Skip to content

สู่วิถีอสุรา 786

ตอนที่ 786 เจ้าขนร่วงแสดงพลัง

“ขั้นพลังระดับดิน ร่างกายเกือบถึงระดับฟ้า ทั้งยังมีอภินิหารมากมาย วิชามายาน่าสะพรึงกลัว ความคิดการวางแผนไม่ธรรมดา เจ้าปกครองโลกตอนต้นทั่วไปไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า เว้นแต่จะใช้พลังเจ้าปกครองโลกโดยไม่เสียดาย ถึงจะกำราบอยู่”

จิงหนานจื่อมองซูหมิงพลางกล่าวเสียงราบเรียบ

“เป็นทาสรับใช้ข้าหมื่นปี ข้าจะมอบโอกาสให้เจ้าช่วงชิงอิสระหนึ่งครั้ง หากเจ้าปฏิเสธก็ตาย” นัยน์ตาจิงหนานจื่อมีความเย็นชาวูบผ่าน เอ่ยพลางเดินหน้าไปหาซูหมิง

แรงกดดันทรงอานุภาพแผ่กระจายมาจากจิงหนานจื่อ พุ่งตรงเข้าปกคลุมซูหมิง ขณะเดียวกันยังทำให้ซูหมิงผู้หน้าซีดขาวซวนเซถอยไปอีกหลายก้าว ซูหมิงมีสีหน้าทะมึนอย่างยิ่ง ในแขนเสื้อยังมีผึ้งพิษอยู่ ทว่าจิงหนานจื่อจะต้องระวังตัวแล้วอย่างแน่นอน

“พันธมิตรเผ่าศักดิ์สิทธิ์ยมโลกมาหาข้า ข้ายังปลดกระบี่ผนึกไม่ออก ถึงแม้ปลดออกเพียงครึ่งเดียว ถ้าอยู่ใกล้ข้าในระยะสามจั้ง เจ้าก็จะปลอดภัย”

ช่วงที่เสียงอ่อนแรงดังแว่วมาข้างหู เขาถอยไปอย่างรวดเร็ว จิงหนานจื่อแค่นเสียงหึเย็นชา ไม่ได้ตามเข้ามา แต่ปาทวนยาวในมือขวาออกไป ทวนยาวส่งเสียงอื้ออึงพร้อมกับกลายเป็นสายรุ้งยาวสีโลหิตพุ่งตรงไปหาซูหมิง

ขณะเดียวกับที่ซูหมิงถอย เขาก็หยิบน้ำเต้าล้ำค่าออกมา

“เชิญน้ำเต้าล้ำค่าสังหาร” ซูหมิงเอ่ยเสียงแหบแห้ง ตอนนี้อยู่ในช่วงภยันตรายเป็นตาย ชั่วขณะที่ถอยพลางเอ่ยประโยคนี้ น้ำเต้าล้ำค่าปล่อยหมอกดำออกมา คนตัวเล็กขนาดเท่าฝ่ามือปรากฏขึ้น มันถือกระบี่เล็กและม้วนตัวพาหมอกตรงไปหาทวนยาว

โครม!

แรงปะทะม้วนตลบ ซูหมิงอาศัยแรงนี้ถอยไป แต่ยังไปได้ไม่ไกลนัก มวลอากาศตรงหน้ากลับบิดเบี้ยว จิงหนานจื่อเดินออกมาด้วยวิธีน่าอัศจรรย์ แล้วจึงคว้ามือขวาไปยังกลางกระหม่อมซูหมิง

ดวงตาซูหมิงเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย ชั่ววินาทีนี้เขารู้สึกชัดเจนว่าอากาศโดยรอบคล้ายถูกผนึกไว้ มือที่คว้ามาจากด้านหน้าประดุจตรงเข้ามาจากรอบทิศ ทำให้เขารู้สึกว่าไม่มีทางหลบพ้น และที่น่าตะลึงไปกว่านั้นคืออากาศโดยรอบ…หยุดนิ่ง

ซูหมิงเงยหน้าคำรามเสียงแหลม ท่ามกลางภยันตรายเป็นตายนี้ เขายกมือขวาขึ้น ฝ่ามือชี้ขึ้นฟ้า หลังมือชี้ลงดิน แล้วกดฝ่ามือไปยังพื้น

“ระหว่างอดีตกับอนาคต คือซู่มิ่ง!” ตรงหน้าซูหมิงปรากฏร่างบุรุษผมม่วงกับเด็กทารกผมขาว จากนั้นสองสิ่งซ้อนทับกันอย่างรวดเร็วแล้วปกคลุมร่างเขาไว้ ทุกอย่างกล่าวเหมือนช้า ทว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียงพริบตาเท่านั้น วินาทีที่จิงหนานจื่อคว้ามือขวามาห่างจากกลางกระหม่อมไม่ถึงครึ่งจั้ง ร่างกายซูหมิงกลับเปลี่ยนไป สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าจิงหนานจื่อคือเด็กหนุ่มอายุเพียงสิบสี่สิบห้าปี

