ตอนที่ 447 เงา
หลังจากหนานกงเหิน คนอื่นๆ ก็ทยอยกันใช้ของวิเศษวงแสงตัดหิน บ้างก็ปรากฏแสง ทุกครั้งที่ปรากฏแสงจะดึงดูดสายตาของทุกคนทันที
เพียงแต่ว่าช่วงที่ตัดหิน ทุกคนจะหยิบถุงเก็บวัตถุออกมาแล้ววางไว้บนของวิเศษวงแสง แบบนี้ถึงจะทำให้ของวิเศษเริ่มหมุน
ซูหมิงมองอยู่หลายครั้ง ตอนที่หนานกงเหินกลับมาด้วยความเศร้าโศก เขาก็ละสายตากลับ
“สหายโม่ มาโลกเก้าหยินครั้งนี้ เจ้าว่าข้าโชคร้ายเกินไปหรือไม่…ไปเช่าวิญญาณเก้าหยินก็ถูกตาแก่หลอก หินสีแดงที่ถูกใจ เห็นๆ อยู่ว่ามีของ ทว่าข้ากลับตัดจนเสีย…” หนานกงเหินยิ้มเจื่อน มองคนอื่นๆ ตัดหินสีแดงบนท้องฟ้า ข้างหูได้ยินเสียงสนทนาระงม ก่อนถอนหายใจไปทางซูหมิง
เดิมทีซูหมิงอยากจะให้กำลังใจ ทว่าพอคำพูดมาถึงริมปาก กลับไม่รู้จะแนะนำอย่างไรดี กระทั่งเขายังรู้สึกว่า หนานกงเหิน…โชคไม่ดีจริงๆ
“ลุงหนานกงเหิน ไม่เป็นไร ก็แค่เสียหินไปก้อนเดียวไม่ใช่รึ ท่านก็ซื้ออีกสักสองสามก้อน ข้าเชื่อว่าจะต้องได้สมบัติมาแน่” หลันหลันข้างๆ ขยิบตา แล้วกล่าวให้กำลังใจ
“ห้าแสน ห้าแสนเชียวนะ!” หนานกงเหินเงยหน้ามองหินสีแดงที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า แววตาดูไม่ยินยอม
“อะแฮ่ม ข้าว่างามพนันสมบัติครั้งนี้ หากไม่มีความมั่นใจมากพอ อย่าพนันต่อเลยจะดีกว่า เมื่อครู่แซ่โม่ได้สัมผัสถึงสิ่งที่คนอื่นพูดแล้ว พริบตาเดียวขึ้นสวรรค์ พริบตาเดียวลงนรก” ซูหมิงมองหนานกงเหินแวบหนึ่ง เห็นความไม่ยอมในแววตา จึงรู้ว่าให้แนะนำไปคงไม่มีประโยชน์ จึงแอบถอนหายใจและไม่กล่าวอีก
เขาไม่ค่อยเข้าใจว่าผู้คนที่ต้องอาศัยโชคพวกนี้ เหตุใดถึงตื่นเต้นกับงานพนันขนาดนี้ ขณะกำลังขบคิดพลันมีเสียงดังเกรียวกราวมาจากกลุ่มคนโดยรอบ
“แสงพิลึกสองสี นะ….นี่มันแสงพิลึกสองสี!”
“ไม่ผิด ไม่อยากเชื่อว่าจะปรากฏแสงพิลึกสองสี บัดซบ ข้าจำได้ว่าหินสีแดงหมายเลขแปดสิบเจ็ดนี้ ขะ….ข้าเคยถูกใจมัน!”
“ร่ำรวยแล้ว บุคคลนี้จ่ายไปไม่ถึงสองหมื่นผลึกเชมัน แค่ปรากฏแสงพิลึก ราคาก็พุ่งไปเป็นเท่าตัว ตอนนี้ยังปรากฏแสงพิลึกสองสีอีก ราคามันจะขึ้นไปถึงล้าน!”
