ตอนที่ 414 ละลายผลึก
ยามนี้จ้าวเชมันเผ่ากระเรียนดำใบหน้าซีดขาว เหม่อมองท้องฟ้า ยิ้มมุมปากด้วยความขมขื่น เขารู้ว่าตนต้องตายแน่ เรื่องนี้ไม่โทษคนอื่น หากตนไม่ละโมบอยากได้ผลึกเชมัน หมายมั่นจะทำลายเผ่าโคขาว ก็คงไม่ต้องเผชิญภัยพิบัติเช่นนี้
ข้างกายเขาเป็นชาวเผ่าที่สังเวยหัวใจ ตอนนี้ตายไปมากกว่าครึ่งแล้ว ชายชราหลายคนที่เหลืออยู่ล้วนใบหน้าขาวซีดปานกระดาษอยู่ข้างจ้าวเชมัน กลิ่นอายพลังอ่อนแรง
“ท่านปู่รีบใช้วิชาเถอะ ขอร้องอย่าทำเช่นนี้เลย รีบใช้วิชาที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษเถอะ ท่านจะได้ไม่ตาย…” ตรงหน้าจ้าวเชมันกระเรียนดำเป็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง กำลังนั่งคุกเข่ากล่าวอย่างร้อนใจ
“ข้าต้องตาย หากข้าไม่ตายคนผู้นั้นจะไม่อาจระบายโทสะ….หากข้าตายคนเดียวเพื่อแลกกับความปลอดภัยของทั้งชนเผ่า เช่นนั้นการตายของข้ามันก็คุ้มค่า! เรื่องนี้ผิดที่ข้าเอง…ข้าไม่ควรละโมบในผลึกเชมัน…เฮ้อ”
จ้าวเชมันกระเรียนดำกล่าวด้วยความขมขื่น เขามีชีวิตมาจนป่านนี้ ทั้งยังเป็นจ้าวเชมัน จะเป็นคนโง่ได้อย่างไร ในใจเขารู้ดีว่าครั้งนี้ตนต้องตาย!
“ท่านปู่!” ชายวัยกลางคนรวมถึงชาวเผ่าล้วนมีสีหน้าเศร้าโศก
“เอาละ เรื่องนี้ข้าตัดสินใจแล้ว! หลังจากข้าตาย เจ้าจงนำของศักดิ์สิทธิ์ประจำเผ่ากับขนนกทั้งสามมอบให้อีกฝ่ายไป…เพื่อแลกกับความหวังของทั้งชนเผ่า…จากนั้น…ก็พาชาวเผ่าอพยพจากไป
หลังจากนี้เจ้าคือจ้าวเชมันของเผ่า….” จ้าวเชมันกระเรียนดำมีโลหิตไหลจากมุมปาก มองชายวัยกลางคนที่คุกเข่าลงตรงหน้าตน
ชายคนนั้นมีสีหน้าเศร้าโศก ไม่กล่าวสิ่งใด
“จำเอาไว้ อย่าคิดแก้แค้น…” จ้าวเชมันกระเรียนดำยิ้มด้วยความปวดร้าว ก่อนล้มลงด้านข้างแล้วสิ้นใจลง
เดิมทีเขายังมีชีวิตอยู่ต่อได้ แต่เขาไม่ทำ เขาต้องตายเพื่อชนเผ่า
หลังจากเขาตายลง ชายชราไร้หัวใจเหล่านั้นก็เริ่มสิ้นใจ ผู้แข็งแกร่งในเผ่ากระเรียนดำตายไปมากกว่าครึ่ง
