ตอนที่ 37 เจรจา
หัวใจของหลัวเฟิงเต้นแรง
ในบอร์ดสนทนาของเหล่านักสู้ใน ‘บ้านแห่งขีดสุด’ มีโพสต์มากมายเกี่ยวกับข้อข้องใจระหว่างนักสู้ ยกตัวอย่างเช่น ในจีน
เหล่านักสู้ใน 6 นครใหญ่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลและอยู่
ภายใต้กฎหมาย! แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาออกจากเมืองและ
เข้าไปในเขตสัตว์ประหลาด จะไม่มีกฎหมายใดแก้ไขปัญหาอะไรได้
ที่นั่นเป็นที่ที่นักสู้และสัตว์ประหลาดต่อสู้กัน ที่ที่ไม่มีกฎหมาย! นักสู้ทุกคนต่างเดินอยู่บนขอบระหว่างความเป็นกับความตาย ดังนั้น กรณีของนักสู้ที่ฆ่ากันเองเนื่องจากความขัดแย้งมีให้เห็นเป็นเรื่องธรรมดา
สำนักใหญ่ต่างๆ และรัฐบาลไม่อยากเห็นกรณีนี้เกิดขึ้น
นักสู้มีค่าต่อมวลมนุษย์ชาติ!
พวกเขาเป็นคนพวกเดียวที่สามารถต่อสู้กับสัตว์ประหลาดได้ ทุกคนไม่อยากให้นักสู้มีเรื่องระหองระแหงกันภายใน เพราะเหตุนี้ จึงมี ‘การเจรจาภายใน’ ซึ่ง ‘ตัดสิน’ ความขัดแย้งได้ หากใครมีความคับแค้น โอเค ก็ให้พวกเขามานั่งโต๊ะเจรจากันเพื่อจบปัญหา ถ้าแก้ปัญหาไม่ได้ก็ค่อยว่ากันอีกที
“หลัวเฟิง นายเป็นน้องใหม่ที่เพิ่งจะเข้ามาในวงการนักสู้ ไม่ สร้างศัตรูจะเป็นการดีที่สุด” อาจารย์อูทงกล่าวยิ้มๆ “และนายก็ต้อง ใช้เงินด้วยเมื่อเริ่มเข้าวงการ”
“ครับผม”
หลัวเฟิงพยักหน้า ถ้าพวกเขาสามารถตกลงกันได้ ก็คงจะไม่มี ปัญหาอะไร “อาอูครับ จะปล่อยจางฮ่าวไป๋ลอยนวลไปง่ายๆ แบบนี้ ไม่ได้นะครับ! ถ้าผมอ่อนแอวันนั้น ขากับแขนของผมก็คงหักไปแล้ว”
“แน่นอน” อูทงพยักหน้าขณะที่พูด “ถ้าเราไม่จัดการพวกเขาบ้าง พวกเขาก็อาจจะคิดว่าสำนักขีดสุดของเรากลัวพวกเขาก็เป็นได้”
“อาอูครับ เราควรเรียกค่าเสียหายเท่าไหร่ดีดรับ?” หลัวเฟิงถาม เขาไม่รู้กฎ ดังนั้นเขาเลยคิดว่าจะเป็นการดีที่สุดหากได้รับคำแนะนำ
หลังจากคิดอยู่ซักครู่ อูทงก็กล่าวว่า “ถ้าเป็นแค่คนทั่วไปที่เข้า มาก่อกวนนาย นายก็ไม่ควรเรียกร้องเกิน 50 ล้านหยวน! แต่หลัวเฟิง นายเป็นหัวกะหิของสำนักขีดสุดเรา ดังนั้น นายไม่ควรเรียกต่ำนัก ไม่ควรตํ่ากว่า 10 ล้านหยวน! ระหว่าง 10-50 ล้าน นายสามารถเรียกได้เลย”
“ครับผม” หลัวเฟิงพยักหน้าขณะที่พิจารณาตัวเลือกอยู่
“ถ้านายยอมตกลง ฉันจะโทรไปบอกพวกเขาให้มาพบพวกเราคืนนี้” อูทงเอ่ย
“โอเคครับ รบกวนอาอูแล้ว” หลัวเฟิงยิ้มพลางพยักหน้า
……….
หลัวเฟิงหันกลับเข้าบ้านเพื่อเอาตำราวิชา ‘ดาบสายฟ้า 9 ขั้น’ ไปเก็บไว้ แล้วจากนั้นเขาก็เข้าไปในเว็บไซต์ ‘บ้านแห่งขีดสุด’ เพื่อลอง สืบค้นข้อมูลการเจรจาข้อพิพาทระหว่างนักสู้
“โอ้…อย่างนี้นี่เอง
ชื่อเสียงยังมีส่วนเกี่ยวกับเงินค่าชดเชยนี่ด้วย”
หลัวเฟิงอ่านดูโพสต์ต่อไปเรื่อยๆ และสุดท้ายเขาก็รู้สึกว่าเขา ได้ไอเดียในการเจรจาคืนนี้แล้ว
“เสี่ยวเฟิง ไค้เวลาทานข้าวแล้ว” เสียงแม่เรียกมาจากด้านล่าง
“เดี๋ยวไปครับแม่”
หลัวเฟิงปิดคอมแล้วก็เดินลงไป
……….
