ตอนที่ 862 ความตื่นเต้นของกระเรียนขนร่วง
ซูหมิงมองหญิงสาวนามเป่าหลัวแวบหนึ่ง นางค่อนข้างงดงาม เรือนร่างโค้งเว้ามีเสน่ห์ โดยเฉพาะตอนนี้อาภรณ์ยังขาดวิ่น เผยผิวหนังเป็นส่วนใหญ่ เมื่อมาคู่กับอาการสั่นไหวเพราะความกลัว บวกกับความปรารถนาในการมีชีวิตรอดในแววตาแล้ว ทำให้นางเต็มไปด้วยเสน่ห์น่าหลงใหล
สีหน้านาง ใบหน้านาง ความหมายแฝงในแววตา ล้วนบ่งบอกว่ายอมแลกทุกอย่าง ยอมทำทุกเรื่อง กระทั่งถูกย่ำยีก็ยังยอม
ซูหมิงมีสีหน้าเช่นปกติ ค่อยๆ เดินไปหาหญิงสาว พอเข้ามาใกล้ เป่าหลัวก็กำลังจะถอยโดยจิตใต้สำนึก ทว่ากลับลังเลอยู่ชั่วครู่แล้วกัดฟันยืนอยู่ตรงนั้น ปล่อยให้ซูหมิงเดินเข้ามาใกล้ ระหว่างเขากับนางแทบจะแนบชิดกัน
กระทั่งขอเพียงนางขยับเดินหน้าเล็กน้อยก็จะล้มลงในอ้อมกอดซูหมิง ซูหมิงค่อยๆ ก้มหน้าลง ดูจากท่าทางแล้วเหมือนจะเข้าไปสัมผัสริมฝีปาก
เสียงหัวใจเต้นตึกตักแว่วมาจากหน้าอกเป่าหลัว ระหว่างนั้นใบหน้านางเห่อร้อนขึ้นมาเล็กน้อย ดวงตายังพยายามโปรยเสน่ห์ของหญิงสาวอย่างเต็มที่ เพื่อให้มีชีวิตรอด ไม่ว่าซูหมิงต้องการอะไรนางจะเอาใจอย่างเต็มที่
เห็นซูหมิงใกล้จะสัมผัสกับริมฝีปากแดงที่เผยอเล็กน้อยของนางแล้ว ช่วงที่จะสัมผัสนั้น เขาเอาศีรษะผ่านหน้าหญิงสาวไป แล้วกล่าวเสียงเบาข้างหู
“ข้าไม่ฆ่าเจ้าก็ได้ ขอเพียง…” ซูหมิงกล่าวเสียงเบาเข้าถึงหูเป่าหลัว
เป่าหลัวได้ยินดังนั้นจึงยกสองมือขึ้นวางบนอาภรณ์ตัวเอง ใบหน้านางแดงเรื่อยิ่งกว่าเดิม ดวงตายังเย้ายวนมากขึ้นเล็กน้อย
ทว่าทันทีที่นางจะเปลื้องผ้า เสียงซูหมิงก็แว่วมาอีกครั้ง
“ขอเพียงเจ้า หนีไปให้เหมือนกับเมื่อครู่นี้” ซูหมิงกล่าวราบเรียบพลางเงยหน้าขึ้น ถอยหลังจนห่างไปหลายจั้ง ก่อนจะยกยิ้ม
เป่าหลัวตัวสั่น นางจ้องซูหมิงตาเขม็ง สีหน้าเปลี่ยนไปไม่หยุด เพิ่งจะโกรธและเขินอาย แต่ความรู้สึกสิ้นหวังก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง ตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ถูกปกป้องมาตลอด แม้เคยเจอผู้ฝึกฌานไม่น้อย แต่ก็ไม่เคยเจอผู้ฝึกฌานคนใดที่น่ากลัวเท่าคนตรงหน้ามาก่อน
ขณะนางกำลังจะกล่าวอะไรบางอย่าง รอยยิ้มซูหมิงก็กลายเป็นความเย็นชา เขายกมือขวาขึ้นสะบัด เกิดพายุคลั่งม้วนไปหาเป่าหลัวแล้วลากนางให้ลอยไกลออกไป
……….