ตอนที่วิญญาณแรกซูหมิงกลับมาถึง เขาเห็นศพจ้าวเชมันกระเรียนดำ เห็นชาวเผ่ากระเรียนดำโดยรอบ หลังจากทุกคนเห็นเขาแล้วก็พากันคุกเข่าโดยมีชายวัยกลางคนเป็นผู้นำ
ซูหมิงมีสีหน้าเช่นปกติ มุ่งหน้าตรงไปยังหลุมลึก หนึ่งก้านธูปต่อมาร่างแยกเขาก็บินขึ้นมาอย่างช้าๆ
“ได้โปรดให้อภัยเผ่ากระเรียนดำด้วย….เผ่าเราขอมอบของศักดิ์สิทธิ์ให้ท่าน…”
หลังจากซูหมิงบินขึ้นมา ชายวัยกลางคนผู้มีสีหน้าเศร้าโศกยกสองมือขึ้นสูง ในมือมีแผ่นหินแผ่นหนึ่ง ด้านบนวางขนนกสีดำเอาไว้สามอัน
ขนนกสามอันนี้แผ่แรงกดดัน ทว่าหากเทียบกับขนนกที่ซูหมิงได้มาก่อนหน้านี้แล้วก็เล็กจ้อยจนไม่มีค่าพอจริงๆ
ซูหมิงกวาดสายตามองขนนกสามอันนั้นด้วยความเย็นชา ไม่มองชายวัยกลางคน แต่มองศพจ้าวเชมันกระเรียนดำด้านหลัง
เขาจำได้ว่าตอนหัวใจชายชราถูกนกน้อยกินก็ยังไม่ตาย เห็นได้ชัดว่าการเซ่นไหว้ของเผ่ากระเรียนดำจะต้องมีวิชาลับที่สามารถรักษาชีวิตเอาไว้หลังจากเซ่นไหว้
ทว่าตอนนี้ชายชรากลับตายลงแล้ว….ซูหมิงหลับตาครู่หนึ่งก่อนลืมตาขึ้น แววตาเข้าใจกระจ่าง
“เขาได้ชดใช้แล้ว เรื่องนี้ถือว่าแล้วกันไป!” ซูหมิงละสายตากลับ มองชาวเผ่าธรรมดาในชนเผ่า ก่อนบินขึ้นแล้วกลายเป็นสายรุ้งยาวค่อยๆ หายไป
เขาไม่ได้รับขนนกสามอันนั้นมา สิ่งนี้ไม่มีประโยชน์สำหรับเขา แต่สำหรับชนเผ่าที่สูญเสียผู้แข็งแกร่งไปมากกว่าครึ่งนั้นสำคัญอย่างยิ่ง
ซูหมิงไม่ได้สังหารทุกคนจนหมด ความแค้นของเขาหายไปตั้งแต่จ้าวเชมันกระเรียนดำกับผู้แข็งแกร่งหลายคนตายไปแล้ว
ณ ถ้ำเทือกเขา ซูหมิงนั่งอยู่ตรงนั้น มือถือผลึกผู้สืบทอดหมานวายุ บนแขนซ้ายมีรอยแผลยาว ยามนี้โลหิตแห้งกรังแล้ว เขามีสีหน้าไม่แน่ใจ หากมองดีๆ จะเห็นว่าขนาดของผลึกหมานวายุเล็กลงไปหนึ่งรอบ!
“ตอนที่จีฮูหยินหยิบแหวนสีแดงออกมา แหวนสวมอยู่ในกระดูกซี่โครงนาง นางต้องใช้งานแหวนด้วยวิธีนี้….มิเช่นนั้นแล้วคงไม่ต้องทนเจ็บปวดขนาดนั้น จะสวมมันไว้บนนิ้วก็ได้” ซูหมิงพึมพำเบาๆ
“เมื่อครู่ข้าลองใส่มันเข้าไปในแผลแขนซ้ายแล้ว เมื่อโคจรพลังโลหิตจะดูดซับได้เล็กน้อย….ทว่าก็น้อยมากจนไม่เกิดผลอะไร….”
