ตอนที่ 818 ชายร่างกำยำ
เมื่อม้วนภาพหายไป ฟ้าดินรอบๆ กลายเป็นว่างเปล่า พลันมีแผ่นศิลาสูงตระหง่านปรากฏขึ้นมาตรงหน้าซูหมิงจำนวนมาก แผ่นศิลาเหล่านี้มีความสูงต่างกัน บ้างสูงราวหลายแสนจั้ง บ้างก็สองสามพันจั้ง มองไปแล้วสุดลูกหูลูกตา มีมากกว่าหนึ่งแสนอัน
ในนั้นมีมากกว่าครึ่งที่สีมัวหมอง ด้านบนมีรอยร้าว แผ่กลิ่นอายโบราณออกมา ขณะเดียวกันรอยร้าวเหล่านั้นยังเคยมีโลหิตซึมเข้าไป ทว่าตอนนี้แห้งกรังแล้ว
ทุกแผ่นศิลาล้วนสลักชื่อบุคคลหนึ่ง แผ่นศิลามากกว่าแสนอันนี้ก็หมายความว่าที่นี่มีชื่อคนมากกว่าแสนคน
“ต้นกำเนิดจิตของข้า ทุกสิ่งมีชีวิตล้วนมีวาสนาจะได้รับมัน ทว่า…ด้วยกฎผู้อ่อนแอเป็นเหยื่อของผู้แข็งแกร่ง จึงมีตำแหน่งแผ่นศิลาเพียงหนึ่งแสน ทุกครั้งที่มาหนึ่งคนจะตายหนึ่งคน นี่คือผลลัพธ์แรกของคนที่ปรารถนาจะได้รับต้นกำเนิดจิตของข้า
คนที่แผ่นศิลาสูงกว่าหนึ่งแสนจั้งจะได้เป็นผู้ท้าชิงเพื่อรับต้นกำเนิดจิตของข้า และจะออกไปก่อนชั่วคราวได้ มีเวลาจำกัดเพียงหนึ่งพันปี ในหนึ่งพันปีต้องกลับมาที่นี่อีกครั้งและทำให้แผ่นศิลาสูงกว่าสองแสนจั้ง จากนั้นจะมีเวลาให้อีกพันปี ทุกหนึ่งพันปีหากไม่กลับมาจะต้องตาย นี่คือผลลัพธ์ข้อที่สองของคนที่ปรารถนาจะรับต้นกำเนิดจิตของข้า”
“คนที่แผ่นศิลาสูงถึงหนึ่งล้านจั้งจะได้รับต้นกำเนิดจิตของข้าไป แผ่นศิลาทั้งหมดของคนที่เหลือจะพังทลายลงทั้งหมด ซากปรักหักพังรกร้างจะหายไป นี่คือผลลัพธ์ข้อสาม”
เสียงของซุ่ยเฉินจื่อดังกังวานในใจซูหมิง ขณะเดียวกันเขาก็เห็นว่าแผ่นศิลาสูงแปดหมื่นกว่าจั้งตรงหน้ามีรอยร้าวลุกลามเป็นวงกว้าง ซ้ำยังมีโลหิตไหลออกมาจากรอยร้าวไม่หยุด กระทั่งเขายังได้ยินเสียงร้องโหยหวนด้วยความไม่ยินยอมแว่วมาจากข้างใน
“ไม่ ข้าไม่ยอม ข้าถูกขังอยู่ที่นี่มาสองหมื่นสามพันปีแล้ว ให้เวลาข้าอีกหน่อย ข้าทำให้แผ่นศิลาสูงถึงแสนจั้งได้ ข้าไม่ยอม!”
