ตอนที่ 21 สวัสดีพี่หลัวเฟิง
ในวันที่หลัวเฟิงถูกปล่อยตัว ทั้งโจวฮว๋าหยางและจางฮ่าวไป๋อยู่ ร้านน้ำชาที่ดูแปลกตาร้านหนึ่ง
“พี่โจว มีอะไรผิดพลาดงั้นเหรอ? เห็นเรียกผมมาแต่เช้าเลยนี่” จางฮ่าวไป๋กระซิบกระซาบเสียงต่ำ “เรียบร้อยหรือเปล่าล่ะครับ? ถ้าเรียบร้อยก็สบายใจได้ เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา” จางฮ่าวไป๋คาดคั้น อยากรู้เรื่องที่ให้ไปหักแขนหักขาหลัวเฟิง
โจวฮว๋าหยางนั่งทำหน้าซึม ไม่เอ่ยสิ่งใดออกมา
“พี่โจว?”
จางฮ่าวไป๋รู้สึกถึงความผิดปกติในอาการเงียบงันนั้น “พี่โจว ทำไม…ทำไมถึงไม่พูดอะไรเลยล่ะ?”
“จางฮ่าวไป๋ ทำไมโหดร้ายอย่างนี้ นายอยากจะดิ่งลงเหวยังจะ มาลากฉันลงไปด้วยอีก” โจวฮว๋าหยางทอดสายตาเย็นชาไปที่จางฮ่าวไป๋
“อะไร…ผมทำอะไรพี่?” จางฮ่าวไป๋เริ่มงงขณะที่โพล่งออกมา อย่างหงุดหงิด “พี่โจว มีอะไร? บอกผมมาให้ชัดๆ”
จางฮ่าวไป๋รับรู้ถึงความผิดปกติจากสีหน้าท่าทางของโจวฮว๋าหยาง แต่เขาไม่รู้แน่นอนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
โจวฮว๋าหยางสูดหายใจลึกแล้วกล่าวออกมาแผ่วๆ “จางฮ่าวไป๋ นายบอกให้ฉันไปหักแขนหักขาเจ้าหลัวเฟิง ถูกต้องไหม?”
“ใช่ แล้วยังไง?” จางฮ่าวไป๋กล่าวพร้อมพยักหน้า
“อืม ยังไงงั้นเหรอ?” โจวฮว๋าหยางพูดเย็นชาออกเย้ยหยัน “เจ้าหลัวเฟิงที่นายอยากจะมีเรื่องด้วย มันเป็นเตรียมนักสู้!”
“เตรียมนักสู้?” จางฮ่าวไป๋หายงงไปในทันที
เงียบ….
ในห้องนั้นเงียบงันไป…สีหน้าของจางฮ่าวไป๋ซีดเผือดลงและ เขาก็นั่งนิ่งไม่ไหวติง เหงื่อเม็ดเป้งไหลพราวลงมาจากหน้าผากเขา
โจวฮว๋าหยางหัวเราะเยือกเย็นขณะที่ยกน้ำชาขึ้นจิบ ไม่ได้ปริ ปากคำใดออกมา
“เป็นไปได้ยังไง มันเป็นไปได้ยังไง?” ความรู้สึกอิจฉาริษยาของจางฮ่าวไป๋หายไปเป็นปลิดทิ้ง ที่เหลืออยู่ก็มีแต่ความหวาดกลัวเท่านั้น! ครอบครัวของเขาร่ำรวย ดังนั้นเขาจึงรู้ดีเกี่ยวกับลิทธิพิเศษของเตรียมนักสู้…สำหรับเขาที่ส่งคนไปเพื่อให้ทำร้ายเตรียมนักสู้ให้แขนขาหัก เตรียมนักสู้สามารถเดินทางไปที่หน่วยงาน รักษาความปลอดภัยประจำนครเจียงหนานเพื่อแจ้งจับเขาได้!
ถ้าหลัวเฟิงไปแจ้งหน่วยรักษาความปลอดภัย ชีวิตของเขาก็จะพังทลาย!
