Skip to content

สู่วิถีอสุรา 646

ตอนที่ 646 จุดมาเยือนของเซียน

“ผู้อาวุโสหลักแหลม เป็นเช่นนี้จริงๆ เพราะเซวียนหวงผู้แข็งแกร่งที่สุดในแดนเซียนเริ่มปิดด่านนั่งฌานตั้งแต่สมัยบรรพกาล จนถึงตอนนี้ยังไม่ออกฌาน เล่าลือกันว่าเซวียนหวงนั่งฌานละสังขารไปแล้ว…ยังมีอีกข่าวลือหนึ่งคือเซวียนหวงถูกตี้เทียนลอบใช้กลอุบายอะไรบางอย่างสังหารไป!

ทว่านี่ก็เป็นเพียงข่าวลือ ถึงอย่างไรขั้นพลังสองคนนั้นก็ต่างกันมาก….

แต่หลังจากเซวียนหวงปิดด่านนั่งฌาน สายเลือดจักรพรรดิของเขาก็แตกสายกระจัดกระจาย แม้แต่หงหลัวบุตรชายของเขายังคลุ้มคลั่ง ถูกตี้เทียนกำราบ ไม่รู้ว่าตอนนี้ถูกผนึกอยู่ที่ใด จากตรงนี้จะเห็นได้ว่า เกิดเรื่องอะไรบางอย่างกับเซวียนหวงจริงๆ…”

“อีกอย่างท่านชือตี้จักรพรรดิที่แกร่งที่สุดในสามราชันสำนักอสูรแม้ตอนนี้ปิดด่านนั่งฌานอยู่ ทว่ากลับใช้จิตสัมผัสตรวจสอบทั้งแดนเซียนเป็นบางครั้ง เลยสร้างความหวาดผวาให้กับสำนักเซียนและเกิดสมดุลขึ้น” เฉียนเฉินมีสีหน้าลึกลับ พอเห็นท่าทางซูหมิงฟังจนเคลิ้ม เขาก็นึกหยามในใจ

กล่าวในใจว่าถึงบุคคลนี้จะมีขั้นพลังสูง แต่ก็ยังเป็นเผ่าหมานคนหนึ่ง เขาเพียงเล่าเรื่องเกี่ยวกับเซียนเล็กๆ น้อยให้ฟังก็ตกตะลึงเสียแล้ว

“เจ้าเป็นผู้มาเยือน” ซูหมิงหลับตา ผ่านไปพักหนึ่งก็ลืมตาแล้วกล่าวเนิบช้า

เรื่องนี้มองออกง่ายๆ เฉียนเฉินเองก็ไม่ได้คิดปิดบัง รีบพยักหน้า แต่ในใจกลับเหยียดหยามยิ่งกว่าเดิม คิดในใจว่าขอแค่ไม่ใช่คนปัญญาอ่อน พอได้ยินตนกล่าวเรื่องเกี่ยวกับเซียนขนาดนี้แล้ว เป็นใครใครก็เดาออกในพริบตา บุคคลนี้กลับฝึกฝนจนเสียสติ เรื่องแค่นี้ต้องหลับตาครุ่นคิดถึงจะนึกออก

ทว่าภายนอก เฉียนเฉินไม่กล้าเผยความคิดออกมา แต่มีท่าทีชื่นชมในความหลักแหลมของผู้อาวุโสจริงๆ

“วิธีการมาเยือนของเจ้าต่างจากคนอื่น” ซูหมิงกล่าวเรียบนิ่ง

เฉียนเฉินกะพริบตาแล้วพยักหน้าอีกครั้ง ในใจกลับเริ่มตึงเครียดเล็กน้อย แต่ถึงกระนั้นพอคิดอีกที ตนก็ไม่ใช่คนขั้นพลังสูง ทั้งยังไม่ใช่โอรสแห่งสวรรค์ ย่อมไม่ตรงกับเงื่อนไขในการมาเยือน ในเมื่อรู้เรื่องของเซียนด้วย เช่นนั้นก็มีเพียงคำอธิบายแบบนั้นอย่างเดียว พอนึกถึงตรงนี้เขาจึงวางใจลงได้ แม้ยังคงหยามอีกฝ่ายอยู่ แต่ความรู้สึกบางไปเล็กน้อย

“เจ้าไม่ใช่คนสำนักอสูรด้วย” ซูหมิงยังคงกล่าวเบาๆ ด้วยสีหน้าสงบนิ่ง

ทว่าพอกล่าวจบ เฉียนเฉินกลับตะลึงงัน สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย พอลังเลครู่หนึ่งแล้วก็ค่อยๆ พยักหน้า ในใจเกิดความตะลึงระคนสงสัยในตัวซูหมิง