ซูหมิงพลันกัดฟันกำผลึกสืบทอดหมานวายุเอาไว้แน่น
“ช่างเถอะ ลองแบบนี้อีกดีกว่า แต่จะทำที่นี่ไม่ได้ อุณหภูมิตรงนี้ปกติ หากใช้วิธีนี้จะเสียโลหิตมากเกินไป” ซูหมิงยืนขึ้น สูดลมหายใจเข้าลึก เงยหน้ามองวานรเพลิงที่นั่งยองพิงกำแพงอยู่ไม่ไกล ใบหน้าเผยรอยยิ้มบาง
วานรเพลิงก็มองซูหมิง แยกเขี้ยวยิ้ม มีสีหน้าท่าทางตื่นเต้น
ซูหมิงเดินมาลูบศีรษะวานรเพลิงแล้วเดินออกจากถ้ำไป หลังจากเดินออกมา หนอนงูบนศีรษะศพพิษก็พลันมองมาทางเขา
ซูหมิงขบคิดชั่วครู่ ก่อนล้มเลิกความคิดที่จะพาศพพิษไปด้วย เขาส่งกระแสจิตปลอบโยนหนอนงูเล็กน้อย แล้วเดินออกจากเทือกเขา มุ่งหน้าไปยังประตูความว่างเปล่าที่ถูกผนึกลอยอยู่ใกล้ผืนดิน
ซูหมิงยืนอยู่ตรงประตู หลับตาลงราวกับรออะไรบางอย่าง ผ่านไปครู่หนึ่งก็เกิดระลอกคลื่นสั่นไหวบนท้องฟ้า ร่างแยกซูหมิงวูบวาบมายืนอยู่ด้านหลังเขา
ซูหมิงลืมตาขึ้นพลางยกมือขวากดไปทางก้อนหินประตูความว่างเปล่า ชั้นน้ำแข็งพลันแตกกลายเป็นช่องทางเข้าไป ซูหมิงเดินหน้า ร่างแยกตามหลัง ขณะแสงของประตูขยับวับวับ ตัวเขากับร่างแยกก็ค่อยๆ หายไป
ณ ส่วนลึกของทะเลสีดำ บนแดนธารน้ำแข็งไร้พรมแดน
ที่นี่ยังคงมืดทึบ ในธารน้ำแข็งผนึกสิ่งมีชีวิตเอาไว้จำนวนมาก และยังคงรักษาท่าทางที่ราวกับกำลังต่อสู้ดิ้นรนของพวกเขาตอนยังมีชีวิตเอาไว้
ที่นี่เงียบสงบประหนึ่งว่าหลายปีมานี้ไม่มีเสียงใดๆ เลย มีเพียงสัตว์ที่ว่ายผ่านในทะเลสีดำเล็กน้อย เผยร่างของมันบางส่วน
บนธารน้ำแข็ง ในภูเขาน้ำแข็งลูกหนึ่งผนึกประตูน้ำวนเอาไว้ ยามนี้บนประตูขยับแสงอ่อนวูบวาบก่อนปรากฏเงาคนสองคน นั่นก็คือซูหมิงกับร่างแยก!
หลังจากพวกเขาปรากฏตัวก็ยืนนิ่ง เห็นได้ชัดว่าถูกแช่แข็งเช่นกัน จนผ่านไปหลายวัน ก้อนน้ำแข็งเกิดรอยร้าว ซูหมิงกับร่างแยกถึงขยับตัวในภูเขาน้ำแข็งได้
ไอหนาวทิ่มแทงกระดูก เลือดเนื้อในกายซูหมิงดุจถูกแช่แข็ง การไหลเวียนของเส้นเลือดช้าลงมาก ร่างแยกเขายืนอยู่ข้างๆ ด้วยเพราะมีแมลงบางตัวบวกกับตัวหุ่นเชิดตายไปแล้ว มันจึงไม่กลัวหนาว พลังความตายผสานกับไอหนาว ทำให้ปราดเปรียวมากกว่าซูหมิงไม่น้อย
ยามนี้นัยน์ตาร่างแยกวาววับ เตรียมคุ้มกันให้ร่างจริง
ซูหมิงขยับตัวได้เล็กน้อย เขานั่งขัดสมาธิอยู่บนน้ำแข็ง หลับตาอีกหลายชั่วยาม จนทั้งตัวแทบจะถูกแช่แข็งถึงพลันลืมตาขึ้น ยกมือขวา ปรากฏผลึกหมานวายุในมือ
ขณะเดียวกัน ร่างแยกก็อ้าปากพ่นแสงดำที่กลายเป็นกระบี่เล็ก กระบี่นี้ตรงมายังซูหมิงภายใต้การควบคุมของวิญญาณแรก
เสียงแตกดังขึ้น กระบี่เล็กแทงเข้าไปในหลังซูหมิง ความหนาวเหน็บทำให้ความเจ็บปวดชาและทุเลาลง ซูหมิงขมวดคิ้ว แต่ไม่กล่าวสิ่งใด
กระบี่เล็กแทงเข้าไปในหลังซูหมิง ตัดผ่านอย่างช้าๆ จนเผยกระดูกสันหลังครึ่งซี่!
