Skip to content

Swallowed Star 40

ตอนที่ 40 ตลาดพันธมิตร HR

ในนครเจียงหนาน หนึ่งในหกนครใหญ่ของประเทศจีน มีตึกระฟ้าสูง 88 ชั้นที่หรูหรามั่งคั่ง ที่ด้านข้างผนังตึกระฟ้านั้นมี ตัวหนังสือภาษาอังกฤษ 2 ตัวที่โดดเด่นมากว่า ‘HR’ รอบๆ ชั้นแรกของตึกระฟ้านั้น มีลานกว้างสวยงามซึ่งมีน้ำพุจำลองที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้ รอบๆ ลานนี้ มีทหารติดอาวุธนับพันลาดตระเวนอยู่ คอยป้องกันไม่ให้คนนอกย่างกรายเข้าไปได้แม้แต่ก้าวเดียว

คนเดินถนนทุกคนที่เดินผ่านไปมาต่างก็มองไปที่ตึกระฟ้าด้วย สายตาที่ยกย่องสรรเสริญ

ผู้คนส่วนใหญ่ในเมืองนี้ไม่เคยเข้าไปข้างในพื้นที่นี้เลย

“ตี๊ด!”

เสียงสัญญาณอิเล็คโทรนิคดังขึ้น

ทันใดนั้น ทหารที่กำลังลาดตระเวนอยู่ก็เปิดทางให้กับรถ SUV ทหารซึ่งมีตัวหนังสือ ‘HR’ ติดอยู่ข้างๆ ตัวรถ มันมาหยุดอยู่หน้า ประตูทางเข้าล็อบบี้ ประตูรถเปิดออก นักสู้อาวุธครบมือ 3 คนก้าวออกมา มีทั้งหอก ดาบและโล่หกเหลี่ยม และมีกล่องโลหะอีก 2  กล่องที่ด้านหลังของพวกเขา

“คุณครับ เชิญด้านใน” ยามประตูทางเข้าล็อบบี้ทักทายพวก เขาด้วยความเคารพ

นักสู้ทั้ง 3 คนหายเข้าไปในล็อบบี้ของตึกระฟ้าทันที

“ไปเถอะ หลัวเฟิง ไปนั่งที่บาร์ด้านนี้ดีกว่า เดี๋ยวพวกหัวหน้าก็ คงจะมา” เฉินกู่หัวเราะ

“ผมยังไม่เคยเจอหัวหน้าเลย ผมสงสัยว่าเขาเป็นคนยังไง” หลัวเฟิงหัวเราะ ในขณะเดียวกัน เขาก็สังเกตดูตลาดของพันธมิตรใต้ดิน นี่คือพันธมิตรใต้ดินที่ถูกสร้างขึ้นโดยตระกูลที่ทรงอำนาจ และบริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลก มีหน้าที่เป็นสำนักงานใหญ่ของพวกเขาในนครเจียงหนาน ดังนั้น ตึกระฟ้าหลังนี้จึงหรูหราฟุ่มเฟือยสุดๆ

ในล็อบบี้เต็มไปด้วยบุคคลพิเศษ แม้แต่อุปกรณ์ง่ายๆ ของพวก เขายังไม่ธรรมดาเลย

พนักงานบริการในล็อบบี้ เป็นชายหนุ่มและหญิงสาวหน้าตาดี แต่ละคนต่างก็ยิ้มสดใส

หลัวเฟิง เฉินกู่ และสมาชิกอีกคน ‘จางเคอ’ ทั้งหมดนั่งอยู่บนโซฟา

“ทั้ง 3 ท่านรับอะไรดีครับ?” พนักงานบริการโค้งเคารพขณะที่ถาม

“เถี่ยกวานอิน(ชื่อชา)!”

“ชาฝูเอ่อร์กลิ่นมะลิ!”

