Skip to content

Swallowed Star 61

ตอนที่ 61 0231

ขณะที่เขาเห็นหลัวเฟิงเดินจากไป สวีกังก็ยกไวน์ขึ้นจิบเบาๆ “หลัวเฟิงนะหลัวเฟิง ฉันพยายามบอกกับนายอย่างสุภาพแล้วนะ! ฉันหวังว่านายคงเข้าใจ…ถ้านายยังมายุ่งกับน้องสาวฉัน ก็อย่าหาว่าฉันไม่เตือนแล้วกัน!”

สวีกังหัวเราะพลางยกไวน์ขึ้นดื่มจนหมดแก้ว

…………..

“เสี่ยวซิน พี่มีธุระ ไปก่อนล่ะนะ” สวีกังบอกลาสวีซินแล้วออกไปจากล็อบบี้

ชั้นที่ 3 ของตลาดพันธมิตรใต้ดิน หนึ่งในห้องมากมายของชั้นนี้เป็นร้านน้ำชา

“หลัวเฟิง” เฉินกู่พูดยิ้มๆ “คุยกับสวีซินคนนั้นนานเชียว ฉันว่าเธอก็ปิ๊งนายอยู่เหมือนกันนะ ดูๆ แล้วน่าจะฉลุยสินะงานนี้! แล้วพี่ชายของเธอที่มาคุยกับนายล่ะ เห็นคุยนานเหมือนกัน หรือว่าชอบใจ ‘น้องเขย’ อย่างนายแล้ว?”

ชอบใจน้องเขยอย่างตน? หลัวเฟิงหัวเราะขึ้นมาอัตโนมัติ เพราะพี่เฉินไม่ได้ยินคำพูดของ ‘สวีกัง’ ผู้เป็นพี่ชายของสวีซินนั่นเอง

“พูดไปเรื่อยน่ะพี่ เราเป็นเพื่อนกันตอนสมัยเรียนมัธยมน่ะครับ” หลัวเฟิงหัวเราะ

เกาเฟิงอดหัวเราะไม่ได้ “ก็เพราะเป็นเพื่อนสมัยเรียนด้วยกันนี่แหละ ยิ่งจีบง่าย นายไม่เห็นรึไง? ส่วนมากที่แต่งๆ กันก็เพื่อนสมัยเรียนกันทั้งนั้น”

“ใช่ หลัวเฟิง เอาเลย” เว่ยเถี่ยส่งเสริมเข้ามาอีก “สาวคนนั้นดูใช้ได้ทีเดียว มีนักสู้หลายคนนะที่เทียวมาเทียวไปที่บาร์นี้อยู่ทุกวันหยุดที่เธอทำงาน พวกนั้นพยายามจะก้อร่อก้อติกกับเธอ แต่พวกเขาก็เกรงกลัวเบื้องหลังของสวีซินเหมือนกัน”

หลัวเฟิงหัวเราะ

เล่นกับคุณหนูของตระกูลสวี? คนที่กล้าคิดแบบนั้นอาจจะตายไม่รู้ตัวก็ได้

“หัวหน้าครับ อย่าพูดถึงเรื่องนี้เลย” หลัวเฟิงหัวเราะ “มาพูดถึงธุระของเราดีกว่า”

“อืม” เกาเฟิงหัวเราะ “พวกนาย 3 คน ระดับสมรรถภาพร่างกายเป็นยังไงบ้าง?”

เว่ยเถี่ยวางถ้วยชาลงแล้วตอบ “หัวหน้า พลังหมัดของผมราวๆ 9,650 กิโลกรัม ความเร็วอยู่ที่ 102 เมตรต่อวินาที และปฏิกิริยาโต้ตอบคือ ‘ระดับแม่ทัพขั้นต้นมาตรฐาน’ ครับ”

“อืม…งั้นก็ถือว่านายเป็นแม่ทัพขั้นต้นแล้วล่ะ” เกาเฟิงพยักหน้า

“หัวหน้า” เว่ยชิงเอ่ยขึ้นเหมือนกัน “พลังหมัดของผมราวๆ 9,510 กิโลกรัม ความเร็วอยู่ที่ 106 เมตรต่อวินาที และปฏิกิริยาโต้ตอบเป็น ‘ระดับแม่ทัพขั้นต้นมาตรฐาน’ เหมือนกันครับ”

