Skip to content

Swallowed Star 27

ตอนที่ 27 ย้ายบ้าน

ตอนเที่ยงของวันนั้น อาจารยเจียงเหนียนลากหลัวเฟิงไปทาน อาหารชั้นยอดกับเหล่านักรบที่สำนักงานใหญ่ จนกระทั่งตกคํ่า หลัวเฟิงถึงมีโอกาสขอตัวกลับบ้านที่หยางโจว

………….

พลบค่ำ ไฟถนนในชายฝั่งตอนใต้ของเขตก็สว่างโร่ขึ้น

ชายวัยกลางคน 3 คนซึ่งตัวชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ กำลังหัวเราะ และพูดคุยขณะที่อยู่ริมถนน สามารถได้กลิ่นไม้และสีถ้าเข้าไปใกล้ๆ พวกเขา

“ปวดหลังปวดเอวไปหมดแล้วเนี่ย…ฉันว่าฉันคงจะหลับเป็นตายแน่ๆ คืนนี้” ชายร่างอ้วนจับเอวขณะที่พูดโอดโอย “เวลาก้มลงปวดไปหมดเลย ฉันว่าฉันคงจะต้องไปตรวจดูที่โรงพยาบาลเสียหน่อย บ้าจริง…คงจะต้องจ่ายแพงน่าดู”

“ตาเถียน ทำไมแกไม่ขอเจ้านายหยุดงานซัก 2 วันล่ะ? ดีขึ้น แล้วค่อยมาทำงานก็ได้” พ่อของหลัวเฟิงกล่าว

“ใช่ ตาเถียน ไม่มีประโยชน์นะที่จะฝืนตัวเอง” ชายร่างท้วมที่อยู่ข้างๆ กล่าว

“โอเค เดี๋ยวกลับไปบ้านก่อนละกัน” ชายร่างอ้วนวัยกลางคนตอบ เขาเลี้ยวและมุ่งหน้าไปยังอพาร์ทเมนต์รูปกรวย ชายร่างท้วม และหลัวหงกั๋วถอนหายใจและกล่าวลาพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังอพาร์ ทเมนต์รูปกรวยอันถัดไป

หลัวหงกั๋วเดินช้าๆ ไปตามแสงไฟถนน

“ชั้นที่ 32!” หลัวหงกั๋วยืนอยู่บนชั้นแรกและมองไปที่บันได ในยุคนี้ การเดินขึ้นบันได 32 ชั้น เป็นเรื่องง่ายๆ สำหรับคนส่วนใหญ่ แต่ทว่าสำหรับหลัวหงกั๋วซึ่งทำงานหนักมาแล้วทั้งวัน แม้แต่เดิน ธรรมดาก็เหนื่อยพออยู่แล้ว “ทั้งคอ ทั้งเอว ปวดไปหมดแล้ว ฉันคง ต้องหาเวลาพักบ้างแล้วล่ะ”

หลัวหงกั๋วเดินขึ้นบันไดขึ้นไปจนกระทั่งถึงชั้น 32!

“ติ๊งต่องๆ..” หลัวหงกั๋วยืนอยู่หน้าประตูแล้วกดออด เขาขี้เกียจ แม้แต่จะหยิบลูกกุญแจออกมาจากกระเป๋า

“แอ๊ด..!”

พอประตูเปิดออก เขาก็เห็นอาหารสุดหรูมากมายวางเรียงราย อยู่บนโต๊ะนับสิบๆ เมนู แม้แต่งานปีใหม่ก็ยังไม่ได้ฉลองขนาดนี้

“มีอะไรกัน… อาหารเยอะแยะเลย” แม้ว่าหลัวหงกั๋วจะไม่ได้ดีใจ ออกนอกหน้า แต่เขาก็ยิ้มขณะที่เดินเข้ามา

“แต่นแตนแต๊น…” หลัวฮว๋าร้องขึ้นขณะที่นั่งอยู่บนวีลแชร์ “พ่อครับ ยินดีต้อนรับกลับบ้าน!”

“พ่อครับ!” หลัวเฟิงนำนํ้าชามาให้พ่ออย่างเอาใจแล้วพูดขึ้น “แต่นี้ต่อไป พ่อไม่ต้องสวมชุดนี้อีกแล้วนะครับ!”

“หือ?” หลัวหงกั๋วตกใจ

“พี่หลัว” กงซินหลานซึ่งยืนถือถ้วยข้าวอยู่ส่งยิ้มมา “ลูกชาย ของเราเซ็นสัญญากับทางสำนักขีดสุดแล้ว เมื่อเขาผ่านการทดสอบการต่อสู้จริงแล้ว เขาจะได้รับเงิน 20 ล้าน เขายังจะได้ คฤหาสน์เดี่ยวและพาเราย้ายไปอยู่ด้วย”

“อะไรนะ?” หลัวหงกั๋วตะลึง “ซินหลานคุณพูดอะไรน่ะ?”