“และเจ้าก็ไม่ใช่เซียนด้วย!” ซูหมิงยิ้มทีเล่นทีจริง ก่อนกล่าวเนิบๆ

เฉียนเฉินพลันเบิกตากว้าง เขาแทบจะกระโดดตัวลอยขึ้น หัวใจเต้นระรัวและมีสีหน้าเหลือเชื่อ ในความคิดมีเสียงดังโครม คำพูดทีละประโยคของซูหมิงสั่นสะเทือนจิตใจเขา โดยเฉพาะคำพูดเมื่อครู่ยิ่งทำให้เขารู้สึกหวาดกลัว ยามนี้ในใจไม่มีการเหยียดหยามอีก ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าเมื่อครู่อีกฝ่ายหลับตาครุ่นคิดอะไร มันไม่ใช่เรื่องที่เป็นผู้มาเยือนหรือไม่เลย

“เอ่อ…ผู้อาวุโสอย่าหยอกให้ข้าตกใจเลย ข้าน้อยจะไม่ใช่เซียนได้อย่างไร” ความเหยียดหยามในใจเฉียนเฉินกลายเป็นตึงเครียดในระดับสูง เวลานี้สีหน้าทีเล่นทีจริงของซูหมิงสร้างเป็นภาพมายาเหมือนถูกอีกฝ่ายมองทะลุในแวบเดียว ราวกับว่าความลับทุกอย่างในใจถูกมองอย่างชัดเจนในดวงตาและสีหน้า

เรื่องแบบนี้เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน ตอนนี้ยิ่งมองซูหมิงเขายิ่งรู้สึกไม่อาจจับต้องอีกฝ่ายได้ ทำให้ระดับความเครียดรุนแรงขึ้นไม่น้อย

“เจ้ามาจากที่ใดไม่เกี่ยวกับข้า” ซูหมิงขัดคำพูดเฉียนเฉิน หลังจากมองอีกฝ่ายอย่างลุ่มลึกแล้วก็กล่าวช้าๆ

“ข้าปกป้องเจ้าได้ ให้เจ้ามีโอกาสสูงสุดในการมีชีวิตรอดจากสงครามสำนักอสูรกับสำนักเซียน….แต่ความมากน้อยของโอกาสที่ว่าหรืออัตราการมีชีวิตรอดจะมีเท่าไร จะกำหนดตามมูลค่าของเจ้า” ซูหมิงกล่าวถึงตรงนี้ก็เงียบไป

เฉียนเฉินมีสีหน้าไม่แน่ใจ เขาย่อมเข้าใจความหมายของซูหมิง ยิ่งมูลค่าสูงเท่าไร การคุ้มกันก็จะมากขึ้นเท่านั้น….

เฉียนเฉินเงียบพลางมองไปรอบๆ แล้วลอบถอนหายใจเบา เขารู้ว่าหากตนพลาดโอกาสที่อีกฝ่ายจะช่วยปกป้องไป เช่นนั้นความเป็นตายในสงครามจะต้องดูกันที่โชคชะตา แต่พอนึกถึงภาพที่ตนดวงซวยก่อนหน้านี้ก็พลันตัวสั่น สายตาที่มองซูหมิงมีความหวาดกลัวมากขึ้น

“ผู้อาวุโส ข้าน้อยอยู่ในเผ่าหมานมาพอแล้ว…หากผู้อาวุโสให้ข้ามีชีวิตรอดจากสงคราม ข้าจะบอกผู้อาวุโสว่าข้าลงจากแดนเซียนมายังแดนหมานได้อย่างไร วิธีของข้าต่างจากคนอื่น…

กระทั่งข้าบอกผู้อาวุโสได้ว่าจะออกจากที่นี่ได้อย่างไร….ข้าจะให้ผู้อาวุโสเห็นข้าตอนออกจากเผ่าหมานกับตาตัวเอง!” เฉียนเฉินมองซูหมิง สีหน้ามีความจริงใจและอ้อนวอน

ซูหมิงก็มองเฉียนเฉินเช่นกัน ผ่านไปพักหนึ่งจึงค่อยพยักหน้า

เห็นซูหมิงตอบตกลง เฉียนเฉินก็ถอนหายใจโล่งอก ในใจนึกปลงอนิจจัง คิดย้อนไปถึงเหตุการณ์ต่างๆ ตอนตนมาถึงแดนเซียนและมาถึงแดนหมาน บางครั้งเขาก็รู้สึกพอใจ ทว่าบางเรื่องกลับรู้สึกจิตตก โดยเฉพาะตอนนี้ที่ต้องเผชิญหน้ากับความเป็นตาย เขาก็ยิ่งรู้สึกขมขื่น อารมณ์ชั่ววูบที่อยากกลับบ้าน ทำให้เขาเอ่ยคำสัญญากับซูหมิงไป

