ตอนที่ 431 สู้กับเชมันระดับปลายครั้งแรก
ชายชราผมเงินใบหน้าเขียวปัด ทะยานลงมายังผืนดิน พริบตาเดียวก็ยืนอยู่ตรงหน้าสตรีผู้นั้น ขณะเดียวกันสี่คนด้านหลังก็บินตามลงมา
“ท่านลุง เขา…..” นางเห็นชายชรามาจึงโล่งอก ขณะกำลังจะกล่าวนั้น
“หุบปาก!” ชายชราผมเงินแค่นเสียงหึ น้ำเสียงดังปานฟ้าผ่า สตรีนางนั้นพลันตัวสั่น ก้มหน้าลงไม่กล้าเอ่ยสิ่งใด
เด็กหนุ่มข้างกายก็ตัวสั่น ก้มหน้าลงไม่กล้าเอ่ยอะไรเช่นกัน
“พานางกับบุตรนางกลับไป เพิ่งมาถึงเมืองเชมันก็ก่อเรื่องเสียแล้ว” ชายชราผมเงินไม่มองซูหมิงแม้แต่หางตา แต่กล่าวกับผู้ติดตามทั้งสี่คน
“ผู้อาวุโส นางยังไปไม่ได้” ซูหมิงยืนอยู่ตรงนั้น กล่าวขึ้นเรียบๆ
กล่าวจบ ชายชราถึงมองซูหมิงด้วยสีหน้าเย็นชาแวบหนึ่ง ก่อนเบนสายตามองหนานกงเหินที่ยิ้มแห้งอยู่ข้างๆ
“เจ้าหนูหนานกง เขาเกี่ยวข้องกับวิหารเทพเชมันของเจ้ารึ?”
“เอ่อ….” หนานกงเหินลังเลครู่หนึ่ง ก่อนกัดฟัน
“ผู้อาวุโสเถี่ยมู่ แม้สหายโม่ไม่เกี่ยวข้องกับวิหารเทพเชมัน ทว่าก็เป็นสหายของข้า ข้า…..” หนานกงเหินเพิ่งกล่าวถึงตรงนี้ ชายชราผมเงินพลันสะบัดแขนเสื้อ เกิดลมพายุคลั่งกลายเป็นคลื่นทะเลมายาตรงหน้าชายชรา แล้วถาโถมไปยังซูหมิง
คลื่นทะเลนี้มากะทันหันยิ่งนัก นัยน์ตาซูหมิงแอบขยับวูบไหว ช่วงที่คลื่นทะเลมายาตรงเข้ามา เขาเดินหน้าก้าวหนึ่ง ก่อนเดินซ้าย ขวา และถอยหลังต่อเนื่องรวมเจ็ดแปดก้าว ดูเหมือนเดินเป็นวงกลมหลายวง พายุหมุนม้วนจากรอบตัวเขา พุ่งตรงไปยังคลื่นทะเลทันใด
เสียงโครมดังก้องกังวาน พายุหมุนของซูหมิงยืนหยัดหลายลมหายใจก็แตกสลาย ขณะเดียวกัน เงาเขาถอยไปสี่ก้าว ทุกก้าวที่เหยียบลงแผ่นดินจะสั่นสะเทือน บนพื้นปรากฏรอยเท้าลึกๆ โดยเฉพาะก้าวที่สี่ ใต้เท้าซูหมิงมีรอยร้าวลุกลามไป กระทั่งยังมีคลื่นน้ำมายาแผ่กระจายออกโดยรอบ
ตอนคลื่นทะเลมายาตรงเข้ามา หนานกงเหินหน้าเปลี่ยนสี หลังจากถอยไปหลายจั้งแล้วจึงหยุดลง ส่วนหนานกงซาน เดิมทีนางอยู่ไม่ใกล้อยู่แล้ว ยามนี้ปล่อยไอหนาวมาจากทั้งตัวจึงไม่ต้องหลบ
“เช่นนั้นเจ้าก็ไม่ต้องเข้ามายุ่ง!” จนถึงตอนนี้ ชายชราผมเงินถึงกล่าวด้วยเสียงแหบแห้ง
“ส่วนเจ้า บอกนามของเผ่าเจ้ามา” ชายชราผมเงินสะบัดชายเสื้อ มองซูหมิงด้วยความเย็นชา ตัวเขาเป็นเชมันยิ่งใหญ่ ผ่านประสบการณ์มาทั้งชีวิต ในด้านสติปัญญา สตรีผู้นั้นไม่อาจเทียบติด ต่อให้เป็นตอนนี้ก็ยังคงระงับโทสะอยู่ คิดจะถามประวัติอีกฝ่ายให้แน่ใจก่อนแล้วค่อยตัดสินใจลงมือเบาหนัก
