Skip to content

สู่วิถีอสุรา 360

ตอนที่ 360 ของเหลวจากปราณ

เส้นเลือดหนึ่งพันเส้น!

เดิมทีมันมีอยู่ เพียงแต่ว่าซูหมิงไม่รู้จนกระทั่งถึงตอนนี้ หลังจากซูหมิงทะลวงสู่ขั้นเซ่นไหว้กระดูก หากเขาพอใจกับกระดูกหมานหนึ่งชิ้น เกรงว่าเส้นเลือดเส้นที่หนึ่งพันคงยังไม่ปรากฏ

แม้ว่ากระดูกหมานชิ้นที่สองปรากฏแล้ว หากซูหมิงเลือกหยุดมันก็เท่านั้น ทว่าการเลือกของซูหมิง แม้ไม่กล่าวเป็นคำพูด กลับกังวานอยู่ในใจปานเสียงตะโกน

เขาอยากแข็งแกร่ง ยืนอยู่เหนือจิตใจอันแน่วแน่ทุกอย่าง ในโลกใบนี้ไม่มีใครครอบงำโชคชะตาของเขาได้ ไม่มีใครกุมทางเลือกของเขาได้ ไม่ว่าใครก็ไม่อาจบังคับให้เขายอมศิโรราบ!

เขาต้องการกระดูกหมานชิ้นที่สาม ต้องการให้จิตใจอันแน่วแน่ของเขาสมบูรณ์ตอนเทวรูปเซ่นไหว้กระดูกปรากฏ และยืมพลังของอีกฝ่ายมาทำให้ก้าวแรกของตนเดินไปได้ไกลอีกหลายก้าว!

นี่ก็คือความคิดของซูหมิง!

เส้นเลือดหนึ่งพันเส้นนั้นเกิดขึ้นเพราะความคิดเขา แทบจะเป็นตอนที่มันปรากฏ ตรงกระดูกสันหลังของซูหมิง กระดูกชิ้นที่สามพลันเปล่งแสงสีฟ้าเด่นชัด แสงนั้นทะลวงผ่านตัวซูหมิง กระจายอยู่รอบตัวเขาในระยะหนึ่งร้อยจั้ง ทำให้ท้องฟ้า ใต้น้ำวน และข้างเทวรูปกลายเป็นสีฟ้า!

“ความคิดละโมบ…ทว่าเป็นการละโมบที่ดี! เส้นเลือดหนึ่งพันเส้น…หนึ่งพันเส้น…กระจายคำสั่งข้าไป ซูหมิง เป็นบุตรแห่งหมอกนภา!” เสียงแก่ชราจากเมืองหมอกนภาดังสนั่นดุจหัวเราะลากยาว

ยามนี้ คนที่เห็นใบหน้าซูหมิงชัดล้วนตื่นตะลึง

“ไม่อยากเชื่อว่าจะมีเส้นเลือดหนึ่งพันเส้น เผ่าหมานไม่เคยปรากฏบุคคลเช่นนี้มานานมากแล้ว!”

“เขามีพรสวรรค์เช่นนี้ เหตุใดถึงไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน…”

“ไม่ว่าเมื่อก่อนชื่อเสียงเขาจะเป็นอย่างไร แต่จากวันนี้ไปเขาจะเป็นที่จับตามองของแดนอรุณใต้!”

บนท้องฟ้า ซูหมิงไม่รู้เรื่องราวด้านล่าง ยามนี้เขาตั้งสมาธิทั้งหมดไปกับกระดูกหมานชิ้นที่สามที่เพิ่งปรากฏและแปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว

ขณะเดียวกัน เลือดเนื้อและพลังชีวิตที่เหลืออยู่สองส่วนในร่างกายถูกดูดกลืนอย่างต่อเนื่อง บวกกับเส้นเลือดหนึ่งพันเส้น จึงส่งพลังเข้าไปมากขึ้น ไม่นานนัก เมื่อเส้นเลือดบนผิวหนังซูหมิงค่อยๆ สงบลงและหายไปแล้ว ความรู้สึกอ่อนแรงก็แผ่อยู่ทั่วทั้งตัวเขา

ทว่าทันใดนั้น พลันปรากฏกระดูกหมานชิ้นที่สามในตัวเขา!

