ตอนที่ 43 พัฒนาการอันน่าอัศจรรย์
“ฟู่ๆ!”
เลือดคาวคลุ้งพุ่งออกมาจากลำคอหนังหนาของมัน ไหลนองลงสู่ถนนหลวงที่มีแต่ฝุ่นดินเต็มไปหมด หมูป่าเขาเดียวจ้องหลัวเฟิงเขม็ง คำรามออกมาเสียงทุ้มต่ำ พร้อมกับวิ่งเข้าใส่เขาอย่างบ้าคลั่ง ครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับสายฟ้าฟาด กีบเท้า เขาเหล็ก และหางแส้ของมัน ทั้ง 3 อย่างนี้พุ่งเข้าโจมตีเขาอย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน
“หลังจากการบาดเจ็บที่คอของมัน ความคล่องแคล่วของ หัวมันก็ลดลงไปมาก” หลัวเฟิงหลบได้ด้วยความคล่องแคล่ว
ในการทดสอบการต่อสู้จริง เขาสู้กัมสัตว์ประหลาดระดับ H ถึง 7 ตัวพร้อมๆ กันเพื่อฝึกฝนตนเอง ถึงแม้ว่าความเข้มข้นของการ โจมตีจากสัตว์ประหลาดทั้ง 7 ตัวนั้นจะมีน้อยกว่าหมูป่าระดับ F ตัวนี้ แต่ทว่าก็ไม่ได้มีความแตกต่างมากมายนัก
วูบ!
หลัวเฟิงไม่ได้ล่าถอย แต่หลบออกข้างอย่างสง่างาม เขาเดียวของสัตว์ประหลาดพลาดจากตัวหลัวเฟงไปเพียง 3 เซนติเมตรเท่านั้น ทว่า 3 เซนติเมตรนี้ก็มีผลอย่างมาก ทำให้เขาของมันไม่อาจทำอันตรายใดๆ กับหลัวเฟิงได้
“โจมตี!”
ดาบปีศาจในมือของหลัวเฟิงฟันแหวกอากาศลง! ทำให้เกิด เสียงแสบแก้วหู แล้วหมูป่าเขาเดียวก็ร้องลั่นด้วยความโกรธแค้น มันใช้กีบเท้าทั้งสี่ตะเกียกตะกายหลบหลีกดาบของหลัวเฟิง แต่ว่า ….ดาบของหลัวเฟิงเร็วมาก ได้ยินเพียงเสียงดาบที่แทรกเข้าไปใน เนื้อของมัน
ฉัวะ….
โจมตีที่คออีกแล้ว แม้ว่าจะไม่ถึงกับซ้ำที่เดิม แต่การฟันครั้งนี้ก็ เข้าลึกถึง 8 เขนดิเมดร!
“ฮึ่ม..การบาดเจ็บเมื่อกี้ ทำให้มันออกแรงคอไม่ได้เต็มร้อย เปอร์เซ็นต์ ถ้าเราโจมตีที่คออีก มันจะขวิดอีกไม่ได้แน่ๆ” ขณะที่หลัวเฟิงเฉือนที่คอของมัน เขาก็หลบทันที แล้วก็รอดพ้นจากการ โจมตีอย่างบ้าคลั่งของหมูป่าเขาเดียวตัวนั้น จากนั้นหลัวเฟิงก็เข้า ประชิดอีก!
“โฮ่ว์…โฮ่ว์…” หมูป่าเขาเดียวคำรามอย่างโกรธแค้น
“เผด็จศึก!”
หลัวเฟิงขยับหลบไปมาเพื่อหลอกล่อมัน หลบการโจมตีของมัน แล้วก็ตวัดดาบทันที!
“ฉัวะ”
ดาบแรกค่อนข้างยากที่จะเฉือนเข้าเนื้อ แต่หลังจากที่คอมันมี แผลลึก 12 เซนติเมตร ความทนทานก็ลดน้อยลง หลังจากที่ดาบ ปีศาจของหลัวเฟิงฟันซ้ำเข้าไปที่คอของหมูป่าเขาเดียวแล้ว เขาก็ ดึงดาบออกและรีบล่าถอยออกมา!
