Skip to content

สู่วิถีอสุรา 649

ตอนที่ 649 เริ่มสงคราม!

“คนบนกระบี่เล่มนั้นคือจักรพรรดิสวรรค์…ตี้เทียน!” เฉียนเฉินเสียงสั่นเล็กน้อย ขยับเข้ามาใกล้ซูหมิงอีกนิดแล้วกล่าวเสียงเบา

“ในห้าจักรพรรดิของเผ่าเซียน มีข่าวลือว่าหากเซวียนหวงผู้แกร่งที่สุดสิ้นแล้ว เช่นนั้นจะต้องเกี่ยวกับตี้เทียนอย่างแน่นอน เพราะว่าตี้เทียนเป็นศิษย์ของเซวียนหวง และบุตรของเซวียนหวงก็ถูกตี้เทียนผนึกไว้!”

ซูหมิงไม่กล่าวอะไร เขานั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น สายตามองตี้เทียนซึ่งอยู่บนฟ้าอยู่นาน เขารู้ว่าโอกาสเริ่มก่อนของตนตอนนี้คือได้เห็นตี้เทียนก่อน แต่ตี้เทียนกลับไม่รู้ว่าตนอยู่ที่นี่!

ซูหมิงมองไปที่เป่ยหลิงกับเฉินซินอย่างเงียบๆ ด้วยแววตาซับซ้อน

“ศิษย์ของตี้เทียน คุณชายเป่ยหลิง…บุคคลผู้นี้มีพรสวรรค์สูงส่ง เล่าลือว่าเป็นรองเพียงเยี่ยวั่งและอยู่ระดับเดียวกับเฉินชง นิสัยก็เป็นคนใจเย็น…ส่วนหญิงสาวข้างกายคือศิษย์น้องหญิงของเขา” เฉียนเฉินมองตามสายตาซูหมิงพลางอธิบาย

“ส่วนสองคนด้านหลังเป่ยหลิงกับเฉินซินคือองครักษ์สำนักชุมนุมเซียน ตอนนี้เป็นเจ้าสำนักชุมนุมเซียนบนแดนหมาน เล่ากันมาว่าจะติดตามตี้เทียนตลอดปี เป็นคนสนิทที่ไว้วางใจได้อย่างยิ่ง…..” เฉียนเฉินเหมือนรู้ทุกอย่าง ทำให้ซูหมิงได้เข้าใจโลกของเซียนจากปากเขา

แทบทันทีที่เฉียนเฉินกล่าวจบ พลันปรากฏเมฆดำม้วนตลบบนน่านฟ้าทางฝั่งสำนักอสูร เมฆดำนั้นหมุนวนรอบๆ และยังมีเสียงคำรามเล็กแหลมแว่วมาจากภายในเมฆดำม้วนตลบ มองไปแทบจะปกคลุมครึ่งฟ้า กว้างไกลไร้ขอบเขต มองไม่เห็นสุดปลาย การปรากฏของเมฆดำกะทันหันอย่างยิ่ง ชั่วพริบตาเดียวแทบทุกคนล้วนจิตใจสั่นสะท้านประหนึ่งมีเข็มทิ่มแทง ทำให้ไม่อาจระงับความคลุ้มคลั่งจนต้องร้องคำรามพร้อมกัน

ฝ่ายสำนักอสูรยังดีหน่อย นอกจากผู้มีขั้นพลังอ่อนแอแล้ว ส่วนใหญ่ไม่เป็นอะไร แต่ทางสำนักเซียน ท่ามกลางเสียงลากยาวเล็กแหลม ส่วนใหญ่หน้าซีดขาว และยังมีศิษย์บางคนมีเงาดำปรากฏตรงระหว่างคิ้วอย่างรวดเร็ว ร่างสั่นไหว เลือดเนื้อแห้งเหี่ยวลงอย่างเร็วรี่ เลือดเนื้อที่แห้งเหี่ยวมิได้หายไป แต่ถูกเงาดำตรงระหว่างคิ้วสูบไปอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าเงาดำตรงระหว่างคิ้วกำลังบ่มเพาะวิญญาณชั่วร้ายบางชนิดอยู่ ครั้นสูบจนสิ้นแล้วก็จะทะลวงออกมา

ช่วงที่คนสำนักเซียนจะทนต่อเสียงคำรามเล็กแหลมไม่ไหวอีก ถึงมีเสียงหึเย็นชาดังก้องฟ้า เสียงนั้นเข้าถึงหูทุกคนประดุจเสียงร้องกระบี่ที่ข้างหู มันเต็มไปด้วยความรู้สึกคล้ายโลหะกระทบกัน ในเสียงใสมีความหนาวเยือกซ่อนอยู่!