ปืนใหญ่อัคคีเฉินกู่และจางเคอนักสู้อาวุโสทั้งสองคนตอบอย่างเร็ว ทำเอาหลัวเฟิงอึ้งไปเล็กน้อย ในที่ทำการสมาคมขีดสุด สองคน นี้ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ จางเคอผู้ที่มีกล้ามแขนใหญ่ล่ำอย่าง กับกอริลล่าหัวเราะขณะที่พูด “หลัวเฟิง ในแดนเถื่อนมันอันตราย เพราะงั้นเราดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้หรอก”

หลัวเฟิงเข้าใจได้ทันที ใช่…ไม่อาจดูถูกแดนเถื่อนได้แม้แต่น้อย จะดื่มแอลกอฮอล์ก่อนไปได้ยังไง?

“งั้นผมขอชาฝูเอ่อร์ถ้วยหนึ่งละกัน” หลัวเฟิงหัวเราะ

เสียงเพลงไพเราะถูกบรรเลงขึ้นในล็อบบี้ มันบรรเลงด้วยขลุ่ย ส่วนเป็นเพลงอะไร เขาไม่สามารถบอกได้ แต่อย่างไรก็ตาม เพลงก็ ไพเราะและทรงพลัง มันสร้างความสดชื่นได้อย่างมาก

“หลัวเฟิง ชั้นแรกเป็นที่พักผ่อนสำหรับแขก จากชั้นที่ 2 ขึ้น ไปถึงจะเป็นสถานที่ขายสินค้า” เฉินกู่ยิ้ม “ในพันธมิตรใต้ดิน ราคา สินค้าจะต่ำกว่าราคาเต็มของสิ่งที่ขายออนไลน์กันใน ‘บ้านแห่งขีดสุด’ แน่นอน แต่ราคาจะแพงกว่าครึ่งราคาที่เราซื้อกัน”

หลัวเฟิงพยักหน้า การซื้อครึ่งราคาเป็นสิ่งที่สมาชิกของสำนัก เท่านั้นที่สามารถเพลิดเพลินกับมันได้

“สิ่งที่ดีที่สุดเกี่ยวกับตลาดพันธมิตรใต้ดินก็คือ…เราสามารถขายชิ้นส่วนต่างๆ ที่ได้จากสัตว์ประหลาดให้กับพวกเขาได้ในราคาที่สูง” เฉินกู่อธิบาย “ถ้าเราขายชิ้นส่วนสัตว์ประหลาดให้กับทางสำนัก เราจะได้รับคะแนนสะสมแต่ราคาขายจะได้น้อยลง แต่ถ้าเราขายให้กับตลาดพันธมิตรใต้ดิน เราจะได้เงินมากกว่าแต่ไม่ได้คะแนนสะสม โดยปกติแล้ว การจะขายให้ใครก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเองตัดสินใจ”

หลัวเฟิงหัวเราะ ในจุดนี้ เขาเคยอ่านโพสต์ต่างๆ ที่นักสู้ โต้ตอบกันมาแล้ว จึงรู้เรื่องนี้มานานแล้ว

การขายให้สำนักจะได้ทั้งเงินและคะแนนสะสม

การขายให้ตลาดพันธมิตรใต้ดินจะได้แต่เงิน แต่จำนวนมากกว่า

“พี่,ใหญ่หวัง พี่ทำงานมาทั้งคืนแล้ว ไปพักเถอะค่ะปล่อยเป็น หน้าที่ฉันเอง” เสียงนุ่มๆ ดังขึ้น หลัวเฟิงที่กำลังถือถ้วยชาอยู่หัน ขวับเหมือนกับถูกไฟช็อต

ที่บาร์นี้หญิงสาวที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงยาวสีดำ เข้า มาเปลี่ยนผลัดกับผู้จัดการอีกคนพอดี

