนี้มีไม่ถึงยี่สิบคน อีกทั้งขั้นพลังของคนเหล่านี้สูงสุดก็แค่เชมันระดับต้น เทียบเท่ากับขั้นเซ่นไหว้กระดูกตอนต้นเท่านั้น ส่วนข้ารู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร ขอให้สหายโม่อย่าซักถามเลย นี่เป็นความลับของข้า” อูตัวมองซูหมิงพลางกล่าวหนักแน่น

“ข้าจะไม่ปิดบังสหายโม่เช่นกัน หลังจากเราสังหารพวกเชมันแล้ว ศพเป็นคุณูปการของเจ้า ทว่าสิ่งของจะเป็นของข้า นอกจากนี้เพื่อเป็นการขอบคุณ หลังจากจบงานแล้วข้าจะบอกวิธีการใช้หินผลึกให้ ถึงอย่างไรในสงครามหมอกนภา พวกเราก็มีโอกาสได้เจ้าสิ่งนี้มาเยอะอยู่

นี่เป็นการร่วมมือกันระหว่างเราครั้งแรก หากทำสำเร็จ จากนี้พวกเราคงได้ร่วมงานกันอีก ถ้าเจ้ายังไม่เชื่อข้า เช่นนั้นทุกครั้งข้าจะลงมือก่อน แล้วเจ้าค่อยตัดสินใจเอา” อูตัวกล่าวอย่างหนักแน่น

ซูหมิงเงียบงัน หากอูตัวผู้ลึกลับคนนี้พูดอีกเรื่องหนึ่ง ซูหมิงจะไม่ค่อยสนใจเท่าไร ทว่าการสังหารเผ่าเชมันจะเป็นคำอธิบายที่สมบูรณ์แบบสำหรับเรื่องที่เขาไปเมืองหมอกนภาช้า

“อะไรคือเชมันระดับต้น? และอะไรคือเชมันระดับกลาง?” ซูหมิงเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพลันกล่าว

อูตัวตะลึงงัน มองซูหมิงด้วยความประหลาดใจ

“สหายโม่ไม่รู้? ช่างเถอะ เรื่องนี้ก็ไม่ใช่ความลับอะไร สำนักหรือชนเผ่าเจ้าอาจลืมบอก”

ในใจอูตัวสั่นไหว รู้สึกอ่านเบื้องหลังซูหมิงไม่ออกเล็กน้อย เรื่องเกี่ยวกับระดับของเผ่าเชมัน หากเป็นเผ่าค่อนข้างใหญ่จะต้องรู้แน่นอน แต่ในความรู้สึกเขา ซูหมิงเหมือนไม่ได้มาจากเผ่าเล็ก

‘หรือว่าเขากำลังหยั่งเชิงข้า?’ อูตัวกล่าวในใจ แต่สีหน้ากลับปกติ ยิ้มกล่าวว่า

“เผ่าเชมันกับเผ่าหมานต่างกัน จะว่าต่างกันโดยสิ้นเชิงก็ได้ เผ่าหมานของเราแบ่งขั้นพลังเป็นแบบขั้นบันได รวมโลหิต ชำระล้าง เซ่นไหว้กระดูก และวิญญาณหมาน ทุกขั้นพลังจะแบ่งเป็นสี่ระดับย่อย คือตอนต้น ตอนกลาง ตอนปลาย และสมบูรณ์

ทว่าเผ่าเชมันต่างออกไป ขั้นพลังจะค่อนข้างซับซ้อน แต่จะว่าง่ายก็ง่าย พวกเขามีหกขั้นพลังใหญ่ แบ่งเป็นเชมันนักสู้ ไหวพริบวิญญาณ จิตพยากรณ์ ดูดวิญญาณ สื่อวิญญาณ และคู่ดารา

หกขั้นพลังนี้ ความจริงแล้วมีการแบ่งสูงต่ำ เจ้าจะมองว่ามันเป็นหกเส้นทางหลังจากชาวเผ่าเชมันทุกคนทำพิธีเติบใหญ่แล้วก็ได้ โดยจะทดสอบจากจ้าวเชมันในสำนักหรือเผ่าเพื่อค้นหาเส้นทางการฝึกฝนที่เหมาะสมให้

หกขั้นพลังนี้มีแบ่งเป็นระดับต้น กลาง ปลาย และสูงสุดสี่ระดับด้วยกัน เชมันระดับต้นจะเทียบเท่าเซ่นไหว้กระดูกตอนต้น ระดับกลางจะเทียบเท่าเซ่นไหว้กระดูกมหาสมบูรณ์ เชมันระดับปลายจะเทียบเท่าวิญญาณหมานตอนต้น และเชมันระดับสูงสุดจะเทียบเท่าวิญญาณหมานมหาสมบูรณ์