เมื่อกระดูกหมานชิ้นที่สามปรากฏ มันส่องแสงพร่างพราวและมอบความรู้สึกแข็งแกร่ง แม้ซูหมิงหลับตาอยู่ก็ยังสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลของฟ้าดิน และสัมผัสมันได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น

“พลังฟ้าดินนี้…เป็นกลิ่นอายพลังที่อยู่ในทุกมุม…ข้า…น่าจะใช้มันได้…”

ซูหมิงพึมพำเบาๆ ยามนี้เขาอ่อนแออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน กระทั่งราวกับว่าสายลมก็พัดปลิวได้ ร่างกายแห้งเหี่ยวเหมือนกับศพ นี่คือราคาที่ต้องจ่ายของการเซ่นไหว้กระดูก

จำเป็นต้องใช้เวลาถึงจะฟื้นตัวกลับมา เมื่อนั้นการเซ่นไหว้กระดูกหมานก็จะใช้วิธีแบบนี้ไม่ได้อีก เพราะไม่มีพลังของเทวรูปเซ่นไหว้กระดูกมากดดันและทำให้รวมตัว จึงไม่อาจแปรเปลี่ยนชำระล้างเป็นเซ่นไหว้กระดูกได้

โอกาสมีเพียงครั้งเดียว!

ยิ่งกอบโกยได้เท่าไร ผลลัพธ์ก็ยิ่งต่าง!

เทวรูปจะปรากฏอีกครั้งเมื่อซูหมิงทะลวงสู่ขั้นวิญญาณหมาน เงื่อนไขคือเขาต้องทะลวงให้ถึงและห้ามตายตอนเซ่นไหว้กระดูกสมบูรณ์ ถึงอย่างไรสำหรับคนส่วนใหญ่ เซ่นไหว้กระดูกตอนปลายก็คือขีดจำกัดที่ต้องการแล้ว!

ยามนี้หลังจากซูหมิงหลับตาและสัมผัสถึงพลังฟ้าดิน

เทวรูปวิญญาณหมานมุมหนึ่งภายในน้ำวนยักษ์บนท้องฟ้า ค่อยๆ เลือนรางหายไป นอกจากนี้แล้ว เทวรูปเซ่นไหว้กระดูกก็ค่อยๆ เลือนเหมือนจะหายไปเช่นกัน….

แรงกดดันบนพื้นดินเริ่มลดน้อยลง ไม่นานท้องฟ้าก็กลับคืนสภาพเดิม นั่นหมายความว่าโชคลาภของซูหมิงได้จบลงแล้ว

เมื่อแรงกดดันหายไป ผู้คนบนผืนดินหลายคนพยายามฝืนลุกขึ้นยืน ทว่าพวกเขายังคงมองท้องฟ้า มองเงาร่างเลือนรางในแสงสีฟ้าที่ยังอบอวลอยู่ด้านบน

เวลาผ่านไป เทวรูปวิญญาณหมานใต้น้ำวนยักษ์หายไปมากกว่าครึ่ง มองอีกแวบเดียวก็หายไปจนหมด ตามมาด้วยเทวรูปเซ่นไหว้กระดูก

ซูหมิงยังคงหลับตา ยามนี้เขาอ่อนแอเหมือนกับตอนก่อนเป็นนักรบหมานและยังเป็นเพียงชาวเผ่าธรรมดาคนหนึ่ง ทว่ายิ่งเป็นอย่างนั้น เขายิ่งรู้สึกถึงพลังฟ้าดินรอบตัวชัดเจนยิ่งกว่าเดิม

เขาเริ่มพบว่า ตัวเองในสภาพอ่อนแอนี้เหมือนกับ…..ยังไม่อ่อนแออย่างเต็มที่….ราวกับว่ายังมีอีกหนึ่งกลิ่นอายพลังอยู่ในตัวเขา เพียงแต่ว่ามันอ่อนกำลังยิ่งนัก ปกติแล้วจะอยู่ใต้พลังชำระล้าง เล็กจ้อยจนไม่มีค่าพอให้สนใจ ตอนนี้เมื่อพลังชำระล้างหายไป มันจึงค่อยๆ โผล่ขึ้นมา

มันคือ…รวมปราณ!

ภายในเส้นเลือดลมที่ถูกเปิดในตัวซูหมิง มีปราณที่ทำให้เขามีจิตสัมผัสอยู่ด้วย!