ณ ห้องโถงด้านล่าง พ่อกับแม่กำลังจัดจานชามขณะที่แม่บ้าน กำลังทำกับข้าว
“หลัวฮว๋าไปไหนล่ะครับ?” หลัวเฟิงถามอย่างสงสัย “เขายังไม่ กลับมาเหรอครับ?” ตอนนี้ในบ้านมีแม่บ้านอยู่ 2 คน ทั้งคู่อายุราว 40 ปี คนหนึ่งมีหน้าที่ดูแลหลัวฮว๋าโดยเฉพาะ เพื่อให้เป็นการสะดวกสบายสำหรับหลัวฮว๋า ด้วยเหตุนี้ เขาจึงสามารถออกไปข้างนอกได้มากขึ้น
“น้องชายลูกอยู่ที่สวนบึงสระบัวน่ะ เขาเพิ่งจะโทรบอกพ่อว่า เขากำลังจะกลับมา” หลัวหงกั๋วกล่าวยิ้มๆ
“ทำไมเขาถึงไปอยู่ในสวนนั้นตลอดเลยล่ะครับช่วงนี้?” หลัวเฟิงถาม
แม่หัวเราะเบาๆ แล้วก็ตอบมา “เสี่ยวเฟิง น้องชายลูกมีแฟนแล้ว”
“แฟน?” หลัวเฟิงตกใจมาก ถึงแม้ทุกวันนี้จะมีคนพิการจำนวนมากในสังคม เช่นพวกทหารที่ไปต่อสู้ในกองทัพและพิการกลับมา จากการต่อสู้กับสัตว์ประหลาด…แม้ว่าจะพิการ แต่พวกเขาก็สามารถมีความสัมพันธ์แต่งงานและมีลูกได้ แต่หลัวฮว๋าเพิ่งจะมา อยู่ที่นี่ได้เดือนกว่าๆ เท่านั้น
ในเวลาสั้นๆ แบบนี้ เขาไปชอบใครงั้นเหรอ?
“เสี่ยวเฟิง อย่าไปฟังแม่ลูกเลย น้องชายลูกอยู่กับผู้หญิงก็จริง แต่พวกเขาไม่ได้คุยกันแบบนั้น” หลัวหงกั๋วหัวเราะ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ก็ดีซะอีกถ้าเขาจะมีแฟน” หลัวเฟิงรู้สึกมี ความสุข ไม่เกี่ยวกับเหตุผลของความสัมพันธ์ แต่มันคือประสบการณ์ชีวิต ประสบการณ์แบบนี้เป็นสิ่งที่ดีต่อน้องชายเขา
…………
ณ สวนลอยฟ้า เขตอี๋อันเมืองหยางโจว
“อาครับ” จางฮ่าวไป๋มองดูจางเจ๋อหู่อาของเขา ในช่วงนี้จาง ฮ่าวไป๋ใช้ชีวิตด้วยความหวาดกลัวและกังวลร้อนรุ่ม เขากลัวคน จากหน่วยงานรักษาความปลอดภัยจะมาจับกุมตัวเขาไป
“อาหู่ ขอแค่ช่วยฮ่าวไป๋ได้ จะเอายังไงก็ยอม” จางเจ๋อหลง กล่าวอย่างอัดอั้น
“พี่ใหญ่ เรื่องนั้นเบาใจได้!” จางเจ๋อหู่ผู้เหมือนสัตว์ร้ายผู้มีรูปร่าง ใหญ่โตล่ำสันจนหาคู่เปรียบไม่ได้ ยิ้มกริ่มจนเห็นฟันขาวราวกับหิมะ “กระต่ายน้อยหลัวเฟิงนั่น เพิ่งจะเป็นนักสู้หน้าใหม่! มันสู้กับ สัตว์ประหลาดกระจอกๆ ที่กองทัพป้อนให้แล้วก็กลายเป็นนักสู้ มัน ควรจะได้รู้กฎกติกา! ว่าใครควรแหยมไม่ควรแหยม…ฮึ่ม บังอาจมา แหยมกับพยัคฆ์ภูเขา มันก็เหมือนหาเรื่องตายชัดๆ!”