เหนือกว่าระดับสูงสุด แท้จริงแล้วยังมีอีกระดับหนึ่งที่เป็นตำนานคือนภา ในหกขั้นพลัง หากมีใครข้ามผ่านระดับสูงสุด ก็จะถูกเรียกว่าเชมันนภา! ทว่าการปรากฏตัวของนภายากยิ่งนัก เป็นรองเพียงการปรากฏตัวของเทพหมานแห่งเผ่าหมานเท่านั้น” อูตัวยิ้มกล่าวอย่างละเอียด

“เชมันนักสู้ ไหวพริบวิญญาณ จิตพยากรณ์ ดูดวิญญาณ สื่อวิญญาณ คู่ดารา”

นัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเรื่องการแบ่งระดับของเผ่าเชมันซึ่งต่างกับเผ่าหมานโดยสิ้นเชิง ในหกขั้นพลังใหญ่นี้ เขาเคยเจอคู่ดารากับสื่อวิญญาณ ทว่าจ้าวเชมันเผ่ากิ้งก่าอยู่ระดับใดเขากลับไม่รู้

“พูดง่ายๆ คือแบ่งเป็นระดับต้น กลาง ปลาย และสูงสุดสี่ระดับ พูดให้ละเอียดหน่อยคือแบ่งเป็นหกขั้นพลังใหญ่ แต่ละขั้นต่างกัน เชมันนักสู้ก็คือนักรบเชมัน คนเผ่าเชมันพวกนี้มีเยอะสุด ใช้พลังร่างกาย ใช้ความรู้สึกของลายสักรับพลังที่แข็งแกร่งเหมือนกับการเซ่นไหว้

ไหวพริบวิญญาณ พละกำลังกับสติปัญญารวมกันก็สามารถกุมชะตาชีวิตคนอื่น เผ่าเชมันขั้นไหวพริบวิญญาณมีความพิเศษอย่างมาก จ้าวเชมันทุกเผ่าล้วนเป็นขั้นไหวพริบวิญญาณ สติปัญญาพวกเขาสูงส่งไร้ที่เปรียบ มีพลังควบคุมธรรมชาติ บีบให้ชาวเผ่าตนใช้ชีวิตเพื่อบวงสรวงเทพของพวกเขา”

อูตัวกล่าวถึงตรงนี้ แม้แต่เสียงยังเบาลงไม่น้อย ราวกับเกรงกลัวผู้ฝึกไหวพริบวิญญาณยิ่งนัก

ซูหมิงฟังถึงตรงนี้ ในใจก็สั่นไหว เขานึกถึงจ้าวเชมันเผ่าเชมันกิ้งก่า ระดับความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายถือว่าเป็นผู้แข็งแกร่งที่หายากในหมู่ศัตรูที่เขาพบมาทั้งชีวิต

“จิตพยากรณ์จะเป็นบุรุษหล่อเหลาหรือสตรีงดงามที่สุดในเผ่า และฝึกฝนทักษะลางสังหรณ์ สังเกตสภาพอากาศ ดูแลเรื่องภูมิประเทศ ทั้งยังสร้างความสามัคคี จิตพยากรณ์ที่แข็งแกร่งจะน่ากลัวได้ถึงขั้นส่งคนถึงต้นกำเนิดแผ่นดิน ส่งแผ่นดินถึงท้องฟ้า ส่งท้องฟ้าถึงผู้คนได้

ดูดวิญญาณ เชี่ยวชาญด้านวิชาความตาย มีวิชาคืนชีพคืนวิญญาณและวิชาทำให้เป็นอมตะ อย่าประสานสายตากับพวกเขาเชียว มันร้ายกาจเหมือนกับจู๋จิ่วอิน[1]เลยก็ว่าได้…ข้าเคยสังหารดูดวิญญาณระดับต้นมาแล้วสองคน การต่อสู้ในครั้งนั้นเป็นเหมือนฝันร้าย” อูตัวกล่าวถึงตรงนี้ก็เงียบไปครู่หนึ่ง

“ส่วนสื่อวิญญาณ เป็นผู้มอบวิญญาณหลักให้กับคนเป็นและคนตาย จะเห็นใจคนตายเป็นพิเศษ ทว่าไม่สนใจคนเป็น สื่อวิญญาณคนเดียวอาจจะไม่แข็งแกร่ง แต่หากดูดวิญญาณกับสื่อวิญญาณที่เก่งกาจอยู่ด้วยกัน จะเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่

