ตอนที่ 790 ให้ท่านหมดเลย
“เมื่อครู่เจ้าบอกว่า บรรพบุรุษของเผ่าข้าฝึกฝนบรรลุถึงระดับกุมชะตาเกิดดับ?” ซูหมิงหลับตาลงพักหนึ่ง ก่อนจะลืมตาพร้อมแววตานิ่งสงบ ภาพนี้สะท้อนอยู่ในดวงตาชื่อหั่วโหว เขามีสีหน้าชื่นชม สงบจิตใจได้เร็วขนาดนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นหนึ่งในรากฐานของผู้แข็งแกร่งอย่างแน่นอน
แต่ก็ไม่ถึงกับกล่าวได้ว่า การควบคุมอารมณ์เช่นนี้จะต้องเป็นผู้แข็งแกร่งในจุดสูงสุด เพียงแต่ผู้แข็งแกร่งในจุดสูงสุดแทบทุกคนล้วนมีจุดนี้อยู่
“บรรพบุรุษของเผ่าเจ้าหรือจักรพรรดิหมื่นเผ่าพันธุ์แห่งโลกแท้จริงที่ห้าบรรลุถึงระดับกุมชะตาเกิดดับจริง อีกอย่างพวกเราเชื่อว่าหากไม่มีสงครามครั้งนั้น ท่านจักรพรรดิจะต้องข้ามผ่านขั้นพลังนี้ไปสู่จุดสูงสุดลึกลับแน่” ตอนที่ชื่อหั่วโหวกล่าวถึงจักรพรรดิแห่งโลกแท้จริงที่ห้า ในแววตามีความฮึกเหิม
“การฝึกฝนคือการสังหาร แย่งชิง ปล้น” ซูหมิงเงียบไปครู่หนึ่ง ช่วงที่เอ่ยเนิบช้า เสียงปุดๆ จากในร่างกายดังชัดขึ้น เขายืนขึ้นจากท่านั่งฌานอย่างช้าๆ ทันทีที่ยืนตรงแล้ว ก็มีกลิ่นอายพลังแก่กล้าปะทุมาจากร่างกาย
กลิ่นอายพลังนี้ก่อตัวเป็นน้ำวนกระจายออกรอบๆ โดยมีซูหมิงเป็นใจกลาง
กระเรียนขนร่วงที่กำลังหลับลึกอยู่ข้างๆ เบิกตากว้างด้วยความตื่นตัว พอเห็นน้ำวนรอบตัวซูหมิงแล้ว มันก็หาวหวอด บ่นพึมพำอยู่หลายประโยคแล้วหลับต่อไป
“ในเมื่อเจ้าบอกข้ามากขนาดนี้ คงจะมีวิธีให้ข้าสูบรับพลังแห่งโลกในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตนี้ได้ บอกมาเถอะ ข้ารับข้อเสนอของเจ้า” ซูหมิงสูดลมหายใจเข้าลึก ยกมือขวากำไว้ตรงหน้าเบาๆ เพื่อสัมผัสถึงความแกร่งจากฝ่ามือ
สี่สิบปีก่อนร่างกายเขาบรรลุถึงจุดที่สามารถสู้กับระดับฟ้าตอนต้น วันนี้สี่สิบปีต่อมา ถึงร่างกายยังไม่บรรลุถึงจุดสูงสุดระดับฟ้า แต่ก็เหลืออีกไม่ไกลแล้ว
“เจ้าคือชาวเผ่ายมโลก ทว่าในความทรงจำข้า การฝึกฝนของเผ่ายมโลกต่างกับเจ้า เจ้าเดินผิดทางแล้ว อันดับแรกคือกายเนื้อนี้ไม่ใช่ร่างกายเจ้าจริงๆ สิ่งที่ชาวเผ่ายมโลกให้ความสำคัญอย่างยิ่งคือรากฐาน