ขอแค่ซูหมิงไม่เกี่ยวข้องกับวิหารเทพเชมัน ไม่ใช่คนจากเผ่าใหญ่ และไม่ใช่สหายของเผ่าแดนบูรพาของพวกเขา เช่นนั้น เขาจะลงมือสังหารอีกฝ่ายโดยไม่เกรงกลัว
เขาต้องการคำตอบจากปากของอีกฝ่าย หากอีกฝ่ายไม่บอกก็ไม่เป็นอะไร เขาจะได้ลงมือสังหาร อีกทั้งยังมีเหตุผล ต่อให้อีกฝ่ายมีฐานะจริง ยามนี้คนโดยรอบก็เป็นพยานแล้วว่าเขาเถี่ยมู่ถามแล้ว แต่ฝ่ายนั้นไม่บอก ดังนั้นจึงไม่เกี่ยวกับเขา
“ข้ามาจากเผ่าเล็ก ผู้อาวุโสเถี่ยมู่คงไม่รู้จัก” ซูหมิงยิ้ม นามของชายชราคนนี้ก็รู้มาจากปากของหนานกงเหินเมื่อครู่ ยามนี้มีสีหน้าสงบนิ่ง ประสานมือคารวะชายชรา
“มาจากเผ่าเล็ก ไม่เกี่ยวกับวิหารเทพเชมัน เช่นนั้น…..เจ้าช่างกล้านัก ไม่อยากเชื่อว่าจะกล้าสังหารชาวเผ่าแดนบูรพาของข้า!” นัยน์ตาเถี่ยมู่ฉายแววเย็นชาขึ้น
“สังหารเขาต่อหน้าทุกคน!” เถี่ยมู่กล่าวจบ นัยน์ตาสี่คนด้านหลังมีจิตสังหาร กลายเป็นสายรุ้งยาวตรงเข้าใส่ซูหมิง
ซูหมิงยืนอยู่ตรงนั้น ช่วงที่สี่คนตรงเข้ามา เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วยกเท้าขวาเดินหน้าหนึ่งก้าว เมื่อเหยียบลงไป ซูหมิงใช้ความเร็วสูงสุดขยับวูบวาบทะลวงผ่านในสายรุ้งยาวทั้งสี่เส้น ขณะเดียวกันก็ยกมือขวาขึ้น แสงดำกะพริบวูบวาบ กระบี่เล็กขยายใหญ่ขึ้น มันส่งเสียงแหลมลากยาวฟันไปยังชายชราเถี่ยมู่
เถี่ยมู่แค่นเสียงหึ ยกมือขวากำหมัดแล้วชกไปยังกระบี่เล็ก ตอนที่เขาปล่อยหมัดออกไป ด้านหลังมีน้ำทะเลมายาสร้างลูกคลื่นโอบล้อมมือขวาเอาไว้ หากมองไกลๆ หมัดนี้จะไม่เป็นมือของชายชรา แต่เห็นเป็นลูกคลื่นทั้งหมด
เสียงโครมดังขึ้น คลื่นทะเลปะทะกับกระบี่แสงดำของซูหมิง ในเวลาเดียวกัน พลังรุนแรงส่งจากตัวกระบี่เข้าสู่ร่างกายซูหมิง ซูหมิงแค่นเสียงหึ ระฆังเขาหานปรากฏขึ้นแล้วขยับวูบมาอยู่ข้างชายชรา สองนิ้วมือขวาเป็นแสงสีแดง ก่อนจะกดไปยังชายชราด้วยความเร็วสูงสุด
ชายชราขมวดคิ้ว พลันหลับและลืมตาขึ้น จากนั้นคำรามเสียงต่ำดุจฟ้าผ่า เสียงคำรามนั้นออกจากปากชายชรา กลายเป็นคลื่นเสียง ทำให้มวลอากาศโดยรอบเกิดระลอกคลื่นจำนวนมาก กระทั่งมวลอากาศยังเกิดรอยร้าวขึ้น
ภายใต้เสียงคำรามนี้ ซูหมิงอยู่ในตำแหน่งที่จะโดนก่อนใคร
ซูหมิงรู้สึกเจ็บสองนิ้วมือขวา กระเด็นถอยด้วยความเร็วไปเจ็ดแปดจั้งกว่าจะหยุดนิ่ง มุมปากมีโลหิตไหล
ขณะเดียวกัน สายรุ้งสี่เส้นด้านหลังเขาห้อเหยียดเข้ามา เมื่อเห็นดังนั้น ชายชราเถี่ยมู่ก็พลันกล่าว
“พวกเจ้าสี่คนกลับมา พวกเจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!”
