Skip to content

สู่วิถีอสุรา 350

ตอนที่ 350 การแสดงอันน่าจับจ้องแห่งหมอกนภา

“เขาจะตายไม่ได้!” ชายวัยกลางคนพลันกล่าว

“จัดการต่อไป พวกเจ้าแบ่งไปสี่คน พาเขามาหาข้า” ชายวัยกลางคนผู้มีใบหน้าขาวไร้เครากล่าวจบ นักล่าแห่งเผ่าหมานที่สวมหน้ากากทั้งเก้าคนรอบตัวพลันแยกไปสี่คน

ขณะที่ทั้งสี่คนนี้กำลังไปทางซูหมิง ชายวัยกลางคนพลันยกมือขึ้น ทั้งสี่คนหยุดชะงักและมองมาอย่างเย็นชา พวกเขาเป็นนักล่าแห่งเผ่าหมาน ต่อให้ถูกขอร้องให้มาปกป้องชายวัยกลางคน ต่อให้ขั้นพลังของชายวัยกลางคนไม่ธรรมดาก็ตาม ทว่าพวกเขาทั้งเก้าคนควรอยู่ในสนามรบและเข่นฆ่าศัตรูเพื่อฝึกฝนจิตใจ ฉะนั้นแม้จะถูกขอร้องให้มาปกป้องอีกฝ่าย พวกเขาก็ยังคงเฉยชา

“รอเดี๋ยว ยังไม่ต้องไปพาเขามา พวกเจ้าไปคนเดียวพอ บอกซูหมิงว่าด้วยคำสั่งของโจวเต๋อ ผู้บัญชาการสูงสุดในเขตสนามรบทางใต้ ให้เขาพากำลังพลของเขาไปที่นั่น…แล้วปักสิ่งนี้ลงดินไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม!” ขณะชายวัยกลางคนกล่าวก็ยกมือขวาชี้ไกลๆ จากนั้นมือเขาปรากฏของลักษณะกรวยสีดำหนึ่งชิ้น แล้วส่งมันให้นักล่าผู้เย็นชาด้านหลังคนหนึ่ง

นักล่าคนนั้นรับของแล้วก็หมุนตัวมุ่งหน้าไปทางกลุ่มคนทันที ไม่มีการประสานมือคารวะหรือเคารพใดๆ

ชายวัยกลางคนไม่ได้ถือสากิริยาของนักล่าผู้นี้แม้แต่น้อย เขารู้ดีว่าคนพวกนี้เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในหมู่นักรบหมาน พวกเขาไม่ควรจะมาอยู่ตรงนี้ แต่ควรอยู่ในสนามรบ

‘ทว่าพวกเจ้าไม่รู้ ความสามารถของผู้บัญชาการทั้งสี่คนในสี่เขตสนามรบซึ่งเลือกมาโดยเมืองหมอกนภาต่างหากที่เป็นหมากสำคัญในสงคราม…หากเป็นผู้บัญชาการที่มีคุณสมบัติมากพอก็จะสูญเสียเผ่าหมานไปน้อยมาก…’ ชายวัยกลางคนส่ายศีรษะ มองไปทางจุดที่ซูหมิงอยู่ในเขตสนามรบทางใต้

ยามนี้ในสายตาเขา ตรงเขตสนามรบทางใต้ มีเพียงซูหมิงคนเดียวที่มีค่าพอให้สนใจ เขาอยากหาข้อดีและข้อเสียจากกลุ่มของซูหมิงให้มากกว่านี้

ซูหมิงอยู่ข้างหน้า คนสี่ร้อยกว่าอยู่ด้านหลัง ทุกคนฝ่าทะลวงรอบแปดทิศ จุดที่ผ่านจะเกิดฝนโลหิตและสายลมกลิ่นคาวเลือด อาภรณ์ของซูหมิงถูกย้อมด้วยโลหิตหลายครั้ง ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย นี่ไม่ใช่เพราะเขาบ้าคลั่ง แต่เพราะเหนื่อยล้า

ท้องฟ้าตอนนี้ค่อยๆ มืดลง ทว่าสงครามยังดำเนินต่อไป และไม่รู้ว่าจะดำเนินไปจนถึงเมื่อไร บางทีอาจเป็นค่ำคืนนี้หรืออาจเป็นพรุ่งนี้