ร่างจริงของเจ้า…” ชื่อหั่วโหวลังเลอยู่ชั่วครู่ สายตามองซูหมิง
“ร่างจริงของข้าถูกผนึกเอาไว้ ตอนนี้ข้ายังไม่มีพลังพอจะไปเอาร่างจริงคืนมา”
ซูหมิงกล่าวราบเรียบ
“ถูกผนึก? เช่นนั้นตอนนี้ก็ยังปลอดภัยอยู่ ผนึกไว้หมายความว่ามีคนไม่อาจหรือไม่ยอมทำลายมัน ดังนั้นจึงนับว่าปลอดภัย ไม่ต้องไปคิดถึงมันมากจะดีกว่า”
ชื่อหั่วโหวมีความคิดพิลึกมาก เขาเงียบไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวเช่นนี้
“ข้ามร่างจริงของเจ้าไปก่อน ชาวเผ่ายมโลกเชี่ยวชาญเรื่องร่างแยก พวกเขามีวิธีเสริมข้อบกพร่องของตนเองที่เรียบง่ายและตรงไปตรงมา ใช้ร่างจริงฝึกฝนวิญญาณ ใช้ร่างแยกฝึกฝนร่างกาย ฝึกฝนกฏเกณฑ์ ฝึกฝนพรสวรรค์ ตนขาดอะไรก็ไปชิงร่างแยกแบบนั้นมา
ร่างกายเจ้าตอนนี้มีพลังแห่งกฎการสลายและทำลายล้างเสี้ยวหนึ่ง คนที่มีพลังนี้มีเผ่านักรบแล้วก็หงส์งูเพลิง ดูจากกลิ่นอายพลังแล้วน่าจะชิงมาจากร่างหงส์งูเพลิงแล้วรวมออกมาเป็นร่างแยก
ส่วนวิชาที่ฝึกฝนคืออภินิหารเผ่าหมีซื่อของข้า…แต่ข้าสงสัยอยู่สองอย่าง เจ้าต้องตอบข้าก่อน” นัยน์ตาชื่อหั่วโหวขยับประกาย มองซูหมิงพลางถามคำถามที่สงสัยมานาน
“หนึ่ง เจ้าใช้วิชาขัดเกลาร่างกายของเผ่าหมีซื่อได้อย่างไร สอง ในวิญญาณเจ้า นอกจากข้าจะรู้สึกถึงกลิ่นอายพลังเผ่ายมโลกแล้ว ยังมีเสี้ยวกลิ่นอายพลังของ….เผ่าภูตผีสวรรค์ เผ่าภูตผีสวรรค์คือหนึ่งในสี่เผ่าพันธุ์ชั้นปกครองของโลกแท้จริงที่ห้า ในวิญญาณเจ้ามีผนึกของพวกเขาอยู่” ชื่อหั่วโหวนัยน์ตาวาววับ กล่าวมาเนิบๆ
“ข้ามาจากแดนที่เรียกว่าแดนมรณะหยิน ที่นั่นมีเผ่าพันธุ์ส่วนน้อยอยู่กลุ่มหนึ่ง วิชาเผ่าหมีซื่อของเจ้าข้าก็ได้มาจากที่นั่น ขณะเดียวกัน เหตุที่ข้ามาปรากฏตัวในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตก็เพราะผู้แข็งแกร่งโบราณในแดนมรณะหยินส่งข้ามา นอกจากนี้ยังให้ข้าตามหาราชาของพวกเขา ส่วนผนึกที่เจ้าว่าก็มีอยู่จริงๆ” ซูหมิงเอ่ยอย่างสงบ
ชื่อหั่วโหวขมวดคิ้ว เหมือนกำลังนึกอะไรบางอย่าง ผ่านไปพักใหญ่ปมคิ้วแน่นยิ่งกว่าเดิม