สายรุ้งสี่เส้นหยุดชะงัก บินมาทางชายชราเถี่ยมู่ ก่อนกลายเป็นเงาคนอีกครั้งด้านหลัง ทั้งสี่คนนี้ขมวดคิ้วมองซูหมิงอย่างไม่เป็นมิตร
“สมกับเป็นเชมันระดับปลาย…..ผู้อาวุโสเถี่ยมู่เป็นเชมันนักสู้ระดับปลาย ร่างกายเหนือธรรมชาติแล้ว แซ่โม่ไม่มีความสามารถ แต่อยากขอคำชี้แนะสักครั้ง”
ซูหมิงเช็ดคราบโลหิตตรงมุมปาก นัยน์ตาเปี่ยมล้นด้วยความมุ่งมั่นในการต่อสู้
“ไม่รู้จักประมาณตน ข้าจะเอาชีวิตเจ้าในห้าลมหายใจ!” เถี่ยมู่ยกเท้าขึ้นเดินหนึ่งก้าวยาว หนึ่งก้าวนี้ทำให้แผ่นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง พื้นดินตรงซูหมิงก็เช่นกัน เขาจึงต้องกระโดดลอยขึ้น
ทว่าตอนซูหมิงกระโดดลอยขึ้น เถี่ยมู่อาศัยแรงเหยียบนี้พุ่งขึ้นฟ้า กำหมัดขวาแล้วชกไปทางซูหมิง
ในหนึ่งหมัด คลื่นทะเลมายาด้านหลังเขากลายเป็นปลาฉลามหลังดำใหญ่ยักษ์ตัวหนึ่ง มันอ้าปากกว้างพุ่งตรงไปยังซูหมิง ขณะเดียวกันเวลาก็ผ่านไปหนึ่งลมหายใจแล้ว!
เถี่ยมู่ที่เพิ่งปล่อยหมัดก็พลันชักกลับแล้วต่อยไปอีกครั้ง สองหมัดนี้ทำให้เกิดเสียงดังสนั่นฟ้าดิน คลื่นทะเลแผ่กระจายสู่โดยรอบ แทบจะปกคลุมครึ่งท้องฟ้า ชั่วขณะที่คลื่นทะเลตรงไปยังซูหมิง ก็กลายเป็นปลาหมึกยักษ์สีดำทึบทั้งตัว และยังมีหนวดจำนวนมากตัวหนึ่ง มันตรงไปยังซูหมิงท่ามกลางคลื่นทะเลเช่นกัน
นี่คือลมหายใจที่สอง!
เมื่อถึงลมหายใจที่สาม เถี่ยมู่ปล่อยหมัดที่สามกลางอากาศ หมัดนี้ทำให้คลื่นทะเลมายาที่โอบล้อมอยู่กลางอากาศซัดสาดเข้ามาอีกครั้ง ก่อนกลายเป็นเต่าทมิฬยักษ์ตัวหนึ่ง สะบัดหางใส่ซูหมิงจนเกิดเสียงแหวกอากาศ!
