ตอนที่ 361 พลังแห่งเทพหมาน
ซูหมิงกางสองแขน เขาอยากลองดูดกลืนพลังฟ้าดินอีกครั้ง
ทว่าพอปราณในเส้นเลือดลมกลายเป็นของเหลวแล้ว กลับเหมือนถึงจุดอิ่มตัวชั่วคราว ไม่อาจดูดกลืนต่อได้อีก
แต่หากล้มเลิกไปแบบนี้ ซูหมิงรู้สึกขัดใจอยู่บ้าง เขามองเทวรูปสององค์ค่อยๆ เลือนหายอีกครั้ง แววตาเป็นประกายวูบไหว บนตัวเขาพลันปรากฏสายฟ้าไหลเวียนจำนวนมาก
สายฟ้าเหล่านั้นปกคลุมทั่วตัวซูหมิงในพริบตา ทำให้ทั้งเกราะเซ่นไหว้กระดูกสีฟ้าส่งเสียงอัสนีบาตดังสนั่นวนเวียนรอบตัว
‘ในเมื่อมีหมานวายุ หมานเพลิง เช่นนั้นจะมีหมานอัสนีหรือไม่! น่าเสียดายที่หมานเพลิงถูกเทพหมานทำลายไป คงไม่ปรากฏต่อหน้าเทวรูปง่ายๆ เช่นนั้นก็เหลือเพียงหมานอัสนี ข้ายังตรงตามเงื่อนไขอยู่ ไม่รู้ว่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเทพหมานรุ่นหนึ่งจะมีหมานอัสนีหรือไม่’ สายฟ้าไหลเวียนรอบตัวซูหมิง ส่งเสียงดังเปรี้ยงปร้าง สะเทือนทุกสารทิศ
เมื่อสายฟ้าปรากฏ พลันดึงดูดความสนใจของทุกคนบนผืนดินด้านล่าง แม้ส่วนใหญ่จะมองไม่เห็นซูหมิง ทว่ากลับเห็นฟ้าผ่าและสายฟ้าอย่างชัดเจน
“เขา…เขากำลังทำอะไร?”
ยามนี้แทบทุกคนเกิดคำถามขึ้นในใจ
ส่วนคนที่เห็นซูหมิงชัดล้วนประหลาดใจและสับสนกับการกระทำของเขา…
‘หลอกมัน!’ ซูหมิงคำรามในใจ กลายเป็นจิตใจอันแน่วแน่ของเขาหลั่งไหลเข้าไปในเศษหินสีดำ เศษหินสีดำพลันเปล่งแสงอ่อน หลังจากปกคลุมตัวซูหมิงชั้นหนึ่งแล้วก็ค่อยๆ หายไป
ทว่าชั่วเวลาที่แสงอ่อนจางหาย สายฟ้ารอบตัวซูหมิงพลันขยายใหญ่ขึ้นหลายสิบเท่า แผ่กระจายเป็นวงกว้างรอบตัว พริบตาเดียวก็ปกคลุมในขอบเขตเกือบหนึ่งพันจั้ง!
ดูเป็นพลังอันน่าตะลึง!
แต่ซูหมิงรู้ดีว่านี่เป็นของปลอม สมบัติวิเศษประจำตัวเขายากจะแสดงสายฟ้ารุนแรงถึงเพียงนี้ ทุกอย่างเป็นเพียงมายา ไม่มีพลังในการโจมตีแม้แต่น้อย
ทว่าหัวใจเขากลับเต้นแรงขึ้นยามจ้องเทวรูปวิญญาณหมาน ในสายตาเขา เทวรูปวิญญาณหมานไม่หยุดแม้แต่น้อย ค่อยๆ หายเข้าไปในน้ำวนยักษ์กลางฟ้า
นัยน์ตาซูหมิงฉายแววผิดหวัง ลอบถอนหายใจเบา
‘ดูท่าคงจะไม่มีหมานอัสนี…’
ทว่าทันใดนั้น เทวรูปเซ่นไหว้กระดูกที่ควรจะหายไปแล้ว เงาร่างของมันรวมขึ้นจากสภาพขุ่นมัวอย่างรวดเร็ว แรงกดดันที่หายไปแล้วเมื่อครู่กลับมาอีกครั้ง!
เทวรูปยักษ์หนึ่งพันจั้งค่อยๆ หันมามองซูหมิง
“เจ้าเป็นหมานอัสนี…”
ช่วงที่ได้ยินกล่าวคำนี้ แววตาซูหมิงปีติยินดี แต่ด้านล่างกลับต่างไปจากความดีใจของเขา ยามเทวรูปเอ่ยคำ ทั้งแผ่นดินสนามรบพลันเกิดเสียงอื้ออึงอย่างรุนแรง!