“หากขั้นพลังข้าอยู่ในจุดสมบูรณ์พร้อมก็คงจะช่วยเจ้าเปิดผนึกได้ ทว่าตอนนี้ไม่มีแรงแล้ว แต่พอข้ามองผนึกนี้อย่างละเอียด ในนั้นไม่มีผลร้ายกับเจ้าเลย กลับมีประโยชน์เล็กน้อยด้วยซ้ำ
ช่างเรื่องนี้เถอะ ข้ามีวิธีให้เจ้าสูบรับพลังแห่งโลกในฟ้ากระจ่างดาวแห่งนี้จริงๆ แต่จำกัดที่ร่างกายเจ้าเท่านั้น ทว่าวิธีนี้จะทำให้ร่างนี้ของเจ้าไม่อาจใช้อภินิหารพลังได้อีก ทำได้เพียงฝึกฝนพลังโลหิตอย่างเดียว ดังนั้นเจ้าต้องแย่งชิงมาอีกร่างแยกหนึ่งเพื่อใช้ฝึกฝนขั้นพลัง
หากเจ้ายอมรับ ข้าจะถ่ายทอดยอดวิชาสูบโลกกลืนเงานภาให้ เมื่อใช้วิชานี้ในการฝึกฝน เจ้าจะสามารถกินคนหรือวัตถุทุกอย่างที่มีพลังแห่งโลก กินพลังแห่งโลกจากในร่างกายเจ้าปกครองโลก กินทุกสรรพสิ่งไปจนถึงดาวแท้จริง หรือกระทั่งกินต้นกำเนิดโลกของหนึ่งโลกเข้าไป
วิชานี้จะทำให้เจ้าแกร่งขึ้นในเวลาสั้นๆ เจ้าจะมีร่างกายแข็งแรงอย่างยิ่ง นี่คือวิชาที่ทรงพลังที่สุดของเผ่าหมีซื่อ ทว่า…การฝึกวิชานี้ต้องผ่านการลงทัณฑ์เก้าเคราะห์ หากข้ามผ่านก็จะแกร่งขึ้น หากไม่ผ่านก็ตาย
แต่เจ้าเป็นร่างแยก หากตายก็ไม่เป็นไร ไม่ส่งผลถึงวิญญาณที่แท้จริง” ชื่อหั่วโหวกล่าวเสียงต่ำ
ซูหมิงเงียบไปพักหนึ่งแล้วก็พยักหน้าให้ชื่อหั่วโหว
ทันทีที่ซูหมิงพยักหน้า ชื่อหั่วโหวยกมือขวาขึ้นกดไปทางซูหมิง ฉับพลันนั้นมีน้ำวนปรากฏขึ้นตรงระหว่างคิ้วซูหมิง ครั้นน้ำวนหมุนโคจร วิชาที่สร้างความตื่นตะลึงให้กับเขาก็ลอยขึ้นมาในความคิดโดยพลัน
ผ่านไปพักหนึ่ง ช่วงที่น้ำวนตรงระหว่างคิ้วหายไป นัยน์ตาเขาเปล่งประกายแวววาว พอกำหมัดขวาก็มีน้ำวนรางๆ ผุดขึ้นในฝ่ามือ
“พลังสลายทำลายล้างของหงส์งูเพลิง วิธีสูบระเบิดของเผ่าหมีซื่อ บวกกับวิชาเงากลืนนภา หากร่างแยกนี้ของเจ้าผ่านการลงทัณฑ์หลายครั้งไปได้ และยังผสมผสานสิ่งเหล่านี้เข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ ระดับความแกร่งในภายภาคหน้าของเจ้าจะไม่มีขีดจำกัด” ชื่อหั่วโหวสูดลมหายใจเข้าลึก แววตาเผยความคาดหวัง
“แต่ก่อนฝึกวิชานี้เจ้าต้องหาร่างแยกอีกตนให้เร็วที่สุด การเลือกร่างแยกต้องระวังให้ดี ข้าแนะนำว่าเจ้าควรเลือกวิญญาณร้ายที่ถูกผนึกเหล่านั้น พวกมันไม่เพียงมีวิชาพรสวรรค์ประจำตัวเท่านั้น แต่สายเลือดยังหลอมรวมกับกฎเกณฑ์อย่างดีเยี่ยมกว่า แบบนี้เจ้าจะสูบพลังแห่งโลกได้เร็วขึ้นไม่น้อย”
