Skip to content

สู่วิถีอสุรา 668

ตอนที่ 668 เปิด!

“ข้าให้คำสาปของแผ่นดินหมานสังหารร่างแยกเจ้าทั้งหมดได้…”

ซูหมิงกล่าวต่อด้วยประโยคนี้แล้วเดินหน้าอีกก้าว ฟ้าดินส่งเสียงดังสนั่น แสงทองจากร่างตี้เทียนพลันเปลี่ยนไป เหมือนรู้สึกถึงแรงกดดันจากรอบๆ และการรวมตัวของพลังฟ้าดินนับไม่ถ้วน

เมื่อซูหมิงเดินก้าวที่สอง กลิ่นอายพลังก็ทะยานขึ้นอีกครั้ง ร่างเงาเขาในสายตาของทุกคนดูใหญ่ขึ้นมากในพริบตา นี่คือภาพลวงตา ทว่าภาพลวงตานี้กลับอยู่ในใจของทุกคนอย่างแจ่มชัดยิ่ง

“ข้ามีดวงชะตาเผ่าหมานอยู่กับตัว!” ซูหมิงเดินอีกหนึ่งก้าว ท่ามกลางเสียงดังกึกก้อง กลิ่นอายพลังทั่วตัวเขามากพอจะสะเทือนฟ้าแล้ว

ตี้เทียนชุดคลุมทองแค่นเสียงเย็นชา เขารู้ชัดดีว่าจะให้กลิ่นอายพลังซูหมิงมากไปกว่านี้ไม่ได้อีก มิเช่นนั้นอีกฝ่ายจะรวมพลังฟ้าดินที่มากกว่านี้เข้ามา

ขณะกำลังจะขยับ ซูหมิงก็เดินอีกหนึ่งก้าวพร้อมกัน

“ข้ามีพลังแห่งการทะลวงขั้นวิญญาณหมาน!”

“ปรากฏการณ์วิญญาณหมานบนฟ้าของข้ายังมีพลานุภาพอยู่….ตี้เทียน เจ้าคิดว่าเจ้าจะรอดอย่างนั้นรึ เจ้าจะเอาอะไรมาสู้กับข้า!” นี่คือประโยคสุดท้าย

ประโยคนี้ซูหมิงแทบจะใช้เป็นน้ำเสียงซักถาม ครั้นสิ้นเสียงแล้วก็ยังกระจายออกไปเป็นคลื่นเสียงไร้ขอบเขต เหมือนทั้งฟ้าดิน ทั้งผืนฟ้า และทั้งโลกหมานกำลังตะโกนถามตี้เทียนชุดคลุมทองว่า…เจ้าคิดว่าจะรอดอย่างนั้นรึ!

เสียงตะโกนดังกังวานฟ้า เผ่าเซียนหลายหมื่นคนล้วนหน้าซีดขาวแล้วถอยร่นไป จี๋อั้นมีสีหน้าอึมครึม แต่ก็ยังลังเลอยู่เล็กน้อย

ส่วนตี้เทียนชุดคลุมทองหรี่ตาลง แทบเป็นวินาทีที่ซูหมิงเอ่ย เขาขยับตัวเดินหน้าพร้อมยกมือขวาชี้นิ้วไปทางซูหมิง

“ในเมื่อเจ้าใช้วิญญาณหมานมารวมพลังฟ้าดิน เช่นนั้นข้าจะสูบพลังแห่งวิญญาณหมานของเจ้าก่อน!” ขณะตี้เทียนกล่าว มือขวาก็ชี้ไปยังซูหมิงที่อยู่ไกลๆ แล้ว

วินาทีที่ชี้นิ้วไป มวลอากาศตรงหน้าพลันส่งเสียงระเบิดโครมคราม ก่อนปรากฏร่างมายาสวมมงกุฎจักรพรรดิตนหนึ่ง มันเปล่งแสงทองพร้อมตรงเข้าไปหาซูหมิง แสงทองจากตัวมันเหมือนมีพลังฉีกแยกโลก เมื่อแสงทองขยับวูบวาบครั้งสุดท้าย โลกทั้งใบประหนึ่งไม่มีสีอื่น ทุกอย่างล้วนเป็นสีทอง

“แสงแห่งโลก ในสายตาข้าเคยมีเพียงสีขาวกับดำ สีดำคือวิญญาณของเจ้า สีขาวคือจิตของเจ้า”

ครั้นสิ้นเสียงตี้เทียน ซูหมิงก็ถูกแสงทองโอบล้อมอยู่ภายใน บนร่างเขาปรากฏสีขาวและดำสองสีโดยทันที เป็นอย่างที่ตี้เทียนว่าไว้ สีดำคือวิญญาณ สีขาวคือจิต

