ตอนที่ 656 ตะโกนห้าม
ภายในหมอกบนพื้นดิน สงครามที่ยิ่งดุเดือดขยายตัวอย่างรวดเร็ว เสียงเข่นฆ่าส่วนใหญ่ถูกซ่อนอยู่ในหมอก แต่ก็มีเสียงแว่วออกมาไม่น้อย ท่ามกลางเสียงคำรามดังสนั่น ผู้ที่ได้ยินต่างรู้สึกได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวจากในหมอกนั้น
มังกรหนึ่งพันจั้งฟากสำนักซ่อนมังกรร้องคำรามพร้อมเคลื่อนตัว ช่วงที่ซูหมิงก้มหน้ามองไป นัยน์ตาเขามีประกายเย็นชาบางๆ วินาทีที่เห็นมังกรพันจั้งคำรามพลางทะยานเข้าไป ในที่สุดทางสำนักอสูรก็ใช้กล่องบรรทุกยักษ์เก้ากล่องที่นำมาด้วยก่อนหน้านี้
ยามนี้กล่องบรรทุกเก้ากล่องอยู่ในหมอก ส่งเสียงดังกึกๆ แว่วมา โดยรอบตัวมันมีศิษย์สำนักวิญญาณอสูรกำลังประสานสัญลักษณ์มือและบริกรรมคาถาอยู่จำนวนไม่น้อย ก่อนเริ่มฉีกออกทีละกล่อง เผยให้เห็นวัตถุข้างใน!
มันเป็น…ก้อนหินยักษ์สิบก้อน ภายนอกเว้านูนไม่ราบเรียบ ทุกส่วนเป็นสีม่วง ทว่าเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง และยังให้ความรู้สึกถึงแรงกดดัน ฉับพลันนั้นหินยักษ์สิบก้อนลอยขึ้นเองแล้วหันปลายแหลมพุ่งไปทางมังกรยักษ์เก้าตัว
การปรากฏของหินยักษ์สิบก้อนนี้ทำให้บรรยากาศในสนามรบเปลี่ยนไปเล็กน้อย ในจิตสัมผัสซูหมิงยังมีเสียงดังเกรียวกราวแว่วมาเล็กน้อย
“มังกรแท้แห่งสำนักซ่อนมังกร! นี่คือมังกรแท้…ไม่นึกเลยว่าพวกเขาจะอัญเชิญมังกรแท้มา เล่าลือกันว่าสำนักซ่อนมังกรมีมังกรแท้ทั้งหมดห้าตัว ทุกตัวมีพลังมหาศาลจนไม่อาจบรรยาย ลักษณะมันดูเหมือนอ่อนแอ แต่ความจริงแล้วระงับพลังเอาไว้มากกว่าครึ่ง พอมันปรากฏตัวแล้วก็จะแกร่งขึ้นเรื่อยๆ!”
“เป็นมังกรแท้อย่างแน่นอน ทว่าทางสำนักวิญญาณอสูร…”
“นี่มันของศักดิ์สิทธิ์แห่งดาราจักรศิลาวิญญาณ หินสวรรค์โบราณ! สำนักวิญญาณอสูรจะต้องได้มาตอนยึดครองดาราจักรศิลาวิญญาณในตอนนั้นอย่างแน่นอน!”
“ไม่ผิด เป็นหินสวรรค์โบราณจริงๆ เล่าลือกันว่าหินชนิดนี้คือสมบัติเฉพาะของดาราจักรศิลาวิญญาณ มีพลังที่ไม่อาจคาดเดาได้…”
ขณะเสียงของผู้คนเหล่านี้ดังระงม ซูหมิงหรี่ตาลง เขาเห็นหินยักษ์สิบก้อนตรงไปหามังกรยักษ์พันจั้ง หลังปะทะกันด้วยความเร็วแล้ว เสียงอึกทึกดังสนั่นหวั่นไหวก็ตัดสลับกับเสียงคำรามของมังกรยักษ์ หินยักษ์สิบก้อนนั้นเชื่อมเข้าด้วยกัน รวมเป็นคนยักษ์ตนหนึ่งบนพื้นดิน!