พอเห็นจางเจ๋อหู่มีท่าทางมั่นใจ จางเจ๋อหลงและจางฮ่าวไป๋ก็ รู้สึกผ่อนคลายขึ้น
“เอาล่ะ ปล่อยเป็นหน้าที่ผม ผมไปล่ะ”
หลังจากโบกมือให้ จางเจ๋อหลงก็บ่ายหน้าออกไป
ที่ด้านนอก ฮัมเมอร์คันยักษ์ขนาด 6 ล้อรุ่นใหม่ มีคนนั่งรออยู่ ด้านในแล้วส่งยิ้มมาขณะที่ตะโกนเรียกถาม “พี่หู่ พร้อมยัง?”
“อืม…เดี๋ยวไปรับสหายหลีก่อนแล้วมุ่งหน้าไปสำนักขีดสุดกัน” จางเจ๋อหู่ขึ้นถกแล้วโบกมือ
“ลุย!”
ฮัมเมอร์คันยักษ์ขยับเคลื่อนด้วยพลังมหาศาล จากนั้นมันก็ ทะยานออกไปจากสวนลอยฟ้าอย่างรวดเร็ว
ตกเย็น ในล็อบบี้บนชั้นที่ 2 ของที่ทำการสมาคมขีดสุดใน เขตหมิงเยว่แห่งเมืองหยางโจว พวกหลัวเฟิงอยู่ที่นั่น
“เสี่ยวเฟิง ช่างบังเอิญเสียจริง อาข่งกับพี่ใหญ่เฉินของนายอยู่ ที่นี่พอดี” อูทงหัวเราะเสียงคัง หลัวเฟิงก็กล่าวทักทายทั้งสอง หลังจากอูทงเช่นกัน หนึ่งในนั้นดูรูปร่างผอมบางมากและมีรอยบาก บนใบหน้าที่ดูเหมือนจะตัดใบหน้าของเขาออกไปสองส่วน แค่ได้เห็นก็ทำให้รู้ลักหวาดกลัวได้
อีกคนหนึ่งเป็นชายร่างอ้วน สามารถบอกได้เลยว่าเขาเป็นคน มีไฟเพียงแค่ได้เห็นเขา
“พี่เฉิน อาข่ง” หลัวเฟิงร้องทัก
สองคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา ในที่ทำการสมาคมขีดสุดแห่ง เมืองหยางโจว มีนักสู้ระดับแม่ทัพอยู่ 3 คน อาจารย์ใหญ่อูทง ‘ปืน ใหญ่อัคคี’ เฉินกู่ และ ‘ดาบเหยี่ยว’ ข่งเฉวียน อูทงลาออกจากการเป็นนักล่าสัตว์ประหลาดไปแล้ว ขณะที่ ‘ปืนใหญ่อัคคี’ เฉินกู่และ ‘ดาบเหยี่ยว’ ข่งเฉวียนยังคงออกไปล่าสัตว์ประหลาดด้านนอกเมืองอยู่เสมอ
สองคนนี้เป็นผู้นำแบบอย่างในวงการนักสู้ของเขตหมิงเยว่
“เสี่ยวเฟิง เรารู้เรื่องนั้นแล้วล่ะ สบายใจได้ เราจะช่วยดูแลเรื่องนี้ให้!” ปีนใหญ่อัคคีเฉินกู่หัวเราะ “ไอ้พวกนี้ ไม่ว่ามันจะถูกสำนักสายฟ้าให้ท้ายแค่ไหน พวกมันดีก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับเราได้หรอก”
“ใช่” ดาบเหยี่ยวข่งเฉวียนพยักหน้าเล็กน้อย
ไม่นานหลังจากนั้น……
คนจากสำนักขีดสุดและสำนักสายฟ้านั่งลงตรงที่ถูกจัดไว้ให้ในล็อบบี้ มีคนอย่างน้อย 20 คนในฝั่งของสำนักขีดสุด ในขณะที่ ฝั่งสำนักสายฟ้ามีเพียง 8 คน
“อูทง เรื่องนี้หลานของเจ้าพยัคฆ์เป็นฝ่ายผิดจริงๆ” ชายร่าง ยักษ์กล่าวพร้อมหัวเราะดังขึ้น “แต่ว่าหลานชายของเขาเป็นแค่เด็กน้อย ยังไม่รู้จักอะไรนัก แล้วเขาก็เป็นแค่คนธรรมดา ไม่ใช่นักสู้ เพราะงั้น อย่างแค้นเคืองกับเรื่องเล็กน้อยแบบนี้เลยนะ”
“สหายหลี่ อย่าเพิ่งเบนประเด็นสิ” อูทงหัวเราะพลางส่ายหัว “ไม่ว่าพวกเราจะว่ายังไงกัน พวกนายก็มาเพื่อเจรจาถูกต้องไหม? พยัคฆ์ภูเขา กล่าวอะไรบ้างสิ”
“อาจารย์ใหญ่อู” จางเจ๋อหู่ยิ้มขณะที่จ้องหลัวเฟิง “สำหรับกรณีนี้ เราควรจะให้เสี่ยวหลัวกล่าวด้วยตัวเองนะ เสี่ยวหลัว…เรา ควรเอายังไงกับเรื่องนี้นายถึงจะพอใจ?”