สายตาเหลือเชื่อเหล่านั้น เสียงร้องตกใจเหนือจินตนาการเหล่านั้น เมื่อผสานเข้าด้วยกันแล้วก็กลายเป็นพายุหมุน!
“หมานอัสนี เขาไม่ใช่หมานวายุรึ เหตุใดถึงกลายเป็นหมานอัสนีไปได้!”
“นี่…นี่…หรือว่าเขาจะเป็นทั้งหมานวายุและหมานอัสนี!”
“เกิดเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร!”
ชายชราเจ็ดแปดคนบนกำแพงเมือง ยามนี้สูดลมหายใจเข้าลึก สีหน้าตื่นตะลึง พวกเขามองกันและกันด้วยความสับสน
“หมานวายุกับหมานอัสนีเป็นคนเดียวกัน…”
ขณะที่ทุกคนกำลังเหลือเชื่อ เทวรูปเซ่นไหว้กระดูกสูงพันจั้งบนท้องฟ้ากล่าวเสียงดังกึกก้อง
“เจ้าเป็นหมานอัสนี…ตรงตามบัญญัติแรกของเทพหมานรุ่นหนึ่ง มิใช่ผู้สืบทอดคนแรก ให้มอบแหล่งกำเนิดสายฟ้าแก่เจ้า…” ขณะเทวรูปกล่าวก็ยกมือขวาขึ้นราวกับคว้าจับท้องฟ้า มีเสียงฟ้าผ่าดังสนั่นในพริบตา สายฟ้าสีแดงฉานพลันมาอยู่ในมือเทวรูป ก่อนสะบัดไปทางซูหมิง
สายฟ้าสีแดงฉานตรงเข้ามา ขณะในใจซูหมิงกำลังตื่นเต้น มันสลายเข้าไปในระหว่างคิ้วเขาแล้วหายไปทันที
“เจ้าเป็นหมานอัสนี…..ตรงตามบัญญัติข้อสองของเทพหมานรุ่นหนึ่ง ให้มอบ…วิชาอัสนีบาตเก้าดับสูญแก่เจ้า…”
“เจ้าเป็นหมานอัสนี….ให้มอบ…ผลึกแห่งผู้สืบทอดแก่เจ้า….” เทวรูปเซ่นไหว้กระดูกกล่าวถึงตรงนี้แล้วพลันหยุดชะงัก ตกอยู่ในความเงียบ
จนกระทั่งผ่านไปครู่หนึ่งจึงกล่าวใหม่ว่า
“มีหมานอัสนีแล้ว…ตรงตามบัญญัติข้อสามของเทพหมานรุ่นหนึ่ง แบ่งผลึกเป็นสองส่วน รวมกันก่อนถึงจะสมบูรณ์…..” จากนั้นเทวรูปยกมือขวาขึ้นอีกครั้ง พลันคว้าอากาศ มีผลึกขนาดเท่ากำปั้นครึ่งหนึ่งปรากฏในมือ ผลึกนั้นขยับประกายสายฟ้าวูบวาบ ทั้งยังมีโลหิตสดอยู่เล็กน้อย
ครั้นเทวรูปสะบัดมือ ผลึกนั้นตรงมาทางซูหมิง เพราะเคยเกิดข้อผิดพลาดตอนหมานวายุ ซูหมิงจึงเดินหน้าหนึ่งก้าวอย่างไม่ต้องคิด คว้าผลึกแห่งผู้สืบทอดครึ่งหนึ่งเอาไว้ทันใด ช่วงที่มือสัมผัสพลันมีเสียงสายฟ้าดังสนั่นในความคิดเขา
ในเสียงสายฟ้านั้นเหมือนมีเสียงคำรามดังมาจากที่ห่างไกล เสียงนั้นแฝงไว้ด้วยความบ้าคลั่ง เคียดแค้น และจิตสังหาร
“ข้าเหลยเทียนแห่งแผ่นดินรกร้างบูรพา ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร ไม่ว่าเจ้าใช้วิธีใดแย่งผลึกครึ่งหนึ่งของข้าไป เจ้าต้องตายเป็นแน่ ข้าจะหาเจ้าให้พบ คืนผลึกอัสนีข้ามา!”