“ไม่…ไม่…” สีหน้าของจางฮ่าวไป๋ซีดเผือดลงไปอีก
“ในที่สุดนายก็กลัวจนพูดไม่ออกใช่ไหม?” โจวฮว๋าหยางก ระแทกแก้วลงบนโต๊ะด้วยความโกรธแล้วตะคอกใส่ “…สันดานเอ๊ย.. ถ้านายอยากจะลงนรกนักก็อย่ามาลากฉันลงไปด้วยสิ..! เตรียมนัก สู้…นายส่งฉันไปหักแขนหักขาเตรียมนักสู้…ถ้ารายงานนี้ส่งไปถึง หน่วยงานรักษาความปลอดภัย ฉันต้องพลอยเจอปัญหาใหญ่ไปด้วยแน่!”
โจวฮว๋าหยางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธ
“พี่โจว แล้วจะทำไงดี? บ้าจริงผมต้องทำไงดี?” จางฮ่าวไป๋ลนลาน “ผม…ผมไม่อยากโดนจับไปที่หน่วยงานรักษาความปลอดภัย บอกผมสิ ผมต้องทำยังไง?”
หน่วยงานรักษาความปลอดภัย….
สำหรับพลเรือนทั่วไป มันคือสถานที่แห่งความลึกลับน่ากลัว ถ้าถูกจับกุมไปล่ะก็ ชีวิตก็เหมือนจบสิ้นลงตรงนั้นไม่ปาน
“จริงสิ…พี่โจว พี่เผยเรื่องนี้ให้ใครรู้รึยัง?” จางฮ่าวไป๋ตาเป็น ประกายวาบขึ้น มีแต่โจวฮว๋าหยางเท่านั้นที่รู้เรื่องที่จางฮ่าวไป๋ส่งเขาไปทำเรื่องนี้ ฉะนั้นเขาจึงยังคงมีความหวังถ้าโจวฮว๋าหยางยัง ไม่ได้เปิดเผยเรื่องนี้ออกไป
“นายกำลังคิดบ้าอะไรของนายอยู่?” โจวฮว๋าหยางพูดอย่างเดือดดาลขณะที่ลุกขึ้นพรวดพราดชี้หน้าจางฮ่าวไป๋ “เจ้าหน้าที่ เค้นสอบสวนฉันแล้วจะไม่ให้ฉันพูดได้ยังไง? ถ้าฉันไม่บอกฉันคง ตายเพราะแกไปแล้ว!!!”
จางฮ่าวไป๋นั่งตะลึงตัวแข็ง
อันที่จริง ถ้าโจวฮว๋าหยางไม่บอกความจริง เขาจะต้องเจอ ปัญหาใหญ่นั่นเอง
“ฉันแค่มาบอกนายเพราะว่าเราคบกันมาหลายปีแล้ว อย่าง น้อยนายก็ได้จะรู้ว่าจะเป็นยังไงเมื่อนายถูกหน่วยงานรักษาความปลอดภัยจับกุมตัว” โจวฮว๋าหยางพูดเย้ยๆ “ฉันแนะนำนายให้ กลับไปบ้านแล้วหารือกับพ่อของนาย พ่อของนายมีเส้นสายเยอะ ฉันว่ายังไงเขาก็คงพอจะหาทางช่วยนายได้บ้าง ฉัน…ฉันเองอยู่ที่นี่นานไม่ได้ ฉันจะต้องไปแล้ว!… ฉันจ่ายเงินแล้วนะ นายไม่ต้องจ่าย”
หลังจากกล่าวจบ โจวฮว๋าหยางก็เปิดประตูแล้วเดินจากไป
เหลือเพียงแค่จางฮ่าวไป๋เท่านั้นอยู่ภายในห้อง
“มันเป็นไปได้ยังไง?” จางฮ่าวไป๋นั่งส่ายหัวอยู่บนเก้าอี้อย่างไม่ อาจเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น “แล้ว..แล้วมันทำไมถึงเป็นเตรียมนักสู้ได้! ก่อนการสอบมัธยม มันมีพลังหมัดอยู่แค่ 800 กิโลกรัม ในเวลาแค่ เพียงแค่สองสามวันเนี่ยนะ? แล้วมันจะกลายเป็นเตรียมนักสู้ได้ยังไงกัน?