เมื่อเสียงนี้ดังกึกก้อง ศิษย์สำนักเซียนที่ได้ยินล้วนร่างสั่นไหว ก่อนมีสีหน้าได้สติกลับมาราวตื่นจากความฝันแรก เลือดเนื้อแห้งเหี่ยวหยุดนิ่ง ควันดำตรงระหว่างคิ้วก็เหมือนกรีดร้องโดยไร้เสียงแล้วถูกลบหายไป

ซูหมิงหรี่ม่านตา ตอนที่เกิดเสียงเล็กแหลมชั่วร้าย เขายกมือขวากดตรงบ่าเฉียนเฉิน ทำให้เฉียนเฉินเพียงตัวสั่นและไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรจากเสียงแหลม แต่ที่ซูหมิงหรี่ตาและมีสีหน้าจริงจังเล็กน้อยเป็นเพราะว่าท่ามกลางเสียงเย็นชากึกก้อง เขาเหมือนเห็นกระบี่ใหญ่มายาเล่มหนึ่งฟันลงมาจากฟ้า

คนที่เห็นกระบี่เล่มนี้ในสนามรบมีไม่มาก แม้แต่พวกเป่าชิวยังไม่สังเกตเห็น มีเพียงขั้นทรงอำนาจสมบูรณ์อย่างเซินตงเท่านั้นถึงจะมองออก

กระบี่เล่มนี้ดุจดั่งภาพมายา แต่กลับเหมือนใช้กฎฟ้าดินแบ่งจุดที่สำนักเซียนอยู่ออกจากโลก แม้แบ่งออกเพียงชั่วพริบตา ทว่ากลับทำให้เสียงชั่วร้ายแยกออกจากคนที่กำลังโจมตีอยู่ อีกทั้งช่วงที่ใช้การแยกยังลบมารในใจศิษย์สำนักเซียนทุกคนที่เกิดจากเสียงชั่วร้ายด้วย!

และที่สำคัญกว่าคือ เสียงหึเย็นชานั้นไม่ใช่เสียงของร่างแยกตี้เทียนเสื้อคลุมจักรพรรดิม่วงที่ซูหมิงคุ้นเคย แต่เป็นเสียงของคนสวมเสื้อคลุมจักรพรรดิทอง ความแกร่งของเสียงนี้ทำให้เขาเกิดการคาดเดาทันที

‘ร่างแยกสองตน…มิหนำซ้ำร่างแยกเสื้อคลุมทองยังแกร่งกว่าร่างแยกเสื้อคลุมม่วง!’

“คำสาปเซียนอสูร!” เฉียนเฉินหน้าซีดขาว มีเม็ดเหงื่อผุดบนใบหน้ายามกล่าวพึมพำเบาๆ

“นี่คืออภินิหารสูงสุดของสำนักเซียนอสูร เป็นหนึ่งในยอดวิชาที่จี๋อั้นแห่งสามราชันชอบใช้มากสุด ก่อนหน้านี้เคยได้ยินว่าคนที่ได้ยินเสียงคำสาปอสูร ในร่างกายจะมีทารกอสูรถือกำเนิด มันจะสูบกินเลือดเนื้อทั้งหมดในร่างกาย เมื่อร่างคนตายไป ทารกอสูรจะกำเนิดออกมา

ทารกอสูรคืออาวุธสังหารที่แก่กล้าของจี๋อั้น สามารถรวมขึ้นเป็นทารกเซียน!”

เฉียนเฉินกล่าวไม่ดังนัก ซูหมิงหรี่ตามองหมอกดำจำนวนมากลากยาวเข้ามาจากฟ้าไกลๆ

หมอกดำม้วนตัวเข้าใกล้มาเรื่อยๆ เห็นรางๆ ว่าในหมอกนั้นมีร่างเงาอยู่นับไม่ถ้วน ทว่าร่างพวกนั้นยังไม่เท่าไร สิ่งที่สร้างความตระหนกตกใจกับคนสำนักเซียนจริงๆ คือรูปร่างของหมอก!

ขณะหมอกเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ตรงหน้าสุดพลันรวมขึ้นเป็นใบหน้าคนยักษ์ ใบหน้านี้ดูเหี้ยมโหดอย่างยิ่ง หมอกดำคือร่างกายมัน เส้นใยหมอกคือเส้นผม ตอนที่เข้ามาใกล้ก็มีเสียงอึมครึมดังสนั่นฟ้าดิน

“ตี้เทียน!” เสียงนี้ดังกึกก้องโดยรอบ ผู้ฝึกฌานทั้งหมดด้านล่างล้วนใจสั่นไหว กระทั่งพวกเซินตงก็เช่นเดียวกัน ซือคงและเฉินชงหน้าซีดขาว

ซูหมิงนั่งขัดสมาธิอยู่ นัยน์ตาปิดซ่อนประกายวาววับเอาไว้ สายตามองหมอกดำบนฟ้า นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นจี๋อั้นผู้มีชื่อเสียงโด่งดังมานาน สายตามองทะลุหมอกนั้นไป เห็นว่าข้างในหมอกมีคนสวมเกราะดำสองหมื่นคน คนเหล่านี้ล้วนมีสีหน้าเย็นชา ดวงตาเป็นประกายแสงหม่น ตรงหน้าสุดเป็นเด็กหนุ่มสวมเสื้อคลุมดำ!

เด็กหนุ่มคนนี้มีใบหน้าหล่อเหลายิ่งนัก เส้นผมดำปลิวไสว ในมือถือพัดสีดำหนึ่งอัน หากไม่มีหมอก หากไม่มีคนสวมเกราะ เด็กหนุ่มคนนี้จะดูสะโอดสะองอย่างเลี่ยงไม่ได้!

แทบจะเป็นช่วงที่ซูหมิงมองเด็กหนุ่ม เด็กหนุ่มคนนี้เหมือนสังเกตเห็นเช่นกัน เขาก้มหน้าลงทันที แต่ซูหมิงละสายตากลับไปก่อนแล้ว เด็กหนุ่มคนนั้นจึงมองแผ่นดินอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วไม่สนใจอีก

“จี๋อั้น!” บนกระบี่หมื่นจั้งของสำนักชุมนุมเซียนที่ประจันหน้ากับหมอกดำบนฟ้า เวลานี้ร่างแยกเสื้อคลุมจักรพรรดิทองหนึ่งในสองร่างแยกของตี้เทียนกล่าวขึ้นช้าๆ

“วันนี้คือสงครามระหว่างเซียนกับอสูร ผู้ชนะจะมีสิทธิควบคุมหอคอยรกร้างบูรพา ส่วนผู้แพ้…” ตี้เทียนในชุดคลุมจักรพรรดิทองกล่าวเสียงหนักแน่น แต่ยังกล่าวไม่จบ หมอกดำหมุนตลบพลันแผ่กระจายออก พริบตาเดียวก็ปกคลุมรอบๆ อีกทั้งยังม้วนเป็นเกลียวอยู่บนพื้นดินเหมือนจะแยกฟ้ากับดินออกจากกัน!

หลังจากหมอกดำกระจายไปรอบด้าน คนสวมเกราะสองหมื่นคนในหมอกต่างพากันเงยหน้า แล้วกลายเป็นสายรุ้งยาวสีดำทึบตรงไปยังหมอกดำบนพื้นดิน

“พูดมากจริงๆ ตี้เทียน หรือว่าเจ้าเป็นคนชราแล้วอย่างนั้นรึ ศิษย์สำนักอสูรฆ่าพวกมัน!” หลังจากหมอกกระจายบนพื้นดิน บนฟ้าก็ไม่มีหมอกดำอีก จึงเผยให้เห็นร่างของจี๋อั้น เด็กหนุ่มสวมเสื้อคลุมดำเผยรอยยิ้มชั่วร้าย ทว่านัยน์ตากลับมีจิตสังหารเย็นเยียบ ไม่เกรงกลัวร่างแยกสองตนของตี้เทียนแม้แต่น้อย ก่อนจะก้าวเดินตรงไปยังกระบี่ใหญ่ของตี้เทียน

ร่างแยกตี้เทียนสองตนนัยน์ตาแวววาวพร้อมกัน ร่างแยกชุดคลุมม่วงยิ้มเยาะก่อนเดินไปหนึ่งก้าว

“ถึงเจ้าจะเป็นร่างอาคมซึ่งเป็นรองเพียงร่างจริงมาเยือน แต่ก็ต้องถูกระงับพลังตามกฎแห่งแดนมรณะหยิน ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าเจ้าจะรับมือกับร่างแยกสองตนของข้าอย่างไร!”

เสียงครึกโครมพลันดังสนั่นบนฟ้า แต่เหตุการณ์ต่างๆ บนฟ้า คนด้านล่างกลับมองไม่เห็น เพราะว่ามีหมอกบดบังสายตาของทุกคนอยู่ มิหนำซ้ำยังกลายเป็นแรงปะทะม้วนตรงไปยังสำนักชุมนุมเซียน สำนักซ่อนมังกร และสำนักเต๋าเทียนหลัน

สงครามเริ่มต้นขึ้นอย่างกะทันหันในช่วงที่จี๋อั้นมาถึง!