ซูหมิงพยักหน้า ดวงตาขยับประกาย
จิตสัมผัสแผ่ปกคลุมโดยรอบ ก่อนจะขมวดคิ้วโดยพลัน เขาจำได้ว่าก่อนปิดด่านนั่งฌาน ยังมีถุงเก็บวัตถุของหลงลี่ ซุนคุน และจิงหนานจื่อวางอยู่ กระทั่งยังมีทวนล้ำค่าที่ไม่มีเจ้าของแล้วของจิงหนานจื่อด้วย
ก่อนที่เถียนหลินจะระเบิดตัวเองก็เคยบอกว่า หากสร้างเกราะพฤกษาแล้วให้เขาเอาไปได้
ของเหล่านี้เขาไม่ได้เก็บมาในตอนนั้นเพราะต้องสูบพลังแห่งเลือดเนื้อ ทว่าชื่อหั่วโหวเคลื่อนย้ายทั้งแดนผนึกมา ของเหล่านี้ก็น่าจะยังอยู่
ทว่าตอนนี้ซูหมิงขยายจิตสัมผัสไปกลับไม่พบเลย เขาตรึกตรองอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ก่อนนึกไปถึงตอนที่ชื่อหั่วโหวเอ่ยถึงถุงเก็บวัตถุของจิงหนานจื่อแล้วหยุดชะงักไปครู่หนึ่งกับสายตาของเขา ซูหมิงจึงเข้าใจ
เขามองกระเรียนขนร่วงที่นอนกรนอยู่ไม่ไกลด้วยสีหน้าปกติแวบหนึ่ง ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่ มันพลิกตัวหันก้นให้ซูหมิงแล้วกรนต่อไป เหมือนสังเกตเห็นสายตาของเขา
เขาพลิกมือขวา พลันมีหินผลึกก้อนหนึ่งเพิ่มมาในมือ จากนั้นโยนไปบนพื้น หินผลึกตกลงบนหินหนืดแข็งตัวสีม่วงอมดำ ส่งเสียงค่อนข้างชัดเจน
เสียงนี้เพิ่งดังขึ้นก็เกิดเสียงดังฟิ้ว กระเรียนขนร่วงไม่อยู่ที่เดิมอีก แต่มาอยู่ใต้เท้าซูหมิง ใช้สองกรงเล็บคว้าหินผลึกเอาไว้ด้วยท่าทีดีใจ ดวงตาเป็นประกายวาววับ
“หืม เก็บหินผลึกได้ก้อนหนึ่ง”
“เอาถุงเก็บวัตถุของพวกหลงลี่มาให้ข้า” ซูหมิงมองกระเรียนขนร่วงพลางกล่าวเสียงต่ำ
“อะไร? เจ้าพูดอะไร? ไม่มี ข้าไม่มีอะไรทั้งนั้น” กระเรียนขนร่วงกะพริบตาปริบๆ ทำท่าทางไม่เข้าใจ
“หินผลึกในถุงเป็นของเจ้า ส่วนวัตถุเป็นของข้า” ซูหมิงมีสีหน้าเช่นปกติ มองกระเรียนขนร่วงพลางบอกเสียงเบา
กระเรียนขนร่วงตะลึงงันอยู่ชั่วครู่
มันเกาหน้าผากที่ไร้ขน เหมือนเพิ่งเข้าใจความหมายแฝงของซูหมิง จึงมีท่าทีโกรธขึ้นมา และยังเผยสีหน้าไม่ได้รับความเป็นธรรม