ไม่..ไม่..ฉันไม่อยากโดนหน่วยงานรักษาความปลอดภัยจับกุม
พ่อ…พ่อ…ฉันจะต้องไปหาพ่อ”
จางฮ่าวไป๋รุดออกจากร้านนํ้าชาด้วยสีหน้าซีดเผือดแล้วรีบวิ่ง กลับไปบ้านสุดแรงเกิด
……..
ที่บ้าน….
จางฮ่าวไป๋นั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น มือทั้งสองข้างกำแน่น ร่างกายสั่นเทา
“เอี๊ยด..!” เสียงประตูถูกเปิดออก
“ฮ่าวไป๋ แกเรียกพ่อมาด่วนทำไม? แล้วยังบอกอีกว่าถ้ามาช้า แกจะตายอีก?” จางเจ๋อหลงดิ่งกลับมาบ้านอย่างรวดเร็ว พอมาเห็น หน้าของลูกชาย เขาก็ถึงกับเย็นวาบไปทั้งตัวพลางคิดว่า ‘แย่แล้ว ฮ่าวไป๋ต้องเจอเรื่องหนักหนาสาหัสเข้าแน่ๆ’
“พ่อครับ ผมกำลังมีปัญหา” จางฮ่าวไป๋เงยหน้ามองพ่อของเขา
เพียงแค่คำง่ายๆ…ผมกำลังมีปัญหา
ทำให้จางเจ๋อหลงใจหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม
“บอกมาสิ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ บอกมาให้ละเอียด ห้าม ปิดบังเด็ดขาด พูดให้ชัดๆ” จางเจ๋อหลงเน้นอย่างจริงจัง แม้ว่าเขา จะรู้ดีว่ามีปัญหาแน่ แต่เขาก็ไม่ได้เสียขวัญแต่อย่างใด เขาเคยผ่าน ยุคมหานิพพานมาแล้ว เพราะฉะนั้นคงไม่มีอะไรอีกแล้วที่เขาไม่เคย เผชิญมาก่อน
จางฮ่าวไป๋สูดหายใจเข้าลึก “คืออย่างนี้ครับ ในสวนของเราครั้งก่อน บริษัทรับเหมาเข้ามาเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์…”
ตั้งแต่ต้นจนจบ จางฮ่าวไป๋ไม่ได้ปิดบังอะไรแล้วพูดออกไปทุกๆ อย่าง
“แก…แกไปพยายามทำร้ายเตรียมนักสู้จริงหรือเนี่ย?” จางเจ๋อ หลงจ้องเขม็ง
“ผม…ผมไม่รู้นี่ครับ” พอจางฮ่าวไป๋เห็นพ่อจ้องเขม็งแบบนี้ เขาก็ถึงกับสั่นกลัวขึ้นมาทันที “ถ้าผมรู้ แล้วพ่อก็จะฆ่าผมแบบนี้ ผมก็คงไม่ทำหรอกครับ!”
จางเจ๋อหลงสูดหายใจเข้าลึก และไม่เอ่ยคำใด เขาหยิบ โทรศัพท์ออกมาแล้วกดโทรออก
“ตี๊ด…ตี๊ด…”
“ตี๊ด…!”
เสียงดังมาจากโทรศัพท์ของจางเจ๋อหลง เขาอดขมวดคิ้วไม่ได้
“มีอะไรหรือครับพ่อ?” จางฮ่าวไป๋ถามขึ้น
“พ่อโทรหาอาแก แต่เขากำลังล่าสัตว์ประหลาดอยู่นอกเมือง” จางเจ๋อหลงนั่งลงบนโซฟา “รอให้อาแกโทรกลับก่อนละกัน”
ข้างนอกเมือง…ไม่ใครรู้เลยว่าสัตว์ประหลาดซ่อนตัวอยู่ที่ใด ฉะนั้นแล้ว โดยปกติจะต้องหาที่ปลอดภัยก่อนถึงจะโทรติดต่อกับ คนในเมืองได้
ครู่ต่อมา….