เสียงตะโกนพลันเงียบหายไป แผ่นศิลาตรงหน้าซูหมิงถูกโลหิตชะล้าง ครั้นเสียงหายไป ชื่อบนแผ่นศิลาที่เคยมีอยู่ก็ถูกลบหาย
ในเวลาเดียวกัน แผ่นศิลาขยับแสงอ่อนวูบวาบ ก่อนค่อยๆ ย่อขนาดลง จนกระทั่งถึงสองพันจั้งแล้ว แสงบนตัวศิลาถึงหายไป ชั้นผิวศิลาเป็นมันวาวคล้ายกระจก ตอนที่ซูหมิงมองไป ด้านบนก็สะท้อนร่างเงาเขา
“เขียนชื่อของเจ้า รับสืบทอดต่อ เริ่มได้” เสียงแก่ชราในใจซูหมิงดังกังวานอีกครั้ง ซูหมิงเงียบงัน มองแผ่นศิลาหนึ่งแสนอันรอบๆ และก็ไม่ได้ถอยไป
ผลลัพธ์สามอย่างที่ว่า ไม่ใช่ว่าก่อนสืบทอดต่อจะให้เลือกว่ายอมรับหรือไม่ แต่ตอนที่เพิ่งเข้ามาในแดนประหลาด หลังจากการเลือกครั้งแรกก็กำหนดเส้นทางการสืบทอดไว้แล้ว
‘อาจตายในการสืบทอด ถ้าไม่ตายก็ถูกขังอยู่ที่นี่ไปชั่วนิรันดร์ เว้นแต่จะทำให้แผ่นศิลาสูงถึงแสนจั้ง ถึงจะได้รับโอกาสออกไปข้างนอกพันปี…
มิเช่นนั้นแล้วต้องตายอยู่ในกาลเวลา เมื่อคนอื่นมาถึงก็จะถูกยึดคุณสมบัติคืน จากนั้นจะต้องตาย…ดูจากวิธียึดคุณสมบัติแล้วเหมือนไม่มีกฎเกณฑ์อะไร ถึงอย่างไรที่นี่ก็ไม่มีแผ่นศิลาที่สูงถึงแปดหมื่นจั้งมากนัก ฉะนั้นการเลือกขอคืนคุณสมบัติ…จึงทำตามอำเภอใจ ไม่มีกฎเกณฑ์’ ซูหมิงเงียบงัน
การจัดการเช่นนี้ของซุ่ยเฉินจื่อน่ากลัวยิ่งนัก เขารู้ว่ายิ่งไม่มีกฎเกณฑ์ก็ยิ่งน่ากลัว ไม่มอบโอกาสเลือกให้ใครเลย แต่จะถูกเลือกตลอด
บางทีอาจมีเพียงไม่กี่คนที่มาถึงที่นี่ สำหรับคนหนึ่งแสนคนนั้นแล้วไม่เท่าไร การเลือกเช่นนี้คือตายหนึ่งคนจากแสนคน โอกาสโดนตัวเองจึงมีน้อยมาก
ทว่า…ที่นี่เปิดเสรี ใครจะเข้ามาก็ได้ ในระหว่างเวลานิรันดร ต้องมีหลายช่วงที่มีผู้ฝึกฌานเข้ามาจำนวนมากแน่ หากมีหนึ่งหมื่นคนเข้ามาจะไม่ใช่หนึ่งแสนเลือกหนึ่งอีก แต่เป็นสิบเลือกหนึ่ง!
หากมีห้าหมื่นคนเข้ามาจะเปลี่ยนเป็นหนึ่งในสอง ขณะเดียวกัน ถ้ามีแสนคนเข้ามาก็จะเป็นการคัดออกอย่างเหี้ยมโหดไร้ปรานี คนแสนคนก่อนหน้านี้ถูกยึดสิทธิ์คืนในพริบตาเดียว
ต่อให้เจ้าเพิ่งได้รับคุณสมบัติ ยังไม่มีเวลาพอจะไปรับต้นกำเนิดจิตด้วยซ้ำ ความตายก็มาเยือนแล้ว เช่นนี้ช่างไม่ยุติธรรม ทว่าเรื่องในโลกนี้ไม่มีความยุติธรรมอยู่แล้ว
โชควาสนา คือจุดสำคัญของการมีชีวิตอยู่ที่นี่!
