Skip to content

สู่วิถีอสุรา 365

ตอนที่ 365 พลังแห่งเทพหมาน

ชายชราเผ่าหมานแค่นเสียงหึ แววตาวูบไหว ยกมือซ้ายขึ้นสะบัดแขนเสื้อไปทางซูหมิง พลันเกิดเป็นคลื่นยักษ์โลหิต ทว่าทันใดนั้น ชายชราหน้าเปลี่ยนสีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!

เพราะซูหมิงที่กำลังตรงเข้ามายกมือขวาขึ้น ยืดนิ้วชี้ที่มีเส้นผมพลังแห่งเทพหมานพันรอบอยู่ พลังนี้เพียงพอจะทำลายฟ้าดินและทำให้ขั้นวิญญาณหมานตื่นกลัว!

เพียงแค่ยกนิ้วและทำท่าทางเหมือนจะปะทะกับทะเลโลหิต เพียงแค่เส้นผมตรงนิ้วก็เกิดเค้าลางเหมือนจะถูกแผดเผา เพียงแค่นี้ก็ทำให้ความตื่นกลัวของชายชราเผ่าหมานปะทุออกมาจากก้นบึ้งหัวใจโดยไร้การควบคุม ความหวาดกลัวนี้เห็นได้น้อยครั้งนักหลังจากเขากลายเป็นนักรบวิญญาณหมาน

ความหวาดกลัวนี้มากกว่าตอนเขากัดฟันก้าวเข้าสู่ความเป็นตายตอนเซ่นไหว้กระดูกสมบูรณ์

ความหวาดกลัวนี้ เขาไม่เคยประสบหรือพบเจอมาชั่วชีวิต ความหวาดกลัวเพียงหนึ่งเดียวมากกว่าทุกอย่างในชีวิตเขา มันเหมือนกับ…การพิพากษา!

นี่คือการพิพากษา!

ประหนึ่งว่าตรงหน้าเขามิใช่ซูหมิงผู้อ่อนแอ แต่เป็นเงายักษ์ เงานี้กำลังมองเขาพลางยกมือขวาขึ้นชี้มา

เงานี้เหมือนกับเป็นเทพหมานรุ่นหนึ่ง!

นี่คือการพิพากษาของเทพหมานรุ่นหนึ่ง ช่วงชิงชีวิตเขา ช่วงชิงจิตใจอันแน่วแน่ เป็นนิ้วพิพากษาที่ช่วงชิงทุกอย่าง!

ต่อหน้านิ้วนี้ เขาไม่มีแรงต่อต้านแม้แต่น้อย ไม่มีจิตใจอันแน่วแน่เพื่อต้านทาน กระทั่งเขายังมีความรู้สึกอ่อนแอเหมือนน้ำแข็งบางๆ ที่เพียงชนก็แตกกระจาย

ความหวาดกลัวนี้กลายเป็นสายน้ำหลาก แทบจะจมจิตใจเขามิด ชายชราเผ่าหมานหรี่ตาลง ร้องตกใจแล้วถอยไปอย่างรวดเร็ว นี่คือการกระทำภายใต้จิตสำนึกเขา หากไม่ถอยก็ต้องตาย หากไม่ถอยร่างกายก็จะต่อต้านกับความคิด

หัวใจเขาเต้นตึกๆ ราวกับว่ายามนี้หยุดเต้น แม้แต่หัวใจยังไม่กล้าเต้นเพราะนิ้วนี้

แทบจะเป็นช่วงที่เขาถอยไป ซูหมิงมีโลหิตไหลจากมุมปาก นัยน์ตาพลันขยับประกาย หลังจากชี้ไปให้เส้นผมตรงนิ้วแผดเผาเล็กน้อยแล้วก็พลันชักมือกลับ

ก่อนหน้านี้เขาเตรียมใจกับพลังแห่งเทพหมานเอาไว้แล้ว ทว่าต่อให้เป็นอย่างนั้น ยามนี้ในความรู้สึกของเขา มันก็ยังคงทำให้ตื่นตะลึง พลังแบบนี้จะมาใช้สังหารขั้นวิญญาณหมานตรงหน้าหรือ ซูหมิงรู้สึกเสียดาย!

