ตอนที่ 441 ความตื่นตะลึงของซูหมิง
สีหน้าใต้งอบซูหมิงไม่เปลี่ยนไปมากนัก เพียงเพ่งสมาธิครู่หนึ่ง กวาดสายตามองชายชรา ระดับพลังของคนผู้นี้เหมือนเชมันระดับกลาง
แต่ซูหมิงสังเกตเห็นว่าตอนแสงจากอาคมเคลื่อนย้ายวูบวาบ แม้ชายวัยกลางคนที่ถือขวดใบเล็กของซูหมิงเดินออกมาก่อน แต่ตอนเดินออกมากลับช้าลงเล็กน้อยให้ชายชราแซงหน้าเขาเหมือนตนเป็นผู้ติดตาม
การกระทำเล็กๆ นี้อยู่ในสายตาซูหมิง ทำให้เขามองเห็นเงื่อนงำเล็กน้อย
ยามนี้สีหน้าชายวัยกลางคนยังคงตื่นตะลึง ขณะมองซูหมิง ชายชราก็สาวเท้าไวๆ เข้ามาห่างจากตรงหน้าเขาหนึ่งจั้ง
“ข้าจั่วเต้าหมิง เชิญ!” ชายชราเพ่งมองซูหมิง ประสานมือคารวะด้วยท่าทางเกรงใจยิ่งนัก
ซูหมิงพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเดินตรงไปอย่างสุขุม ชายชราอยู่ข้างกายซูหมิง ช่วงที่เดินผ่านไปชายวัยกลางคนรีบก้มหน้าลงคารวะอย่างนอบน้อม ซูหมิงไม่สนใจชายผู้นี้ เขาตรงไปยังอาคมเคลื่อนย้าย และหายไปพร้อมกับชายชราภายใต้แสงวิบวับ
จนกระทั่งซูหมิงไปแล้ว ชายวัยกลางคนจึงถอนหายใจโล่งอก ในความคิดผุดภาพหลังจากตนนำขวดเล็กไปชั้นสอง เดิมทีผู้ดูแลของชั้นสองไม่ปลื้มนัก ทว่าพอดมขวดเล็กครู่หนึ่งแล้วกลับหน้าเปลี่ยนสีอย่างเด่นชัด ก่อนรีบขึ้นไปยังชั้นสาม ส่วนตอนนี้ขวดเล็กอยู่ในมือผู้ดูแลชั้นใดแล้วเขาก็ไม่รู้
จากภายนอกจะเห็นได้ว่าขวดเล็กนี้ไม่ใช่ของธรรมดา แต่ไม่ว่าอย่างไรชายวัยกลางคนก็นึกไม่ออกว่ามันไม่ธรรมดาตรงจุดใด
แสงจากอาคมขยับวูบวาบ ซูหมิงตาลายเล็กน้อย ได้กลิ่นหอมสมุนไพรโชยมา กลิ่นนี้แปลกมาก ถ้าลองดมอย่างตั้งใจจะสังเกตไม่เห็น
นอกจากกลิ่นหอมสมุนไพรแล้ว สิ่งที่ซูหมิงเห็นเป็นอย่างแรกคือบุรุษผิวขาวดุจหยกสวมอาภรณ์ยาวสีขาวข้างโต๊ะไม้สีม่วงตรงหน้า ชายผู้นี้มีใบหน้าหล่อเหลา แม้บอกว่าดูมีอายุเล็กน้อย ทว่าด้วยการเสริมจากเคราหลายเส้น จึงทำให้ดูลุ่มลึกยิ่งขึ้น
ยามนี้เขาก้มหน้าอยู่ตรงนั้น มือถือขวดเล็กของซูหมิง คิ้วเหมือนขมวดมุ่น บ้างก็ดมแล้วหลับตา
“ปรมาจารย์อวี๋ ข้าเชิญสหายท่านนี้มาแล้ว” ชายชราข้างกายซูหมิงคารวะบุรุษชุดขาวด้วยสีหน้านอบน้อม แม้ชายผู้นี้จะไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย เขากลับไม่ถือสาใดๆ ถอยไปหลายก้าว เมื่อแสงอาคมขยับวิบวับอีกครั้งก็หายไป