“แต่สีทองคือแสงที่ข้าทำให้โลกบริสุทธิ์ ด้วยแสงนี้จะชะล้างวิญญาณสีดำของเจ้าให้บริสุทธิ์ ลบพลังสีขาวของเจ้า และช่วงชิงจิตวิญญาณของเจ้ามา!” ตี้เทียนเปลี่ยนสัญลักษณ์มือซ้ายติดต่อกันเก้าสิบเก้าครั้ง หลังจากทำเสร็จด้วยความเร็วชั่วพริบตาแล้วก็กดไปบนมือขวาตัวเอง

ทันใดนั้น สีดำและขาวบนตัวซูหมิงพลันบิดเบี้ยว เกิดเค้าลางว่าจะเปลี่ยนเป็นสีทอง บางทีอาจกล่าวได้ว่ามีสีทองเข้ามาแทนที่

ซูหมิงมีสีหน้าเรียบนิ่ง ขณะอยู่ในแสงทอง เขายกมือซ้ายขึ้นช้าๆ โดยไม่สนสีขาวกับดำบนตัว จากนั้นก็ชูนิ้วแรกของมือซ้ายขึ้นมา

“สายลม!” ซูหมิงกล่าวช้าๆ ช่วงที่กล่าวคำนี้ออกมา นิ้วชี้มือซ้ายพลันปรากฏอักขระพิลึกขยับวิบวับ อักขระนี้ขยับวูบวาบติดกันเก้าครั้งในพริบตา

อักขระยักษ์ตัวหนึ่งปรากฏขึ้นนอกตัวซูหมิงแล้วเหมือนซ้อนทับกับร่างกายเขา จากนั้นอักขระตัวนี้ก็ขยับวูบวาบเก้าครั้งเช่นกัน

พอครบเก้าครั้งแล้วก็เกิดเสียงครืนๆ ดังสนั่นฟ้าดิน นั่นคือเสียงลากยาวของสายลม จากนั้นมีพายุคลั่งเกิดขึ้นรอบตัวเขาโดยไร้ที่มา มันหมุนวนอยู่รอบกายแล้วรวมขึ้นเป็นพายุหมุนที่เชื่อมฟ้าดิน

อีกทั้งวินาทีนี้ไม่ใช่พายุหมุนลูกเดียว แต่มีถึงเก้าลูก พวกมันหมุนวนโดยมีซูหมิงเป็นใจกลางแล้วแผ่กระจายออกเป็นวงกว้าง สายลมนี้ก็คือส่วนหนึ่งของพลังฟ้าดินเช่นกัน หลังจากซูหมิงก้าวสู่ขั้นวิญญาณหมานก็สามารถใช้วิญญาณเชื่อมต่อกับฟ้าดินและใช้งานพลังฟ้าดินได้อย่างไร้ขีดจำกัด ขอแค่ร่างกายรับไหว เขาจะรวมพลังฟ้าดินได้ไม่มีวันหมด

ทว่าขั้นวิญญาณหมานธรรมดา ต่อให้เป็นนักรบขั้นวิญญาณหมานสมบูรณ์ ร่างกายพวกเขาก็ไม่อาจนำมาเปรียบกับซูหมิงได้ ร่างกายซูหมิงคือสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในขั้นเซ่นไหว้กระดูก และไม่เคยปรากฏมาก่อนในเผ่าหมานตั้งแต่หลายหมื่นปีก่อนจนถึงตอนนี้ นั่นก็คือกระดูกทั่วร่างและเลือดเนื้อทั้งหมดแปรสภาพกลายเป็นหมาน

เมื่อก้าวสู่ขั้นวิญญาณหมานแล้ว ร่างกายเช่นนี้จะให้กำเนิดเป็นบุคคลที่น่าสะพรึงกลัวยิ่ง…ซูหมิงก็เป็นเช่นนั้น

เพียงก้าวสู่ขั้นวิญญาณหมานตอนต้น แม้การรวมพลังฟ้าดินถือว่ายังไม่เร็วนัก แต่ก็ยังทำให้อักขระแห่งสายลมที่ตระหนักรู้จากสำนักซ่อนมังกรระเบิดพลังแก่กล้าออกมาได้

แทบจะทันทีที่ปรากฏอักขระแห่งสายลม คนสำนักซ่อนมังกรในกลุ่มเผ่าเซียนหลายหมื่นคนบนพื้นดินล้วนเบิกตากว้าง มองฟ้าด้วยความเหลือเชื่อ พวกเขาเห็นอักขระแห่งสายลมของสำนักตน

ทว่ายังไม่ทันที่พวกเขาจะได้ใคร่ครวญถึงการปรากฏของอักขระสายลม ก็มีเสียงเย็นชาดังมาจากซูหมิง สร้างความตื่นตกใจให้กับคนสำนักซ่อนมังกรอีกครั้ง