ทุกส่วนของคนยักษ์เป็นหินสีม่วง ดูทรงพลังอย่างยิ่ง และมีส่วนสูงร้อยจั้ง ยามนี้กำลังโจมตีใส่มังกรยักษ์อย่างต่อเนื่อง อาศัยพละกำลังรัดตัวมังกรแท้พันจั้งแห่งสำนักซ่อนมังกรเอาไว้ไม่ให้ดิ้นหลุดไป
‘ทุกสำนักเซียนล้วนมีความเป็นมาไม่ธรรมดา มิน่าถึงสะสมสมบัติของวิเศษแก่กล้าพวกนี้เอาไว้ตลอดมา…หากไม่ใช่เพราะขีดจำกัดของแดนหมาน ในโลกของพวกเขาเกรงว่าคงใช้ของวิเศษที่แกร่งกว่านี้ ใช้พลังแท้จริงของพวกเขา’
ซูหมิงมองมนุษย์หินกำลังสู้กับมังกรยักษ์ นัยน์ตาฉายแววเฝ้าใฝ่หา
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วระงับความรู้สึกแปลกในใจ พลางบอกตัวเองว่าไม่ช้าก็เร็ว สักวันหนึ่งเขาจะไปยังแดนเซียน ไปเห็นว่าโลกของเผ่าเซียนเป็นอย่างไร!
ซูหมิงหรี่ตา จากนั้นขยับกายวูบไหวลงมายังสนามรบข้างล่างและเริ่มเข่นฆ่า การสังหารของเขาไม่มีกฎเกณฑ์ ไม่ว่าสำนักเซียนหรืออสูรล้วนสังหารหมด แต่เขาจะพยายามไม่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้เปรียบมากที่สุด
นอกจากนี้เขายังเก็บกลิ่นอายพลังเอาไว้ภายใน ฉะนั้นผู้แข็งแกร่งขั้นทรงอำนาจเลยยากจะสังเกตเห็นตัวเขา เขาเคลื่อนผ่านบนสนามรบราวกับวิญญาณจากยมโลก จุดที่ผ่านไป โลหิตจะไหลเป็นสายน้ำ
ผนึกยมโลกตรงมือซ้ายมีกลิ่นอายมรณะเข้มข้นขึ้น วิชาคำสาปตรงมือขวาก็แกร่งกว่าตอนแรกสุดมากนัก โดยเฉพาะบนสนามรบแห่งนี้ เขากระจายคำสาปออกไป จึงมีคนจำนวนไม่น้อยต้องสาปแต่กลับไม่รู้ตัว
คนพวกนี้…มีไม่น้อยแล้ว บวกกับว่าขณะซูหมิงเคลื่อนตัวก็กระจายคำสาปอยู่ตลอด ดังนั้นผู้ฝึกฌานที่ถูกสาปจึงมีมากขึ้นเรื่อยๆ
เลือดร้อนของซูหมิงกำลังแผดเผา จิตสังหารเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ทว่าเขากลับระงับเอาไว้ตลอด ภายนอกจึงดูเหมือนเงียบนิ่งเป็นส่วนใหญ่ ตั้งแต่เริ่มสงครามจนถึงตอนนี้ เขาจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการมองสงครามดำเนินไปด้วยแววตาเย็นชา ทว่าในใจใกล้ระงับอารมณ์ชั่ววูบที่จะไปสังหารตี้เทียนไม่ไหวแล้ว
โดยเฉพาะก่อนหน้านี้ที่เห็นว่าตี้เทียนเช็ดมุมปาก ผ่านไปพักหนึ่งจิตสังหารในใจถึงจะสงบลงอีกครั้ง การระงับอารมณ์หลายครั้งเช่นนี้ไม่เพียงไม่ช่วยลดจิตสังหารลง แต่กลับรุนแรงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างอดกลั้นไว้
หากปะทุออกมาท่ามกลางความเงียบ นั่นหมายถึงความตายในความเงียบงัน!
ประโยคนี้อยู่ในใจซูหมิงตอนนี้
ซูหมิงเคลื่อนตัวอยู่ในสนามรบ ค่อยๆ สร้างความปั่นป่วนให้กับสนามรบ ช่วงที่แทบไม่มีใครควบคุมสงครามได้อีก ก็มีเสียงดังน่าเกรงขามกังวานไปทั้งสนามรบมาจากทางสำนักกระหายอสูร
“ศิษย์สำนักอสูรทั้งหมด ข้าปี้ถู่ จงหยุดมือก่อน แล้วรีบกลับมายังสำนักของตน!”