เสือดสดๆ พุ่งทะลักจากบาดแผลใหญ่ราวกับนํ้าพุ
“โอ้กก…” เสียงร้องโหยหวน หมูป่าเขาเดียวบิดตัวไปมาอย่าง รุนแรงด้วยความเจ็บปวด กีบเท้าของมันย่ำพื้นเสียงดังสับสนไปหมด พื้นถนนแตกกระจายจากการย่ำเท้าของมัน หลังจากนั้นมันก็ หมุนตัวตวัดเขาอย่างดีเดือดแล้วชนเข้ากับราวกั้นโค้งที่ข้างถนน จากนั้นมันก็หล่นลงไปกองที่ข้างถนน…
เสียงดิ้นรนเริ่มแผ่วลง แล้วมันก็นิ่งไป
หลัวเฟิงอยู่ตรงที่พื้นถนนแตก มองลงไปดูซากของหมูป่าเขา เดียวที่บัดนี้นอนกองอยู่กับพื้น เลือดหยุดไหลอย่างรวดเร็ว เพราะเลือดส่วนใหญ่ไหลออกไปก่อนหน้านี้แล้ว ดูด้วยสายตาเลือดที่ออกมาอย่างน้อยๆ ก็คงเกือบเต็มถังใหญ่ๆ เลยทีเดียว
“ตายแล้ว!” หลัวเฟิงกระโดดตามลงไปแล้วใช้ดาบปีศาจตัด เขามันออกมา
ส่วนที่สำคัญที่สุดของหมูป่าเขาเดียวตัวนี้ก็คือเขาเดียวของ
มัน!
………..
สมาชิกทั้ง 5 คนของทีมค้อนอัคคีถอนหายใจออกมาอย่างโล่ งอกขณะที่ยืนมองอยู่ไกลๆ
“วิปริต!”
“สัตว์ร้ายชัดๆ!”
สองคำนี้หลุดออกมาจากปากสองพี่น้องตระกูลเว่ย
“ไงล่ะ ผมตาถึงไหมล่ะทีนี้” เฉินกู่ยืดอก ถ้าจะบอกว่าพวกเขาทั้ง 5 คนประหลาดใจ ตอนนี้ก็คงต้องบอกว่าช็อคและอึ้งดีกว่า
“เหลือเชื่อ” จางเคอโพล่งออกมาบ้าง
หัวหน้าค้อนคู่วายุ ‘เกาเฟิง’ จ้องไปที่หลัวเฟิงขณะที่เขากำลัง ตัดเขาของหมูป่านั่น “ทำไมเทคนิคของหลัวเฟิงถึงดีอย่างนี้? เห็นชัดว่าเจ้าหมูป่านั่นเร็วกว่าเขานิดหน่อย แต่การหลบหลีกของ เขากลับต่อเนื่องเนียนตา การหลบหลีกทุกครั้งดูราวกับปุยเมฆ หรือไม่ก็สายนํ้า! ถ้าเขาใช้เทคนิคนี้ได้เป็นแสนครั้ง เขาก็คงจะ สำเร็จเทคนิคประณีตแน่!”
“เขาอายุแค่ 18 ปี ถ้าเขาสำเร็จเทคนิคประณีต! เขาก็ควรจะ ถูกส่งไปให้สำนักงานใหญ่สากลเพื่อเข้าฝึกพิเศษที่นั่น” ‘เว่ยเถี่ย’ คนพี่กล่าว
เทคนิคประณีต….
เป็นการหลบหลีกอย่างสมบูรณ์แบบ การใช้พลังน้อยนิดเท่าที่ จะเป็นไปได้เพื่อหลบหลีกการโจมตี! การหลบหลีกแบบนี้เป็นวิธีที่ ยากสุดขั้ว และนักสู้ทั่วๆ ไปสามารถใช้ได้แค่ครั้งหรือสองครั้ง
เท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากใช้มันได้เป็นร้อยครั้งหรือพันครั้ง นั่นก็ หมายความว่าเป็นเทคนิคประณีตอย่างแท้จริงแล้ว!