“หุบปาก”
‘ดาบเหยี่ยว’ ข่งเฉวียนโพล่งออกมา “หลัวเฟิง เป็นน้องรักแห่ง สำนักขีดสุดของพวกเรา เสี่ยวหลัว? นายมีสิทธิ์เรียกด้วยเหรอ”
จางเจ๋อหู่อึ้งไป ดาบเหยี่ยวข่งเฉวียนเป็นจอมโหดในวงการนักสู้ ดังนั้น แม้แต่จางเจ๋อหู่ก็ยังไม่อยากทำให้เขาโกรธ
“คุณจางเจ๋อหู่” หลัวเฟิงยืนขึ้นแล้วยิ้มให้ “เรื่องนี้เป็นเหตุให้ เหล่าพี่ชายของผมต่างลุกฮือเพื่อผม ดังนั้นผมเองก็ละอายใจ แต่สำหรับความคิดผมแล้ว….หึ ที่จางฮ่าวไป๋พยายามจะหักแขนหักขา ของผมมันเป็นเรื่องเล็ก แต่ที่เขาทำร้ายพ่อผม นั้นแหละที่สมควรตาย!”
หลัวเฟิงตะโกนพลางจ้องเขม็ง
จางเจ๋อหู่ช็อคไปขณะที่นักสู้ทางฝั่งสำนักขีดสุดพากันหัวเราะคิกคัก ‘พยัคฆ์ภูเขา’ จางเจ๋อหู่เป็นนักสู้ระดับอาวุโสและเป็นนักรบขั้นสูง เหลือเพียงแค่ขั้นเดียวเท่านั้นเขาก็จะได้เป็นระดับแม่ทัพ แต่หลัวเฟิงกลับกล้าจ้องมองเขาด้วยสายตาแบบนั้น ทำให้นักสู้ทางฝั่งสำนักขีดสุดรู้สึกถึงความกล้าหาญของเขา!
“หึ..หลัวเฟิง แล้วนายจะเอายังไง? ว่ามา!” จางเจ๋อกู่ไม่ค่อยพอใจ สีหน้าไม่สู้ดีนัก
จางเจ๋อหู่โกรธเหรอ? เขาไม่ได้สนใจเลย… หากพูดถึงปัจจุบัน สมรรถภาพร่างกายของหลัวเฟิงอยู่ในระดับนักรบขั้นกลาง ดังนั้น เขาก็เข้าใกล้ระดับ ‘นักรบขั้นสูง’ แล้ว และด้วยพลังจิตของเขา เขา ก็แตะเข้าถึงระดับ ‘แม่ทัพขั้นต้น’ ไปแล้วด้วย
“คำเดียว…50 ล้านหยวน ผม…หลัวเฟิง จะไว้หน้าคุณสักครั้ง แล้วเราก็มาจบเรื่องนี้กัน” หลัวเฟิงยิ้ม
“50 ล้านเลยเหรอ!” จางเจ๋อหู่ทำตาโต
“เรียกสูงมากเลยนะ” อาจารย์ใหญ่หลี่แห่งสำนักสายฟ้าขมวดคิ้ว
หลัวเฟิงยิ้มแต่ไม่พูดอะไร
“เงินเท่านี้ไม่สูงนักหรอก” อาจารย์ใหญ่อูทงแห่งสำนักขีดสุดยิ้มบางๆ
“หลัวเฟิง ฉันจะจ่ายให้นาย 5 ล้าน! …5 ล้าน! แล้วเราก็จบ เรื่องกันเสียที นี่ยังถือว่าไว้หน้ากันนะ หรือนายจะไม่ไว้หน้าจางเจ่อ หู่คนนี้!” จางเจ่อหู่จ้องเขม็งไปที่หลัวเฟิง
5 ล้าน?
นักสู้ฝั่งสำนักขีดสุดถึงกับขมวดคิ้ว ถ้าหากพยายามไว้หน้า ‘ปีนใหญ่อัคคี’ เฉินกู่และ ‘ดาบเหยี่ยว’ ข่งเฉวียน ก็ไม่ควรที่จะตั้งราคาต่ำขนาดนี้ เงินต่ำเกินไป เป็นการไว้หน้าตรงไหน!
“ผมไม่ไว้หน้าคุณงั้นเหรอ?” หลัวเฟิงจ้องเขม็ง “คุณจางเจ๋อหู่ จะบอกอะไรให้นะ… 50 ล้านเท่านั้น ถ้าขาดไปหยวนเดียว คุณก็ เตรียมตัวเห็นหลานคุณเข้าคุกได้เลย!”