เมื่อเสียงร้องด้วยความตกใจดังขึ้นเป็นวงกว้าง ซูหมิงเงยหน้า แวบเดียวก็เห็นว่าท่ามกลางของวิเศษวงแสงจำนวนมากบนท้องฟ้า
มีหินสีแดงอยู่ในของวิเศษชิ้นหนึ่ง ยามนี้เปล่งแสงสีแดงฟ้าต่างกันสองสี สองสีนี้ตัดสลับกัน และส่องสะท้อนโดยรอบสิบกว่าจั้ง
ข้างของวิเศษวงแสงเป็นชายชรายืนอยู่ ตอนนี้เขามีสีหน้าฮึกเหิมและปีติยินดี ก่อนหัวเราะเสียงดังขึ้น นัยน์ตาเปล่งประกาย ใช้นิ้วชี้ไปยังของวิเศษ ของวิเศษพลันหมุนช้าลงมาก จนเมื่อหยุดลง แสงสองสีเปล่งแสงเด่นตาอย่างยิ่ง
“ตัดต่อเถอะ เจาะไปอีกรูหนึ่ง บางทีอาจปรากฏเงา ถ้าเป็นอย่างนั้น ราคาหินก้อนนี้จะสูงขึ้นอีก!”
“ข้าว่าไม่แน่ แสงพิลึกสองสีปรากฏไม่บ่อย โอกาสที่จะปรากฏเงาก็น้อย…..”
ผู้คนโดยรอบเริ่มสนทนากันอีกครั้งหลังจากชายชราหยุดตัดหิน อีกทั้งในคำพูดยังมีความรู้สึกซับซ้อนอย่างเช่นหลอกให้ลุ่มหลง ริษยา และชื่นชม
“ผู้ครองหินสีแดงหมายเลขแปดสิบเจ็ด เจ้าไม่ต้องตัดต่อแล้ว ข้าเผ่าลั่วเสินจะขอซื้อมันหนึ่งล้านผลึกเชมัน!” มีเสียงนิ่งๆ ดังมาจากหนึ่งในแปดวิหารกลางอากาศ
“แค่หนึ่งล้านคิดจะซื้อแสงพิลึกสองสีรึ! ในหินก้อนนี้มีสองสี จะต้องมีของข้างในอย่างแน่นอน ผู้ครองหินหมายเลขแปดสิบเจ็ด ข้าเถี่ยมู่จากเผ่าแดนบูรพาจะขอซื้อมันหนึ่งล้านสามแสน ขายมันให้ข้า!” มีเสียงที่ซูหมิงคุ้นหูดังมาจากในอีกวิหารหนึ่ง เขาก็คือเถี่ยมู่เชมันระดับปลาย
ผู้ครองหินสีแดงยามนี้มีสีหน้าลังเลใจ เขามองหินสีแดง ทั้งยังมองวิหารใหญ่สองหลัง เห็นได้ชัดว่าบทเรียนของหนานกงเหินทำให้เขาลังเล
“ตัดต่อไป บัดซบ ยั่วยวนแค่นี้ก็คิดจะเปลี่ยนใจแล้วรึ? ข้าโยนทิ้งไปห้าแสนยังตัดต่อเลย!” หนานกงเหินกัดฟัน จ้องท้องฟ้า ดวงตามีเส้นเลือดฝอยมากขึ้น
“สหายหนานกง สองสีหมายถึงอะไร?” แม้ซูหมิงเข้าใจงานพนันครั้งนี้ไม่น้อย ทว่ายังเทียบกับคนที่เคยมีประสบการณ์มาแล้วไม่ได้ ยามนี้เขามองแสงสีแดงฟ้าสองสี ก่อนถามกับหนานกงเหิน
“สหายโม่คงไม่รู้ ก่อนตัดหินสีแดง ไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็มองไม่ออก แต่ตอนตัดจะมีกฎเกณฑ์อยู่เล็กน้อย แสงพิลึกคือหนึ่งในกฏเกณฑ์นั้น ปรากฏแสงพิลึกหนึ่งสี หมายความว่าข้างในมีของอยู่ ทว่าจะเป็นสมบัติจริงๆ หรือซากหินไร้ประโยชน์ก็ได้
ทว่าหากปรากฏสองสี นั่นหมายความว่าแม้จะเป็นซากหิน ทว่าก็ยังมีผลอยู่แน่นอน…ในประวัติศาสตร์งานพนันครั้งใหญ่ เคยปรากฏมากที่สุดคือเจ็ดสี และเปิดมาเป็นสมบัติล้ำค่าหายาก!
ส่วนเงาที่คนอื่นเคยพูดถึงก็เป็นหนึ่งในกฎเกณฑ์เช่นกัน เพียงแต่โอกาสที่จะปรากฏเงาน้อยกว่าแสงพิลึกมาก หลักการของมันคือของถูกผนึกอยู่ในหิน หลังจากสัมผัสกับโลกภายนอกแล้วก็จะเกิดเป็นเงาพิลึกชั่วพริบตา!