“เราเจอเพชรเม็ดงามเข้าแล้ว!”เกาเฟิงยิ้มออกมาได้
‘เว่ยชิง’ คนน้องพยักหน้าอย่างดีใจเหมือนกัน “ฮึ่ม..หลังจากฝึกกันอีกหน่อย ทีมค้อนอัคคีของเราก็จะมีมือดีเพิ่มอีกคน”
“ฉันกับเว่ยชิงจะสอนเขาเอง” เว่ยเถี่ยกล่าว
เฉินกู่และจางเคอหัวเราะร่า ในฐานะนักรบผู้เหยียบยืนอยู่บน เส้นแห่งความเป็นความตายมานับไม่ถ้วน มันชัดเจนสำหรับพวกเขา อัจฉริยะทั่วไปจะมีสมรรถภาพร่างกายที่น่าทึ่ง แต่เมื่อพวกเขาต้องต่อสู้กับสัตว์ประหลาดจริงๆ จะไม่สามารถเอาความแข็งแกร่งนั้นมาใช้ได้แม้แต่ 1 ใน 10 ล้วน เพราะสิ่งนี้ เฉินกู่และจางเคอจึงมัก ประเมินอัจฉริยะพวกนั้นต่ำเสมอ
มืออาชีพจริงๆ จะต้องผ่านอันตรายมานับไม่ถ้วน!
และหลัวเฟิงก็สามารถแสดงให้เห็นถึงทักษะเช่นนั้นได้ในการ ต่อสู้ครั้งแรกของเขา เป็นที่ชัดเจนว่า เขาคือนักสู้ที่ทรงพลัง
“หัวหน้า” หลัวเฟิงวิ่งเข้ามา “นี่เขาครับ…”
“นายฆ่ามัน เพราะงั้นเขานี้เป็นของนาย” เกาเฟิงกล่าว
หลัวเฟิงพยักหน้าแต่โดยดี
‘ชิ้นส่วนร่างกายของสัตว์ประหลาดระดับพลทหาร ไม่ได้มีค่าอะไรนัก เพราะว่าสัตว์ประหลาดระดับนี้สามารถจัดการได้โดยอาวุธร้อน…. แม้แต่นักรบขั้นต้นกับปืนกลหนึ่งกระบอกพร้อมด้วยทักษะที่ ดีก็สามารถจัดการกับสัตว์ประหลาดระดับนี้ได้อย่างง่ายดาย เพราะฉะนั้นชิ้นส่วนร่างกายมันจึงไม่ค่อยมีราคาเท่าไหร่!
“ถ้านายขายเขานี้ให้สำนักขีดสุด นายอาจจะได้เงินประมาณ 3,000 หยวนและคะแนนสะสมอีกนิดหน่อย ถ้านายขายให้พันธมิตรใต้ดิน ก็อาจจะได้อยู่ประมาณ 5,000 หยวน” เฉินกู่เปิดปากพูดอย่างอารมณ์ดี
เฉพาะวัตถุดิบบนร่างกายของพวกมันเท่านั้นที่มีราคา
และวัตถุดิบที่สำคัญๆ จะอยู่กับพวก ‘สัตว์ประหลาดระดับบัญชาการ’ ซึ่งมีราคาสูงมากทีเดียว!
“หลัวเฟิง ศักยภาพนายเมื่อกี้ นายเกือบจะไม่ผ่านนะ” เว่ยเถี่ย คนพี่กล่าวทำหน้ามุ่ย
“พี่เถี่ย?” หลัวเฟิงมองเขา “ขอคำชี้แนะด้วยครับพี่เถี่ย”
“พื้นฐานของนายดี แต่ประสิหธิภาพการโจมตีต่ำเกินไป” เว่ย เถี่ยจริงจัง “คอยดูนะว่าจะต้องฆ่าสัตว์ประหลาดระดับ F ยังไง”
………..