เขาในตอนนี้ไม่รู้เลยว่าคำพูดเหล่านี้จะสร้างภัยพิบัติแบบใดให้กับเผ่าเซียน จะทำให้ฟ้าทั้งแดนเซียนกลายเป็นสีแดง……

เขายังไม่รู้อีกว่าคำพูดเหล่านี้ หากให้ซูหมิงเห็นจริงๆ ว่าเขากลับแดนเซียนอย่างไร มันจะเกิดปรากฏการณ์เลวร้ายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และสร้างความตื่นตระหนกให้กับตี้เทียนเสียยิ่งกว่าตอนหงหลัวตื่นขึ้น!

สิ่งเหล่านี้เขาไม่รู้เลย

เวลาผ่านไปพริบตาเดียวก็หลายวัน ในหลายวันมานี้ซูหมิงนั่งขัดสมาธิอยู่บนวัตถุคล้ายถาดอย่างสงบนิ่ง ตัวเขาเป็นสำนักฝ่ายนอก โดยรอบเลยแทบไม่มีใครสนใจ บวกกับรูปลักษณ์ของเขา ถึงแม้โตขึ้นกว่าเมื่อก่อนเล็กน้อย แต่ก็เป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุสิบสี่สิบห้า และยังต่างจากรูปลักษณ์เดิมไปเล็กน้อย

ใบหน้ายังมีความเยาว์วัยอยู่ เมื่อเป็นเช่นนั้นก็ยิ่งถูกมองข้ามได้ง่าย

ในเวลาหลายวันมานี้ มังกรหยินสิบแปดตัวลากกล่องยักษ์เก้าอันแทบจะข้ามผ่านไปครึ่งแดนรกร้างบูรพา ด้วยความเร็วของมัน พอซูหมิงก้มหน้ามองข้างล่างจะเกิดความรู้สึกตาลาย

ผ่านไปอีกสามวัน ตรงหน้าสุดของสำนักวิญญาณอสูรก็ปรากฏเป็นที่ราบใหญ่ยักษ์…..

จริงๆ แล้วจะเรียกมันว่าที่ราบคงไม่เหมาะสักเท่าไร เพราะว่าดินที่นี่เป็นสีดำ แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายเสื่อมโทรม อีกทั้งบนพื้นดินยังมีหลุมลึกนับไม่ถ้วน!

ทุกหลุมลึกเหมือนเกิดจากดาวตกลงมากระแทกพื้น หลุมเหล่านี้มีเล็กมีใหญ่ ส่วนที่ใหญ่ก็มีขนาดหลายหมื่นจั้ง ส่วนที่เล็กก็ราวๆ หลายร้อยจั้ง

นอกจากนี้ยังมีบางแห่งไม่ใช่หลุมลึก แต่เป็นหินก้อนใหญ่ หินเหล่านี้วางอยู่บนหลุมลึก ส่วนที่เผยออกมาข้างนอกให้ความรู้สึกเก่าแก่โบราณ

หินเหล่านี้มีขนาดเล็กใหญ่ต่างกัน พวกมันกระจายกันอยู่บนแผ่นดิน ตอนที่มองไป….ยาวไปจนสุดสายตาจะมีหินแบบนี้อยู่มหาศาล…

พอมองรวมๆ แล้วหลุมลึกบนพื้นกับหินเหล่านี้มีจำนวนใกล้เคียงกัน

โดยเฉพาะหินหลายร้อยก้อนนั้น ทุกก้อนมีขนาดหลายหมื่นจั้ง ถ้าให้คนยืนข้างบนจะดูเล็กจ้อยอย่างยิ่ง

แผ่นดินพิลึกเช่นนี้ ท้องฟ้าก็ไม่ปกติเช่นกัน บนฟ้าที่นี่ไม่มีเมฆ แต่มีหินแบบเดียวกับพื้นดินลอยอยู่ ราวกับว่ามีกฏอะไรบางอย่างระหว่างพื้นดินทำให้มันไม่ร่วง ไม่ขยับ และล่องลอยอย่างเดียว

ที่นี่คือจุดที่ใกล้กับใจกลางแผ่นดินใหญ่รกร้างบูรพา พื้นที่ของที่ราบรกร้างผืนนี้กว้างใหญ่มาก…อีกทั้งที่นี่ยังไม่ไกลจากหอคอยรกร้างบูรพามากนัก!

ที่นี่คือสนามรบที่สำนักอสูรและสำนักเซียนเลือกเหมือนกัน!