“พ่อครับ ดูสิครับ” หลัวเฟิงยื่นสัญญาให้พ่อ

หลัวหงกั๋วรับมาแล้วดูอย่างละเอียด ตั้งแต่ต้นจนจบ หลัวหงกั๋ว ไม่ยอมพลาดเลยซักจุด….เขามองดูสัญญาราวกับมันเป็นทะเบียนสมรส ทุกถ้อยคำในสัญญาชัดเจนแจ่มแจ้ง

“นี่…นี่…ลูกไม่ได้เซ็นสัญญากับทางสำนักขีดสุดหลังจากผ่าน การทดสอบการต่อสู้จริงหรอกเหรอ?” หลัวหงกั๋วรู้สึกยังไม่อยากเชื่อ “แล้วเงิน 20 ล้านนี่มาจากไหน?”

ก่อนหน้านี้ เมื่อหลัวเฟิงผ่านการทดสอบเตรียมนักสู้หลัว หงกั๋วตรวจสอบโดยละเอียดแล้ว…

เมื่อนักสู้ตกลงเข้าร่วมกับทางสำนัก พวกเขาจะได้รับเงินเพียง 1 ล้าน

“พ่อครับ นี่ก็เพราะว่าพี่เขาเป็นอัจฉริยะครับ” หลัวฮว๋ากล่าว ขึ้นขณะที่หัวเราะเสียงดัง “อะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในช่วงอายุเท่านี้? อัจฉริยะในการเป็นนักสู้ไง”

“พวกเราทั้งหมดเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์เดี่ยวได้ใช่ไหม?” หลัว หงกั๋วมองหน้าหลัวเฟิง

กงซินหลานหัวเราะออกมา “ถ้าคุณอยากจะไปอยู่ที่นั่น คุณไป ได้เดี๋ยวนี้เลยล่ะ!”

“ฮ่าๆๆ…” หลัวหงกั๋วกลั้นเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป นํ้าตาของเขา กำลังคลอเบ้า หลายปีที่ผ่านมานี้ เขาไม่มีโอกาสที่จะเปลี่ยนงาน ของเขาเลย ต่อให้เขาจะทำงานตลอดชีวิตของเขาก็ตาม… เขา ทำงานหนักเพื่อครอบครัวมาโดยตลอด และตอนนี้ สุดท้ายเขาก็มี โอกาสที่จะเปลี่ยน! เขาสามารถเข้าไปอาศัยอยู่ในคฤหาสน์เดี่ยวในตำนานได้แล้ว!

ความจริงคือ คฤหาสน์เดี่ยวเป็นอะไรที่เป็นตำนานสำหรับคนทั่วๆ ไป หลังจากยุคมหานิพพาน เมืองก็ต้องบรรจุคนถึง 200 ล้านคน ดังนั้นที่ดินจึงเป็นของมีค่ามาก! เพราะบ้านส่วนตัวจะต้องใช้พื้นที่มาก ไม่แม้แต่จะสามารถซื้อมันด้วยเงิน!

แม้แต่พวกเศรษฐีที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์เดี่ยวก็ยังต้องจ่ายภาษี มหาศาลเลยทีเดียว

“แม้แต่ฉัน หลัวหงกั๋วก็ยังมีโอกาสได้อยู่ในคฤหาสน์เดี่ยว!!!” หลัวหงกั๋วดีใจออกนอกหน้า “ฮ่าๆๆ แม้แต่หมาของบ้านเจ้านายก็ คงไม่โชคดีเท่ากับฉัน”

“เย้ๆ” หลัวฮว๋าเริ่มจะตื่นเต้นไปด้วย “บ้านของเราจะมีหน้าต่าง บานใหญ่และอ่างอาบนํ้าเบ้อเริ่ม! และจะต้องมีห้องนั่งเล่นกว้างขวาง! ทีวีและแลปท็อปจะเป็นระบบสั่งการด้วยเสียง ทีวีใน ห้องนั่งเล่นจะต้องกว้างอย่างน้อย 200 นิ้ว เราจะนอนกลิ้งไปกลิ้ง มาบนเตียงนอนได้เลย!

เตียงที่กลิ้งไปกลิ้งมาได้ ผมอยากได้มาตลอดเลยล่ะ” หลัวฮว๋า พูดอย่างตื่นเต้น

เมื่อหลัวเฟิงเห็นพ่อและน้องชายเป็นแบบนี้ ทำให้เขารู้สึกมี ความสุขอยู่ลึกๆ อย่างแท้จริง

ทำไมเขาจะต้องทำงานหนัก?

ก็ไม่ใช่เพื่อวันนี้หรอกเหรอ?