ชาวเผ่าหมานยังคงหลั่งไหลมาจากเมืองหมอกนภาเป็นบางครั้ง ส่วนเผ่าเชมันก็รวมพลชนเผ่าใหม่เข้ามาเสริมจากด้านหลังเป็นครั้งคราว ราวกับไม่มีหยุดพัก…

ซูหมิงสาวเท้ายาว แสงดำขยับวิบวับรอบตัวเขา ตรงหน้าเป็นชายหนุ่มเผ่าเชมันคนหนึ่ง ระหว่างคิ้วพลันถูกเปิดเป็นรอยแผล หลังจากล้มลงสิ้นใจแล้ว แสงดำนั้นก็กลับมาอยู่ข้างซูหมิงและนอนพาดอยู่บนไหล่เขา มันก็คือหนอนงูไม้พลองพิลึก

มันนอนพาดอยู่บนไหล่ มองไปรอบๆ อย่างตื่นตัว ความรู้สึกชั่วร้ายจากตัวมันทำให้ไม่มีสัตว์ร้ายเผ่าเชมันกล้าเข้าใกล้กลุ่มเล็กของซูหมิง

บางคนก็สงสัย ทว่าไม่มีใครรู้สาเหตุ มีเพียงซูหมิงที่รู้ว่าทุกอย่างเป็นเพราะหนอนงูพิลึกตัวนี้ ส่วนมันคืออะไรกันแน่ ซูหมิงเองก็มีการคาดเดาเอาไว้มากมายเช่นกัน แม้ไม่มีคำตอบ แต่ก็เข้าใจว่าสิ่งนี้ย่อมไม่ธรรมดา

ช่วงที่ซูหมิงจะเดินหน้าต่อ นัยน์ตาพลันขยับประกาย ก่อนเงยหน้ามองไปทางเมืองหมอกนภา ในกลุ่มคนที่กำลังเข่นฆ่ากันตรงนั้น เขาเห็นนักล่าแห่งเผ่าหมานที่สวมหน้ากากดำคนหนึ่งกำลังเดินมาทีละก้าวจากกลุ่มคน เมื่อผ่านชาวเผ่าเชมันเขาจะลงมืออย่างเหี้ยมโหดและช่วงชิงชีวิตมา

บุคคลนี้ต่อให้ไม่สวมหน้ากากก็ดูเด่นตายิ่งนักในสนามรบ เพราะว่าในตัวเขามีจิตใจอันแน่วแน่ จิตใจเช่นนี้ก็คือพลัง และพลังที่ว่านี้ซูหมิงไม่เคยมีมาก่อน มันเป็นจิตใจอันเหี้ยมโหด

ตอนที่ซูหมิงมองเขา นักล่าแห่งเผ่าหมานก็มองซูหมิงเช่นกัน ทั้งสองคนห่างกันหลายร้อยจั้ง ทว่าสำหรับนักล่าแห่งเผ่าหมาน ครู่เดียวก็เดินถึงได้

เขาเดินเข้ามาทีละก้าว กลุ่มเล็กรอบตัวซูหมิงล้วนมองนักล่าแห่งเผ่าหมานคนนั้นด้วยความเคารพ

“เจ้ามีคุณสมบัติเป็นสมาชิกนักล่าแห่งเผ่าหมาน!” ชายที่เดินมากล่าวกับซูหมิงเป็นครั้งแรก

“ผู้บัญชาการโจวแห่งเขตสนามรบทางใต้มีคำสั่งให้เจ้าไปที่นั่น!” ขณะกล่าวก็ชี้ไปไกลๆ ตรงนั้นเป็นสุดปลายสนามรบแห่งนี้ ยามซูหมิงมองไป เขาเห็นว่าตรงนั้นมีสัตว์ร้ายขนาดหนึ่งร้อยจั้งสิบกว่าตัว รอบสัตว์ร้ายเหล่านั้นเป็นเผ่าเชมันหลายร้อยคน

กระทั่งตรงนั้นยังมีสัตว์ยักษ์หนึ่งพันจั้งตัวหนึ่งกำลังลอยอยู่กลางอากาศ จ้องมองสนามรบ นั่นเป็นจุดที่เงียบสงบอย่างยิ่ง โดยรอบภายในเขตหลายพันจั้งไม่มีเงาร่างของเผ่าหมาน