ตัวที่หลัวเฟิงฆ่าเป็นสัตว์ประหลาดที่ใกล้ระดับ F แต่หลังจากที่ พวกเขาเดินทางต่อได้ไม่นาน พวกเขาก็เผชิญหน้ากับสัตว์ตระกูล แมวระดับ F ‘แมวป่าโอซีล็อตกลายพันธุ์’ แมวป่าตัวนี้มีลายเป็นริ้วๆ บนลำตัวและบึกบึนราวกับวัวกระทิง เหนือกว่าหมูป่าตัวนั้นทั้งด้าน ความว่องไวและความดุร้ายมากทีเดียว
“ดูฉันนะ” เว่ยเถี่ยเอ่ยเสียงเย็นชา
วูบ…!
ด้วยโล่ในมือซ้ายและดาบพระจันทร์ในมือขวาของเขา เขา ชาร์จตรงเข้าไปหาแมวป่าตัวนั้นแบบตรงๆ!
“พี่เถี่ยเป็นนักรบขั้นสูง ดังนั้นสมรรถภาพร่างกายของเขาก็ เทียบเท่าแมวป่าระดับ F ตัวนั้นแหละ” หลัวเฟิงเพ่งดูอย่างตั้งใจ เขา สังเกตเห็นว่าเว่ยเถี่ยไม่ได้พยายามหลบหลีกเลย เขาพุ่งตรงเข้าไป หาแมวป่าโอซีล็อตกลายพันธุ์นั่น…ไม่…อันที่จริง…ขณะที่แมวป่านั่น กำลังจะปะทะเข้ากับเว่ยเถี่ย..
เว่ยเถี่ยก็ขยับออกข้างและขอบโล่ของเขาก็กระแทกเข้ากับ แมวป่าตัวนั้น
การปะทะนั้นทำให้แมวป่าเสียการทรงตัว เป็นเหตุให้มันเซถลา ไปด้านข้าง
“ฉัวะ!”
แสงสะท้อนวาบเห็นเป็นเส้นโค้งตามวิถีโล่ แสงนั้นวิ่งตัดผ่าน คอหอยของแมวป่ากลายพันธุ์ตัวนั้นในระหว่างที่มันกำลังเสียการทรงตัว ทันใดนั้น เลือดสดๆ ก็พวยพุ่งออกมาราวกับน้ำพุ แล้วเว่ย เถี่ยก็ล่าถอยออกมาอย่างรวดเร็ว เขามองดูแมวป่าตัวนั้นร้อง คำรามด้วยความเจ็บปวดอย่างเยือกเย็น จนกระทั่งมันล้มลงและ ขาดใจตายในที่สุด
เว่ยเถี่ยตัดหางแมวป่าโอซีล็อตกลายพันธุ์ตัวนั้นพร้อมกับเลาะ เส้นเอ็นออกมาแทบทั้งหมด เขาหยิบใส่กระเป๋าแล้วเดินกลับมา
“นายเห็นรึยัง? เทคนิคของฉันไม่ได้ดีไปกว่านาย และพลังก็ไม่ ดีกว่านัก แต่ฉันสามารถฆ่าเจ้านั้นได้ภายในครั้งเดียว” เว่ยเถี่ยมอง หน้าหลัวเฟิง
หลัวเฟิงยังอึ้งอยู่
การต่อสู้เมื่อสักครู่จบลงในพริบตา แต่สำหรับการต่อสู้ของเขา เขาหลบหลีกการโจมตีอยู่หลายครั้งและโจมตีที่คอของหมูป่าฆ่า แล้วฆ่าอีก ทำให้เขาต้องเปลืองแรงฆ่ามันไปหน่อย และหมูป่าตัว นั้นก็อ่อนแอกว่าแมวป่าโอซีล็อตตัวนี้อย่างเห็นได้ชัด
“คิดให้ดีๆ แล้วกัน” เว่ยเถี่ยไม่ได้อธิบายอะไรเขาปล่อยให้หลัวเฟิงคิดด้วยตัวเอง
หลัวเฟิงยังคงช็อคอยู่
ความเร็วและเทคนิคของเว่ยเถี่ยไม่ได้เหนือธรรมดาแต่อย่างใด แต่เขากลับใช้งานมันได้ผลอย่างน่าอัศจรรย์!