ยามนี้ภายในหอชั้นนี้เหลือเพียงซูหมิงกับชายชุดขาว
ซูหมิงมีสีหน้าสงบนิ่ง เขาอ่านระดับพลังชายคนนี้ไม่ออกเล็กน้อย ตอนที่จิตสัมผัสผ่านตัวอีกฝ่ายก็ถูกพลังอ่อนนุ่มดีดกลับ พลังที่สะท้อนจิตสัมผัสนี้ไม่มีความปราดเปรียว แต่ให้ความรู้สึกทื่อๆ เล็กน้อย
เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เพราะบุคคลนี้มีระดับพลังเหนือกว่าซูหมิงมาก แต่เป็นเพราะในตัวเขามีสมบัติที่ขวางการตรวจสอบจากจิตสัมผัส
หากซูหมิงอยากรู้ระดับพลังของชายคนนี้จริง เช่นนั้นก็ต้องฝืนทะลวงเข้าไป เขามั่นใจว่าจะทำลายพลังสะท้อนกลับนั้นได้ ทว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็น
ชายชุดขาวไม่กล่าวอะไร ซูหมิงก็เช่นกัน เขากวาดสายตามองไปรอบๆ ชั้นนี้ มันเป็นห้องที่เล็กกว่าชั้นหนึ่งเอามากๆ ขนาดราวสามส่วนของชั้นหนึ่ง โดยรอบมีวัตถุเปล่งแสงมายาลอยอยู่สิบกว่าชิ้น ทำให้ห้องนี้มีแสงสว่างเด่นชัด
บนพื้นปูด้วยแผ่นหินสีดำ อีกทั้งกำแพงโดยรอบยังมีรูปปั้นนูนขึ้นเล็กน้อย รูปปั้นเหล่านี้ไม่ใช่สัตว์ปีก แต่เป็นดอกไม้นับไม่ถ้วน ดูสมจริงราวกับมีชีวิต น่าเสียดายที่บนตัวมันไม่มีสีสันใดๆ มิเช่นนั้นแล้วเพียงมองแวบแรกก็จะเกิดความรู้สึกคล้ายไม่รู้ว่าตัวอยู่ที่ใด
ตรงข้ามกับซูหมิงเป็นโต๊ะยาวสีม่วงที่นั่งของชายชุดขาว ด้านหลังชายผู้นี้เป็นหน้าต่างหนึ่งบาน แสงตะวันข้างนอกสาดส่อง ให้ความรู้สึกเหมือนความฝัน
ตอนที่ซูหมิงกำลังจะละสายตากลับจากหน้าต่าง ก็พลันเพ่งสายตามองท้องฟ้าด้านนอก ในใจสั่นไหว
สิ่งที่เขามองเห็นเป็นท้องฟ้ากว้างใหญ่ แต่ไม่เห็นแผ่นดิน
‘ที่นี่ไม่ใช่ชั้นสอง…หากเป็นชั้นสองจะต้องเห็นพื้นดิน ตามระดับความสูงแล้ว อย่างมากสุดชั้นนี้ก็ต้องชั้นสี่ขึ้นไป’ ซูหมิงไม่มองหน้าต่างอีก แต่มองตรงกลางของชั้นนี้
ตรงนั้นวางกระถางธูปเอาไว้สามอัน มันสูงราวครึ่งตัวคน ความหนาสองคนโอบ ควันดำลอยขึ้นจากกระถางธูปกลายเป็นวงกลมหลายชั้นด้านบน แล้วแผ่กระจายออกโดยรอบ
กระถางธูปสามอันนี้ไม่ใช่สีเดียว แต่มีสีสันหลากสี ดูงดงามยิ่งนัก เมื่อซูหมิงกวาดสายตามองกระถางธูปสามอันนั้นแล้ว ก็เห็นว่าตรงกลางระหว่างกระถางธูปสามอันวางสิ่งหนึ่งเอาไว้
