Skip to content

สู่วิถีอสุรา 696

ตอนที่ 696 กายเนื้อ

ซูหมิงเห็นฟ้ากระจ่างดาวของเซียน เห็นแผ่นดินนับไม่ถ้วนลอยอยู่ เห็นเผ่าเซียนจำนวนมากบนแผ่นดินแต่ละแห่ง และยังมีวงแหวนอาคมขยับวูบวาบ

ความเจ็บปวดวนเวียนอยู่รอบดวงวิญญาณ กลิ่นอายมรณะจำนวนมากห่อหุ้มร่าง เวลานี้ขณะซูหมิงห้อเหยียดมา กลิ่นอายมรณะก็หายไปจำนวนมาก ดวงวิญญาณเขาเต็มไปด้วยความคลุ้มคลั่ง อยากจะรู้ว่าต้นตอความเจ็บปวดคืออะไรกันแน่

ดวงวิญญาณเขาข้ามผ่านแผ่นดินใหญ่เหล่านั้น เขาเห็นว่าบนแผ่นดินมีแท่นบวงสรวงอยู่จำนวนมาก ทุกแท่นล้วนมีศพนอนอยู่หนึ่งร่าง

เขายังเห็นอีกว่าบนแผ่นดินมากมายนี้มีวงแหวนอาคมมากกว่าหลายสิบอัน วงแหวนอาคมเหล่านั้นกำลังแผ่ระลอกคลื่นการเคลื่อนย้าย ทว่ามีอยู่สี่อันที่ขยับแสงวิบวับแสบตา

เขาเห็นว่าบนวงแหวนอาคมขยับวิบวับสี่อันมีคนนั่งขัดสมาธิอยู่หลายพันคน และยังเห็นว่ามีเผ่าเซียนเข้าไปในวงแหวนอาคมอย่างต่อเนื่องเพื่อทำการเคลื่อนย้าย แต่ทุกอย่างไม่ใช่ต้นตอของความเจ็บปวด หลังจากดวงวิญญาณซูหมิงวนเวียนไปมา ก็ตรงไปยังส่วนลึกของแผ่นดินที่ลอยอยู่กลางฟ้ากระจ่างดาว

บางทีอาจผ่านไปนานมาก บางทีอาจเพียงพริบตาเดียว ตรงหน้าเขาก็ปรากฏแผ่นดินกว้างใหญ่ที่สุดของที่นี่ แผ่นดินนี้ใหญ่กว่าแผ่นดินผืนอื่นๆ มาก และที่น่าตกใจที่สุดคือมีแท่นบวงสรวงยักษ์ด้านบนเพียงหนึ่งเดียว

บนแท่นบวงสรวงนี้ ซูหมิงเห็นรางๆ ว่ามีคนนอนอยู่คนหนึ่ง

เขาไม่ได้มาที่นี่เป็นครั้งแรก ตอนสังหารซือหม่าซิ่นก็เคยมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่มองเห็นไม่ชัดเจน ตอนนี้เขามาอีกครั้ง เทียบกับตอนนั้นแล้ว ตอนนี้เห็นมากขึ้นและชัดขึ้น

เขาเห็นแท่นบวงสรวงสูงตระหง่านแผ่กระจายแรงกดดันสุดจะบรรยาย ทั้งยังมีผนึกแก่กล้านับไม่ถ้วนวนเวียนอยู่รอบๆ ประหนึ่งว่าบุคคลในผนึกนั้นสำคัญต่อเผ่าเซียนอย่างยิ่ง ทั้งยังน่าสะพรึงกลัว เลยต้องผนึกเอาไว้หลายชั้น

กระทั่งซูหมิงยังมองออกว่าแผ่นดินในฟ้ากระจ่างดาวแห่งนี้ พวกมันประกอบกันเป็นวงแหวนอาคมฟ้ากระจ่างดาว และใจกลางก็คือที่นี่!

แผ่นดินใหญ่ที่สุดตรงนี้ มีเพียงคนนอนอยู่บนแท่นบวงสรวง และถูกผนึกเอาไว้หลายชั้นเพียงคนเดียว!

มันอยู่ไกลเกินไปเลยเห็นหน้าตาคนผู้นั้นไม่ชัด ทว่าวินาทีที่ดวงวิญญาณซูหมิงเห็นบุคคลนี้ ก็พลันเกิดพายุและเสียงระเบิดดังสนั่นภายในจิตวิญญาณ

การเรียกหา มันเป็นการเรียกหาที่ชัดเจนอย่างยิ่ง ระดับความชัดเจนนี้ทำให้วิญญาณเขาแทบแหลกสลายในพริบตา คล้ายกับว่าบุคคลที่นอนอยู่บนแท่นบวงสรวงนั้น สำหรับเขาแล้วมีความสำคัญมากกว่าชีวิต

ภายใต้การเรียกหาอย่างเด่นชัดนั้น เขายังรู้สึกทันทีอีกว่าต้นตอความเจ็บปวดมาจากตรงนั้น!