“ข้าไม่มีจริงๆ ข้าไม่ได้เอาถุงพวกนั้นไป เห็นๆ อยู่ว่าที่นี่ยังมีอีกคนหนึ่ง บางทีเขาอาจจะเอาไปก็ได้ แต่ข้าไม่ได้เอาไป ข้าไม่ได้เอาไป!” กระเรียนขนร่วงตบปีกแล้วหันไปถลึงตามองชื่อหั่วโหวอย่างเหี้ยมโหด ท่าทางเหมือนมั่นใจมากว่าชื่อหั่วโหวเอาไปจริงๆ
ชื่อหั่วโหวขมวดคิ้ว ยิ้มฝืดเฝื่อน แต่ไม่ได้อธิบายอะไร
“หินโลกของหลงลี่ ของวิเศษกับหินโลกของจิงหนานจื่อ เกราะพฤกษาของเถียนหลิน ของสี่ชิ้นนี้ให้ข้า ส่วนของที่เหลือเป็นของเจ้า” ซูหมิงขมวดคิ้วพลางกล่าวขึ้น
กระเรียนขนร่วงยังคงมีท่าทีสุดกล้ำกลืนกับความไม่เป็นธรรม คล้ายกับว่าซูหมิงพูดดูถูกมันอย่างรุนแรง มันตบปีกตัวเองด้วยความโมโหไม่หยุด กระทั่งตัวยังขึ้นสีแดง
ซูหมิงมองมันอย่างมีความหมายแฝงลึกซึ้ง หยิบน้ำเต้าล้ำค่าออกมาโดยไม่ทุกข์ร้อน พอใช้มือซ้ายลูบสองสามครั้ง ประกายเขียวครามก็พลันสาดมาจากด้านใน
มันพลันเบิกตากว้าง มีสีหน้าหวาดกลัว รีบถอยไปอย่างเร็วรี่ ทั้งยังแปลงเป็นสุนัขตัวใหญ่โดยสัญชาตญาณ เห็นได้ชัดว่านี่คือร่างแปลงที่แกร่งที่สุดในความคิดมัน
“เอามา” ซูหมิงสั่งเสียงเบา
“แต่ข้าไม่มีจริงๆ…ไม่มีจริงๆ” กระเรียนขนร่วงแทบจะร้องไห้แล้ว
ซูหมิงมองกระเรียนขนร่วงอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้เขายกมือซ้ายขึ้น ในมือปรากฏขนนกอ่อนนุ่มหลายอัน
ขนนกเหล่านี้อ่อนนุ่มมาก ทันทีที่ปรากฏในมือเขา กระเรียนขนร่วงตะลึงงัน มันรู้สึกคุ้นตาขนนกเหล่านี้เล็กน้อย แต่ยังไม่ทันนึกอะไรออก ก็เห็นว่าซูหมิงกำลังผูกปมด้วยขนนกเหล่านั้น
พอเห็นภาพนี้ ชื่อหั่วโหวข้างๆ ดูงุนงง ส่วนกระเรียนขนร่วงตัวสั่นรุนแรง มันรู้ว่าตอนนี้ซูหมิงกำลังทำอะไร และรู้แล้วว่าขนนกนั้นเป็นของใคร….
โดยเฉพาะยามนึกถึงผลสุดท้าย กระเรียนขนร่วงเลยรีบเค้นรอยยิ้ม คว้าไปตามตัวอย่างฉับไวขณะยังสั่นเทิ้ม แล้วโยนทวนยาวสีแดงฉานหนึ่งเล่ม หินโลกที่แผ่พลังดึงดูดจิตสองก้อน และยังโยนเมล็ดพันธุ์สีเขียวขนาดเท่ากำปั้นหนึ่งเมล็ดออกไป
“เฮ้อ ท่านซูอย่าเพิ่งโกรธ รีบวางขนนกลงก่อนเถอะ อย่ารังแกข้าน้อยเลย ข้าน้อยเพียงหยอกเล่นกับท่านเฉยๆ ข้าเอาให้ท่าน ให้ท่านหมดเลย”