แทบขณะเดียวกับที่เอ่ย มีเสียงน่าเกรงขามดังรอบทิศมาจากสำนักเซียนเช่นกัน
“ศิษย์สำนักเซียนฟังคำสั่ง ถอยกลับไปยังสำนักของตน!” ซูหมิงไม่รู้ว่าเจ้าของเสียงนี้เป็นใคร แต่เสียงจากสำนักอสูรและสำนักเซียนกลับมีเจตนาจะให้สงครามหยุดลงชั่วคราว
แต่ถึงกระนั้นสงครามก็โกลาหลอย่างยิ่ง แม้เสียงตะโกนให้หยุดจะมีผลเล็กน้อย แต่กลับไม่อาจหยุดการเข่นฆ่าได้โดยทันที
โดยเฉพาะฝั่งสำนักซ่อนมังกรซึ่งเสียผู้อาวุโสใหญ่ไปคน จะยอมหยุดง่ายๆ ได้อย่างไร
ซูหมิงหยุดชะงักอยู่บนสนามรบ ก่อนเงยหน้าด้วยสีหน้าอึมครึม หากสงครามหยุดจริงๆ แผนการจะไม่สำเร็จ นี่จึงเป็นเรื่องที่เขายอมไม่ได้ เขาแค่นเสียงหึเย็นชาแล้วขยับวูบไหวหายไปในหมอก
เวลานี้ศิษย์ทั้งสองฝ่ายบนสนามรบเริ่มเกิดความลังเล ขณะกำลังจะหยุดสงครามหยั่งเชิงดู กลับมีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นจำนวนมากทันใด เสียงนี้ส่งผลให้ศิษย์ทุกสำนักที่กำลังจะหยุดเข่นฆ่าต่างพากันตื่นตกใจ
ในเวลาเดียวกัน เซียนนักรบฟ้ากระจ่างดาวสามตนที่กำลังสู้กับมังกรหยินเก้าตัวดูเหนื่อยล้าอย่างยิ่ง มังกรหยินเก้าตัวก็ตายไปสอง แต่ฉับพลันนั้น เซียนนักรบฟ้ากระจ่างดาวสามตัวพลันสั่นสะท้าน ด้านหลังพวกมันปรากฏเงาเป็นระลอกคลื่น เงานั้นขยับวูบไหว จากนั้นเซียนนักรบสามตนที่อ่อนแอลงเรื่อยๆ ก็ร่างระเบิดกระจุยพร้อมกัน
พอพวกมันตายลง มังกรหยินเจ็ดตัวที่เหลือจึงร้องคำรามพร้อมกับตรงไปยังกลุ่มคนสำนักเซียน ต่อให้เป็นคนสำนักวิญญาณอสูรจะเข้าไปควบคุม ก็ยังต้องเกิดความลังเลเพราะเสียงร้องโหยหวนยังคงดังระงมอยู่โดยรอบ
จากนั้นเด็กชายเก้าคนกับเต่าทมิฬสามตัวที่กำลังประมือกับวิญญาณเชมันเกือบร้อยตนพากันกรีดร้อง หนึ่งในเต่าทมิฬสามตัวร่างระเบิดกระจุย กลายเป็นเศษดินกระจายจำนวนมากในพริบตา พร้อมกันนั้น บริเวณเด็กชายเก้าคนที่กำลังประมือกับวิญญาณเชมันเกือบร้อยก็มีร่างเงาวูบผ่านตัวพวกเขาไป ก่อนที่ร่างเด็กชายสามคนจะถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ
เต่าทมิฬตายไปหนึ่ง เด็กชายตายไปสาม ส่งผลให้วงล้อมเกิดช่องโหว่ วิญญาณเชมันอมตะเหล่านั้นจึงพากันพุ่งออกมาแล้วบุกทะลวงอยู่ในกลุ่มศิษย์สำนักอสูร
ตอนนี้เอง มีเสียงตะโกนเกรี้ยวโกรธแว่วมาอย่างร้อนรน
“ใครซ่อนอยู่ในกลุ่มพวกเราสองฝ่าย!” กล่าวจบก็มีสายรุ้งยาวเส้นหนึ่งมาจากทางสำนักอสูร บินตรงไปยังจุดที่เต่าทมิฬตายไปอย่างว่องไวท่ามกลางหมอกควัน
จากนั้นก็มีเสียงตะโกนด้วยความโกรธก้องมาจากทางสำนักเซียนเช่นกัน ตามด้วยสายรุ้งยาวบินเข้ามา
ตรงกลางระหว่างสายรุ้งสองเส้นนั้นคือซูหมิงในหมอก นัยน์ตาเขาพลันแวววาวแล้วแผ่ขยายจิตสัมผัสออกไป ความแกร่งของจิตสัมผัสอยู่เหนือกว่าขั้นทรงอำนาจ มิเช่นนั้นแล้วคงไม่อาจซ่อนตัวต่อหน้าผู้ฝึกฌานขั้นทรงอำนาจได้