เด็กหนุ่มคนนี้มีผมสีเทา เส้นผมยาวถึงเอว นี่คือร่างแปลงซู่มิ่ง

หลังจากแปลงเป็นซู่มิ่งแล้ว มวลอากาศรอบๆ ตัวเขาบิดเบี้ยว ก่อนจะวูบไหวตัวหายไป วินาทีที่จิงหนานจื่อคว้ามือเข้ามา เขาพลันดิ้นหลุดออกจากผนึกอากาศรอบตัวแล้วถอยห่างไปสิบจั้ง

“หืม?” จิงหนานจื่อตาแวววาว มองซู่มิ่งร่างแปลงของซูหมิง

ซูหมิงในร่างซู่มิ่งยามนี้มีผมยาวสีเทาพลิ้วไหว ยามเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาเขาฉายแววเย็นชาไร้ปรานี ต่อให้เป็นตอนนี้เขาก็ยังมีกลอุบายอีกมากที่ยังไม่ได้ใช้ อย่างเช่นผนึกมรณะหยินเจ็ดยมโลกกับโอสถมอบจิตที่ใกล้จะแตกหัก

ซูหมิงไม่ได้เลือกลงมืออีกครั้ง เขารู้ถึงความต่างระหว่างตนกับอีกฝ่ายดี ต่อให้ตอนนี้แปลงเป็นซู่มิ่งก็ยังไม่อาจเติมเต็มช่องว่างความต่างของขั้นพลังได้

เมื่อซูหมิงหลุดออกมาจากผนึกมวลอากาศก็ถอยหลังไปอย่างเร็วไว ใช้สภาวะซู่มิ่งตอนนี้ควบคุมการไหลเวียนของเวลา กล่าวได้ว่าหากจะหนี ต่อให้เป็นเจ้าปกครองโลกตอนกลางก็ยังต้องปวดหัว

ชั่วขณะที่ล่าถอยและจิงหนานจื่อหรี่ม่านตาเล็กน้อย ซูหมิงถอยห่างไปหลายร้อยจั้งแล้ว ทันทีที่ไปยืนอยู่บนหินหนืดสีม่วงอมดำ ข้างกายเขามีโครงกระดูกของชื่อหั่วโหวลอยขึ้นมาจากในนั้น โครงกระดูกนี้ลอยขึ้นมาเอง ทำให้จิงหนานจื่อที่กำลังไล่ตามมาหยุดชะงักไปครู่หนึ่งแล้วมองอย่างจริงจัง มองไปแวบแรกเขาก็เห็นว่ากระบี่สั้นสีแดงถูกบีบออกมาจากในกะโหลกศีรษะชื่อหั่วโหวครึ่งหนึ่ง

ตอนที่เห็นภาพนี้ จิงหนานจื่อเบิกตากว้าง ฉายแววตื่นตะลึง ขณะเดียวกันก็เก็บความคิดสัพยอกไปทั้งหมด เขามีสีหน้าจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พร้อมกับพุ่งตรงไปหาซูหมิงราวสายฟ้า ชั่วขณะที่พุ่งตรงเข้าไปก็ใช้มือขวาคว้าอากาศ ทวนยาวสีแดงพลันปรากฏอยู่ในมือ พอเข้าไปใกล้ในพริบตาด้วยความเร็วที่ไม่อาจจินตนาการก็แทงทวนยาวเข้าไป

โครม! ปลายทวนหยุดห่างจากตรงหน้าซูหมิงสามจั้ง สุดท้ายก็ทะลวงเข้าไปอีกครึ่งจั้งก่อนจะหยุดนิ่ง จิงหนานจื่อมีสีหน้าตึงเครียด นัยน์ตาฉายแววตื่นตระหนก เขามองซูหมิงซึ่งห่างไปสามจั้งกับกระบี่สั้นสีแดงบนศีรษะโครงกระดูกที่ยามนี้กำลังคลายออกอย่างเนิบช้า ดูจากลักษณะแล้วอีกไม่นานก็จะถูกบีบออกจากร่างกายโดยสมบูรณ์

‘บัดซบ เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ ยอดผู้ฝึกฌานเผ่าประหลาดน่าจะกำลังหลับใหลอยู่ ไม่มีทางตื่นขึ้นได้ แต่ถึงตื่นมาก็ไม่มีปัญหา ยอดผู้ฝึกฌานเผ่าประหลาดถูกผนึกมานานปี ในร่างกายไม่มีขั้นพลังใดๆ ต่อให้ฟื้นฟูก็ต้องใช้เวลานานมากในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต’ จิงหนานจื่อแค่นเสียงหึเย็นชาพลางดึงทวนยาวกลับแล้วถอยหลังไปหลายก้าว จากนั้นยกมือซ้ายขึ้นกัดปลายนิ้ว โบกไปข้างหน้าพร้อมด้วยโลหิต