ซูหมิงเห็นแค่เท่านี้ มองไม่เห็นว่าในกลุ่มชาวเผ่าเชมันมีอะไรอยู่ ทว่าชาวเผ่าเชมันเหล่านั้นไม่เข้าร่วมสงคราม แต่มองสนามรบอยู่ไกลๆ เหมือนกับว่าปกป้องอะไรบางอย่างในนั้น

“ไม่ว่าเจ้าจะใช้วิธีอะไรก็ตาม เอาสิ่งนี้ปักลงบนพื้น อีกอย่างเจ้าห้ามไปคนเดียว ผู้บัญชาการโจวย้ำมาว่าให้เจ้าพากลุ่มของเจ้าไปด้วย!” นักล่าเผ่าหมานโยนของในมือให้ จากนั้นประสานมือคารวะซูหมิงแล้วหมุนตัวจากไป

แม้เขาจะเย็นชา แต่ตนเป็นนักล่ามีจิตใจอันแข็งแกร่ง คนที่เขาจะประสานมือคารวะ นอกจากผู้แข็งแกร่งอย่างยิ่งแล้วก็มีสหายร่วมกลุ่มเดียวกัน

มีแต่นักล่าเท่านั้นถึงจะได้รับการเคารพจากนักล่า!

ซูหมิงมองของที่นักล่าแห่งเผ่าหมานโยนมาให้ มันเป็นของลักษณะกรวยสีดำทุกส่วน แผ่ไอหนาวเยือก นอกจากนี้แล้วซูหมิงยังไม่พบอะไรอีก

เขาเงียบแล้วมองไปทางกลุ่มเผ่าเชมันพลางขมวดคิ้ว

“ท่าน…เราจะไปตรงนั้นอย่างไร?” เหยียนป๋อเบิกตากว้าง มองไปยังเป้าหมายและหรี่ตาลง ชาวเผ่าเชมันหลายร้อยคนตรงนั้นไม่ธรรมดา ทั้งยังมีสัตว์ร้ายขนาดร้อยจั้งสิบกว่าตัว กระทั่งยังมีสัตว์ร้ายขนาดหนึ่งพันจั้งอีกหนึ่งตัว

“ที่นั่นจะต้องปกป้องบุคคลสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเผ่าเชมันไว้เป็นแน่…คนแบบนั้น หากไม่มีนักล่าแห่งเชมันติดตามคงเป็นไปไม่ได้ ถ้าพวกเราต้องไปก็ต้องเผชิญหน้ากับนักล่าแห่งเชมัน!” จื่อเชอกล่าวเสียงเบา

“ทว่านี่เป็นคำสั่งของผู้บัญชาการโจว…”

“ผู้บัญชาการโจวเป็นใคร?” ซูหมิงพลันถาม

เหยียนป๋อตะลึงงัน คนอื่นๆ รอบตัวซูหมิงก็เช่นกัน อดีตหัวหน้ากลุ่มหลายคนต่างมองซูหมิงด้วยความประหลาดใจ

“อาจารย์อา ตรงนี้คือเขตสนามรบทางใต้ เขตนี้โจวเต๋อได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการโดยเมืองหมอกนภา คำสั่งของเขา ทุกคนในเขตสงครามทางใต้ต้องปฏิบัติตาม ทว่าตั้งแต่เริ่มสงครามจนถึงตอนนี้ เหมือนว่าเขายังไม่ได้สั่งการอะไรเลย…บางทีข้าอาจจำพลาดไป” จื่อเชอรีบกล่าว

“ข้าก็ไม่เคยเห็นเขาสั่งการอะไรเหมือนกัน….”

“ไม่เคยได้ยินเหมือนกัน…” ผู้คนโดยรอบต่างพากันกล่าวขึ้น ทว่าไม่นานพวกเขาสีหน้าเปลี่ยน เพราะจากคำพูดของทุกคน จึงได้รู้ว่าผู้บัญชาการเขตสนามรบทางใต้นี้มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะไม่เคยสั่งการอะไรเลยจริงๆ

และนี่อาจเป็นครั้งแรกที่เขาออกคำสั่ง อีกทั้งคนที่รับคำสั่งก็คือซูหมิงกับพวกเขาทุกคน