“วิธีดีที่สุดที่จะฆ่าสัตว์ประหลาดก็คือการโจมตีที่จุดอ่อนของมัน!” เว่ยชิงคนน้องกล่าวเป็นงานเป็นการ “โดยปกติสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม พวกมันจะมีจุดอ่อนอยู่ที่ดวงตา คอหอย และปาก ส่วนที่ ให้ผลต่ำกว่านั้นจะเป็นหน้าท้องที่อ่อนนุ่มของพวกมัน…. ส่วนที่ให้ ผลต่ำกว่านั้นอีกก็จะเป็นลำคอของพวกมันที่นายเฉือนไปแล้วนั่นแหละ!”
หลัวเฟิงพยักหน้า เขารู้สิ่งเหล่านี้แล้ว แต่ว่าสัตว์ประหลาด พวกนั้นเคลื่อนที่เร็วมาก ดังนั้นการที่จะแทงลูกตาพวกมันจึงเป็นเรื่องยาก! และสำหรับหมูป่าและแมวป่าที่ก้มหัวต่ำมากตลอดเวลา การเชือดคอหอยจึงยากเช่นกัน แม้แต่ท้องของมันก็ยังยากต่อการโจมตี ดังนั้น การโจมตีที่ลำคอจึงเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด
“โอกาสที่จะโจมตีจุดอ่อนของสัตว์ประหลาดไม่ได้มีมากนัก เพราะพวกมันไม่ได้โง่ พวกมันป้องกันจุดอ่อนของตัวเองอยู่ตลอดเวลา
แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่มีโอกาส เราต้องสร้างโอกาสนั้นเอง!
ยกตัวอย่าง พี่เว่ยเถี่ยเข้าปะทะกับแมวป่านั่นด้วยสันโล่ เป็น เหตุให้มันเสียการทรงตัว ทำให้มันเผยคอหอยออกมาในเสี้ยววินาที เขาใช้ดาบคู่ใจของเขาสอดออกมาจากด้านใต้โล่แล้วก็เชือดคอหอยมัน ทำให้ฆ่ามันตายได้ในทันที” เว่ยชิงกล่าวเยือกเย็น “นี่คือการโจมตีเพียงครั้งเดียวที่เขาทำ และก็มาจากใต้โล่ของเขา สัตว์ประหลาดตัวนั้นจึงไม่มีโอกาสได้ตอบโต้เลยแม้แต่น้อย!”
หลัวเฟิงพยักหน้า
“จำเอาไว้ เรียนรู้ที่จะใช้จุดแข็ง” เว่ยชิงกล่าว “นายต้องใช้มัน อย่างมีประสิทธิภาพและศักยภาพ! เทคนิคของนายดี แต่นายไม่ จำเป็นต้องใช้เทคนิคทุกครั้งที่ฆ่าสัตว์ประหลาด จงตรงเข้าวิธีที่มี ประสิทธิภาพที่สุดในการฆ่าสัตว์ประหลาด”
“เข้าใจแล้วครับ” หลัวเฟิงพยักหน้า
เว่ยชิงเผยยิ้มยากให้ได้เห็น
“ไปกันเถอะ” เกาเฟิงหัวเราะพลางโบกมือ
…….
ทีมค้อนอัคคีต้องการให้หลัวเฟิงกลายเป็นสมาชิกชั้นดีของทีม ในอนาคตอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นพวกเขาถึงได้อบรมหลัวเฟิงอย่างจริงจัง บนถนน เว่ยชิงและเว่ยเถี่ยหันกลับไปต่อสู้กับสัตว์ประหลาด ที่โผล่ออกมาเป็นระยะๆ และบางครั้งก็เรียกหลัวเฟิงให้เข้าไปร่วมวง กับพวกเขาด้วย พวกเขาได้สอนทั้งคำพูดและเทคนิคต่างๆ และให้ หลัวเฟิงได้เผชิญกับประสบการณ์จริง อัตราการพัฒนาของหลัวเฟิงดีขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์
แม้แต่เกาเฟิงผู้เป็นระดับแม่ทัพก็ยังลงมือต่อสู้อยู่หลายครั้ง เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับหลัวเฟิง
หลัวเฟิงรู้แล้วว่าจะต้องทุ่มพลังทั้งหมดเพื่อฆ่าสัตว์ประหลาดใน แต่ละครั้ง และตอนที่เขาต่อสู้กับหมูป่าก่อนหน้านี้ การหลบหลีก ของเขาสวยงาม แต่อันที่จริง มันไม่เป็นประโยชน์เลย! การโจมตีที่ เชื่องช้าของหลัวเฟิง ตอนนี้กลายเป็นเฉียบคมขึ้น ตรงขึ้น และมี ประสิทธิภาพขึ้น!