‘มีโอกาสใช้เพียงสองครั้ง ข้าถูกบีบให้ออกจากเผ่าหมานก็เพราะพลังแห่งเทพหมาน หากยามนี้ใช้ไปง่ายๆ หนึ่งครั้ง มันไม่คุ้ม!’ วินาทีที่ซูหมิงชักมือกลับ ตรงระหว่างคิ้วขยับแสง กระบี่เล็กตรงไปยังชายชราเผ่าหมาน

ซูหมิงไม่มองผลลัพธ์ เพียงวูบไหวตัวห้อเหยียดขึ้นฟ้า ขณะพุ่งทะยานก็หยิบเม็ดโอสถยัดใส่ปากและห้อเหยียดไกลออกไปในชั่วพริบตา กระบี่เล็กแสงดำรวดเร็วอย่างยิ่ง หลังพุ่งไปยังชายชราเผ่าหมานและทะลวงหน้าอีกฝ่ายแล้วก็ตามซูหมิงไป

หลังจากซูหมิงหายไป ชายชราเผ่าหมานกระอักโลหิต พลันเงยหน้าขึ้น สีหน้าซับซ้อนระหว่างความตื่นกลัวกับเหี้ยมโหด

ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก้มหน้าคลำแผลถูกทะลวงตรงหน้าอก หัวใจเขาถูกกระบี่ทะลวง หากเป็นคนอื่นคงสิ้นใจไปนานแล้ว ทว่าสำหรับตาแก่ขั้นวิญญาณหมาน นี่ยังไม่พอจะเอาชีวิต

ชายชรามีสีหน้าซับซ้อน จ้องไปยังทิศทางที่ซูหมิงไปและเกิดความลังเล ทว่าไม่นานความโลภในแววตาก็กำจัดความลังเลทิ้งไป เขาพลันกัดฟันไม่ไล่ตามต่อ แต่บินไปทางแผ่นดินใหญ่เพื่อเตรียมรักษาก่อน

‘พลังแห่งเทพหมาน…นี่คือพลังแห่งเทพหมาน…..นี่คือพลังที่เหนือกว่าขั้นวิญญาณหมาน หากมีมัน ในขั้นวิญญาณหมานก็จะไม่มีใครสู้ข้าได้! อีกทั้งประโยชน์จริงๆ ของมันมิใช่เพื่อสังหาร แต่เพื่อใช้ตระหนักรู้!’ นัยน์ตาชายชราฉายแววละโมบ

‘หากได้ตระหนักรู้พลังชนิดนี้บ่อยๆ ตอนอยู่ขั้นวิญญาณหมานสมบูรณ์หรือตอนปลายละก็ ไม่แน่…อาจมีโอกาสข้ามผ่านขั้นวิญญาณหมาน! สำหรับตาแก่ขั้นวิญญาณหมานสมบูรณ์เหล่านั้น สิ่งนี้จะทำให้พวกเขาคลุ้มคลั่ง!’

ชายชราหายใจกระชั้นถี่จนไปกระตุ้นบาดแผล แต่เขามองข้ามความเจ็บปวดนี้ไปนานแล้ว ยามนี้ในความคิดยังคงตื่นตะลึงกับพลังแห่งเทพหมาน

ความรอบคอบของซูหมิง ทำให้เขารอดจากความตายในครั้งนี้ หากเขาเห็นสภาพของชายชราแล้วละโมบอยากลงมือต่อ เช่นนั้นก็คงต้องใช้พลังแห่งเทพหมาน มิเช่นนั้นเขาคงรับการโจมตีสวนกลับของชายชราไม่ไหว

ถึงอย่างไรขั้นพลังเขาก็อ่อนแอเกินไป! อีกทั้งยังใช้พลังแห่งเทพหมานได้จำกัด พลังนี้ปลดปล่อยมาขณะเส้นผมเผาไหม้ หากจะวนเวียนเป็นวัฏจักรแบบนี้ สู้สังหารไปเลยไม่ดีกว่าหรือ

ช่วงที่ชายชราเลิกไล่ตามชั่วคราวและหาที่รักษาบาดแผล ซูหมิงกำลังห้อเหยียดหนีบนท้องฟ้า โลหิตไหลมาจากมุมปากเขาไม่หยุด หากมิใช่ว่ามีเม็ดโอสถช่วยคงไม่อาจยืนหยัดไหว

หลังจากหนีติดกันสามวัน ซูหมิงก็ดิ่งตัวลงแผ่นดิน แผ่นดินตรงนี้เป็นสีเทาอมดำ ให้ความรู้สึกเสื่อมโทรม เขากระแทกตัวลงบนพื้นแล้วกระอักโลหิตอีกครั้ง