มันเป็นหินลักษณะวงรี มีสีแดงทึบ ภายนอกนูนเว้าไม่เรียบ ดูอัปลักษณ์ยิ่งนัก ด้านบนมีหลายจุดที่มีรูเล็กๆ จำนวนมาก รูเล็กๆ พวกนั้นไม่เหมือนเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่เหมือนมีคนมาเจาะมัน
หินก้อนนี้ใหญ่มาก สูงเกินกว่ากระถางธูป ขนาดราวสองจั้งกว่า ความกว้างพอๆ กับกระถางธูปหลายอัน มันวางอยู่ตรงกลางชั้นนี้ ดูเด่นตาที่สุด
ตอนที่ควันลอยขึ้นจากกระถางธูปเป็นวงกลมกลางอากาศแล้วกระจายออกไป มีบางส่วนถูกรูเล็กๆ บนหินสูบเข้าไปแล้วปล่อยมาจากอีกรูเล็กหนึ่ง น่าจะเป็นการปรับแบบพิเศษบางอย่าง ทำให้ควันที่ลอยจากหินกลายเป็นผีเสื้อควัน เหมือนบินอยู่กลางอากาศ
แม้มันจะหายไปอย่างรวดเร็ว ผีเสื้อควันตัวใหม่ก็จะปรากฏขึ้นอีกครั้ง กลายเป็นวัฏจักรไม่มีสิ้นสุด
ซูหมิงเดินเข้าไปใกล้ ยืนอยู่ตรงหน้าหินใหญ่พลางมองควันหมุนวนบนก้อนหิน ผีเสื้อระบำกลายเป็นสอง ทันใดนั้น กลิ่นหอมสมุนไพรอ่อนๆ ที่เคยปรากฏก่อนหน้านี้โชยเข้ามาอีกครั้ง ทว่าเมื่อลองค้นหาอย่างตั้งใจกลับไม่พบดังเดิม
ซูหมิงมองหินก้อนนี้ นัยน์ตาขยับวิบวับ ก่อนแผ่ขยายจิตสัมผัสตรงไปยังหิน ทว่าทันทีที่จิตสัมผัสชนกับหิน จิตสัมผัสเขาพลันถูกดูดเข้าไป ราวกับไปแล้วไปลับ หากไม่ใช่เพราะเขารีบเก็บมาในทันที เกรงว่าคงถูกกินไปมากกว่าครึ่ง
ใบหน้าใต้งอบซูหมิงเปลี่ยนสี จ้องหินนี้ด้วยนัยน์ตาฉายแววประหลาดใจ
ยามนี้กลิ่นหอมบางๆ โชยเข้ามาอีกครั้ง แม้ครั้งนี้กลิ่นจะบางเบามาก แต่ก็เข้มกว่าก่อนหน้านี้เล็กน้อย ตอนที่ซูหมิงได้กลิ่น สีหน้าใต้งอบเป็นปกติ ทว่าในใจกลับเกิดความตื่นตะลึง
เพราะว่าตอนนี้ เขารู้สึกว่าในถุงเก็บวัตถุตรงอกเสื้อตนมีคลื่นพลังอ่อนๆ กระเพื่อมออกมา แม้เกิดขึ้นเพียงครู่เดียว ทว่าซูหมิงก็รู้สึกได้
อีกทั้งสิ่งที่แผ่ระลอกคลื่นมาในถุงเก็บวัตถุ นอกจากร่างแยกกับศพพิษแล้วเหมือนจะไม่มีสิ่งใดอีก ทว่าสิ่งที่ทำให้ซูหมิงตื่นตะลึงคือ ของที่แผ่ระลอกคลื่นไม่ใช่ร่างแยก ไม่ใช่ศพพิษ…..แน่นอนว่าต้องไม่ใช่หนอนงู แต่เป็นวัตถุดิบสำหรับการหลอมโอสถที่เขาได้มานานมากแล้ว!
มันคือหินภูเขาใหญ่ที่มีคนเล็กสีดำอยู่ภายในปานถูกผนึก! หินก้อนนี้ซูหมิงซื้อมาจากในงานประมูลเผ่าทะเลตะวันออกนอกสำนักเหมันต์สวรรค์ และเป็นหนึ่งในสมุนไพรหลักสำหรับการหลอมโอสถมอบจิต
ระลอกคลื่นนี้มาจากหินก้อนนั้น พูดชัดๆ คือปล่อยมาจากตัวคนเล็กสีดำที่เหมือนตายอยู่ข้างใน!
