Skip to content

สู่วิถีอสุรา 403

ตอนที่ 403 ชีพจรปฐพี

สะบัดแขนเสื้อเปลี่ยนผืนฟ้า เมื่อภาพนี้ปรากฏในสายตาซูหมิง เขามีสีหน้าขมขื่นอย่างลึกซึ้ง

‘ที่แท้ขั้นพลังเขาก็ถึงระดับนี้แล้ว…หลังจากผสานรวมกับผืนฟ้าแดนเซียน ก็จะมีขั้นพลังเท่ากับผู้ปกครองโลก….ทว่าต่อให้เป็นอย่างนั้น ข้าก็จะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด เป็นผู้ปกครองโลกแล้วอย่างไร!’ ซูหมิงสูดลมหายใจเข้าลึก ระงับความขมขื่นในใจ สีหน้าแน่วแน่

เขาไม่สนใจวิชาของตี้เทียน บินลงผืนดินห่างออกไปหลายพันจั้ง ผิวดินอ่อนยวบเพราะเสียจิตวิญญาณไปบางส่วน เมื่อซูหมิงถึงพื้นแล้ว ขาสองข้างผลุบลงไปเกือบครึ่งตัวปานเหยียบดินโคลน

เขานั่งขัดสมาธิในทันใด สองมือวางบนผืนดินด้านข้าง ทั้งยังหลับตาลงกล่าวพึมพำเบาๆ

ตี้เทียนในตอนนี้มองการกระทำของซูหมิงอย่างเย็นชา หลังจากสะบัดมือขวาเปลี่ยนผืนฟ้าแล้วก็กดห้านิ้วมือไปทางท้องฟ้า

“ทัณฑ์สวรรค์เก้าสิบเก้า ด้วยบาปของเจ้า ต้องรับทัณฑ์สวรรค์หกสิบเจ็ด…แฝงด้วยสามต้องตาย หนึ่งคือมังกรหยิน…” เมื่อตี้เทียนกล่าว เกิดสายลมหยินขึ้นบนท้องฟ้าแดนเซียน สายลมหยินเหล่านี้มีรูปร่าง เป็นสีเขียวอ่อนรวมตัวกันบนท้องฟ้า ส่องสะท้อนกับดารา กลายเป็นมังกรตัวยาวบินวนบนท้องฟ้าและคำรามอย่างดุร้าย

เมื่อมังกรนี้ปรากฏตัว สายลมหยินก็รวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ มังกรหยินส่องสะท้อนกับดาราปรากฏขึ้นตามลำดับ จนสุดท้ายมีมังกรหยินทั้งหมดเก้าตัว พวกมันคำรามใส่ผืนดินจากบนฟ้า เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทั้งยังมีกลิ่นอายพลังทำลายล้างกระจายไปทั่วมาจากตัวพวกมัน

หากมองดีๆ จะเห็นว่าพลังหยินที่ก่อเป็นมังกรเก้าตัวมีใบหน้าอยู่จำนวนมาก ใบหน้าเหล่านี้ถูกผนึกอยู่บนตัวมังกรหยิน เป็นส่วนที่นูนออกมา และยังมีมือเท้ากำลังดิ้นรน สีหน้าดูเจ็บปวด ร้องโหยหวนโศกเศร้า กลายเป็นเสียงคำรามของมังกรหยิน

ซูหมิงนั่งขัดสมาธิบนพื้น ใบหน้าซีดขาว มุมปากยังมีคราบโลหิต ขณะกล่าวพึมพำแผ่นดินก็ไม่อ่อนยวบอีก กลิ่นอายพลังขมุกขมัวลอยขึ้นมาจากผืนดิน

“ณ ปฐพีของโลกใบนี้ ข้ารู้สึกถึงความแค้นและความเสียหายของพวกเจ้า ข้ารู้สึกถึงการหายไปและดับสูญของพวกเราเมื่อพวกเจ้าแยกจาก…ข้าต้องการยืมพลังของพวกเจ้า…ได้โปรดมอบพลังชีพจรแห่งปฐพีให้กับข้า…”

เสียงซูหมิงกังวาน กลิ่นอายพลังจากผืนดินมากขึ้นเรื่อยๆ หากมองจากท้องฟ้าจะเหมือนกับว่าบนพื้นที่ซูหมิงอยู่กลายเป็นบึงหมอก