ดวงวิญญาณเขาตรงเข้าไปอย่างคลุ้มคลั่ง เมื่อเข้าใกล้แล้วก็เห็นว่าบนแท่นบวงสรวงไม่ได้มีเพียงคนที่กำลังเรียกหาตนเพียงคนเดียว แต่ข้างกายคนที่นอนอยู่มีบุรุษวัยกลางคนยืนอยู่สามคน

สามคนนี้ยืนอย่างสงบนิ่ง แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายโบราณ ประดุจว่าทั้งฟ้ากระจ่างดาวสั่นไหวเพราะสามคนนี้ ความแข็งแกร่งกลุ่มนั้นทำให้ซูหมิงหายใจขัดข้อง

สามคนนี้สวมอาภรณ์ต่างกัน แบ่งเป็นขาว ดำ และแดง ชายวัยกลางคนเสื้อคลุมขาวในกลุ่มนั้น มือขวาถือเข็มสีดำเล่มหนึ่ง ส่วนมือซ้ายถือขวดเล็กโปร่งใส

ในขวดเล็กนั้นบรรจุของเหลวสีแดงเหมือนโลหิต

ทันทีที่ซูหมิงมาถึงตรงนี้ เขาเห็นชายเสื้อคลุมขาวเอาเข็มหย่อนเข้าไปในขวดเล็ก เมื่อติดโลหิตสีแดงมาเล็กน้อยแล้ว ก็นำเข็มแทงไว้ตรงระหว่างคิ้วบุคคลที่นอนอยู่ข้างๆ

พอแทงลงไป ซูหมิงพลันรู้สึกเจ็บตรงระหว่างคิ้ว ดวงวิญญาณสั่นไหวคล้ายจะสลายไป อีกทั้งวินาทีที่ชายผู้นั้นแทงเข็มลง ซูหมิงที่เข้ามาใกล้ก็เห็นใบหน้าของคนที่ถูกผนึกอยู่บนแท่นบวงสรวงอย่างชัดเจน

ช่วงที่เห็นก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น แทบจะทำลายล้างโลกในจิตใจเขา

บุคคลผู้นั้นเป็นเด็กหนุ่มอายุราวสิบแปดสิบเก้าปี เขานอนอยู่บนแท่นบวงสรวง สวมอาภรณ์สั้นเนื้อหยาบ ใบหน้าซีดขาวดุจคนตาย บางทีอาจกล่าวได้ว่านี่คือคนตาย เป็นศพร่างหนึ่ง

เขาซูบผอมมาก ร่างกายดูอ่อนแออย่างยิ่ง ผิวหนังขาวซีด กำลังหลับตาอยู่ ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเด็กน้อยทึ่มทื่อในโลกมนุษย์ บริเวณระหว่างคิ้ว ตรงหน้าอก แขนขา และจุดตันเถียน ตอนนี้มีเข็มสีดำปักลึกลงไป นอกจากเข็มสีดำตามจุดเหล่านี้แล้ว บนตัวเขายังมีเข็มสีขาวปักอยู่หนึ่งร้อยกว่าเล่ม

ตอนที่เห็นเด็กหนุ่มคนนี้ ดวงวิญญาณซูหมิงสั่นไหว อาการสั่นไหวนี้มาจากจิตวิญญาณ ราวกับว่า…เขากับศพนั้นเป็นร่างเดียวกัน…ขอเพียงดวงวิญญาณเข้าไปในศพทั้งหมดได้ ศพนั้นก็จะลืมตาและฟื้นคืนชีพ!

‘เขาคือข้า…’

ซูหมิงพลันเกิดความคิดนี้ขึ้นมาในจิตสำนึก เขารู้สึกถึงความคุ้นเคยน้อยๆ จากโลหิตที่ติดกับเข็มสีดำ หลายลมหายใจต่อมาก็กลายเป็นเสียงเบาๆ เรียกว่าพี่ชายอยู่ข้างหู

ตอนนี้ หลังจากซูหมิงเห็นทุกอย่างแล้ว สามคนที่ยืนอยู่ข้างศพก็เงยหน้าขึ้นมองมาตรงจุดที่ดวงวิญญาณเขาอยู่ ซูหมิงเห็นใบหน้าสามคนนั้นไม่ชัดเจน เพราะกลิ่นอายพลังจากพวกเขามหาศาลเกินไป ทว่าชั่วขณะที่สามคนนั้นเงยหน้ามองเขา เขาพลันรู้สึกถึงกลิ่นอายพลังของตี้เทียนจากในแววตาบุรุษเสื้อคลุมขาว!