‘นี่คือ…การรวมปราณ เป็นการฝึกฝนอีกชนิดหนึ่งที่ข้าสัมผัสได้จากเหอเฟิง อีกทั้งข้ายังตั้งชื่อให้มันเองด้วย…’ ซูหมิงพลันลืมตาขึ้น เขาไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่ รู้สึกว่าปราณในเส้นเลือดลมกับพลังฟ้าดินนี้คล้ายกัน

ความคล้ายนี้ทำให้ซูหมิงนึกถึงตอนที่เรียนรู้วิธีการรวมปราณ เขาเคยมีความรู้สึกคล้ายคลึงแบบนี้เหมือนกัน ฉะนั้นเขาจึงตั้งชื่อมันว่ารวมปราณ!

นัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย ตอนนี้เขาสัมผัสปราณในเส้นเลือดลมได้อย่างชัดเจน ขณะนัยน์ตาวูบไหวก็อ้าปากสูบเข้าไป

เมื่อลองสูบมันดู เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าปราณในเส้นเลือดลมโคจรอย่างรวดเร็ว ตอนที่โคจรครบหนึ่งรอบ พลังฟ้าดินที่ซูหมิงรู้สึกถึงพลันรวมกันเข้ามา และถูกสูบเข้าไปในปากเฮือกใหญ่

พลังฟ้าดินเฮือกนี้ทำให้ตัวซูหมิงพองบวมในความเร็วระดับสายตา พลังชีวิตและความอ่อนแรงที่เสียไปพลันฟื้นฟูกลับมาเกือบครึ่ง

นี่ยังไม่ใช่จุดสำคัญ จุดสำคัญคือซูหมิงรู้สึกว่าปราณในเส้นเลือดลมขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า และตอนนี้ยังโคจรอย่างรวดเร็วอยู่ในตัวเสมือนมังกร

ซูหมิงสับสนเล็กน้อย แต่เขารู้ดีว่านี่ไม่ใช่เวลาจะมาขบคิด พริบตาเดียวเทวรูปสององค์ก็จะหายไปแล้ว ซูหมิงจึงอ้าปากกว้างสูบเข้าไปอีกครั้ง

ครั้งนี้ หลังจากพลังฟ้าดินม้วนเข้ามาและถูกซูหมิงสูบเข้าไป เลือดเนื้อและพลังชีวิตฟื้นตัวกลับมาเหมือนร่างกายจะระเบิดออก ขณะเดียวกันมันก็มาพร้อมกับความเจ็บปวดที่ไม่อาจทนไหว ปราณในเส้นเลือดลมขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่าอีกครั้ง ขณะไหลเวียน ขนาดของมันแทบจะติดกับผนังเส้นเลือดลม!

ขณะเดียวกับที่ซูหมิงสูบพลังฟ้าดินครั้งแรก ผู้แข็งแกร่งเผ่าเชมันสามคนบนผืนดินด้านล่างล้วนเปลี่ยนสีหน้า พวกเขาหรี่ตาจ้องมองท้องฟ้า

แม้ในความคิดยังมีเสียงอื้ออึงคล้ายถูกผนึกจิตสำนึก ร่างกายพวกเขากลับรับรู้ถึงการแปรเปลี่ยนของพลังฟ้าดิน การโคจรปราณจากพลังฟ้าดินนั้น ทำให้พวกเขาคิดไปเองช่วงหนึ่งว่าคนบนท้องฟ้ามิใช่ขั้นเซ่นไหว้กระดูก แต่เป็นขั้นวิญญาณหมาน!

แม้แต่ตาแก่ขั้นวิญญาณหมานของเผ่าหมานยังสีหน้าเปลี่ยน

พวกเขาล้วนตะลึงงัน สีหน้าตื่นตะลึง

“พลังฟ้าดิน เขาควบคุมพลังฟ้าดินได้!”

“ต้องทะลวงถึงขั้นเซ่นไหว้กระดูกตอนปลายก่อนถึงจะพอทำได้ มีเพียงขั้นวิญญาณหมานเท่านั้นถึงจะมีพลังควบคุม เขาทำได้อย่างไร!”