“พ่อครับ แม่ครับ นั่งลงทานอาหารกันเถอะครับ” หลัวเฟิงหัวเราะ

“เดี๋ยวพ่อจะไปอาบนํ้าก่อน” หลัวหงกั๋วหัวเราะเสียงดัง “หลังจากนี้ พ่อจะไม่ต้องสวมชุดนี้อีกแล้ว พ่อจะต้องโทรไปบอกเจ้านายเรื่องนี้”

………..

คืนนี้ ครอบครัวของหลัวเฟิงมีความสุขอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

บ้านนี้ ซึ่งมีพื้นที่เพียงแค่ 36 ตารางเมตร ทั้ง 4 ต้องอยู่ในบ้าน หลังนี้มาหลายปี แม้ว่าพวกเขาจะไม่ค่อยพอใจก็ตาม พ่อกับแม่ก็ ต้องนอนบนโซฟา และไม่ค่อยจะมีแสงส่องผ่านเข้าไปได้เท่าไหร่ ห้องน้ำก็เล็กจนน่าสมเพช…สรุปว่ามีข้อบกพร่องเต็มไปหมด

อย่างไรก็ตาม….พอมาถึงเวลาที่จะต้องไปจริงๆ ครอบครัวของ หลัวเฟิงก็รู้สึกลังเลอยู่นิดๆ เพราะว่าพวกเขาก็มีความทรงจำ มากมายกับบ้านหลังนี้

ทว่า คนเรายังไงก็ต้องก้าวไปข้างหน้า!

เช้าวันต่อมา บรรทุกขนาดใหญ่มาจอดที่หน้าอพาร์ทเมนต์ หลัวเฟิงและครอบครัวก็เริ่มช่วยกันขนย้ายสิ่งของเข้าไปในรถบรรทุก

“ตาหลัว เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ทำไมพากันย้ายบ้านล่ะ?”

“เอ่อ..พี่หลาน พากันทำอะไรแต่เช้าพี่?”

………

เพื่อนบ้านหลายคนในโซนเล็กๆ ตรงนั้นพากันสอบถามหลัวหงกั๋วและกงซินหลานอย่างอยากรู้อยากเห็น

“ฮ่าๆๆ ลูกชายฉันเข้าร่วมกับทางสำนักขีดสุดแล้ว พวกเราเลย จะย้ายไปอยู่ที่เขตหมิงเยว่!” หลัวหงกั๋วตอบด้วยความภาคภูมิใจ “หวังซัน แกมางานเลี้ยงที่บ้านฉันละกันนะ”

ผู้คนที่อยู่ในอาพาร์ทเมนต์คนจนแบบนี้ ใครบ้างที่จะไม่ คาดหวังว่าซักวันจะมีโอกาสได้เปลี่ยนแปลงแบบนี้?

หลัวหงกั๋วได้เปลี่ยนแปลงแล้ว! และเขาก็ได้พึ่งพาลูกชายของ

เขา!

“ลูกชายตาหลัวนี้เก่งจริงๆ ที่เข้าร่วมกับทางสำนักขีดสุดได้”

“ใช่ขี เขายอดเยี่ยม ฉันคงจะดีใจมากเหมือนกันถ้าลูกชายทำ ได้แบบนั้น ตอนนี้ตาหลัวโชคดีจริงๆ ที่ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตแล้ว”

ข่าวลือแพร่กระจายไปปากต่อปากอย่างรวดเร็ว จากหนึ่งเป็น สิบจากสิบเป็นร้อย

ไม่นานนัก ข่าวนั้นก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งชายฝั่งตอนใต้ของเขต กระทั่งอพาร์ทเมนต์ในเขตอื่นๆ ด้วย พวกเขาต่างรู้กันว่าลูก ชายของหลัวหงกั๋วได้เข้าร่วมกับสำนักขีดสุดและครอบครัวของ เขาก็กำลังจะย้ายไปอยู่ที่เขตหมิงเยว่! นี่เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ เป็น เหตุการณ์ที่ดี ซึ่งสร้างกระแสให้วัยรุ่นเกิดความหวังที่จะช่วย ครอบครัวของพวกเขาได้

“อาเหวิน ถ้านายจะไปหาฉัน ดิ่งไปที่เขตหมิงเยว่เลยนะ แต่ว่า ยังไงก็โทรหาฉันก่อนล่ะ ฉันจะได้บอกยามให้รู้ก่อน” หลัวเฟิงกล่าว กับเพื่อนรักเว่ยเหวิน

“โอเค” เว่ยเหวินตบไหล่หลัวเฟิงอย่างตื่นเต้น “ฉันรู้อยู่แล้วว่า นายต้องทำได้ จะสนอะไรกับการสอบโรงเรียนมัธยม คงมีพวกที่จบ จากมหาวิทยาลัยหรือจากโรงเรียนเตรียมทหารหนึ่งในแสนเท่านั้น ล่ะมั้งที่อยู่ในคฤหาสน์เดี่ยวได้? แม่เจ้า..ฉันจะต้องไปดูบ้านนายให้ ได้ในสองสามวันนี้แหละ ฉันเองก็ไม่เคยเข้าไปในเขตคฤหาสน์มา ก่อนเลยเพื่อน”

เวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว…….