‘อาคมผนึกยอดผู้ฝึกฌานเผ่าประหลาดในตอนนั้นวางการประสานสัญลักษณ์มือไว้ชุดหนึ่ง การประสานสัญลักษณ์มือชุดนี้ ผู้รักษาการณ์ทุกคนที่มาแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตจะต้องเรียนรู้ไว้ เดิมทีคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้ใช้ในเวลาปฏิบัติงานแล้วเชียว ไม่นึกเลยว่าวันนี้ข้าจิงหนานจื่อจะได้ใช้มัน!’ จิงหนานจื่อยิ้มเยาะพลางโบกมือซ้ายไปข้างหน้าอย่างว่องไว พริบตาเดียวก็ปรากฏวงแหวนยันต์อักขระสีโลหิตขึ้นหนึ่งวง

นอกจากนี้เขายังกัดปลายลิ้นพ่นโลหิตกลุ้มใหญ่ โลหิตสาดกระจายบนวงแหวนยันต์อักขระ ทำให้วงแหวนเปล่งแสงโลหิตสว่างจ้า

ขณะเดียวกับที่ปรากฏวงแหวนขึ้น ด้านนอกแดนผนึก กลางผืนฟ้ากระจ่างดาวนอกดาวแดงเพลิง มีวงแหวนอาคมขนาดเท่าดาวแดงเพลิงเผยออกมาจากระลอกคลื่นบิดเบี้ยวกลางผืนฟ้าดารา วงแหวนอาคมนี้เป็นสีแดงฉาน ลักษณะเหมือนกับวงแหวนยันต์อักขระที่จิงหนานจื่อวางทุกประการ!

นี่คืออภินิหารการประสานวิชาที่ผู้รักษาการณ์จากสี่มหาโลกแท้จริงทุกคนต้องร่ำเรียน วิชานี้มีการใช้งานอย่างเดียวคือกระตุ้นวงแหวนอาคมต้นกำเนิดจิตที่สี่มหาโลกแท้จริงวางเอาไว้

วงแหวนอาคมนี้อัดแน่นอยู่ทุกมุมของแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต ถึงจะเป็นส่วนลึกของดินแดนก็ตาม มีส่วนน้อยที่ไม่วางอาคมนี้ไว้ ตรงจุดอื่นๆ ล้วนอยู่ในพื้นที่วงแหวนอาคม วงแหวนอาคมนี้มีประโยชน์มากมาย ผู้รักษาการณ์จะได้รับอภิสิทธิ์ในการควบคุมวงแหวนอาคมต้นกำเนิดจิตตามฐานะที่ต่างกัน และจิงหนานจื่อมีอภิสิทธิ์ไม่มาก เขาใช้ได้เพียงเสริมผนึกให้แกร่งขึ้นซึ่งเป็นพื้นฐานสุดของอาคมนี้

เวลานี้เมื่อวงแหวนอาคมโผล่ขึ้นนอกดาวแดงเพลิง ณ แดนผนึกภายในดาวดวงนี้ จิงหนานจื่อยิ้มเยาะพลางกดมือซ้ายไปยังวงแหวนยันต์อักขระสีแดงขนาดเล็กตรงหน้า วงแหวนยันต์ตรงไปหาซูหมิงโดยพลัน ก่อนปะทะกับมวลอากาศห่างจากซูหมิงไปสามจั้งจนส่งเสียงครึกโครม

ท่ามกลางเสียงดังสนั่น โครงกระดูกชื่อหั่วโหวสั่นไหวอย่างรุนแรง กระบี่สั้นสีแดงที่กำลังถูกบีบออกจากศีรษะเปล่งแสงแดงสว่างจ้าตา มันไม่คลายออกอีกราวกับได้รับการเติมพลัง แต่ฝังเข้าไปในโครงกระดูกอีกครั้ง

พร้อมกันนั้น ปราการป้องกันสามจั้งรอบๆ ก็อ่อนกำลังลงและลดระยะเข้ามาอย่างต่อเนื่องตามกระบี่สั้นสีแดงที่ปักเข้าไปในโครงกระดูก ตอนนี้เหลือเพียงสองจั้งแล้ว