เสียงระเบิดดังขึ้น ยังไม่ทันมองอะไรมาก ดวงวิญญาณซูหมิงก็สลายไปโดยพลัน แล้วค่อยๆ หายไปกลางฟ้ากระจ่างดาวของแดนเซียน

ทันทีที่ดวงวิญญาณเขาสลายไป ณ โลกหมาน ซูหมิงลืมตาขึ้นทันใด ตรงหน้าเขาคือศิษย์พี่ใหญ่ ตรงหน้าศิษย์พี่ใหญ่คือเซียนผู้มาเยือนหลายพันหรือมากกว่านั้นกำลังตรงเข้ามาด้วยความเหี้ยมโหด

ดวงวิญญาณสลายไปเสี้ยวหนึ่ง สำหรับซูหมิงแล้วย่อมส่งผลกระทบ แต่ก็ไม่มากมายนัก หลังจากฟื้นฟูสักระยะหนึ่งก็จะกลับมาเป็นปกติได้ อีกทั้งทุกอย่างที่เสี้ยวดวงวิญญาณเห็น ทำให้เขาลืมตาขึ้นแล้วก็ยังใจลอยอยู่ชั่วครู่หนึ่ง

ในที่สุดเขาก็เข้าใจข้อสงสัยสุดท้ายในใจ!

เด็กหนุ่มบนแท่นบวงสรวงผู้นั้นคือตน เป็นเด็กทารกในตอนนั้น เพียงแต่แม้เด็กทารกเป็นคนตาย แต่ถ้ากล่าวในอีกความหมายหนึ่งแล้ว เขาก็ไม่ใช่คนตายด้วยเช่นกันตั้งแต่โบราณมา เด็กทารกมรณะผู้นี้ค่อยๆ เติบใหญ่ขึ้นจนเป็นเด็กหนุ่ม นี่อธิบายได้ว่าเขาอาจมีความน่าอัศจรรย์บางอย่างที่คนอื่นยังสืบหาไม่เจออยู่

แต่เขาก็ยังเป็นคนตาย คิดว่าวิญญาณของเขาไม่อยู่ในร่างนี้แล้ว แต่อยู่ที่…

‘แดนมรณะหยิน!’ ซูหมิงตัวสั่น ความสงสัยในแววตาหายไป แล้วแทนที่ด้วยความเข้าใจและคลุ้มคลั่ง เขาเข้าใจแล้ว เด็กหนุ่มคนนั้นคือตน ทว่าตนในตอนนี้เป็น…วิญญาณ!

เป็นวิญญาณที่ถูกส่งมายังแดนมรณะหยิน!

เมื่อเอามาเชื่อมกับความทรงจำต่างๆ ที่ซูหมิงเคยนึกออก ในความคิดก็มีภาพหนึ่งลอยขึ้นมาอย่างชัดเจน

ตอนนั้นหลังจากตี้เทียนพาเด็กทารกสองคนออกจากแดนหมานกลับมาถึงแดนเซียน พวกเขาก็มองออกถึงความแตกต่างของเด็กทารกสองคนนี้ หนึ่งเป็นพี่ชาย อีกหนึ่งเป็นน้องสาว

เมื่อน้องสาวค่อยๆ เติบใหญ่ขึ้น นางก็ถูกพาตัวไปที่ใดไม่รู้ มีเพียงเบาะแสเดียวคือเต้าเฉิน แต่พี่ชายคนนี้อยู่ในความมืดมิดอันไร้ที่สิ้นสุด ทำได้เพียงนอนนิ่งอยู่ตรงนั้น ปล่อยให้ความบ้าคลั่งของตนแผดเผาความโกรธแค้น และปล่อยให้คนเผ่าเซียนนับไม่ถ้วนอาศัยร่างกายเขาฝึกฝน

ทว่าสุดท้าย ทุกอย่างในร่างกายเขาน่าจะถูกใครบางคนค้นพบเข้า เลยรู้ว่าในร่างมีวิญญาณปรากฏขึ้น หลังจากเกิดการแปรเปลี่ยนเช่นนี้ ขณะวิญญาณเขาค่อยๆ เติบใหญ่ก็ถูกสูบออกไป บางทีอาจทำลายไม่ได้ หรือไม่ก็หากตายไป ร่างกายเขาจะหมดซึ่งความน่าอัศจรรย์ที่ทำให้เซียนสนใจ

ฉะนั้นวิญญาณเขาจึงไม่หายไปไหน แต่ถูกส่งลงมายังแดนมรณะหยิน ให้คงอยู่แบบนั้นไปชั่วนิรันดร์!