ทั้งเกาเฟิงและหลัวเฟิงต่างก็พยักหน้าเล็กน้อย

“ฮ่าๆ ตาฉันบ้างนะ” เฉินกู่หัวเราะ “พลังหมัดของฉันราวๆ 7,100 กิโลกรัม ความเร็วอยู่ที่ 81 เมตรต่อวินาที และปฏิกิริยาโต้ตอบเป็น ‘ระดับแม่ทัพขั้นต้นยอดเยี่ยม’ ”

“ปฏิกิริยาโต้ตอบของพี่เฉินรวดเร็วมาก” หลัวเฟิงกล่าวชื่นชม

เกาเฟิงพูดอย่างอารมณ์ดี “เขาใช้ปืน ปฏิกิริยาโต้ตอบเดิมทีก็เร็วมากอยู่แล้ว ครั้งนี้ใช้ยาทางพันธุกรรม ปฏิกิริยาโต้ตอบเลยเร็วขึ้น ดูเหมือนนายจะใช้ปืนที่เร็วขึ้นได้แล้ว”

ค่อนข้างหาได้ยากที่นักสู้ที่ใช้อาวุธร้อนจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบถึงระดับแม่ทัพขั้นต้น

ยิ่งไปกว่านั้นปฏิกิริยาโต้ตอบของเฉินกู่คือ ‘ระดับแม่ทัพขั้นต้นยอดเยี่ยม’

“เอาล่ะ พวกนาย 3 คน สรุปว่ายางทางพันธุกรรมออกฤทธิ์แล้ว” เกาเฟิงมองไปที่เว่ยเถี่ยและเว่ยชิง “เว่ยเถี่ย เว่ยชิง ยังไงก็ฝึกหนักต่อไปนะ! ถึงจะผ่านไปเป็นเดือนแล้ว แต่ฤทธิ์ของมันน่าจะยังไม่หมดหรอก ถ้าพวกนายยังฝึกต่อไป พวกนายก็จะยังได้ประโยชน์จากฤทธิ์ยาอยู่”

“เข้าใจแล้วครับ” เว่ยเถี่ยและเว่ยชิงพยักหน้า

เกาเฟิงมองไปที่เฉินกู่ “สหายเฉิน คงต้องเปลี่ยนปืนกลสินะ”

“ใช่ คงต้องเปลี่ยนแล้วล่ะ” เฉินกู่พยักหน้า

อาวุธร้อนของเฉินกู่คือปืนกลกับสไนเปอร์ไรเฟิลหนัก ความเร็วสูงสุดของปืนกลอยูที่ 300 นัดต่อนาที เฉลี่ยแล้ว 5 นัดต่อ 1 วินาทีนั่นเอง! ความเร็วปฏิกิริยาโต้ตอบเดิมของเฉินกู่ เขาสามารถยิงหัวสัตว์ประหลาด 4 ตัวได้ใน 4 นัดแรก ส่วนนัดที่ 5 เขาจะยิงได้แค่ที่ลำตัวของสัตว์ประหลาดตัวที่ 5 เท่านั้น

กล่าวง่ายๆ คือ…

สำหรับเฉินกู่แล้ว ปืนกลของเขาใช้ใช้ได้ดีกับเป้าหมายที่ไม่เคลื่อนที่ ซึ่งปฏิบัติการนี้ต้องใช้ปฏิกิริยาโต้ตอบที่น่ากลัวทีเดียว ปฏิกิริยาโต้ตอบของเฉินกู่อาจจะเร็วกว่าคนทั่วไปซักร้อยซักพันเท่าก่อนยุคมหานิพพาน ดังนั้น จึงไม่แปลกเลยที่เขาจะทำเช่นนั้นได้

“ฉันเตรียมจะใช้ปืนกลหนักแบบ RG112 ลำกล้องขนาด 12.7 มิล และให้พลังมหาศาลทีเดียว” ตาของเฉินกู่เป็นประกายขึ้น “ความเร็วสูงสุดของมันอยู่ที่ 1,500 นัดต่อนาที ปืนกลตัวนี้แทบจะนับเป็นปืนกลที่เร็วที่สุดที่นักสู้อาวุธร้อนจะใช้ ถ้าความเร็วเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ ก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว”

เป็นเช่นนั้น…

มีปืนกลที่ยิงด้วยอัตรา 7,000-8,000 นัดต่อนาที กระทั่งที่ยิงได้ถึง 10,000 นัดก็มี!