ในบาร์นี้ มีพนักงานบริการ 12 คนและผู้จัดการ 1 คน บาร์เปิดตลอด 24 ชั่วโมง และพวกเขาทำงานกะละ 8 ชั่วโมง ดังนั้น บาร์นี้จะมีพนักงาน 3 กลุ่มผลัดเปลี่ยนกัน

“สวีซิน?” หลัวเฟิงมองไปที่ผู้จัดการหญิงคนนั้นอย่างไม่เชื่อสายตา หญิงสาวมืออาชีพผู้มีรัศมีผู้ดีเปล่งประกาย ไม่มีทางที่ บุคคลธรรมดาจะมาเป็นผู้จัดการที่บาร์ของล็อบบี้ตลาดพันธมิตรใต้ดินนี้ได้ ที่นี่เป็นที่ที่สร้างไว้เพื่อบริการเหล่านักสู้เท่านั้น!

แค่จะมาเป็นพนักงานบริการ ก็ต้องจบจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงและต้องผ่านการอบรมอีกมากมาย ไม่ต้องพูดถึงการมาเป็นผู้จัดการเลย

“สวีซิน…”

เหตุใดเด็กสาวจากโรงเรียนมัธยมธรรมดาๆ ในอดีต จึง เปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้?

“พี่เฉิน พี่จาง เดี๋ยวผมขอตัวไปตรงนั้นซักหน่อยนะ” หลัวเฟิง วางอุปกรณ์ต่างๆ ของเขาลงบนโซฟา แล้วก็ยืนขึ้นยิ้มขณะที่เดิน ตรงไปที่บาร์

ภายในบาร์

สวีซินกำลังก้มหน้าก้มตาเช็คสินค้าอยู่ที่เคาน์เตอร์ ทันใดนั้น…

“สวีซิน” เสียงคุ้นหูดังขึ้น

“หือ?” สวีซินตกใจ ทุกคนในล็อบบี้นี้ที่รู้จักเธอจะเรียกเธอว่า ‘ผู้จัดการสวี’ ส่วนพวกนักสู้ทั่วไปจะไม่รู้จักชื่อเธอ แล้วใครกันที่มา เรียกเธอว่า ‘สวีซิน’ และเสียงนี้ก็วีฟังดูคุ้นๆ….

ตอนนั้นเอง หลัวเฟิงก็ก้มหน้าลงขณะที่มองเข้ามาภายในบาร์ และสวีซินก็ลุกขึ้นหลังจากเช็คไวน์เสร็จพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมา

สายตาของพวกเขาประสานกัน

หลัวเฟิงและสวีซินต่างก็รู้สึกบางอย่างขึ้นมาทันที หัวใจของทั้ง สองสั่นไหว

“หลัวเฟิง นายมาอยู่นี่ได้ยังไง?” สวีซินถาม แล้วเธอก็ยืนขึ้น พลางหัวเราะ

“ขนาดสวีซินยังกลายมาเป็นผู้จัดการที่นี่ได้เลย แล้วทำไมฉัน จะมาอยู่ที่นี่ไม่ได้?” หลัวเฟิงกล่าวพลางหัวเราะ การได้เห็นหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ ทำให้เขาอดคิดถึงตอนที่อยู่โรงเรียน มัธยมไม่ได้ ที่ที่เขาเคยนั่งอยู่หลังห้องแล้วก็คอยมองดูข้างหลังของสวีซินอย่างเงียบๆ…เขาแอบชอบเธอมาตั้งนาน แต่เขาไม่เคย แม้แต่จะมีโอกาสสารภาพกับเธอ

เขาคิดว่าอาจจะไม่ได้พบสวีซินอีกแล้ว แต่สุดท้ายก็ได้มาพบ เธอที่ตลาดพันธมิตรใต้ดินก่อนการออกตะลุยแดนเถื่อนครั้งแรกของเขา

“อ๋า หลัวเฟิง นายเป็นนักสู้เหรอ?” สวีซินเห็นชุดของหลัวเฟิง แล้วก็ถามออกมาด้วยความประหลาดใจ