ถ้าปรากฏแสงพิลึก นั่นยืนยันได้ว่ามีของอยู่ข้างใน หากปรากฏเงาจะยืนยันได้ว่าของชิ้นนั้นไม่ใช่ของธรรมดา! ทว่าก็ไม่ใช่อย่างนั้นทั้งหมด มิเช่นนั้นแล้ว ตอนข้าเปิดหินแล้วปรากฏแสงพิลึกคงไม่ต้องลังเล
งานพนันครั้งก่อนๆ มีแบบภายนอกดูดี มีแสงพิลึก กระทั่งยังปรากฏเงา ทว่าพอเปิดแล้วข้างในกลับว่างเปล่า…..ฉะนั้นกฎเกณฑ์ในงานพนันสมบัติ ล้วนเป็นสิ่งที่ผู้คนวิเคราะห์ขึ้นมา จะว่าจริงก็จริง จะว่าเท็จก็เท็จ…..” หนานกงเหินถอนหายใจ กล่าวอธิบายกับซูหมิง
ขณะทั้งสองคนกำลังคุยกัน ผู้ครองหินหมายเลขแปดสิบเจ็ดบนท้องฟ้า ชายชราผู้นี้เหมือนตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ช่วงที่ยกมือขวาขึ้นกำลังจะทำอะไรบางอย่าง พลันมีเสียงสตรีดังมาจากหนึ่งในแปดวิหารใหญ่
“ถ้าตัดลงไป เว้นแต่เจ้าจะเปิดหินทั้งหมด อาจจะปรากฏเงาก็ได้ มิเช่นนั้นแล้วหินสองสียังอยู่ก็จริง ทว่ามูลค่ามันจะไม่เพิ่มขึ้นอีก แต่กลับมีโอกาสน้อยลง กระทั่งอาจเกิดเหตุการณ์หินเสีย หากข้าเป็นเจ้า จะขายตอนนี้เสียดีกว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ได้กำไรแล้ว ข้าเผ่าทะเลใบไม้ร่วงขอซื้อมันหนึ่งล้านห้าแสน”
ตอนที่ซูหมิงได้ยินเสียงนี้ นัยน์ตาแอบวูบไหว สีหน้าภายใต้หน้ากากสงบนิ่ง เขารู้ว่าเสียงนี้เป็นของหวั่นชิว สตรีศักดิ์สิทธิ์เผ่าทะเลใบไม้ร่วง
ผู้ครองหินหมายเลขแปดสิบเจ็ดบนท้องฟ้า ชายชราผู้นี้มีสีหน้าต่อสู้ดิ้นรน ผ่านไปพักหนึ่งเขาก็ถอนหายใจ แล้วประสานมือคารวะไปทางวิหารที่มาของเสียงสตรีศักดิ์สิทธิ์เผ่าทะเลใบไม้ร่วง
“ในเมื่อเผ่าทะเลใบไม้ร่วงสนใจหินนี้ ข้าก็จะยอมขาย” หลังจากชายชรากล่าวจบ พลันมีสายรุ้งยาวมาจากในวิหารใหญ่ ในสายรุ้งนี้เป็นชายชราคนหนึ่ง เส้นผมสีเทา สวมเสื้อคลุมสีฟ้า ตอนมามีคลื่นระดับพลังอย่างเด่นชัด รู้เลยว่าคือเชมันระดับปลาย
เขาเดินมาอย่างเนิบๆ หลังจากโยนถุงเก็บวัตถุให้ชายชราแล้ว ก็ไม่มองชายชราอีก แต่มองหินสีแดงในวงแสง ผ่านไปพักใหญ่ก็ขมวดคิ้วขึ้น
“ยังไม่ไปอีกรึ?”
ชายชราข้างๆ รีบถอยไปอยู่อีกด้านหนึ่งอย่างจำใจจาก ทว่าก็ยังหันกลับมามองหินสีแดง
ทว่าช่วงที่เขายังไม่กลับลงพื้น วงแสงของวิเศษพลันหมุนตัว เสียงเวิงๆ ดังก้อง หินสีแดงนี้เล็กลงเรื่อยๆ หลังจากเชมันระดับปลายของเผ่าทะเลใบไม้ร่วงควบคุมอยู่หลายครั้งแล้ว เขาก็เดินเข้าไป ก่อนยกมือขวาขึ้นพร้อมกับเสียงตะโกน แล้วตบไปยังหินอย่างแรง
การตบครั้งนี้ทำให้หินสีแดงที่มีรูเล็กๆ จากการทะลวงจำนวนมากและยังมีขนาดเล็กลงนี้ พลันเกิดรอยร้าวและเชื่อมไปถึงรูเล็กๆ เหล่านั้น จากนั้นมีเสียงโครมพร้อมกับหินกระจายเป็นเสี่ยงๆ หินภูเขาโปร่งใสขนาดเท่าศีรษะลอยอยู่ตรงกลางมือชายชรา
หินภูเขานี้สว่างพร่างพราว ข้างในเป็นแผ่นเหล็ก บนแผ่นเหล็กมีสนิมขึ้นเต็มไปหมด ดูธรรมดายิ่งนัก แต่กลับมีพลังชั่วร้ายขยับวูบวาบจากในหินโปร่งใส
“ของวิเศษ เป็นของวิเศษแน่นอน!”