แต่ประสิทธิภาพนั้นต่ำเกินไป

สำหรับความเร็วปฏิกิริยาโต้ตอบของเฉินกู่ในตอนนี้ เขาสามารถยิงได้ 10 นัดต่อวินาที เขาสามารถควบคุมกระสุน 10 นัดนี้ตรงไปยังหัวของสัตว์ประหลาดได้ นี่คือความมีประสิทธิภาพ!

“สหายเฉิน ซื้อปืนแล้วก็ฝึกยิงซะ ใช้มันให้คล่องที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” เกาเฟิงยิ้มให้และพยักหน้า “เว่ยเถี่ย เว่ยชิง พวกนายก็เหมือนกัน ฝึกให้หนัก ถึงสมรรถภาพร่างกายจะเพิ่มขึ้นแล้ว พวกนายก็ยังต้องฝึกใช้พลังนั้นในการต่อสู้ ฝึกใช้พลังที่มีให้มีประสิทธิภาพที่สุด”

“ไม่ต้องห่วงครับหัวหน้า “เว่ยเถี่ยและเว่ยชิงพยักหน้า

หลัวเฟิงเห็นดังนั้นก็ยิ้มออกมาได้

นี่คือสิ่งที่นักสู้ของจีนต่างคิดกัน…ต้องหาวิธีเอาพลักที่มีมาใช้ในการต่อสู้ให้ได้!

‘ควบคุมพลังให้ชำนาญ’ นี่คือความคิดของชาวตะวันออก ส่วนชาวตะวันตกก็มีวิธีคิดของตัวเองเช่นกัน ในขณะนี้…นักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ‘อาจารย์หง’ ก็เป็นคนจีน

นักสู้ที่แข็งแกร่งอันดับสอง ‘เทพสายฟ้า’ เป็นสายเลือดระหว่างตะวันตกและตะวันออก และยังมีสายเลือดคนจีนอยู่ในตัว ความคิดแบบศิลปะต่อสู้ของจีนจึงเป็นที่นิยมมากในหมู่นักสู้ปัจจุบัน

“หัวหน้า พี่เฉิน พี่เถี่ยว พี่ชิงครับ” หลัวเฟิงมองดูพรรคพวกของเขาแล้วยิ้มออกมา “ผมฝึกโหดที่บ้านมาร่วมเดือนแล้ว และผมก็รู้สึกว่าความแข็งแกร่งของผมเพิ่มขึ้นพอสมควร แต่ผมรู้สึกว่าวิธีที่จะทำให้เทคนิคของผมพัฒนาขึ้นได้มากก็คือการต่อสู้กับสัตว์ประหลาด!”

ไม่ว่าอยู่ที่บ้านจะฟันดาบมากเท่าไร ก็ทำได้แค่จินตนาการคู่ต่อสู้ขึ้นมาเท่านั้น

วิธการฝึกฝนแบบนั้นไม่อาจเปรียบเทียบกับการต่อสู้กับสัตว์ประหลาดจริงๆ ได้เลย

“ดังนั้น ผมว่าจะเข้าไปในแดนเถื่อนเพื่อฝึกเทคนิคเคลื่อนที่กับเทคนิคดาบ” หลัวเฟิงกล่าว

“อะไรนะ จะไปคนเดียวเหรอ?” สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปทันที

“ครับ” หลัวเฟิงหัวเราะพลางพยักหน้า

อันที่จริง เขาคิดเรื่องนี้มานานแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้มั่นใจซะทีเดียว คำพูดของสวีกังแทงใจเขา ถ้าเขาต้องการจะกลายเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก…เขาก็จำเป็นต้องแน่วแน่! ฉะนั้น หลัวเฟิงจึงตัดสินใจที่จะใช้วิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดเพื่อพัฒนาทักษะของเขา

“มันอันตรายเกินไป” เกาเฟิงกล่าว

“ไม่ครับหัวหน้า ผมจะไปแค่เมืองหมายเลข 0231 ข้างๆ ฐานเติมเสบียงเท่านั้นแหละครับ” หลัวเฟิงอธิบาย “ผมไม่ไปเมืองที่ใหญ่กว่านั้นหรอกครับ”

“เมืองหมายเลย 0231? ข้างๆ ฐานเติมเสบียง?”