“ใช่ ฉันกำลังจะออกไปตะลุยแดนเถื่อนแหละ” หลัวเฟิงตอบ

“แดนเถื่อน?” สีหน้าของสวีซินเปลี่ยนไปเล็กน้อย

ทั่วทั้งโลกนี้ เขตพื้นที่นอกเหนือจากตัวเมืองจะถูกเรียกว่าแดน เถื่อนทั้งหมด สำหรับผู้คนทั่วไปที่อาศัยอยู่ในเมือง แดนเถื่อนเป็นเขตพื้นที่ต้องห้ามอันตรายร้ายแรง มีสัตว์ประหลาดทุกชนิดอยู่ที่นั่น ทั้งดุร้าย น่ากลัว และป่าเถื่อน นอกจากนี้ยังมีสิ่งมีชีวิตที่แทบจะอยู่ยงคงกระพันปะปนอยู่อีกด้วย

มีเพียงกลุ่มคนที่แข็งแกร่งที่สุดอย่าง ‘นักสู้” ที่สามารถไปที่นั่น และต่อสู้กับสัตว์ประหลาดเหล่านั้นได้

สวีซินไม่เคยคิดเลยว่า….หลัวเฟิงจะได้เป็นนักสู้ และเขาจะเข้า ไปตะลุยในแดนเถื่อน

อันที่จริง สวีซินก็รู้ว่าหลัวเฟิงแอบชอบเธออยู่…สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ ปกปิดไม่ได้ หลัวเฟิงแอบมองเธออยู่เป็นประจำทุกวันตอนเรียน

และสวีซินก็จับได้ว่าหลัวเฟิงแอบมองเธออยู่ตอนที่เธอหันกลับไปดู สวีซินเข้าใจความคิดของหลัวเฟิงมาตลอด

เพียงแต่ว่าทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่ได้แสดงออกมา

“หลัวเฟิง หัวหน้ามาแล้ว มาเร็ว” เฉินกู่ตะโกน

“ฉันต้องไปแล้วนะ” หลัวเฟิงกล่าวกับสวีซิน

“โอเค” สวีซินพยักหน้า

หลัวเฟิงเดินกลับไปที่เดิม ในตอนนี้ 3 คนที่รออยู่ก็มาถึงกันแล้ว และสองคนในนั้นดูหน้าตาเหมือนกัน มองครั้งแรกก็บอกได้ เลยว่าเป็นฝาแฝดกัน ทั้งคู่มีโล่และดาบอยู่ข้างหลัง ส่วนคนที่สาม ตัวใหญ่มากและมีค้อนสีดำขนาดใหญ่เป็นเงามัน

“หลัวเฟิง.. สองคนนี้คือสองพี่น้องผู้โด่งดัง ‘ดาบพระจันทร์คู่’ แห่งตระกูลเว่ย..เว่ยเถี่ยและเว่ยชิง” เฉินกู่กล่าวพลางยิ้ม

พี่น้องเว่ยพยักหน้าให้หลัวเฟิงแล้ววางโล่กับดาบแล้วนั่งลง

“พี่เถี่ย พี่ชิง” หลัวเฟิงยิ้มทักทาย

สมาชิกคนอื่นๆ ของทีมค้อนอัคคีต่างก็อายุมากกว่าหลัวเฟิงทั้งนั้น อย่างน้อยๆ ก็ 10 ปี เมื่อเปรียบเทียบกับ 5 คนนี้ หลัวเฟิงดู เหมือนจะเป็นน้องเล็กสุดประจำทีม

“นี่คือหัวหน้าของทีมค้อนอัคคีของเรา ‘ค้อนคู่วายุ’ เกาเฟิง” เฉินกู่กล่าว หลัวเฟิงสังเกตเห็นว่าหัวหน้า ‘เกาเฟิง’ คนนี้ไม่ถึงกับ ตัวสูงมากนัก น่าจะเกือบๆ 180 เซ็นติเมตร แต่สิ่งที่พิเศษก็คือ ร่างกายเขาบึกบึนมาก ดูราวกับกำแพงเหล็ก