พวกเขาจะคัดเลือกผู้มีสิทธิ์เข้าหอคอยรกร้างบูรพากันที่นี่ ฝ่ายชนะจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ฝ่ายแพ้จะต้องส่งวิญญาณเซียนมาเป็นเครื่องเซ่นไหว้เพื่อให้ม่านแสงโลหิตของหอคอยรกร้างบูรพาขยายไปไกลถึงสิบล้านลี้ตามเงื่อนไข

การตัดสินใจแบบนี้ดูแล้วไม่ได้เกิดขึ้นบนแดนหมาน แต่เป็นการตัดสินใจระหว่างสามราชันและห้าจักรพรรดิในแดนเซียน

ช่วงที่กองกำลังสำนักวิญญาณอสูรเคลื่อนผ่านฟ้ามาถึง พวกเขาเป็นสำนักแรกที่มาถึงที่นี่ เพราะจุดนี้ห่างจากหุบเขาพันวารีใกล้กว่าสำนักอื่นๆ มาก

อีกทั้งหุบเขาพันวารียังเป็นจุดพักแวะระหว่างทางเพื่อให้คนสำนักอสูรบุกและถอยได้ นี่ก็คือหนึ่งในสาเหตุที่ว่าเหตุใดสำนักวิญญาณอสูรถึงยึดครองหุบเขาพันวารีก่อนสงครามเริ่มขึ้น

เสียงคำรามของมังกรหยินกึกก้องฟ้าดิน สร้างเป็นชั้นระลอกคลื่น ทำให้ก้อนหินที่ลอยอยู่รอบๆ เคลื่อนไหวอย่างช้าๆ

ครั้นมังกรหยินสิบแปดตัวเข้ามาใกล้ ศิษย์สำนักวิญญาณอสูรบนตัวมังกรหยินต่างกลายเป็นสายรุ้งยาวกระโดดลงมา และกระจายกันยึดครองหินชำรุดหลายสิบก้อนที่ลอยอยู่บนฟ้า รวมทั้งหินใหญ่นอกหลุมลึกสิบกว่าก้อนบนพื้นดิน

ส่วนกล่องเก้าอันก็เปิดออกแล้วถูกวางบนพื้นดิน รอบๆ มีศิษย์นั่งฌานสมาธิอยู่ไม่น้อย ต่างคนต่างกำหนดลมหายใจอย่างเงียบๆ พลางรอคำสั่ง มีเพียงธงใหญ่หมื่นจั้งสองผืนที่ตอนนี้ยังคงโบกสะบัด ต่อให้อยู่ไกลมากก็ยังเห็นตัวอักษรใหญ่คำว่าสำนักวิญญาณอสูรกับแสงสีโลหิตซึ่งเขียนเป็นตัวอักษรว่า ฆ่าให้หมด

ลูกศิษย์หลายพันคนรวมถึงซูหมิงแยกตัวออกจากเผ่าหมานปรับสายเลือดแล้วกระจายกันไปยังจุดที่ว่างอยู่ ซูหมิงเลือกหินชำรุดขนาดร้อยจั้งก้อนหนึ่งบนพื้นดิน ตอนที่นั่งลงด้านบน เฉียนเฉินก็ตามมาอยู่ข้างกายแล้วมองไปรอบๆ อย่างตึงเครียด

“ผู้อาวุโส ข้ารู้ว่าที่นี่คือที่ใด…ที่นี่คือจุดมาเยือนของเซียนบนแผ่นดินใหญ่รกร้างบูรพา!

กฎเกณฑ์มรณะหยินของที่นี่อ่อนที่สุด เป็นจุดที่เหมาะกับการมาเยือนของเซียนที่สุด เผ่าเซียนส่วนใหญ่บนแผ่นดินรกร้างบูรพาล้วนมาเยือนจากตรงนี้!”

เฉียนเฉินสูดลมหายใจเข้าลึก พอกวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างรวดเร็วแล้วถึงเงยหน้ามองฟ้า

‘หรือว่าสงครามของสองฝ่ายครั้งนี้จะมี…ผู้มาเยือนรุ่นใหม่มาด้วย มิเช่นนั้นแล้วคงไม่ต้องมาสู้กันที่นี่’ ใจเฉียนเฉินเต้นระรัว เขารู้สึกรางๆ ว่าการสงครามครั้งนี้จะยิ่งใหญ่กว่าที่ตนคิด

ซูหมิงมีสีหน้าเรียบนิ่ง พอมองฟ้าแวบหนึ่งแล้วก็หรี่ม่านตาลง เขารู้สึกถึงระลอกคลื่นวงแหวนอาคมอยู่บนฟ้า

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!