“สายฝน!” ซูหมิงกล่างเสียงเบา เมื่อสิ้นเสียงนิ้วกลางมือซ้ายพลันขยับวูบวาบเป็นอักขระแห่งสายฝนของสำนักซ่อนมังกร อักขระนี้พลันขยายใหญ่ขึ้น ซ้อนทับกับอักขระสายลม ก่อนหลอมรวมกันตรงหน้าซูหมิง

ครั้นอักขระตัวนี้ปรากฏ ท้องฟ้าก็ส่งเสียงครืนๆ ก่อนมีสายฝนตกลงมาจากความว่างเปล่า สายฝนกระหน่ำลงมารวมกับพายุหมุน สร้างเป็นปรากฏการณ์ฟ้าดินพิลึกที่น่าสะพรึงกลัว

ฟ้าร้องเลื่อนลั่น สายฝนกระหน่ำและพายุหมุนเข้าปะทะกับแสงทอง เหมือนอยากจะฉีกแสงทองรอบตัวออกไป

ทางด้านจิงหนานแห่งสำนักซ่อนมังกรหายใจกระชั้น ต่อให้ซูหมิงแกร่งกว่านี้อีกเขาคงไม่แปลกใจอะไรมากนักเพราะมองฐานะซูหมิงออกแล้ว แม้ในใจจะสั่นไหว ทว่าภายนอกยังคงไว้ซึ่งความสงบนิ่ง แต่ว่า…หลังจากอักขระสายลมและสายฝนปรากฏ เขากลับหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง นี่คือวิชาของสำนักซ่อนมังกร แม้แต่คนสำนักซ่อนมังกรอย่างพวกเขายังมีน้อยคนมากที่จะเข้าใจอักขระสองชนิดพร้อมกันได้

ทันใดนั้นก็เกิดภาพที่ทำให้จิงหนานเบิกตากว้าง จิตใจสั่นสะท้านจนแทบจะร้องเสียงหลง

“ฟ้าผ่า!” ซูหมิงเงยหน้าตะโกนเสียงต่ำ เสียงตะโกนยังไม่สิ้นก็กลับกลายเป็นเสียงฟ้าผ่าเปรี้ยงปร้างดังฟ้าดิน สายฝนกระหน่ำและพายุหมุนเหมือนมีพลานุภาพสวรรค์คอยช่วยค้ำจุน เลยม้วนกระจายออกเป็นวงกว้างในทันที

‘เป็นไปไม่ได้…อักขระสายลม สายฝน และฟ้าผ่าสามชนิดนี้ ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะเข้าใจทั้งหมด….นะ…..นี่มัน…..’ จิงหนานพลันมองไปทางเฉินชง

เฉินชงในยามนี้หน้าซีดขาว เขาเหม่อมองซูหมิงบนฟ้าถูกอักขระโบราณสามตัวซ้อนทับด้วยสีหน้าขมฝาด อักขระสองชนิดก่อนเขาใช้ได้เหมือนกัน และเพราะอย่างนี้เองเขาถึงเป็นโอรสสวรรค์ของสำนักซ่อนมังกร ทว่าอักขระฟ้าผ่าชนิดที่สามนี้ ต่อให้เป็นเขาก็เข้าใจเพียงครึ่งเดียว ไม่ได้เข้าใจอย่างถ่องแท้

ทว่าตอนนี้ ในมือซูหมิงมีอักขระฟ้าผ่าปรากฏขึ้นอย่างแจ่มชัด และเหนี่ยวนำเสียงฟ้าผ่ากึกก้องให้รุนแรงขึ้นอย่างยิ่ง

“สายฟ้า!” คำสุดท้ายของซูหมิงบดขยี้ความคิดที่ว่าโชคช่วยตรงส่วนลึกในใจจิงหนาน และยังบดขยี้ความภูมิใจในอดีตของเฉินชงจนสิ้น เฉินชงยิ้มมุมปากด้วยความปวดร้าว โอรสแห่งสวรรค์เอย ศิษย์สายตรงของสำนักเอย เมื่อเทียบกับซูหมิงแล้วนับว่ามีค่าอะไร…

เสียงของซูหมิงดังก้องกังวาน หลังเกิดเสียงดังสนั่นก็มีสายฟ้าลากยาวผ่านฟ้าดิน ประหนึ่งแหวกอากาศมาปรากฏอยู่ตรงหน้าซูหมิงจากความว่างเปล่า เมื่อประกายแสงสายฟ้า ความบ้าคลั่งของสายฝน เสียงคำรามของพายุหมุน และเสียงร้องตะโกนของฟ้าผ่า สี่อักขระซ้อนทับกันข้างซูหมิงแล้ว แสงสีทองจากวิชาของตี้เทียนซึ่งปกคลุมทั่วฟ้าพลันถูกพลังนั้นฉีกแยกโดยพลัน จนกระทั่งขาดเป็นเสี่ยงๆ แล้วจึงหายไปจนหมด