ภายในสายตาหลายคู่ทั้งชายหญิงลูกเล็กเด็กแดง หลัวเฟิงกับ ครอบครัวขึ้นนั่งบนรถยนต์ซึ่งตามมาด้วยรถบรรทุกขนข้าวของที่ พวกเขาไม่สามารถทิ้งไว้ได้

หลัวเฟิงและครอบครัวออกจากชายฝั่งตอนใต้ของเขตแล้วเข้า ไปอยู่ในเขตหมิงเยว่

………….

เที่ยงวัน…ณ ประตูทางเข้าของเขตหมิงเยว่ ทหารติดอาวุธ 6 นายยืนประจำการอยู่ที่ทั้งสองด้านของประตู และมองตรวจตราไปรอบๆ

“หยุด…!” หนึ่งในนั้นยกไรเฟิลจู่โจมขึ้นและเล็งมาที่รถยนต์

“เอี๊ยด…! ” รถยนต์หยุดกะทันหัน

หลัวเฟิงและครอบครัวออกมาจากรถยนต์ ชายมีอายุศีรษะ ล้านก้าวออกมาจากกลุ่มของทหารยาม เขาหัวเราะ “หลัวเฟิงใช่ไหม? ล่าสุดฉันเห็นเธอตอนมาทดสอบเตรียมนักสู้ ฉันรู้เลยว่า อนาคตเธอยังอีกไกล แต่ทว่า ฉันก็นึกไม่ถึงว่าเธอจะมาอยู่เขตนี้เร็วขนาดนี้ ฉันได้รับการติดต่อมาเมื่อวานนี้ เร็วเข้า มาช่วยพวกเขาย้ายของกันเร็ว หลัวเฟิง เรามีคนที่จะช่วยเธอย้ายของต่างหาก บริษัทขนย้าย ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปด้านใน” ชายวัยกลางคนศีรษะล้านกล่าว

“เราเข้าใจครับ” หลัวหงกั๋วหัวเราะและพยักหน้า

พริบตาเดียว ทหาร 7 นายก็พุ่งออกมาจากเขตและช่วยกันขน ย้ายของอย่างรวดเร็ว พวกพนักงานจากบริษัทขนย้ายได้แต่ยืนดู อย่างตกตะลึง หลังจากนั้น หลัวเฟิงและครอบครัวของเขาก็ย้ายเข้า ไปในเขตหมิงเยว่

หลัวเฟิงมองไปที่ที่ทำการสมาคมขีดสุดในศูนย์กลางแล้ว มองดูไปรอบๆ มีละพานเล็กๆ มีแม่นํ้าไหลผ่าน มีภูเขาจำลองและสระนํ้า และตัวบ้านก็มีนํ้าไหลเวียนล้อมรอบ “จากนี้ต่อไป นี่จะเป็นบ้านของเรา” หลัวเฟิงหันไปหาพ่อกับแม่และน้องชายของเขาที่นั่ง อยู่บนวีลแชร์ในตอนนี้ พ่อกับแม่และน้องชายของเขาต่างก็มองดูพื้นที่อย่างตื่นเต้น

“คุณหลัวเฟิง ที่อยู่ตรงหน้านี่แหละค่ะจะเป็นบ้านของคุณ” ทหารสองสามนายกำลังเคลื่อนสิ่งของและหญิงสาวยิ้มให้ขณะที่ หล่อนยื่นกระดาษจำนวนหนึ่งมาให้ “เลขที่ 199 จะเป็นบ้านของ คุณหลัวเฟิงนะคะ บ้านหลังนี้จะมี 3 ชั้นและชั้นใต้ดินด้วย ชั้นที่ 3 จะมีดาดฟ้าขนาดใหญ่ พื้นที่ใช้สอยอยู่ที่ 512 ตารางเมตร แต่ถ้า รวมชั้นใต้ดิน สวน และระเบียงด้วยก็จะเกือบๆ 800 ตารางเมตรค่ะ”

หลัวเฟิงและครอบครัวของเขามองหน้ากันไปมา….

จากนั้นพวกเขาก็มองดูคฤหาสน์เดี่ยวหลังนั้นด้วยความตื่นเต้น จากนี้ไปที่นี่จะเป็นบ้านของเรา!

“จาก 36 ตารางเมตร? เป็นเกือบ 800 ตารางเมตรงั้นเหรอ?” หลัวฮว๋าที่นั่งอยู่บนวีลแชร์อดพึมพำออกมาไม่ได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!