ทว่าเมื่อเทียบกับแผ่นดินแดนอรุณใต้แล้ว ปราณปฐพีจากในบึงหมอกเล็กๆ นี้ไม่มีค่าพอให้เอ่ยถึงจริงๆ

ตี้เทียนทำสัญลักษณ์มือขวาแล้วชี้ท้องฟ้าอีกครั้ง

“ทัณฑ์สวรรค์หกสิบเจ็ด สองคือน้ำหนองมายา” น้ำเสียงตี้เทียนสงบนิ่ง ทว่าตอนที่กล่าวกลับเกิดเสียงดังสนั่นบนท้องฟ้าแดนเซียน บนท้องฟ้ามีรอยโป่งพองปรากฏขึ้นหลายจุดอย่างช้าๆ ค่อยๆ นูนออกมา ข้างในทุกปุ่มพองจะมีของเหลวข้นๆ ทั้งยังมีกลิ่นเหม็นฟุ้งกระจาย ราวกับว่าในปุ่มพองนั้นมีสิ่งที่สกปรกอย่างยิ่งในโลกใบนี้

ภาพนี้ทำให้ผู้พบเห็นต้องตื่นกลัว ทั้งท้องฟ้ากลายเป็นเหมือนหนังคางคก ในปุ่มพองเหล่านั้นมีของเหลวสกปรกจำนวนมาก ขณะเดียวกันในนั้นยังมีแสงอ่อนขยับวิบวับ หากมองดีๆ จะเห็นว่าจำนวนของปุ่มพองเหล่านั้นมีหกสิบเจ็ดอันพอดี!

ซูหมิงหน้าซีดขาวขึ้นเรื่อยๆ เขาลืมตาขึ้นจากสมาธิ ปราณปฐพีโดยรอบที่ยืมมาดูเยอะมาก ทว่าความจริงแล้วไม่เพียงพอ สีหน้าเขาจึงดูฝืดเฝื่อน

“ปฐพีของโลกใบนี้ ขอเรียกเจ้าด้วยนามของข้า ปราณปฐพีเป็นมังกร ให้กำเนิดเป็นชีพจร ข้าต้องการให้พวกเจ้าช่วย ตื่นเถอะ ชีพจรแห่งปฐพี ตื่นเถอะ พลังของปฐพี!

ด้วยนามของข้า จงตื่น!” ซูหมิงกดสองมือบนผืนดิน เส้นเลือดดำปูดขึ้นมา จับแผ่นดินเอาไว้แน่น ทันใดนั้นมีหมอกลอยขึ้นรอบตัวเขาหลายชั้น และแผ่ขยายออกสู่แผ่นดินโดยรอบในระยะสิบลี้ หนึ่งร้อยลี้ และหนึ่งพันลี้ หลังจากหมอกเหล่านี้ลอยขึ้นมาจากแผ่นดินแก็กลายเป็นทะเลหมอกลอยวนอยู่ในระยะหมื่นลี้ อีกทั้งยังขยายพื้นที่ไปเรื่อยๆ

ทว่าสีหน้าซูหมิงยังคงขมขื่น ปราณปฐพีที่เขายืมมานี้ แม้บอกว่าไม่น้อย อีกทั้งยังขยายใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่องก็ตาม แต่กลับเป็นเพียงเศษทั้งสิ้น ปราณปฐพีเหล่านี้รวมขึ้นเป็นรูปร่างมังกรด้วยวิชาของเขา เป็นเพียงมายาเท่านั้น เหมือนกับปราณปฐพีที่เขาเรียกมาเมื่อหลายวันก่อน รับมือกับคนทั่วไปยังพอไหว ทว่าสำหรับตี้เทียนแล้วมันเหมือนกับการเอาไข่ปาใส่หิน

เว้นแต่เขาจะสามารถปลุกชีพจรปฐพีทั้งแดนอรุณใต้ แบบนั้นถึงจะมีความเป็นไปได้อยู่ มิเช่นนั้นแล้วทุกอย่างจะสูญเปล่า

“ทัณฑ์สวรรค์หกสิบเจ็ด สามคือกำเนิดวิญญาณ!” เสียงตี้เทียนดังก้องท้องฟ้า แฝงไว้ด้วยความน่าเกรงขามและสงบนิ่ง ราวกับไม่สนใจว่าซูหมิงผมแดงจะหนีไปหรือไม่ บางทีอาจพูดได้ว่าเขาควบคุมทุกอย่างของโลกใบนี้ได้