ช่วงที่หมอกแผ่กระจายบดบังสายตาของทุกคนบนพื้น

ซูหมิงยืนขึ้นแล้วตบบ่าเฉียนเฉินทีหนึ่งแทบจะทันที พลันมีแสงทองอ่อนไหลจากมือเข้าสู่ร่างเฉียนเฉิน

“หลับตาแสร้งตายเสีย มีพลังของข้าคุ้มกันอยู่ ขอเพียงเจ้าไม่ดวงซวยเกินไปก็จะไม่เป็นอะไร!” ซูหมิงกล่าวพลางเดินหน้าไปหนึ่งก้าว

เฉียนเฉินอึ้งงัน จากนั้นก็ร้องโหยหวน

“อ๊าก…..พวกเจ้าลอบโจมตี…..ต่ำ…..ทราม…..” เขาร้องโหยหวนพร้อมกับตาเหลือก พอล้มลงพื้นแล้วก็รีบคลานไปอยู่ใต้หินก้อนใหญ่ข้างๆ นอนอยู่ตรงนั้น ในใจตึงเครียดอย่างยิ่ง

ซูหมิงห้อเหยียดอยู่ในหมอกปานวิญญาณในยมโลก เขาไม่ได้พุ่งออกจากหมอกในทันที แต่ขยายจิตสัมผัสไปรอบๆ แม้หมอกรอบตัวจะหนาแน่น แต่ในความรู้สึกเหมือนไม่มีอยู่

แทบจะทันทีที่หมอกกระจายออก ซูหมิงมีสีหน้าเย็นชา ยกมือขวาขึ้นคว้าไปทางหมอกด้านขวา ก่อนพลันมีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้น พบว่ามือบีบคอศิษย์สำนักซ่อนมังกรไว้คนหนึ่ง ศิษย์สำนักซ่อนมังกรคนนี้มีแววตาหวาดกลัวและสิ้นหวัง จนถึงตอนนี้เขายังไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดเป้าหมายของตนก่อนที่จะมีหมอกเข้ามาถึงน่าสะพรึงกลัวเพียงนี้

จุดบริเวณนี้ของสำนักวิญญาณอสูรเป็นเพียงศิษย์สำนักฝ่ายนอกเท่านั้น…..

น่าเสียดายที่เขาไม่ได้ใคร่ครวญคำถามข้อนี้อีก เพราะเมื่อซูหมิงบีบมือขวาอย่างแรงก็พลันเกิดเสียงดังปัง ศีรษะศิษย์สำนักซ่อนมังระเบิดกระจุย จากนั้นซูหมิงก้าวเดินหน้าต่อ

ในจิตสัมผัส เขาเห็นชัดเจนเลยว่าทางสำนักเซียนทั้งสามฝ่าย ยามนี้มีหญิงสาวอาภรณ์ขาวคนหนึ่งถูกคุ้มกันเอาไว้หลายชั้นและจะส่งแผ่นหยกออกมาตลอดเวลา แผ่นหยกนั้นเหมือนกับคำสั่งต่างๆ ทำให้ผู้ฝึกฌานเกือบห้าหมื่นคนของสำนักเซียนเกิดโกลาหลเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนจะเป็นระเบียบอย่างรวดเร็วในหมอก

ทว่าทางสำนักอสูร เห็นได้ชัดเลยว่าคุ้นเคยกับหมอกดำอย่างยิ่ง ประหนึ่งว่าเตรียมตัวมาก่อนแล้ว วินาทีที่หมอกดำกระจายเข้ามา พวกเขาก็บุกเข้าไปภายใต้การนำของคนสวมเกราะดำสองหมื่นคน!

ซูหมิงมีสีหน้าเรียบนิ่ง เขายกมือซ้ายขึ้น สัญลักษณ์ผนึกสีดำตรงมือซ้ายขยับวูบวาบอย่างรวดเร็ว เส้นกลิ่นอายมรณะลอยมาจากรอบๆ แล้วตรงเข้าไปยังมือซ้าย

“ผนึกมรณะหยินเจ็ดยมโลก วิธีการใช้งานจริงๆ…ไม่ใช่การใช้อากาศเปลี่ยนเป็นพลังมรณะหยิน แต่มันคือ…..การเซ่นไหว้!” ซูหมิงกล่าวเสียงเบา นัยน์ตาฉายแววเย็นชา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!