ความเคียดแค้นจากในเสียงนั้นดุจข้ามผ่านมิติมา ทำให้ซูหมิงใจสั่นสะท้าน นัยน์ตาวูบไหว กำผลึกในมือให้แน่นขึ้นอีกเล็กน้อยก่อนนำใส่ถุงเก็บวัตถุ
“เจ้าเป็นหมานอัสนี ทั้งยังเป็นหมานวายุ ตรงตามบัญญัติข้อหนึ่งในเก้าเงื่อนไขผู้สืบทอดของเทพหมานรุ่นหนึ่ง ให้มอบพลังแห่งเทพหมานหนึ่งส่วนให้แก่เจ้า…พลังนี้ใช้ได้เพียงสองครั้ง สามารถทำลายฟ้าดิน!” เทวรูปเซ่นไหว้กระดูกกล่าวประโยคสุดท้ายจบ ผู้ฟังทุกคนบนแผ่นดินเหมือนถูกสายฟ้ากลืนกิน เงียบสงัดลงทันที
เทวรูปเซ่นไหว้กระดูกยกมือขวาขึ้น ทั้งแขนขวาพลันกลายเป็นเถ้าธุลีลอยหายไป ภายในมีเส้นผมหนึ่งเส้นตรงมาทางซูหมิง เพียงผมเส้นเดียวกลับทำให้ซูหมิงรู้สึกเหมือนฟ้าดินถล่มทลาย มีเสียงระเบิดโครมดังในความคิด ร่างกายแทบไม่อาจยืนไหว
เขาเป็นผู้รับพระราชทานของยังเป็นเช่นนี้ ก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอื่น ชั่วขณะที่เส้นผมปรากฏ ทุกคนบนผืนดินล้วนคุกเข่าลงกับพื้นอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว แม้แต่สตรีผมยาวคนนั้นยังใบหน้าพลันซีดขาว ตัวสั่นและจำต้องคุกเข่าลง
ต่อให้เป็นตาแก่ขั้นวิญญาณหมานก็ไม่ละเว้น!
ทั้งแผ่นดินไม่เห็นใครไม่คุกเข่า รวมถึงสัตว์ร้ายเหล่านั้นก็ด้วย!
ซูหมิงเหม่อมองเส้นผมตรงเข้ามา หมุนวนรอบนิ้วชี้มือขวาเขาเก้ารอบ ราวกับประทับตราหยั่งลึกลงไป
พลังที่ทำให้ซูหมิงตื่นตระหนกพลันปะทุมาจากนิ้วมือเขา ความแข็งแกร่งของมันทำให้เขามีความรู้สึกว่า เพียงนิ้วเดียวก็สามารถทำลายนภา ถล่มผืนปฐพีได้
นี่คือพลังเพียงเล็กน้อยของเทพหมานรุ่นหนึ่ง!
ยามนี้ซูหมิงรู้ว่าตนละโมบมากเกินไปแล้ว แม้จะได้รับสืบทอดหมานอัสนีอย่างราบรื่น และเขาอยู่ที่นี่ต่อได้โดยไม่ต้องกังวลว่าคนในเผ่าหมานจะคิดร้ายกับเขาก็ตาม
หากแต่…เขาไม่เคยคิดว่าเมื่อรับสืบทอดหมานอัสนีแล้ว กลับมีคำพูดที่ทำให้เผ่าหมานทุกคนต้องคลุ้มคลั่งตามมา นั่นคือผู้สืบทอดของเทพหมานรุ่นหนึ่ง!
ผู้สืบทอดของเทพหมานรุ่นหนึ่งหมายความว่าอย่างไร พูดได้ว่าชาวหมานทุกคนล้วนรู้กันดีอยู่แล้ว มันหมายความว่า เทพหมานคนใหม่!
โดยเฉพาะตาแก่ขั้นวิญญาณหมานเหล่านั้น เทพหมานสองคำนี้ดึงดูดใจพวกเขา พูดได้ว่ามันเหยียบย่ำอยู่เหนือทุกสิ่ง บางทีหลังจากเทพหมานรุ่นหนึ่งสิ้นลง ในประวัติศาสตร์อาจยังไม่เคยมีใครได้รับสืบทอดเทพแท้จริงสองชนิดพร้อมกัน ดังนั้นเลยไม่ตรงตามบัญญัติข้อแรกเรื่องผู้สืบทอดเทพหมานรุ่นหนึ่ง
เช่นนั้นจึงไม่มีใครรู้ว่า ที่แท้เทพหมานรุ่นหนึ่งทิ้งมรดกเอาไว้!
นี่คือข่าวที่จะสะเทือนไปทั้งแดนอรุณใต้ ผู้แข็งแกร่งทุกคนแห่งแดนอรุณใต้จะรู้ข่าวนี้ กระทั่งในเผ่าเชมันก็จะแพร่สะพัดไปในเวลาอันสั้น
นี่หมายความว่าซูหมิงต้องตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่จนไม่อาจบรรยาย!