ซูหมิงสูดลมหายใจเข้าลึก เขาเข้าใจแล้ว รู้ว่าตนไม่มีทางถอยกลับ สายตาจ้องแผ่นศิลาตรงหน้าพลางยกมือขวาสะบัดไปบนนั้น
ประหนึ่งมีสายลมคลั่งพัดผ่าน เมื่อกระทบบนแผ่นศิลาแล้วก็หายไป นามหนึ่งปรากฏขึ้นมา
โม่ซู
วินาทีที่นามนี้ปรากฏ แผ่นศิลาเกิดเสียงโครมคราม ผิวมันวาวด้านบนพลันเว้านูน ค่อยๆ ร่างขึ้นเป็นภาพหนึ่ง ครู่ต่อมาภาพก็สมบูรณ์แบบ ซูหมิงเห็นว่าเป็นหมู่บ้านกลางสายลมหิมะ และมีตัวเขาเองยืนอยู่ตรงหน้าคนธรรมดาเหล่านั้น
นี่คือการเลือกในตอนนั้น ยามนี้มันโผล่มาบนแผ่นศิลา
ซูหมิงมองแผ่นศิลา ผ่านไปพักใหญ่ก็ละสายตากลับแล้วมองไกลออกไปอีก เขาเห็นว่าบนแผ่นศิลาจำนวนมากมีแผ่นศิลาอยู่พันอันที่สูงถึงแสนจั้ง นั่นหมายความว่ามีคนหนึ่งพันคนถูกขังอยู่ที่นี่มาไม่รู้กี่ปีและยังโชคดีมีชีวิตรอดมาได้ อีกทั้งเมื่อแผ่นศิลาสูงถึงแสนจั้งแล้วจะได้รับเวลาจำกัดหนึ่งพันปีด้วย
แผ่นศิลาที่สูงถึงสองแสนจั้งมีทั้งหมดห้าร้อย แผ่นศิลาห้าร้อยอันนี้ตั้งตระหง่านอยู่ในที่ต่างกันรอบๆ ชื่อบนศิลาเปล่งแสงอ่อนจาง
มีแผ่นศิลาสามร้อยอันที่สูงถึงสามแสนจั้ง มีสองร้อยอันสูงสี่แสนจั้ง ส่วนแผ่นศิลาห้าแสนจั้ง ซูหมิงเห็นว่ามีอยู่หนึ่งร้อยในหนึ่งแสน
แผ่นศิลาหกแสนจั้งมีอยู่ยี่สิบ
แผ่นศิลาเจ็ดแสนจั้งมีอยู่สิบ
แผ่นศิลาแปดแสนจั้งเขาเห็นอยู่แค่อันเดียว มันตั้งตระหง่านอยู่ไกลๆ ทว่ากลับสูงที่สุดในนี้ เป็นที่สะดุดตา เขามองแผ่นศิลานี้และเห็นชื่อรางๆ ด้านบน
“อวิ๋นซานจื่อ!”