3 วันผ่านไป
รุ่งเช้า บนถนนวงแหวนรอบเมืองร้างแห่งหนึ่ง สมาชิกทั้ง 6 คน ของทีมค้อนอัคคีกำลังมุ่งไปข้างหน้า
“มีหมาสิงโตระดับ F 2 ตัว หลัวเฟิง ลุย” หัวหน้าเกาเฟิงสั่งการ
“ครับ หัวหน้า”
หลัวเฟิงยิ้มยิงฟัน และก็ตรงดิ่งเข้าใส่หมาสิงโต 2 ตัวนั้นด้วย ความรวดเร็ว
“โฮก…โฮก…” หมาสิงโตคำรามใส่หลัวเฟิงผู้กำลังตรงดิ่งเข้า มาด้วยสายตาดุร้ายกระหายเลือดของมัน พวกมันไม่ได้สนใจ มนุษย์ตัวจ้อยที่อยู่ต่อหน้ามันนัก เมื่อทั้งสองฝ่ายอยู่ใกล้กันมาก… หลัวเฟิงก็เผยรอยยิ้มออกมา
วูบ…!
ความเร็วของเขาเร่งขึ้นไปอีก! ขนของหมาสิงโตทั้ง 2 ตัวนั้น ตั้งชันขึ้น
หลัวเฟิงประชิดตัวเข้าไปทันที ด้วยจังหวะเท้าที่ไม่ธรรมดา เขา ใช้วิชา ‘ดาบสายฟ้า 9 ขั้น’ เทคนิค ‘หลัวกวง’ เขาหลอกล่อกรง เล็บของพวกมัน ด้วยการหมุนตัว เขาหลบหลีกกรงเล็บเหล่านั้น อย่างแม่นยำ ขณะที่ลำตัวของเขาเคลื่อนผ่านลำตัวของพวกมัน ดาบปีศาจในมือของเขาก็เชือดในทันที!
ฉัวะ!
หลัวเฟิงพุ่งไปข้างหน้าแล้วก็หมุนกลับมาหาหมาสิงโตอีกตัว
“โฮก…” เมื่อหมาสิงโตอีกตัวเห็นเสือดสดๆ พวยพุ่งออกมา จากคอหอยของเพื่อน มันก็คำรามออกมาแล้วล่าถอยอย่างรวดเร็ว
เฉินกู่ เกาเฟิง และสองพี่น้องเว่ย ยิ้มออกมาขณะที่ยืนดู
ถึงแม้ว่าประสบการณ์ของหลัวเฟิงจะไม่เท่ากับสองพี่น้องเว่ย แต่เพราะเทคนิคของเขา พลังต่อสู้ของหลัวเฟิงก็ไม่ได้ด้อยไปกว่า สองพี่น้องเว่ยเลย
“หลัวเฟิง ไปเร็ว เข้าไปในเมือง! พวกหมาสิงโตมันชอบอยู่เป็นกลุ่ม ไอ้ตัวที่วิ่งหนีไป มันจะไปเรียกพวกมันมาที่นี่แน่ๆ” เฉินกู่หัวเราะเสียงดัง หลัวเฟิงก็หัวเราะพลางเข้ามารวมกลุ่ม ในที่สุด สมาชิกทั้ง 6 คนก็เข้าสู่ที่หมายของพวกเขา….เมืองชนบท หมายเลข 0201