‘ในเมื่อไม่อยากสิ้นเปลืองพลังแห่งเทพหมาน เช่นนั้นก็ต้องหาวิธีอื่นสังหารเขา’ ซูหมิงเช็ดโลหิตพลางหายใจกระชั้นถี่ เขามองไปรอบๆ บริเวณนี้เป็นพื้นที่โล่ง ไม่มีเงาคนแม้แต่น้อย

‘ความเร็วคนผู้นี้น่าทึ่งยิ่งนัก เคลื่อนตัวแปดพันจั้งในชั่วพริบตา นี่ไม่ใช่ความเร็วแล้ว แต่เป็นกลวิธีอีกอย่างหนึ่ง’ ซูหมิงนึกไปถึงการต่อสู้เมื่อสามวันก่อน ยามนี้ร้อนรนจนไม่เป็นสุข

‘วิญญาณหมาน นี่ก็คือวิญญาณหมาน…..’ ซูหมิงพยายามฝืนยืนขึ้น เมื่อกวาดสายตามองรอบๆ ก็เห็นรอยแยกหุบเขาจำนวนมากบนที่ราบ สภาพพื้นดินพิลึกแบบนี้ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร

ซูหมิงยืนมองอยู่พักหนึ่ง ก็ยกมือขวาตบหน้าอกหนึ่งที มีแสงสีแดงลอยออกมากลายเป็นวานรเพลิงทันใด

ตรงเอววานรเพลิงยังคงมีศีรษะคนผูกอยู่จำนวนมาก ในมือถือไม้พลองหนึ่งท่อน มันมีสีหน้าตึงเครียด เห็นได้ชัดว่าตอนมันอยู่ในถุงเก็บวัตถุได้เห็นการกระทำทุกอย่างของซูหมิง

อย่างเช่นมหาสงคราม เทวรูปปรากฏสององค์ และถูกตาแก่ขั้นวิญญาณหมานล่าสังหาร

ซูหมิงมองวานรเพลิง มองความตื่นกลัวในแววตามัน ขณะเงียบเขาก็สะบัดมือขวา ปล่อยให้วานรเพลิงเป็นอิสระ

อิสระนี้เป็นสิ่งที่วานรเพลิงเฝ้าฝันมาตลอดหลังจากถูกจับตัว ยามนี้ได้มากะทันหันจึงทำให้มันตะลึงงัน

“ข้ารับปากเจ้าแล้ว มาแผ่นดินเชมันเมื่อไรจะให้อิสระเจ้า ที่นี่คือเผ่าเชมัน เจ้าต้องระวังตัวหน่อย อย่าไปเข้าใกล้ผู้คนอีก อีกไม่นานที่นี่จะเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ ด้วยความปราดเปรียวของเจ้า อาจจะพบวิธีเอาตัวรอดก็เป็นได้

เจ้าไปเถอะ ตอนนี้ข้าถูกล่าสังหาร คงส่งเจ้าได้เท่านี้ วันข้างหน้าหากเจ้ากับข้ามีโชคชะตาต่อกัน พวกเราจะได้พบกันอีก”

ซูหมิงมองวานรเพลิง วานรเพลิงตัวนี้ไม่ใช่เสี่ยวหง จุดนี้เขารู้ดี

ฉะนั้นเขาจึงไม่อยากบังคับให้มันอยู่ แต่ให้อิสระแก่มันแทน

วานรเพลิงตะลึงงันไปชั่วครู่ มองซูหมิงแวบหนึ่ง ก่อนพุ่งตัวกลายเป็นเงาสีแดงเพลิงไกลออกไป มันกระโดดอยู่หลายครั้งแล้วค่อยๆ หายไปจากสายตาซูหมิง

เมื่อเงาวารเพลิงหายไป ซูหมิงรู้สึกห่อเหี่ยวในใจ เขาเงียบไปครู่หนึ่งถึงส่ายศีรษะ ก่อนกวาดสายตามองรอยแยกหุบเขาเหล่านั้น เลือกมาหนึ่งอันแล้วกระโดดลงไป

เขาต้องรักษาบาดแผลในทันที พลังฝ่ามือของตาแก่ขั้นวิญญาณหมานทำให้อวัยวะภายในเหมือนจะแตกละเอียด บวกกับการเร่งเดินทางติดกันหลายวัน หากมิใช่เพราะเม็ดโอสถจำนวนมาก เขาคงยืนหยัดไม่ไหวแล้ว