ตี้เทียนตัวสั่นสะท้าน แต่ฝืนกลั้นไว้ไม่ยอมถอยเนื่องด้วยวิชาตนถูกทำลายและส่งผลย้อนกลับ ทางด้านซูหมิง ครั้นอักขระที่รวมจากสายลม สายฝน ฟ้าผ่า และสายฟ้าทำลายแสงทองแล้วก็ก้าวเดินออกมา ใบหน้าซีดขาวเล็กน้อย ทว่าดวงตากลับใสกระจ่าง

“ในเมื่อเจ้าชิงวิญญาณหมานของข้าไม่ได้ เช่นนั้นก็ถึงตาข้าลงมือบ้างแล้ว” ซูหมิงเอ่ยพร้อมกับเดินหน้าหนึ่งก้าว ก่อนยกมือซ้ายขึ้นสะบัดไปทางตี้เทียน อักขระที่รวมสายฝน สายลม ฟ้าผ่า และสายฟ้าพุ่งตรงไปหาตี้เทียนในทันที

ฉับพลันนั้นรอบตัวตี้เทียนมีสายฝนกระหน่ำลงมา มีพายุหมุนฉีกร่าง มีฟ้าผ่าสร้างเสียงดังสนั่น และมีสายฟ้าเผาทำลายร่างกาย

ในเวลาเดียวกัน หลังจากซูหมิงเดินหนึ่งก้าวแล้ว เขาขยับวูบไหวมาอยู่เหนือศีรษะตี้เทียน แล้วก้มหน้ากดมือขวาลงไปอย่างรุนแรง

ทันใดนั้นเกิดเสียงฟ้าผ่าดังสนั่นหวั่นไหว มือขวาเทวรูปหมานของซูหมิงกางห้านิ้วมือออกแล้วกดฝ่ามือลงไปยังตี้เทียนด้านล่าง

ขณะกำลังกดฝ่ามือลงมายังตี้เทียน ผู้ฝึกฌานหลายหมื่นคนโดยรอบล้วนเห็นว่านอกมือขวาเทวรูปหมานปรากฏร่างมายาของภูเขาทมิฬและยอดเขาลำดับเก้าขึ้น และยังมีชายหนุ่มผมม่วงที่เผยจิตสังหารไร้ขีดจำกัดอยู่ตรงกลาง สามร่างมายานี้ก็คือทั้งหมดที่รวมออกมาเป็นมือขวาเทวรูปหมาน

ยอดเขากดทับลงมา วิญญาณหมานบีบเข้าใกล้ ทุกอย่างเหล่านี้คือพลังที่แกร่งที่สุดในขั้นวิญญาณหมานตอนต้นของซูหมิง นอกจากนี้พลังฟ้าดินที่รวมกันมาอย่างบ้าคลั่งจากโดยรอบยังทำให้ฟ้าดินถอดสี ท้องฟ้าเปลี่ยนไป ตี้เทียนมีสีหน้าจริงจังอย่างยิ่งในชั่วพริบตานั้น ก่อนหรี่ม่านตาอีกครั้ง

“ตะวันขึ้นนภา!” ตี้เทียนตะโกนอยู่ท่ามกลางพายุสายฝนกระหน่ำและฟ้าผ่า และยังมียอดเขากับวิญญาณหมานกดทับลงมา เมื่อสิ้นสุดเสียง โลกทั้งใบสงบนิ่งลงทันที

ฟ้าดินกลายเป็นสีดำ ดวงตะวันขาวโผล่ขึ้นมาโดยมีตี้เทียนเป็นใจกลาง ทันใดนั้นมันก็ปลดปล่อยพลังทำลายล้างโลก แสงสีขาวนี้ทำให้ความคิดและจิตใจของผู้มองเห็นทุกคนขาวโพลนทันใด

“ขอเซ่นไหว้ด้วยพลังแห่งร่างแยกข้า ให้ร่างแยกนี้จงสูญสิ้น เพื่อสำแดงวิชาตะวันขึ้นนภาอย่างแท้จริง ซูหมิง…ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าจะรอดไปได้อย่างไร!” ตี้เทียนชุดคลุมทองราวคนเสียสติ เปลวเพลิงสีขาวกระจายทั่วร่าง พร้อมกระตุ้นวิชาตะวันขึ้นนภา

ยามนี้ซูหมิงหลับตาลงด้วยสีหน้าสงบนิ่ง วิญญาณหมานของเขาแผ่กระจายออก จิตสัมผัสผสานรวมกับฟ้าดิน

“วิญญาณหมานตอนกลาง…จงเปิด!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!