ตอนนั้นมันเคยทำให้เกิดความวุ่นวายเล็กน้อย หลังจากนั้นเพราะมีเรื่องสงครามหมอกนภา ซูหมิงจึงไม่ได้สืบเรื่องผลของชาวเผ่าตี๋หลัวคนนั้น กระทั่งยังลืมเรื่องนี้ไปบ้าง ยามนี้เมื่อเห็นระลอกคลื่นจากหิน ในใจซูหมิงจึงสั่นไหว
แม้เขาเพิ่งเคยเห็นหินก้อนนี้ครั้งแรก แต่จากการพูดคุยกับอูตัว หากเขามองไม่ออกว่านี่คือหินสีแดงในงานพนันครั้งใหญ่ก็คงไม่ใช่ซูหมิง
‘หินสีแดงงานพนันสมบัติ ข้างในมีของไม่เยอะ อาจเป็นซากดึกดำบรรพ์ที่สมบูรณ์ อาจเป็นซากดึกดำบรรพ์ส่วนหนึ่ง หรืออาจจะ…ไม่มีอะไรเลย จุดนี้ดูแล้วเหมือนกับคนเล็กสีดำในหินภูเขาของข้ามาก! เพียงแต่หนึ่งเป็นสมุนไพร อีกหนึ่งเป็นลักษณะคน!
อีกอย่างอูตัวยังบอกว่าสิ่งที่อยู่ในหินสีแดงของงานพนันสมบัติไม่ได้มีแค่สมุนไพร แต่รวมกันเอาไว้เยอะมาก!’ มีเสียงดังในความคิดซูหมิง ก่อนหน้านี้เขายังเคยเอาสองสิ่งนี้มาเชื่อมโยงกัน ทว่ายามนี้ระลอกคลื่นจากหินภูเขาได้เปิดหมอกมุมหนึ่งให้เขาแล้ว!
‘หรือว่า หินภูเขาที่มีคนเล็กสีดำจะมาจากที่นี่!’ ในใจซูหมิงสั่นไหวยามมองหินก้อนนี้ เขามั่นใจมากว่ากลิ่นหอมนี้ไม่ได้มาจากควัน แต่กระจายมาจากในหินก้อนนี้
ถึงอย่างไรควันจากกระถางธูปก็ยังอยู่ ไม่ได้เดี๋ยวชัดเดี๋ยวจางเหมือนกลิ่นหอมสมุนไพร
ซูหมิงยืนอยู่ครู่หนึ่งก่อนเดินหน้าไปหลายก้าว หลังจากเข้าไปใกล้หินแล้วก็หลับตาลง ผ่านไปพักใหญ่ วินาทีที่กลิ่นหอมสมุนไพรโชยมาอีกครั้ง ซูหมิงพลันสูดลมหายใจเข้า ขณะหายใจ กลิ่นหอมจำนวนมากถูกสูบเข้าไปยังจมูก ช่วงที่เข้าถึงสมอง เขาวางจิตสัมผัสไว้ในถุงเก็บวัตถุและพิจารณาคนเล็กสีดำในหินภูเขา
ทันใดนั้น ซูหมิงรู้สึกอย่างชัดเจนว่าคนเล็กสีดำกลางหินในถุงเก็บวัตถุสั่นไหวเบาๆ ครู่หนึ่ง ปล่อยระลอกคลื่นมากขึ้น หากไม่ใช่เพราะอยู่ในถุงเก็บวัตถุและซูหมิงใช้จิตสัมผัสปิดซ่อนมันเอาไว้ ถ้าอยู่ข้างนอกคนโดยรอบจะต้องสัมผัสได้อย่างชัดเจน
จากนั้น จิตสัมผัสซูหมิงเห็นแสงอ่อนวิบวับอยู่ในหินภูเขา ขณะคนเล็กสีดำสั่นไหว ตรงกลางระหว่างคิ้วมันปรากฏสัญลักษณ์เลือนราง
ภาพนั้นเป็นสมุนไพรเจ็ดใบ อีกทั้งตรงปลายของทุกใบยังเหมือนศีรษะอสรพิษ กระทั่งใบศีรษะอสรพิษยังแลบลิ้นขู่ฟ่อๆ สมจริงราวกับมีชีวิต
ทว่ามีเพียงใบเดียวที่เป็นเช่นนี้ ใบอื่นๆ เป็นสีน้ำตาลอมเทา เหมือนไม่มีพลังชีวิตใดๆ มีเพียงรูปร่างเท่านั้น
“ข้าเห็นท่านมองหินสีแดงอยู่นานมาก ไม่เคยเห็นรึ?” ขณะในใจซูหมิงตื่นตะลึง มีเสียงอ่อนนุ่มดังขึ้นข้างหูเขา
“ข้าเห็นท่านดมขวดเล็กอยู่นานมาก ไม่เคยดมสมุนไพรชนิดนี้มาก่อนรึ” ซูหมิงหมุนตัวกลับ พยายามระงับความตะลึงในใจแล้วกล่าวเรียบๆ