“ของวิเศษในโลกเก้าหยิน ไม่รู้ว่ามันอยู่มานานเท่าไรแล้ว!”
“เผ่าทะเลใบไม้ร่วงกำไรแล้ว ใช้หนึ่งล้านห้าแสนผลึกเชมันซื้อของวิเศษชิ้นนี้มา ทั้งยังไม่มีความเสี่ยงใดๆ เลย เฮอะๆ มูลค่าของมันยากจะคาดเดาจริงๆ”
ซูหมิงจ้องหินภูเขาโปร่งใสในมือชายชราเชมันระดับปลายของเผ่าทะเลใบไม้ร่วง นัยน์ตาเป็นประกาย หนานกงเหินข้างๆ มีสีหน้าเศร้าหมองยิ่งนัก เห็นได้ชัดว่านึงถึงเรื่องก่อนหน้านี้
ชายชราที่ขายสิ่งนี้ไปในราคาหนึ่งล้านห้าแสนผลึกเชมัน ยามนี้อึ้งงัน มีสีหน้าไม่แน่ใจ ความสับสนในใจไม่ด้อยไปกว่าหนานกงเหิน ที่เขาขายหินไปก่อนหน้านี้ สาเหตุหลักๆ คือเขารับไม่ได้ถ้าราคาหนึ่งล้านห้าแสนผลึกเชมันต้องหายไปในชั่วพริบตา
ชายชราเชมันระดับปลายเผ่าทะเลใบไม้ร่วงเผยรอยยิ้ม พลิกฝ่ามือ หินภูเขาพลันหายไป ก่อนหมุนตัวเดินไปทางวิหารใหญ่ของเผ่าทะเลใบไม้ร่วง ผู้อาวุโสวิหารเทพเชมันที่นั่งขัดสมาธิอยู่ในวิหารอีกหลังหนึ่งใบหน้าไร้อารมณ์ ทว่าหากมองดีๆ จะพบว่าตอนหินภูเขาโปร่งใสปรากฏ เขาหรี่ม่านตาลง
“ต่อไป ประมูลหินหมายเลขหนึ่งร้อยหนึ่งถึงสองร้อย!” หลังจากเปิดอย่างต่อเนื่องครบหนึ่งร้อยหินแล้ว บรรยากาศในงานบรรลุถึงขีดสุด ทั้งยังครึกครื้นมากยิ่งขึ้น
“สองแสน!”
“สามแสน!”
“สามแสนห้าหมื่น!”
“ห้าแสน!”
“หกแสน!” การประมูลหินดำเนินต่อไป เสียงเคาะประมูลดังไม่ขาดสาย หินสีแดงหนึ่งร้อยก้อนนี้ ไม่นานก็ถูกคนแย่งกันซื้อไป
หนานกงเหินคิดจะประมูลอีกครั้งแต่อดกลั้นเอาไว้ ส่วนซูหมิงยังคงมองตลอด ไม่ได้เข้าร่วมใดๆ เขากำลังรอ…รอหินหมายเลขหกร้อยเก้าสิบเจ็ด เก้าร้อยหนึ่ง และเก้าร้อยสี่สิบเก้า
หินสามก้อนนี้ ซูหมิงมั่นใจเต็มสิบว่ามีของอยู่ ส่วนอื่นๆ เขาไม่ขอพนันด้วย
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ หลังจากประมูลหินสีแดงหนึ่งร้อยก้อนในกลุ่มที่สองแล้วก็เริ่มเปิดมัน ในนั้นมีแสงพิลึกอยู่สองก้อน สุดท้ายพอเปิดแล้วหนึ่งในนั้นว่างเปล่า ผลึกเชมันหลายแสนหายไปทันใด
ส่วนอีกก้อนหนึ่งแม้มีของอยู่ ทว่าเมื่อเปิดแล้ว ของข้างในเป็นหินอย่างสมบูรณ์ เพียงสัมผัสเบาๆ ก็กลายเป็นฝุ่นลอยหายไป