อีกทั้งที่สำคัญที่สุดคือ ฝ่ามือของตาแก่วิญญาณหมานทำให้กระดูกหมานสี่ชิ้นเกิดรอยร้าว สำหรับซูหมิงแล้ว เรื่องนี้อันตรายถึงชีวิตที่สุด

ในหุบเขายักษ์บนที่ราบแห่งหนึ่ง ซูหมิงเปิดห้องหินสำหรับการพักฟื้นชั่วคราว เขานั่งฌานหลับตาปรับลมหายใจ ทว่าเพิ่งหลับตาก็พลันลืมตาขึ้น ตรงปากทางเข้าห้องหินตรงรอยแยกหุบเขา มีเงาสีแดงเพลิงปรากฏอยู่

มันคือวานรเพลิง

มันแยกเขี้ยวใส่ซูหมิง ทั้งยังสะบัดหมัด ชี้ไปข้างนอก วาดอธิบายอยู่นาน สุดท้ายก็ชำเลืองตามองค้อน แล้วนั่งพิงอยู่ข้างๆ เหมือนโกรธ

“ข้ารู้ว่าที่นี่มันรกร้าง…..เอาละ เจ้าอยู่กับข้าไปก่อน รอออกจากแดนรกร้างนี้แล้วค่อยไป” ซูหมิงยิ้มมองวานรเพลิง จากนั้นก็หลับตา

นอกเมืองหมอกนภา สนามรบเดิมของซูหมิงจบแล้ว ทว่าสงครามยังดำเนินต่อไป ทั้งสองฝ่ายต่างรวมกำลังพลในพื้นที่ของตัวเองใหม่ บางทีอีกไม่นานอาจได้เข่นฆ่ากันอีกครั้ง

การหนีไปของซูหมิง ทำให้คนเมืองหมอกนภาหลายคนเลือกเงียบ ราวกับว่าทุกคนรู้กัน ไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก ส่วนชายชราเผ่าหมานที่ไล่ตามซูหมิงไปก็ไม่มีใครพูดเช่นกัน บรรยากาศที่บอกไม่ถูกนี้อบอวลอยู่ระหว่างผู้แข็งแกร่งแห่งหมอกนภาเหล่านั้นอย่างน่าประหลาด

เทียนหลันเมิ่งเงียบกับเรื่องนี้ ในใจนางคิดอะไร ไม่มีใครรู้

ส่วนผู้ติดตามหนึ่งร้อยกว่าคนของซูหมิง เหยียนป๋อและพวกจื่อเชอต่างไม่สนใจสิ่งที่ซูหมิงทำ เลือกเงียบตลอดเช่นกัน

ภายในเมืองหมอกนภา ศิลาหินผลคะแนนสงครามจะปรับเปลี่ยนใหม่ทุกวัน บันทึกคะแนนของเผ่าหมาน ด้านบนไม่มีชื่อซูหมิง แต่มีชื่อเยว่เฟิงเข้ามาติดในอันดับสองร้อย

ยามนี้กลางเมืองหมอกนภา ใต้ศิลาหินผลคะแนน ตรงหน้าชาวเมืองหมอกนภาที่กำลังบันทึกผลคะแนนสงคราม มีชายหนุ่มเส้นผมยาวสีดำ ใบหน้าหล่อเหลา เผยรอยยิ้มดูพิลึกผู้หนึ่ง กำลังส่งถุงเก็บวัตถุให้ชาวเมืองหมอกนภาคนนั้น

“เยว่เฟิง คะแนนสงครามเพิ่มอีกสามสิบเจ็ด อันดับหนึ่งร้อยเก้าสิบแปด!” ชาวเมืองหมอกนภาผู้บันทึกคะแนนเงยหน้ามองชายผมดำตรงหน้าแวบหนึ่ง

“ขอบคุณ” ชายหนุ่มพิลึกยิ้มประหลาด ช่วงที่หมุนตัวจากไป เขามองไปทางเผ่าเชมันมันแวบหนึ่ง

‘นายท่าน ตอนนี้เจ้ากำลังทำอะไรอยู่…ถูกล่าสังหารอย่างนั้นรึ เหอะๆ ข้ารู้สึกได้ว่าสักวันหนึ่งจะแซงหน้าเจ้า แล้วกลายเป็นหมานเพลิงอย่างแท้จริง!’

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!