บางทีตอนนี้ตี้เทียนอาจมองออกว่าวิญญาณตนนี้ต่างออกไป จึงวางแผนที่กินเวลายาวนานขึ้น!

ซูหมิงเข้าใจทุกอย่างแล้ว

‘ต้องออกจากแดนมรณะหยินกลับไปแดนเซียน เพื่อรวมกับร่างกายจริงๆ ของข้า เมื่อนั้น….ข้าถึงจะลืมตาขึ้น!’ ซูหมิงมีสีหน้าทะมึนทึบ เขาคลุ้มคลั่งระคนเศร้าโศก หลังจากเข้าใจทุกอย่างแล้วก็ฝืนยิ้มด้วยความปวดร้าว

ในรอยยิ้มนั้นมีความแค้นต่อเผ่าเซียน มีการฝืนต่อโชคชะตา และมีความคิดโค่นล้มฟ้าและจักรวาล

ซูหมิงพลันร้องคำรามด้วยความบ้าคลั่ง ก่อนยืนขึ้นจากท่านั่งขัดสมาธิ ความเจ็บปวดในร่างกายยังคงอยู่ กระทั่งมีอีกหลายจุดที่ความเจ็บปวดกำลังกลืนกินเขาอย่างต่อเนื่องดุจสายน้ำหลาก

“กระตุ้นกายเนื้อข้า เพื่อทำลายวิญญาณของข้า ทว่า…ต่อให้พวกเจ้าทำลายกายเนื้อข้า ก็ไม่อาจลบวิญญาณข้าในแดนมรณะหยินได้อย่างแท้จริง!

เพราะพวกเราอยู่ต่างโลกกัน พวกเจ้าอยู่แดนแสงสว่างหยาง แต่ข้าอยู่แดนมรณะหยิน!”

“ความเจ็บปวดนี้ก็ไม่เห็นจะเท่าไร!” ซูหมิงเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า เขาสั่นไปทั่วร่าง ความเจ็บปวดกลายเป็นความคลุ้มคลั่งในร่างกาย ตอนนี้ศิษย์พี่ใหญ่ตรงหน้ากำลังต่อสู้กับเซียนหลายพันคน ซูหมิงตาแดงก่ำ ก่อนทะยานไปข้างหน้าภายใต้ความเจ็บปวด

สังหาร เขาต้องสังหารให้มากเพื่อระบายความเจ็บปวดของร่างกาย มีเพียงสังหารเท่านั้น เขาถึงจะนำความเจ็บปวดจากจิตวิญญาณมาเปลี่ยนเป็นการชดใช้ด้วยความตายของเผ่าเซียนพวกนี้

มีเพียง…

“สังหาร!” ซูหมิงร้องตะโกนพร้อมกับบุกทะลวงเข้าไปในกลุ่มเซียนปานดาวตก ดวงตาเขาแดงก่ำ จุดที่ผ่านไปไม่มีเผ่าเซียนคนใดรับมือต่อหน้าเขาไหว

เขาใช้ขั้นพลังไร้เทียมทานในแดนหมาน บุกทะลวงสังหารเซียนผู้มาเยือนซึ่งถูกระงับขั้นพลังไปมาก ฝนโลหิตตกลงมาจากฟ้า ทำให้พื้นที่ตรงนี้กลายเป็นขุมนรกกลิ่นคาวเลือด

เปลี่ยนความเจ็บปวดในร่างกายให้เป็นการเข่นฆ่าไม่มีสิ้นสุด ใช้โลหิตกับชีวิตของเผ่าเซียนชำระล้างร่างกายและระบายความบ้าคลั่ง

ซูหมิงยกมือขวาชกไปข้างหน้า ผู้ฝึกณานหญิงด้านหน้าเบิกตากว้าง ร่างกายไม่อาจต่อต้านพลังสร้างชะตาของเขาไหว จึงระเบิดกระจุยในทันที ซูหมิงก้าวเดินออกมาท่ามกลางโลหิตสาดกระจาย แล้วอ้าปากเปล่งเสียงคำรามแห่งเทพหมาน เสียงคำรามดังกึกก้อง สั่นสะเทือนอากาศจนบิดเบี้ยว ทำให้เซียนจำนวนมากตรงหน้าพากันอกสั่นขวัญหาย สั่นสะเทือนจนโลหิตถูกบีบออกจากทวารทั้งเจ็ด แต่ละคนสติพร่าเลือน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!