โลหิตไหลซึมบนพื้นน้ำแข็ง เพราะไอหนาวโลหิตจึงไหลไม่เยอะ ทว่าต่อให้ร่างกายถูกแช่แข็ง ความเจ็บปวดก็ยังทำให้ซูหมิงหายใจกระชั้น
กระดูกสันหลังซูหมิงมีกระดูกสี่ชิ้นเปล่งแสงสีฟ้า นั่นคือกระดูกหมาน ยามนี้ภายใต้การฟันของกระบี่เล็ก ร่างแยกซูหมิงนัยน์ตาขยับประกาย เมื่อยกมือขวา ผลึกหมานวายุบนมือซูหมิงพลันลอยขึ้น มันบินวนรอบศีรษะซูหมิงหนึ่งรอบแล้วตรงไปยังแผ่นหลัง ทะลวงเข้าไปในบาดแผลถูกฟัน เมื่อกระทบกับกระดูกสันหลังชิ้นที่ห้าแล้วก็แนบชิดเข้าด้วยกัน
ใบหน้าซูหมิงซีดขาว แม้ถูกแช่แข็งทั้งตัว ทว่าก็ยังคงมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้น
แต่ถึงกระนั้นสีหน้าเขากลับแน่วแน่ ยกมือขวาที่สั่นเทาขึ้นคว้าอากาศ ผลึกสืบทอดหมานอัสนีครึ่งหนึ่งปรากฏขึ้นในมือเขา
ซูหมิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนกัดฟัน ผลึกหมานอัสนีเปล่งแสงพร้อมกับลอยขึ้น จากนั้นทะลวงเข้าไปในบาดแผลบริเวณหลัง มาอยู่ข้างกระดูกสันหลังชิ้นที่หก หลังจากซูหมิงใช้วิธีการแบบนี้กับผลึกสองชิ้นประดุจปลูกมันในร่างกายแล้ว เขาก็หลับตาลง สลายพลังที่ต่อต้านความหนาว รอบตัวเขาค่อยๆ มีน้ำแข็งแผ่ลุกลาม สุดท้ายก็กลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งทั้งตัว
ร่างแยกซูหมิงนั่งอยู่ตรงนั้น มีสีหน้าตื่นตัว คอยสอดส่องไปรอบๆ เพื่อคุ้มกันร่างจริง
เวลาค่อยๆ ผ่านไป ซูหมิงไม่รู้ว่าครั้งนี้ต้องใช้เวลานานเท่าไรถึงจะสำเร็จวิธีบ้าคลั่งเช่นนี้ กระทั่งหากไม่มีร่างแยกอยู่ด้วย เขาคงยากจะทำได้ถึงขนาดนี้ วิธีแบบนี้หากไม่ระวังแค่เล็กน้อย เขาก็อาจตายอยู่ในน้ำแข็งด้วยสภาพที่อ่อนแอ
ส่วนร่างแยกของซูหมิง เพราะมีวิญญาณแรกอยู่จึงรู้สึกถึงสภาพของร่างจริง แทบทุกช่วงเวลามันจะส่งพลังความอบอุ่นเข้าสู่ร่างซูหมิง ทำให้เขาไม่ตายไปจริงๆ ท่ามกลางผนึกน้ำแข็ง แต่วินาทีระหว่างความเป็นความตายนั้น ขณะเลือดเนื้อบริเวณหลังค่อยๆ ถูกแช่แข็ง มันก็ถูกซูหมิงสูบและตระหนักรู้อย่างช้าๆ
ซูหมิงในยามนี้ แผ่นหลังเขาดูน่ากลัวยิ่งนัก เผยกระดูกสันหลังเกือบครึ่ง เลือดเนื้อถูกผ่าแยกออก โลหิตซึมออกมาจำนวนน้อย และกำลังค่อยๆ สมานบาดแผล
ทว่าต่อให้กำลังสมานแผล ผลึกหมานวายุกับอัสนีที่นูนขึ้นกลับยังคงน่าพรั่นพรึง
เมื่อเวลาผ่านไป บาดแผลค่อยๆ ผสานเข้าด้วยกัน ผลึกหมานผู้สืบทอดแห่งวายุกับอัสนีก็ค่อยๆ มีขนาดเล็กลง…
ซูหมิงยังคงหลับตา มีสีหน้าเจ็บปวด บ้างเหม่อลอย บ้างกลัดกลุ้ม บางครั้งก็ปีติยินดี…ผลึกหมานวายุเล็กลงเรื่อยๆ…จนกระทั่งวันหนึ่ง ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไรแล้ว ผลึกหมานวายุที่นูนขึ้นหดเล็กลงมากกว่าครึ่ง ส่วนที่เหลืออยู่แม้ยังนูนขึ้นเล็กน้อย ทว่าหากไม่สังเกตดีๆ ก็แทบจะมองไม่เห็น
วันนี้ ในความคิดซูหมิงเกิดพายุหมุนแห่งผู้สืบทอด!