“จะสู้หรือไม่?” เหยียนป๋อลังเลครู่หนึ่งพร้อมมองซูหมิง การตัดสินใจครั้งใหญ่เช่นนี้ เขาต้องการความเห็นของซูหมิงด้วย

มิใช่เขาเพียงคนเดียวที่เป็นเช่นนี้ ยามนี้ผู้ติดตามรอบตัวซูหมิงต่างมองเขาและรอเขาตัดสินใจ หากซูหมิงสู้ พวกเขาก็จะไม่ถอย หากซูหมิงไม่สู้ เช่นนั้นอาจมีคนออกจากกลุ่มไป คนที่เหลืออยู่คงน้อยมาก

ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นการขัดคำสั่ง

“เป้าหมายของผู้บัญชาการโจวคืออะไร…” นัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย ยังไม่ได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด แต่หันไปมองทางเมืองหมอกนภา ผ่านไปครู่หนึ่งก็มองจุดเป้าหมายอีกครั้ง

มองการป้องกันหนาแน่น มองสัตว์ร้ายที่แข็งแกร่ง…

“กลุ่มพวกเราจะโจมตีที่นั่นคงเป็นไปไม่ได้ หากจะไปให้ถึงก็ต้องรวมกลุ่มพวกเราให้มากกว่านี้” ซูหมิงกล่าวเรียบๆ

เหยียนป๋อพยักหน้า คนอื่นๆ ก็เห็นด้วยเช่นกัน

“เช่นนั้นผู้บัญชาการโจวไม่น่าจะมอบภารกิจที่เป็นไปไม่ได้ให้พวกเรา ภารกิจครั้งนี้จะต้องมีเป้าหมายของเขา อาจจะให้พวกเรารวมกำลังพลให้แข็งแกร่งกว่านี้ จากนั้นค่อยโจมตีที่นั่น…” ซูหมิงขมวดคิ้ว

“จะใช่หรือไม่นี่ก็เป็นการแสดง!” คนที่กล่าวเป็นชายหนุ่มรูปร่างผอมเตี้ยเล็กน้อยคนหนึ่ง ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยโลหิต ทว่าสีหน้ากลับกล้าหาญ ยามนี้นัยน์ตาขยับประกายแล้วพลันกล่าวขึ้น

ซูหมิงมองอีกฝ่าย ชายคนนี้เกาศีรษะ รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ในความคิดและมุมมองของเขา ในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ซูหมิงมีเงาสูงใหญ่ยิ่งนัก ยามนี้ซูหมิงมองตนจึงรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย

“ไม่ผิด นี่คือการแสดง ผู้ชมคือผู้บัญชาการโจว บางที…อาจจะมีคนอื่นๆ ด้วย…เพราะจุดหมายเป็นที่กว้างโล่ง เป็นที่ที่เหมาะกับการชมมากที่สุด!” ซูหมิงกล่าวทีละคำ คำพูดของชายคนนี้ขจัดความสับสนในความคิดให้เขา

“พวกเรา…” เหยียนป๋อกล่าวอย่างลังเล

“พวกเราสู้ เหตุใดจะไม่สู้เล่า ในเมื่อเป็นการแสดง เช่นนั้นพวกเราก็ต้องแสดงให้ดี จะมีอะไรเสียหายกัน!” นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกาย เขาไม่อาจหลีกเลี่ยงภารกิจครั้งนี้ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ต้องสู้!

กล่าวจบ ชาวเผ่าหมานที่ติดตามเขาพลันตะโกนเสียงดัง

“สู้!”

ยามนี้ ณ เขตสงครามทางใต้ ชายแซ่โจวมองไปตรงจุดที่ซูหมิงอยู่ ในแววตาเขามีการเฝ้ารอคอยหยั่งลึก

ตอนที่เขาเห็นกลุ่มซูหมิงเริ่มเคลื่อนไหว อีกทั้งยังทำตามคำสั่งเขา ชายแซ่โจวพลันยกมือขึ้น ในมือมีแผ่นไม้บันทึกสี่แผ่น แผ่นไม้เหล่านั้นพลันเผาไหม้กลายเป็นสายรุ้งยาวสี่เส้นพุ่งไปสี่ทาง

หนึ่งคือสนามรบทางเหนือ หนึ่งคือสนามรบทางตะวันตก หนึ่งคือสนามรบทางตะวันออก และอีกหนึ่งไปทางเมืองหลักหมอกนภา!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!