“พี่ใหญ่ มีอะไร?” เสียงต่ำๆ ดังให้ได้ยิน “ตอนนี้ผมยุ่งอยู่”
“อาหู่…ตอนนี้เกิดปัญหาใหญ่ หลานแกมันก่อเรื่องยุ่ง” จางเจ๋อ หลงกล่าว ตาของเขาแดงก่ำ
“ฮ่าวไป๋ทำอะไร? พี่ใหญ่บอกผม ผมฟังอยู่” เสียงจากน้องชาย ของจางเจ๋อหลง ‘จางเจ๋อหู่’
“คืออย่างนี้..” จางเจ๋อหลงเล่าทั้งหมดตามที่ลูกชายเพิ่งบอกให้เขาฟัง
หลังจากเงียบไปอึดใจ เสียงของจางเจ๋อหู่ก็ดังแว่วออกมา “ฮ่าวไป๋ไอ้หนู… แกช่างกล้าไปมีเรื่องกับนักสู้กล้าหาญเกินไปแล้ว! โอเค…จากนี้ ฮ่าวไป๋แกอยู่แต่ในบ้านนะ อย่าออกไปก่อปัญหาอะไรอีก และห้ามติดต่อกับหลัวเฟิงเด็ดขาด”
“ครับผม” จางฮ่าวไป๋พยักหน้า
“สบายใจได้ ฮ่าวไป๋! แกมันหลานฉันนี่ ฉันจะทำทุกอย่างเพี่อ ปกป้องแก” เสียงจากมือถือดังต่อเนื่องมา “พี,ใหญ่ หัวหน้าผมเรียกแล้ว ผมต้องไปแล้ว จำไว้..อย่าทำอะไร รอผมกลับไปนะ”
พอวางสาย ทั้งจางเจ๋อหลงและจางฮ่าวไป๋ต่างก็ถอนหายใจ อย่างโล่งอก
………
ครอบครัวจางกำลังยุ่งเหยิง…แต่ครอบครัวหลัวกำลังมีความสุข…
หลังจากอาหารเย็น….
หลัวเฟิงก็พาหลัวฮว๋าลงมาข้างล่างแล้วเข็นรถพาเขาเดินเล่น
“พี่ครับ เราอยู่ที่นี่มาสิบกว่าปีแล้ว ส่วนพ่อกับแม่ก็อยู่มายี่สิบ กว่าปีแล้วนะ” หลัวฮว๋าเงยหน้าขึ้นมองดู อพาร์ทเมนต์ อพาร์ทเมนต์ ตั้งติดๆ กันและแทบไม่มีต้นไม้เลย “หลังจากเราออกจากที่นี่แล้วไป อยู่ที่หมิงเยว่ ผมอยากจะออกไปนอกบ้านแล้วก็ลองเดินเล่นเองบ้าง”
การขึ้นลงบันไดในทุกๆ วันเป็นสิ่งที่ยากเย็นแสนเข็ญสำหรับ คนพิการอย่างหลัวฮว๋า
“โอเค” หลัวเฟิงยิ้มขณะที่พยักหน้าแล้วก็เข็นรถเข็นต่อไป “อาฮว๋า ในที่สุดเราก็จะได้สัมผัสสายลมแสงแดด ในที่สุดเราก็ออกจากห้องเล็กๆ ได้ และในที่สุดพ่อกับแม่ก็ไม่ต้องนอนบนโซฟาอีกแล้ว”
หลัวฮว๋าพยักหน้า
พวกเขารอคอยวันนี้…มาแสนนาน
“มีคนมา..” หลัวฮว๋ามองตรงไปข้างหน้า เด็กหนุ่มวัยรุ่นสวม แว่นคนหนึ่งยิ้มให้ขณะที่เดินเข้ามา เขายิ้มให้หลัวฮว๋าที่พิการก่อน แล้วมองมาที่หลัวเฟิง “พี่หลัว ใช่ไหมครับ?”
“นายคือ..?” หลัวเฟิงมองดูเด็กหนุ่มนั่นอย่างแปลกใจ
เด็กหนุ่มนั่นยิ้มให้ “สวัสดีครับ พี่หลัว ผมชื่อโจวฮว๋าหยาง! พี่ หลัวพอจะมีเวลาหาที่คุยกันสักหน่อยจะได้ไหมครับ”