“เป็นผู้ท้าชิงต้นกำเนิดจิตของข้าจะไม่มีอายุขัยอีก จะไม่ตายภายใต้กฎเกณฑ์ของข้า…ทว่าหากทำให้ศิลาเติบโตต่อไม่ได้อีก นอกจากจะถูกขังอยู่ที่นี่ชั่วนิรันดร์แล้ว ยามมีผู้ถูกคัดเลือกคนอื่นเข้ามา ก็จะถูกยกเลิกสิทธิ์ได้เช่นกัน” เสียงแก่ชรากังวานในใจซูหมิง
“เป็นการคัดออกอันเหี้ยมโหดนัก” ซูหมิงกล่าวเสียงเบา เห็นได้ชัดว่าหากมีคนทำให้แผ่นศิลาของตนสูงถึงหนึ่งแสนจั้งได้ เช่นนั้นจะไม่มีแผ่นศิลาหนึ่งแสนจั้งลำดับที่หนึ่งพันหนึ่งเป็นอันขาด แต่แผ่นศิลาหนึ่งพันอันก่อนหน้านี้จะถูกสังหารไปหนึ่งคน ทำให้จำนวนคงอยู่ที่หนึ่งพันตลอด
เพราะไม่มีกฎ จึงสังหารได้ตามอำเภอใจ ต่อให้แผ่นศิลาสูงถึงหนึ่งแสนเก้าหมื่นเก้าพันจั้ง อัตราการตายก็เท่ากับแผ่นศิลาสูงหนึ่งแสนหนึ่งจั้ง
หนึ่งพันเลือกหนึ่ง
‘ตั้งแต่โบราณจนถึงตอนนี้ ไม่รู้กี่ปีมาแล้ว คนที่เข้ามาในแดนประหลาดมีมากมาย…ที่นี่ไม่จำกัดอายุขัย นั่นก็หมายความว่าในผู้ท้าชิงที่นี่มีคนที่อยู่มานานอย่างยิ่งอยู่
หากมีคนได้รับต้นกำเนิดจิต คนที่เหลือก็จะตายหมด ชื่อหั่วโหวเคยบอกว่าตอนนั้นบรรพบุรุษของเผ่ายมโลกก็เคยเข้ามาแดนประหลาดแล้วออกไป
ถึงไม่รู้ว่าตอนนั้นบรรพบุรุษเข้าแดนประหลาดใดในสี่แดน แต่ในเมื่อเขาออกไปได้ นั่นหมายความว่าเขาเป็นผู้ถูกคัดเลือกของแดนประหลาดนั้น เช่นนั้นสุดท้ายที่เขาตาย อาจเป็นเพราะว่า…แดนประหลาดนั้นปรากฏผู้ได้รับต้นกำเนิดจิตอย่างแท้จริงหรือไม่?’ ซูหมิงตื่นตะลึง ทว่าไม่นานก็ลบความคิดนี้ทิ้งไป
‘ชื่อหั่วโหวเคยบอกว่านอกทะเลดาราต้นกำเนิดจิตมีแดนประหลาดทั้งหมดสี่แดน และตอนนี้ก็ยังเป็นสี่แดนอยู่ หมายความว่ายังไม่มีคนได้รับต้นกำเนิดจิต’
นัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย สีหน้าใคร่ครวญ
‘หรือว่า…บรรพบุรุษรุ่นแรกเผ่ายมโลกท่านนั้น…จะยังไม่ตาย! แต่ครบรอบหนึ่งพันปีพอดี เลยต้องกลับไปในแดนประหลาด จนถึงตอนนี้ก็ยังถูกขังอยู่?’ ซูหมิงขมวดคิ้ว เบาะแสมีเยอะมาก แต่กลับยากจะหาสาเหตุที่แท้จริงพบ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การดับสูญของโลกแท้จริงลำดับที่ห้าในอดีตอาจเกี่ยวกับแดนประหลาดอย่างซับซ้อน
ซูหมิงลอบถอนหายใจ ตรงหน้าเขามีอยู่เพียงเส้นทางเดียวคือทำให้แผ่นศิลาสูงถึงหนึ่งแสนจั้ง! เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนเดินมาอยู่ตรงหน้าแผ่นศิลา สายตามองมันพลางยกมือขวาขึ้น เขามีความรู้สึกว่าขอเพียงตนกดลงไป เขาก็จะเข้าสู่การช่วงชิงเอาชีวิตรอดอีกระดับหนึ่งกับคนแสนคน
วินาทีที่เขาจะกดมือบนแผ่นศิลานั้น พลันเกิดเสียงครึกโครมขึ้น แผ่นศิลาสูงสามหมื่นกว่าจั้งไกลออกไปเปล่งแสงสว่างพร่างพราว ขนาดพลันสูงขึ้น จากสามหมื่นกลายเป็นสี่หมื่นจั้ง ในเวลาเดียวกันก็มีคนหนึ่งเดินออกมาจากแผ่นศิลาภายใต้แสงสว่าง
บุคคลผู้นี้เป็นชายร่างกำยำ รูปร่างสูงใหญ่ยิ่ง และยังมีพลังแห่งโลกเข้มข้นแผ่กระจาย ขั้นพลังอยู่ที่เจ้าปกครองโลกตอนปลาย!