เกาเฟิง เฉินกู่ และสองพี่น้องเว่ยถอนหายใจออกอย่างเบาใจขึ้น สัตว์ประหลาดที่อยู่บริเวณรอบๆ ฐานเติมเสบียงล้วนเป็นพวกที่อ่อนแอ สัตว์ประหลาดอย่างพวกจ่าฝูงจะไม่กล้าอยู่บริเวณใกล้ๆ ฐานเติมเสบียงของกองทัพ ฉะนั้น…สัตว์ประหลาดที่อยู่แถวฐานเติมเสบียงล้วนมีแต่ระดับไพร่พลทั้งนั้น อาจจะมีระดับบัญชาการปะปนอยู่บ้าง แต่ก็จะเป็นพวกบัญชาการขั้นต่ำอย่างเดียว แม้แต่บัญชาการขั้นกลางก็ยังหาได้ยากมาก ทั้งนี้ก็เพราะว่ามีพวกระดับบัญชาการไม่กี่ตัว ฉะนั้นแต่ละตัวจึงต่างมีไพร่พลห้อมล้อมอยู่เป็นร้อยเป็นพันตัว

การมีฝูงขนาดใหญ่ และระดับบัญชาการแค่ไม่กี่ตัว ทีมนักสู้จะไปฆ่ามันเพื่ออะไร?

หรือพูดได้ว่า…

ทีมนักสู้ที่แข็งแกร่งจะไม่ค่อยเข้าไปในเมืองแบบนี้เท่าไหร่ เพราะว่าไม่มีแรงจูงใจมากพอนั่นเอง

“ยังไงเมืองนั้นก็ใกล้กับฐานเติมเสบียง” หลัวเฟิงหัวเราะ “ผมออกไปล่าสัตว์ประหลาดในตอนกลางวันเพื่อฝึกเทคนิคดาบและกลับมาพักที่ฐานในตอนกลางคืนได้”

เพราะมันใกล้ และด้วยความเร็วของหลัวเฟิง เขาจึงสามารถไปกลับระหว่างเมืองนั้นกับฐานเติมเสบียงได้

“เมืองหมายเลย 0231 ไม่ค่อยมีสัตว์ประหลาดระดับบัญชาการที่เก่งๆ ก็จริง แต่ก็มีพวกระดับไพร่พลอยู่มหาศาลเลยนะ” เว่ยเถี่ยอดกล่าวไม่ได้ “ถ้านายถูกล้อมล่ะ…”

“สหายเถี่ย หลัวเฟิงจะต้องกลัวพวกมันล้อมด้วยเหรอ” เฉินกู่หัวเราะ

เว่ยเถี่ยและเว่ยชิงแข็งทื่อไป จากนั้นก็หัวเราะออกมาได้

ฝูงสัตว์ประหลาดนั้นน่ากลัว แต่นักอ่านจิตเป็นกลุ่มคนที่ไม่ต้องกลัวสิ่งนั้น ไม่ใช่แค่พวกเขาสามารถปะทะกับพวกมันได้ซึ่งๆ หน้า แต่แค่ด้วยพลังจิต พวกเขาก็สามารถกระโดดหนีออกมาอยู่บนยอดตึกได้อย่างสบาย สัตว์ประหลาดกระโดดได้สูงมาก แต่พวกมันจะเทียบกับนักอ่านจิตที่สามารถเหาะได้หรือ?

“ความคิดดีนี่” เกาเฟิงกล่าวชม “หลัวเฟิง ฉันเองก็อยากฝึกค้อนของฉันเหมือนกัน แต่…ฉันไม่มั่นใจพอว่าจะหนีจากฝูงสัตว์ประหลาดฝูงใหญ่ไ ได้”

“หลัวเฟิง นายจะไปตอนไหนล่ะ?” เฉินกู่ถาม

“ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ผมจะเตรียมตัววันนี้และออกไปวันพรุ่งนี้เลย” หลัวเฟิงหัวเราะ “หัวหน้าส่งข้อความมาละกันนะครับถ้าจะออกไปลุยแดนเถื่อน”

บนเส้นทางแห่งความแข็งแกร่ง ต้องใช้เวลากับก้าวเดินอันขมขื่นจึงจะไปถึงจุดที่สูงที่สุดในชีวิต!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!