รอยยิ้มจิงหนานจื่ออึมครึมน่ากลัว การออกมาข้างนอกครั้งนี้ไม่มีอันตรายใดๆ สำหรับเขา อย่างมากสุดก็เสียร่างแยกไปตนหนึ่ง ทว่าเทียบกับคุณูปการที่จะได้รับแล้วก็ไม่ถือว่าเสียหายอะไร อีกอย่าง ใช่ว่าเขาจะไม่ได้อะไรกลับไปเลย โดยเฉพาะสมบัติจากซูหมิงที่ทำให้เขาใจสั่นไหวและมองมันเป็นของตัวเองไปแล้ว

ซูหมิงเห็นปราการป้องกันรอบๆ ย่นระยะลงอย่างเร็วไว เกรงว่าอีกไม่นานก็จะหายไปจนสมบูรณ์ ภยันตรายร้ายแรงมาเยือน ในที่สุดเขาก็เตรียมการหนีสำเร็จแล้ว

“เจ้าช่วยบุคคลผู้นี้ทำลายผนึกได้หรือไม่ หากทำลายได้จงรีบทำลาย มิเช่นนั้นก็กลับมาแล้วหนีไปกับข้า!” ซูหมิงพลันกล่าวขึ้น

คำพูดเขาทำให้จิงหนานจื่ออึ้งงัน ในเวลาเดียวกันมีเสียงปังดังอยู่ภายในหินหนืดสีม่วงอมดำข้างๆ ซูหมิง หินหนืดส่วนหนึ่งกลายเป็นกระเรียนขนร่วง ทั้งตัวกระเรียนขนร่วงเต็มไปด้วยเหงื่อ เห็นได้ชัดว่าในหินหนืดร้อนจนแทบจะหายใจไม่ออก ยามนี้พอคืนร่างเดิมแล้วมันก็กระพือปีกสีหน้าแลดูย่ำแย่

“ย่ากระเรียนมันเถอะ ร้อนจะตายอยู่แล้ว ทำเอาข้าเกือบหายใจไม่ออกตาย”

การปรากฏตัวของกระเรียนขนร่วงทำให้จิงหนานจื่อขมวดคิ้ว เขายกมือซ้ายชี้ไปยังวงแหวนยันต์อักขระ วงแหวนขยับแสงวิบวับอีกครั้งเพื่อเสริมความแกร่งของผนึก ทำให้ระยะปราการป้องกันตรงหน้าซูหมิงเหลือเพียงหนึ่งจั้ง

กระเรียนขนร่วงร้องเสียงแหลมพลางรีบถอยร่นไป มันจ้องวงแหวนยันต์อักขระสีแดงเขม็งด้วยสีหน้าเคียดแค้น แล้วจึงหันหน้ากลับไป ระหว่างที่จิงหนานจื่อเบิกตากว้างอ้าปากค้าง กระทั่งหน้าเปลี่ยนสีและแลดูหวาดกลัว กระเรียนขนร่วงคว้ากระบี่สั้นสีโลหิตบนกะโหลกศีรษะชื่อหั่วโหวเอาไว้ ปากพึมพำอะไรไม่รู้ ก่อนจะใช้สองมือจับกระบี่แล้วใช้สองขาถีบกระดูกของชื่อหั่วโหวอย่างแรง

เสียงโครมดังขึ้น นัยน์ตาชื่อหั่วโหวมีประกายจิตสังหารแล้วพลันเปล่งแสงหม่นมืดทึบ กระบี่สั้นในศีรษะเขา…ถูกกระเรียนขนร่วงกระชากออกมา

ภาพเหตุการณ์นี้ไม่เพียงทำให้จิงหนานจื่อตะลึงงัน กระทั่งซูหมิงยังสูดลมหายใจเข้าลึก เขาไม่นึกเลยว่ากระเรียนขนร่วงจะทำได้ถึงขนาดนี้ กระทั่งชื่อหั่วโหวยังอึ้งงันอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ดวงตาถึงค่อยเปล่งแสงสว่างจ้า กลิ่นอายพลังที่น่าสะพรึงกลัวปะทุมาจากร่างกาย

ระหว่างที่กลิ่นอายพลังปะทุขึ้นมา โครงกระดูกชื่อหั่วโหวยกมือขวาขึ้นช้าๆ และยื่นนิ้วชี้ออกมาชี้จิงหนานจื่อ!

วินาทีที่ชี้นิ้วไป จิงหนานจื่อหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง สีหน้ามีความหวาดกลัวและเหลือเชื่อ รีบถอยไปอย่างเร็วรี่และไม่ลังเล

‘นะ….นี่เป็นไปได้อย่างไร นั่นคือกระบี่ผนึก นอกจากผู้ผนึกแล้ว คนอื่นที่สัมผัสมันวิญญาณจะสลายไป อีกทั้งคนที่วางกระบี่ผนึกในร่างของคนเผ่าประหลาดยังเป็นยอดผู้ฝึกฌานระดับภัยพิบัตินภาจากสี่มหาโลกแท้จริง!’

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!