สุดท้ายคือคู่ดารา พวกเขางดงามและหายาก เผ่าเชมันต้องเสียไปเยอะกว่าจะบ่มเพาะคู่ดาราได้หนึ่งคู่ พวกเขาหลุดพ้นจากธรรมชาติ หลุดพ้นจากความจริง ตำนานกล่าวว่าหากพวกเขาจินตนาการมันจะกลายเป็นจริง! ข้าเกลียดเผ่าเชมันชนิดนี้ ทว่าความจริงแล้ว ขั้นพลังนี้ทะลวงถึงระดับนภายากมากที่สุด

หากคู่ดาราทะลวงถึงระดับนภา เช่นนั้นจะเท่ากับเผ่าหมานปรากฏเทพหมานคนใหม่ กระทั่งยังแข็งแกร่งยิ่งกว่า! นี่คือเผ่าเชมัน สหายโม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ โอกาสมีชีวิตรอดในสงครามหมอกนภาคงจะมากขึ้นไม่น้อย ตอนนี้เจ้ากับข้าจะร่วมมือกันได้รึยัง?” อูตัวเลียริมฝีปากพร้อมมองซูหมิง

“เจ้ามั่นใจขนาดนี้ ดูท่าคงจะพบพวกมันแล้ว นำทางไป!” ซูหมิงขบคิดชั่วครู่ ก่อนกล่าวอย่างเด็ดขาด

“สหายซูตรงไปตรงมาดี ข้าพบพวกมันแล้วจริงๆ ส่วนเพราะเหตุใดข้าขอไม่พูด ทว่าสหายโม่วางใจเถอะ ข้าจริงใจ!” อูตัวหัวเราะเสียงดัง จากนั้นทะยานเหยียบอากาศกลายเป็นสายรุ้งยาวไกลออกไป

“สหายโม่ เผ่าเชมันกลุ่มนี้อยู่ตรงหน้าเราไม่ไกล หลังจากข้าลงมือแล้ว ขอให้สหายโม่ช่วยด้วย!”

ซูหมิงทะยานตามหลังไป สีหน้าเป็นปกติ กลายเป็นสายรุ้งยาวทะลวงผ่านอากาศ

อีกทางหนึ่งของที่ราบ ยามนี้มีชาวเผ่าเชมันสองคนกำลังห้อเหยียดระนาบทุ่งหญ้าอย่างตื่นตัว หนึ่งในสองคนนี้สวมหมวกเหล็กเขาวัว แววตาเย็นชา ตรงริมฝีปากมีรอยแผลเป็น ดูเหมือนถูกแบ่งเป็นสี่กลีบดอกไม้ ดูน่ากลัวอย่างยิ่ง

ข้างกายเขาเป็นเด็กชายคนหนึ่ง เส้นผมแกว่งไกว หลับตาตลอดเวลา ทว่ากลับมีความรู้สึกทะมึนทึบโอบล้อมรอบตัว ช่วงที่ชายร่างกำยำมองเด็กคนนี้จะมีสีหน้ายำเกรงและหวาดกลัว

“เจ้ากำลังกลัว” ขณะเดินทาง เด็กชายหลับตาพลันกล่าว น้ำเสียงแหลมเล็กน้อย ประหนึ่งเสียดสีกับวิญญาณ

“ท่านผู้ดูดวิญญาณ…” ชายร่างกำยำข้างกายตัวสั่นเทา

“ไม่ต้องกลัว อูตัวไม่กล้าเล่นตุกติกหรอก แลกเปลี่ยนเสร็จเขาจะกลายเป็นสหายร่วมเดินทางกับเจ้าและติดตามข้า และมีกายเชมันเป็นอมตะ” เด็กชายผู้นั้นยิ้ม ยังคงหลับตาเช่นเคย แต่กลับมีแสงดำพิลึกเปล่งมาจากซอกตา

“ขอรับ!” นัยน์ตาชายร่างกำยำพลันไร้ความรู้สึก ก้มหน้าลงขานรับอย่างนอบน้อม ในคำพูดไม่มีคลื่นอารมณ์แม้แต่น้อยเหมือนกับคนตาย

ช่วงที่เขาก้มหน้า ภายในปากที่ฉีกแยกเป็นสี่กลีบมีตัวอ่อนแมลงมุดออกมา ตกลงบนพื้น ชายร่างกำยำผู้นี้…..ในตัวเขาเต็มไปด้วยตัวอ่อนแมลง เขา…ตายไปแล้ว!

………………………

[1] จู๋จิ่วอิน คือสัตว์ในตำนานของจีน มีตัวเป็นงู แต่หัวเป็นมังกร

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!