หลังปล่อยสามหมัดไป เถี่ยมู่มองซูหมิงอยู่กลางอากาศ สายตาปานมองคนตาย เขาเชื่อมั่นว่าเชมันระดับกลางที่มีระดับพลังพอใช้ได้นี้ไม่มีทางรับมือกับสามหมัดสี่สัตว์ของตนได้
พื้นดินด้านล่าง ชาวเชมันทุกคนที่เห็นเหตุการณ์นี้ล้วนใจสั่นไหว ความแข็งแกร่งของเชมันระดับปลายเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้ว จึงไม่มีใครพูดอะไร
คลื่นทะเลถาโถมเข้ามามีสัตว์ทะเลดุร้ายสามตัว อีกทั้งยังถูกปิดล้อมด้วยน้ำทะเล ซูหมิงไม่มีทางหลบพ้นเลย ทว่าทันใดนั้น นัยน์ตาเขาเป็นประกาย
‘เชมันนักสู้ระดับปลาย…’ ซูหมิงยกสองมือขึ้น ตรงหน้าเขากลายเป็นเศษเสี้ยวเงา หลังจากทำสัญลักษณ์มือหลายครั้งแล้ว รอบตัวก็ขยับแสงดำ ปรากฏระฆังเขาหานขึ้นมาโอบล้อมตัวเอาไว้ เสียงคำรามสะเทือนนภาดังมาจากในระฆังทันใด
จากเสียงคำรามนั้น เมื่อสัตว์ทะเลร้ายสามตัวเข้ามาใกล้ ก็พลันเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ทุกคนด้านล่างต้องมีสีหน้าหวาดกลัว
มันเป็นสัตว์ร้ายขนาดยักษ์ที่มีเก้าเศียรตัวหนึ่ง หกเศียรในนั้นลืมตาอยู่ กำลังเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า! สัตว์ตัวนี้ปรากฏขึ้นบนระฆังเขาหาน ตอนที่มันเผยตัว พลังฟ้าดินโดยรอบม้วนเข้ามา ทำให้ร่างมันพลันสมจริงขึ้น หกศีรษะเข้าปะทะกับสัตว์ทะเลสามตัวพร้อมกับส่งเสียงคำราม
เถี่ยมู่หน้าเปลี่ยนสีเป็นครั้งแรก ความแข็งแกร่งของซูหมิงทำให้เขาคาดไม่ถึง ยามนี้เขายกมือขวาขึ้นอีกครั้งโดยไม่ต้องคิด แล้วปล่อยหมัดที่สี่ไปทางฝ่ายตรงข้าม
เมื่อชกหมัดนี้ น้ำทะเลทั้งหมดรอบตัวซูหมิงลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าสูง รอบตัวเขาจึงไม่มีน้ำทะเลอีก ขณะเดียวกันบนท้องฟ้าด้านบน น้ำทะเลที่ลอยขึ้นสูงเหล่านั้นรวมตัวกันกลายเป็นหมัดยักษ์
หมัดนี้เป็นสีฟ้าสดทุกส่วน สร้างขึ้นจากน้ำทะเล ดูมีขนาดหลายสิบจั้ง ยามนี้กำลังดิ่งลงมายังสัตว์เก้าเศียร
เสียงระเบิดพลันดังก้องกังวานไปทั้งเมืองเชมัน ดึงดูดความสนใจของชาวเผ่าเชมันทั้งหมด กระทั่งเผ่าหมานกับเผ่าเซียนในเมืองเชมันยังหน้าเปลี่ยนสี มองขึ้นไปทันใด
ตรงสนามต่อสู้ระหว่างซูหมิงกับเถี่ยมู่ เมื่อเสียงระเบิดเบาลง น้ำทะเลมายาหายไป สัตว์ทะเลสามตัวร่างฉีกขาดและสลายไปแล้ว หมัดยักษ์บนท้องฟ้าก็กระจายเป็นเสี่ยงๆ แล้วค่อยๆ มลายหาย
เถี่ยมู่หน้ามืดทะมึน ยืนมองอีกฝ่ายอยู่กลางอากาศ หลังจากสัตว์ร้ายเก้าเศียรหายไปแล้วก็ปรากฏเป็นเงาร่างของซูหมิง
“เรื่องนี้ไม่เล็กแล้ว ทว่าคิดจะสู้กับข้า เจ้ายัง…..ไม่รู้จักประมาณตน!” เถี่ยมู่แค่นเสียงหึ เดินไปหาซูหมิง นัยน์ตาเผยจิตสังหารอย่างโจ่งแจ้ง
“อย่างนั้นรึ?” ซูหมิงยิ้ม เช็ดคราบโลหิตตรงมุมปาก