ราคาที่ต้องจ่ายนี้ก็คือต้องเผชิญหน้ากับความเป็นความตายเสมอ อีกทั้งมันยังอันตรายกว่าการเข่นฆ่าในสนามรบหลายเท่า เผ่าเชมันจะต้องสังหารเขาแน่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน!
ส่วนเผ่าหมานจะต้องมีไม่น้อยแน่ที่ต้องการตัวซูหมิง ถึงอย่างไรเขาก็เป็นเพียงคนเดียวที่ตรงตามบัญญัติข้อที่หนึ่งในเก้าเงื่อนไขของผู้สืบทอดเทพหมานรุ่นหนึ่ง อาจจะหาเบาะแสอื่นๆ ได้จากตัวเขา
แม้เป็นเพียงเบาะแส ก็เพียงพอจะทำให้คนคลุ้มคลั่ง
ราคาที่ต้องจ่ายมากขนาดนี้ แต่มันก็ตอบแทนซูหมิงอย่างคุ้มค่าเช่นกัน พลังแห่งเทพหมานรุ่นหนึ่ง แม้จะใช้ได้เพียงสองครั้ง ทว่ายามนี้ความรู้สึกจากนิ้วชี้มือขวาทำให้เขาเชื่ออย่างเต็มร้อยว่า ต่อให้เป็นขั้นวิญญาณหมานก็ต้องจิตดับสูญร่างเป็นผุยผงด้วยนิ้วนี้อย่างแน่นอน!
‘มรดกกลิ่นคาวเลือด…นี่คือการทดสอบอย่างหนึ่งของผู้สืบทอด เป็นการฝึกอันเหี้ยมโหด!’ ซูหมิงมีใบหน้าขมขื่น ทว่าเขากลับไม่เสียใจภายหลังเลย ต่อให้ตอนนี้เขารู้สึกได้ถึงสายตาละโมบอย่างชัดเจนที่กำลังมองตนก็ตาม
‘กลับเมืองหมอกนภาไม่ได้แล้ว…’ นัยน์ตาซูหมิงวูบไหว ยามนี้ในตัวเขามีกระดูกหมานสี่ชิ้น อีกทั้งเพราะปราณที่เปลี่ยนเป็นของเหลวในเส้นเลือดลม จึงทำให้ร่างกายเขาบรรลุถึงจุดสูงสุด ความรู้สึกเหนื่อยล้าหายไป ฟื้นฟูกลับมาเต็มร้อย
‘แดนเผ่าหมาน คงจะกลับไปไม่ได้ในช่วงนี้…ต่อให้เป็นยอดเขาลำดับเก้า เรื่องนี้มันก็ใหญ่เกินไป มีความเป็นไปได้สูงที่จะนำพาปัญหาไปให้พวกเขา…เผ่าเชมัน ข้าต้องไปแผ่นดินเผ่าเชมัน ฝึกฝนตัวเองอยู่ที่นั่น ให้ขั้นพลังสูงขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าภัยพิบัติแดนรกร้างบูรพาจะมาถึง แล้วทั้งแดนอรุณใต้เกิดความโกลาหล คนที่สนใจข้าก็จะน้อยลงไปมากเอง’ ซูหมิงตัดสินใจอย่างเด็ดขาด
“ข้าต้องการโอกาส โอกาสออกไปจากที่นี่…”
ยามนี้บนสนามรบเงียบสงัด มีเพียงเสียงลมหายใจหนักหน่วงดังมา บนท้องฟ้า เทวรูปเซ่นไหว้กระดูกที่แขนขวาขาดกำลังหายไปอย่างช้าๆ ค่อยๆ กลายเป็นกึ่งโปร่งใสและจะเลือนหายจากผืนฟ้า
ช่วงที่มันค่อยๆ หายไปและท้องฟ้ากำลังจะกลับคืนสู่สภาพเดิมนั้น พลันมีหมอกดำหนาแน่นเชื่อมระหว่างฟ้าดินปรากฏกลางอากาศ ตรงเข้ามาจากแผ่นดินเชมัน
หมอกนั้นหมุนตลบ มีเสียงคำรามแหลมสะเทือนฟ้าดังแว่วมาจากภายใน เห็นเพียงว่าในหมอกมีหอกยาวเล่มหนึ่งพุ่งออกมาทันควัน หอกยาวนั้นมาพร้อมกับพลังปานเบิกฟ้าผ่าปฐพี เป้าหมายของมันมิใช่ซูหมิง แต่เป็นเทวรูปเซ่นไหว้กระดูกที่กำลังจะหายไปข้างเขา!