“ในตัวเขามีบางอย่างแปลกไป…”

พลังชีวิตและเลือดเนื้อในตัวซูหมิงฟื้นตัวกลับมา ความรู้สึกเหมือนตัวจะระเบิดเด่นชัดยิ่งขึ้น ซูหมิงเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า กระดูกสันหลังชิ้นที่สี่พลันเปล่งแสงสีฟ้าออกมา

ช่วงที่มันเปล่งแสง เทวรูปสององค์ที่กำลังจะหายไปบนท้องฟ้าพลันหยุดชะงักและชัดเจนขึ้นมาอีกครั้ง

ซูหมิงยืมแรงกดดันพิเศษของเทวรูปตอนทะลวงสู่ขั้นเซ่นไหว้กระดูก ทำให้ตัวเขาแห้งเหี่ยวลงทันใด พอพลังฟ้าดินฟื้นฟูร่างกายกลับมา พลังชีวิตและเลือดเนื้อจึงถูกกระดูกหมานชิ้นที่สี่สูบกินอย่างบ้าคลั่ง จนแห้งเหี่ยวลงด้วยความเร็วระดับสายตา

นัยน์ตาซูหมิงตื่นเต้น เขาไม่เคยคิดเลยว่าความไม่ตั้งใจจะทำให้ตนมีโชคลาภเช่นนี้ หัวใจเขาเต้นแรง ขณะเดียวกับที่ร่างกายแห้งเหี่ยว เขาอ้าปากกว้างและสูบพลังฟ้าดินอีกครั้ง

การสูบครั้งนี้ พลังฟ้าดินหลั่งทะลักเข้าไปในปากซูหมิง ทำให้ร่างกายฟื้นฟูกลับมาอีกครั้ง เวลาเดียวกันก็ถูกกระดูกหมานชิ้นที่สี่สูบกินไป อีกด้านหนึ่ง ปราณดุจมังกรในเส้นเลือดลม ยามนี้ขยายใหญ่ขึ้นจนชิดกับผนังเส้นเลือดลมแล้ว

ยามที่หัวและท้ายติดกับผนังเส้นเลือดลม ซูหมิงที่กำลังหลับตาอยู่พลันตัวสั่นสะท้าน บนตัวเขาขับสิ่งปฏิกูลจำนวนมากออกมา ประหนึ่งร่างกำลังจะผลัดเปลี่ยนอีกครั้ง

ภายใต้การผลัดเปลี่ยน เส้นเลือดลมที่ถูกเปิดในตัวซูหมิงพลันถูกขยายใหญ่ขึ้นอีกหนึ่งรอบเต็มๆ อีกทั้งปราณภายในยังรวมตัวกันอย่างรวดเร็วตามการขยายของเส้นเลือดลม ในความรู้สึกซูหมิง ปราณที่รวมตัวกันเหมือนถูกบีบเค้นจนกลายเป็นลักษณะของหยดน้ำ

ลมปราณ กลายเป็นของเหลว!

ร่างกายเขาก็เปลี่ยนแปลงเช่นกัน ตัวสูงขึ้น ไม่มีจุดเด่นของเผ่าหมานแม้แต่น้อย เส้นผมยาวขึ้นอีกเล็กน้อย ผิวหนังขาวบริสุทธิ์ โปร่งใสปานผลึกแก้ว ทั้งตัวมีเอกลักษณ์เฉพาะ เอกลักษณ์เฉพาะนั้นคือสงบนิ่ง ทว่ากลับแฝงไว้ด้วยความประหลาด!

ยามนี้ซูหมิงลืมตาขึ้น แววตาเขาล้ำลึก สายตาประดุจดูดกลืนได้ทุกสรรพสิ่ง ช่วงเวลานี้ เขามีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคล้ายสตรีเผ่าเชมันด้านล่างผู้เรียกตนว่าซู่มิ่งก่อนหน้านี้อย่างน่าประหลาด!

ราวกับมาจากที่เดียวกันและฝึกฝนแบบเดียวกัน!

ขณะนั้นเอง ช่วงที่ซูหมิงลืมตา กระดูกสันหลังชิ้นที่สี่กลายเป็นกระดูกหมานอย่างสมบูรณ์!

“หากข้าจะละโมบ ก็ต้องละโมบให้มากกว่านี้!” ซูหมิงเงยหน้ามองเทวรูปสององค์ นัยน์ตาฉายแววบ้าคลั่ง พร้อมกล่าวพึมพำเบาๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!