เกาเฟิงแสยะยิ้ม กล้ามเนื้อที่ใบหน้าของเขาดูราวกับก้อนหิน ขณะที่เขาขยับเข้ามา “หลัวเฟิง นายก็ใช้ดาบเหมือนกัน งั้นตอนที่ เข้าไปในแดนเถื่อน ให้พยายามเรียนรู้จากเว่ยถึ่ยและเว่ยชิงนะ นายมีพรสวรรค์อยู่แล้ว เพราะงั้นฉันเชื่อว่านายจะได้เป็นสมาชิก ของทีมเราอย่างรวดเร็วทีเดียว”

“ครับหัวหน้า” หลัวเฟิงพยักหน้า

ไม่ว่ายังไง สิ่งสำคัญอันดับแรกของเขาก็คือการไม่เป็นภาระของทีมนักสู้ชั้นหัวกะทินี้

“พักกันก่อนจากนั้นค่อยเดินทาง” เกาเฟิงกล่าว

“ครับหัวหน้า”

ทุกคนรวมทั้งหลัวเฟิงพยักหน้า

อีก 20 นาทีต่อมา เกาเฟิงและทีมดื่มนํ้าดื่มท่าจนเสร็จก็ลุกยืนขึ้น

“ไป..ตะลุยแดนเถื่อนกัน”

หลัวเฟิงหยิบอุปกรณ์ประจำตัวต่างๆ เตรียมพร้อมอย่างรวดเร็ว

“หลัวเฟิง” มีเสียงเรียกดังแว่วขึ้น

หลัวเฟิงหันหน้าไปมอง

ในตอนนั้น ใจของสวีซินสั่นเล็กๆ ไม่รู้ทำไม การที่หลัวเฟิงต้อง เข้าไปในแดนเถื่อนอันตรายถึงทำให้เธอกังวล บางทีสวีซินอาจจะ เริ่มมีความรู้สึกดีๆ กับเด็กหนุ่มคนที่เคยแอบชอบเธอตั้งแต่ตอน เรียนมัธยมอยู่ก็เป็นได้

“ไง?” หลัวเฟิงมองดูสวีซิน

“อีกสองสามวัน โรงเรียนก็จะเปิดแล้ว แต่ช่วงระหว่างเรียน.. ฉันจะมาทำงานที่นี่ในวันศุกร์และวันหยุดนะ” สวีซินตะโกน “นายมาตามวันนั้นนะ” ขณะที่เธอตะโกนบอก หน้าของเธอก็เริ่มแดงระเรื่อ

“โอเค แล้วเจอกัน”

หลัวเฟิงยิ้มให้

“นายนี่มันร้ายจริงๆ…ดี!” เฉินกู่ตบไหล่หลัวเฟิงพลางหัวเราะเสียงดัง

“นี่แหละผลพลอยได้ของคนหนุ่ม สาวๆ ติดนายตรึมแน่” เกาเฟิงหัวเราะ เพราะเขาเองก็ตกลงใจแล้วว่าจะให้หลัวเฟิงเข้าร่วมทีมค้อนอัคคี ดังนั้นคนในทีมจึงพากันมองเห็นหลัวเฟิงเป็นเหมือน น้องชายคนหนึ่งเช่นกัน

หลัวเฟิงหัวเราะเบาๆ

“ไป!”

“ขึ้นรถ!”

สมาชิกทั้ง 6 คนของทีมค้อนอัคคีขึ้นประจำที่บนรถยนต์ ประจำการของพันธมิตรใต้ดินแล้วมุ่งหน้าไปที่สถานีรถไฟ พวกเขาจะนั่งรถไฟเพื่อมุ่งหน้าไปสู่แดนเถื่อน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!