เมื่อกล่าวจบ ปุ่มหนองที่พองออกมาจากท้องฟ้าหกสิบเจ็ดจุดพลันมีแสงอ่อนขยับวูบวาบอยู่ภายใน ตรงนั้นปรากฏเป็นสิ่งมีชีวิตคล้ายจักจั่น มันดูเหมือนจักจั่นก็จริง ทว่าทั้งตัวเป็นสีดำ รูปร่างหน้าตาดุร้าย พอปรากฏตัวแล้วก็ส่งเสียงร้อง พุ่งชนอยู่ในปุ่มหนองอย่างต่อเนื่อง

แต่ละปุ่มหนองจะมีสิ่งมีชีวิตนี้หนึ่งตัว รวมทั้งหมดแล้วหกสิบเจ็ดตัว!

ยามนี้ขณะซูหมิงนั่งขัดสมาธิ เขาจ้องปรากฏการณ์บนท้องฟ้า แม้ในระยะหนึ่งแสนลี้จะเป็นทะเลหมอกทรงพลัง ซูหมิงก็รู้แก่ใจดีว่ามันไม่พอ

“ด้วยนามของข้าซูหมิง จงตื่นขึ้น ชีพจรแห่งปฐพี!” ซูหมิงผมแดงจับผืนดินเอาไว้แน่นพลางเปล่งเสียงตะโกน

ทันใดนั้น ชีพจรปฐพีที่เขาเรียกอยู่นานก็ยังไม่ยอมตื่นขึ้น ยามนี้มีการตอบรับ!

แผ่นดินทั้งแดนอรุณใต้สั่นสะเทือนเบาๆ ในพริบตา ขอบเขตของการสั่นคือทั้งดินแดน โดยเฉพาะสี่จุดนั้นจะรุนแรงเป็นพิเศษ

แดนอรุณใต้มีชีพจรอยู่สี่เส้นครึ่ง นอกจากครึ่งเส้นชีพจรที่อยู่ตรงขอบแผ่นดินทางตะวันออกแล้ว อีกสี่เส้นที่เหลือ อยู่บนแผ่นดินเชมันสอง แผ่นดินเผ่าหมานอีกสอง

ตอนนี้ชีพจรที่ซูหมิงปลุกขึ้นคือหนึ่งเส้นที่ห่างจากตรงนี้ไปหลายแสนลี้บนแผ่นดินเชมัน ลักษณะมันมิใช่เทือกเขา แต่เป็นแม่น้ำยาวหนึ่งสาย!

แม่น้ำยาวนี้ก็คือทางแม่น้ำที่อยู่ห่างจากซูหมิงไม่ไกล และตอนนี้เหือดแห้งแล้ว ทว่าตรงนั้นเป็นเพียงส่วนเล็กๆ เท่านั้น ความจริงแล้วแม่น้ำนี้ยากจะเหือดแห้งได้ อีกไม่นานมันก็จะกลับมาเหมือนเดิมเอง

ความยาวของมันแทบจะพาดผ่านแผ่นดินเชมัน ยามนี้เมื่อซูหมิงกล่าว ชีพจรแม่น้ำยาวนี้มีการตอบรับ ปราณปฐพีลอยขึ้นมาจากในแม่น้ำจำนวนมากแล้วตรงมายังซูหมิง

หากมองจากท้องฟ้า ปราณปฐพีรอบตัวซูหมิงจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะปราณปฐพีชีพจรจากแม่น้ำ เมื่อหลอมรวมเข้าด้วยกันแล้ว รอบตัวซูหมิงจึงเหมือนกับมีมังกรฟ้านอนขดตัวอยู่!

“ทัณฑ์สวรรค์หกสิบเจ็ด เจ้า รับโทษ!” ตี้เทียนอยู่กลางอากาศ มองซูหมิงอย่างเย็นชา ก่อนยกมือขวาขึ้นชี้ไปทางซูหมิงบนพื้น

ทันใดนั้น มังกรหยินเก้าตัวบนท้องฟ้าส่งเสียงคำราม พุ่งตัวมายังซูหมิงด้านล่าง มังกรหยินเก้าตัวคำรามอย่างดุร้าย ใบหน้าบนตัวมันร้องโหยหวน ทำให้พลังหยินบนท้องฟ้าหนาแน่นและเห็นดวงดาวไม่ชัด

เมื่อมังกรหยินเก้าตัวเข้ามาใกล้ ซูหมิงเงยหน้าขึ้นยกสองมือทำสัญลักษณ์มือ มือซ้ายกดบนมือขวา แล้วชี้ไปทางมังกรหยินเก้าตัว