ตอนนี้จิตสัมผัสขยายออกไปรบกวนระลอกคลื่นจากโดยรอบ ทำให้จิตสัมผัสของสองคนที่ตรงเข้ามาไม่อาจตรวจได้อย่างละเอียด บวกกับมีหมอกปกคลุมอยู่จึงยิ่งมองเห็นไม่ชัด พอมีเงื่อนไขแรกแล้ว ช่วงที่สองคนเข้ามา ซูหมิงก็ตรงไปทางคนสำนักอสูรทางซ้ายมือแทบทันที
คนสำนักอสูรผู้นี้คือปี้ถู่แห่งสำนักกระหายอสูร เขาห้อเหยียดเข้ามาด้วยสีหน้าทะมึน จังหวะที่แผ่ขยายจิตสัมผัส ตรงหน้ากลับปั่นป่วนเลยมองเห็นไม่ชัด มิหนำซ้ำยังมีหมอกรอบๆ จึงมองเห็นไม่ชัดเข้าไปอีก เขารู้สึกเพียงว่าตรงหน้ามีอันตรายตรงเข้ามา
ปี้ถู่แค่นเสียงหึเย็นชาแล้วยกมือขวาทำสัญลักษณ์มือคว้าไป ทันใดนั้นหลังมือขวาเขาปรากฏเส้นเลือดดำห้าเส้น เส้นเลือดห้าเส้นนี้บิดเบี้ยวรวมเป็นรูปใบหน้าภูตผีดุร้าย
นี่คือวิชาของปี้ถู่แห่งสำนักกระหายอสูร วิชาห้าภูตผีจำแลงกาย เมื่อฝึกฝนถึงจุดสูงสุด ตอนลงมือจะมีห้าภูตผีอยู่ข้างๆ มีผลให้อภินิหารนี้แกร่งยิ่งขึ้น
ชั่ววินาทีที่อันตรายตรงเข้ามาใกล้ ปี้ถู่ก็กดมือขวาไปข้างหน้าแล้ว ท่ามกลางหมอกม้วนตลบตรงหน้า ปรากฏร่างเงาซูหมิงเดินออกมา ซูหมิงมีสีหน้าเรียบนิ่ง ไม่กล่าวอะไรทั้งสิ้น ในความคิดลอยขึ้นมาเป็นภาพการต่อสู้ระหว่างหงหลัวกับตี้เทียนในอดีตอย่างแจ่มชัด ตอนนั้นเขาจดจำการต่อสู้ไว้อย่างแม่นยำ แต่กลับไม่เข้าใจมากนัก จนถึงตอนนี้พอขั้นพลังสูงขึ้น ความเข้าใจในการต่อสู้ครั้งนั้นถึงกลายเป็นโชควาสนา ช่วยให้เขาเข้าใจอะไรอีกมากมาย
อย่างเช่นตอนนี้ ซูหมิงยกมือซ้าย เข้าปะทะกับมือขวาของปี้ถู่ ไม่มีเสียงครึกโครมใดๆ ไม่มีระลอกคลื่นเกิดขึ้น กระทั่งหมอกโดยรอบยังไม่ม้วนถอยไป ราวกับว่าเขารับการโจมตีครั้งนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ซูหมิงหลับตาลง ช่วงที่มือซ้ายปะทะกับมือขวาปี้ถู่ แขนซ้ายเขางอเล็กน้อย กลิ่นอายพลังสีม่วงอมดำห้าสายหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายพร้อมด้วยพลังทำลายล้าง วินาทีที่คล้ายจะระเบิดออก ร่างกายเขาเหมือนกลายเป็นตัวถ่ายเท จากนั้นเขายกมือขวาขึ้นตาม ด้านหลังมือขวาปรากฏเส้นเลือดดำห้าเส้น เมื่อกลิ่นอายพลังห้าเส้นไหลผ่านร่างกายแล้วก็ไปรวมอยู่ในมือขวา
วิชาแบบนี้ หงหลัวเคยใช้มาก่อน!
ยามนี้ซูหมิงใช้บ้าง มือขวาเขาแผ่กลิ่นอายพลังห้าสายเหมือนกับของปี้ถู่ในทันที จากนั้นกดเข้าไปในหมอก!
ขณะคนจากฝั่งสำนักเซียนเข้ามาใกล้ก็ถูกสัมผัสผ่านอากาศ เกิดเสียงดังสนั่นอยู่ในหมอก ผู้แข็งแกร่งระดับทรงอำนาจแห่งสำนักเซียนมีสีหน้าตึงเครียดอย่างยิ่ง ระลอกคลื่นขยายออกเป็นวงกว้างอย่างรุนแรง แม้แต่จิตสัมผัสยังมองเห็นไม่ชัด ทว่าการโจมตีเมื่อครู่นี้ เขาจำได้แม่นว่ามันคือวิชาของสำนักกระหายอสูร!