ยามนี้เดินออกมาด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า สีหน้าเฉยชา เขามองซูหมิงแต่ก็ไม่ได้สนใจเลย เพียงมองแผ่นศิลาสูงราวสองหมื่นจั้งข้างๆ ตน ในแววตาเหนื่อยล้ามีความอ่อนโยนวูบผ่าน ราวกับว่าแผ่นศิลานี้คือแรงผลักดันเพียงหนึ่งเดียวของเขา
ซูหมิงกวาดสายตามองไป เขาเห็นบนแผ่นศิลาของชายร่างกำยำสลักชื่อเอาไว้ว่า
โจวคัง
ส่วนบนแผ่นศิลาสูงสองหมื่นจั้งที่ชายร่างกำยำมอง เขาเห็นชื่อเขียนไว้ว่าซือหม่าเยวี่ย
‘ซือหม่าเยวี่ย น่าจะเป็นชื่อของสตรี หากสองคนนี้ไม่ใช่สหายก็ต้องเป็นคู่ชีวิตกัน’ ตอนนี้ซูหมิงเห็นชายร่างกำยำนั่งขัดสมาธิอยู่ใต้แผ่นศิลาของตน ไม่ได้สนใจสายตาของเขาแม้แต่น้อย แต่หลับตานั่งฌานสมาธิไป
ขณะตกอยู่ในห้วงความคิด ซูหมิงไม่ได้เอามือกดบนแผ่นศิลาในทันที แต่ถอยหลังหลายก้าวแล้วนั่งขัดสมาธิลง เขาไม่มีความรู้หรือประสบการณ์เกี่ยวกับการสืบทอดต้นกำเนิดจิตอะไรมาก หากอ่านเงื่อนงำจากตัวชายร่างกำยำออกบ้าง เขาก็จะมีความมั่นใจมากขึ้นอีกเล็กน้อย
เวลาผ่านไป ซูหมิงกับชายร่างกำยำต่างเงียบงัน ราวหลายชั่วยามต่อมา ซูหมิงก็หมุนตัวมองไปอีกทางหนึ่ง
เห็นว่ามวลอากาศทางนั้นบิดเบี้ยว แล้วเกิดรอยแยกยักษ์สีโลหิตขึ้นเส้นหนึ่ง มีเสียงอึกทึกแว่วมาจากในรอยแยกนี้ จากนั้นก็มีคนผู้หนึ่งเดินออกมาจากรอยแยก
เขาเป็นชายชรา หลังเดินออกมาแล้วก็มีสีหน้าสับสน เหม่อมองไปโดยรอบ ในสีหน้าสับสนยังมีความหวาดกลัวและตื่นตกใจ
เห็นได้ชัดว่าเขาเข้ามาครั้งแรกเหมือนกับซูหมิง!
เหตุการณ์นี้ดึงดูดความสนใจของซูหมิงทันที กระทั่งชายร่างกำยำยังลืมตาขึ้นจ้องชายชรา ลมหายใจกระชั้นเล็กน้อย การคัดเลือกมรณะเกิดขึ้นแล้ว เงามรณะที่ในแสนคนต้องมีหนึ่งคนตายไปเข้าปกคลุมซูหมิงกับชายร่างกำยำทันใด