“ชีพจรแห่งปฐพี มังกรแห่งปราณปฐพี ผืนดินทำลายนภา!” ซูหมิงชี้มือไป มุมปากเขามีโลหิตไหลจำนวนมาก เวลาเดียวกัน มังกรฟ้าที่นอนขดรอบตัวซูหมิงเงยหน้าขึ้นแล้วร้องคำรามขึ้นฟ้า ตัวมันมิได้ขยับทั้งหมด เพียงพุ่งส่วนหัวทะยานขึ้นไปยังมังกรหยินเก้าตัว

เทียบกับขนาดตัวมันแล้ว มังกรหยินเก้าตัวนี้ไม่ควรเรียกว่ามังกร ควรเรียกว่างูเหลือมเสียมากกว่า ทั้งสองฝ่ายปะทะเข้าใส่กันในชั่วพริบตา เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ระลอกคลื่นกระจายออกโดยรอบอย่างรวดเร็ว ท้องฟ้าปรากฏรอยร้าวปานเกล็ดปลาลุกลามไปไม่หยุด

มังกรหยินเก้าตัวพุ่งชนพร้อมกับร้องคำราม เมื่อปะทะกับมังกรปราณปฐพีแล้วก็หายไปทีละตัว ก่อนกลายเป็นเส้นสีเขียวเก้าเส้นตรงเข้าสู่ในร่างมังกรปราณปฐพี วนเวียนอยู่ในนั้นจนมังกรปราณปฐพีร้องคำรามด้วยความเจ็บปวด ปราณปฐพีรอบตัวซูหมิงในระยะหลายแสนลี้พลันหลั่งทะลักเข้าไปหามัน จนในที่สุดก็ทำให้เส้นสีเขียวหายไปในร่างมังกรปราณปฐพีทีละเส้น

ทว่าทันใดนั้น ซูหมิงตัวสั่นไหวอย่างรุนแรง กระอักโลหิตกองโต บนตัวเขาปรากฏเส้นสีเขียวเก้าเส้น เก้าเส้นนี้ว่ายอยู่ใต้ผิวหนัง ทำให้ซูหมิงเจ็บปวดจนไม่อาจจินตนาการ เหงื่อเย็นไหลซึมออกทั้งตัว ความเจ็บปวดราวถูกทิ่มแทงใจนี้เพียงพอจะทำให้ผู้แข็งแกร่งจิตใจพังทลาย แต่ซูหมิงกลับหัวเราะภายใต้ความเจ็บปวด

นี่ไม่ใช่หัวเราะเบาๆ แต่เงยหน้าหัวเราะเสียงดัง

“ความเจ็บปวดแค่นี้ก็ไม่เห็นจะเท่าไร ตี้เทียน เจ้ายังมีวิชาอะไรอีกก็ใช้ออกมาได้เลย!” ซูหมิงหน้าซีดขาว ขณะหัวเราะเสียงดัง ความเจ็บปวดในกายก็รุนแรงยิ่งขึ้น เส้นเขียวเก้าเส้นนั้นหายไปในผิวหนังแล้วมุดเข้าไปในตัวซูหมิง

ซูหมิงไม่ฝืนทนความเจ็บปวดนี้ เขาปล่อยให้มันดำเนินไป แล้วพยายามยกสองมือขึ้นชี้ตี้เทียน มังกรปราณปฐพีของเขาพลันร้องคำรามแล้วพุ่งทะยานไปหาอีกฝ่าย

ตี้เทียนมีสีหน้าเย็นชาโดยตลอด เขายืนอยู่ตรงนั้นไม่ยอมหลบ เพียงแต่ว่ามังกรปราณปฐพียังไม่ทันเข้าใกล้ ปุ่มพองที่นูนออกจากท้องฟ้าทั้งหกสิบเจ็ดจุดพลันฉีกออกพร้อมกัน ของเหลวจำนวนมากตกลงมาจากท้องฟ้าดุจสายฝน พร้อมกับกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้งทั้งฟ้าดิน มังกรปราณปฐพีถูกของเหลวสกปรกชโลมทั้งตัว มันตัวสั่นพร้อมส่งเสียงร้องโหยหวน ร่างหดเล็กลงอย่างต่อเนื่อง ปราณปฐพีรอบตัวซูหมิงก็ลดน้อยลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน

……………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!