เวลาคือกฎที่มหัศจรรย์อย่างยิ่ง สำหรับคนที่มีความสุข มันจะผ่านไปเร็วจนไม่ทันสังเกต เหมือนเป็นเพียงพริบตา ทว่าสำหรับคนที่ทุกข์ทรมาน เวลาจะเปลี่ยนเป็นช้าลงจนน่ากลัว
อย่างเช่นเป่าหลัว ในเวลาครึ่งวันสุดท้ายของการหนี นางเหมือนตกอยู่ในนรก ตกอยู่ในห้วงกาลเวลาไม่มีสิ้นสุดที่ผ่านไปช้าอย่างยิ่ง
นางอ่อนล้าถึงขีดสุดแล้ว ใบหน้าขาวซีด โลหิตในร่างกายไหลออกมาจำนวนมาก หลังจากถูกเก็บไปอย่างเนิบช้าด้วยบางสิ่งด้านหลังที่เหมือนกับฝันร้ายในมุมมองนาง มันก็จะไล่ตามมาอย่างไม่เร่งรีบ
จิตใจนางหย่อนยาน ในที่สุดก็มาถึงหินผุพังที่ลอยอยู่กลางฟ้ากระจ่างดาว ที่นี่คือบ้านของนาง วินาทีที่เห็นหินผุพัง เป่าหลัวเหมือนได้สติกลับมา นัยน์ตาเปล่งประกายเด่นชัด ความเร็วเพิ่มมากขึ้นอีกเล็กน้อย พริบตาเดียวก็ขึ้นไปบนหินผุพังยักษ์
“ท่านบรรพบุรุษช่วยด้วย!” ทันทีที่ร่อนลงพื้นนางก็ส่งเสียงแหลมเล็ก ตอนที่เสียงดังก้องกังวานไป นางสูญเสียพละกำลังทั้งหมดและล้มลงหมดสติตรงนั้น
ซูหมิงยืนอยู่กลางฟ้ากระจ่างดาว มองหินผุพังก้อนใหญ่ตรงหน้า มองเป่าหลัวล้มลง ได้ยินเสียงแหลมเล็กของนางดังกังวาน ทว่าผ่านไปหลายลมหายใจ ที่นี่กลับยังเงียบสงัด
เป่าหลัวที่หมดสติไปไม่รู้ว่าบรรพบุรุษของนางไม่ได้ปรากฏตัว
ผ่านไปอีกสามลมหายใจ ซูหมิงจึงกล่าวเสียงเรียบ
“ไม่ออกมารึ” เขายกมือขวาสะบัดไป อักขระต้นกำเนิดจิตในดวงตาพลันขยับวูบวาบ แล้วบินออกมาจากดวงตาไปวนเวียนอยู่รอบๆ ทันที
เสียงครึกโครมทำลายความเงียบ ขณะดังกึกก้อง หินผุพังหลายแห่งพังทลายลง พริบตาเดียวหินผุงพังมากกว่าครึ่งก็กลายเป็นฝุ่นละออง การพังทลายยังดำเนินต่อไป เหมือนหากไม่ทำลายหินเหล่านี้ทั้งหมดก็จะไม่ยอมหยุด
มีเสียงถอนหายใจด้วยความขมขื่นแว่วมาจากหินผุพังซึ่งกำลังพังลง ชายชราสวมอาภรณ์สีฟ้าเดินออกมาจากในหินผุพังก้อนหนึ่ง เขามีเส้นผมขาวทั้งศีรษะ ตอนเดินออกมาก็มองเป่าหลัวที่หมดสติไปด้วยความซับซ้อนแวบหนึ่ง แล้วมองซูหมิงก่อนจะก้มหน้าลง
“ผู้อาวุโสระงับโทสะก่อน ผู้เยาว์นามเป่าหาน เป็นคนสาขาย่อยของตระกูลอวี้แห่งดาวทมิฬ รับคำสั่งให้มาเฝ้ารักษาการณ์อยู่นอกตระกูล เป่าหลัวอายุยังน้อยไร้ความคิด หวังว่าผู้อาวุโสจะปล่อยนางไป ข้าจะมอบของขวัญตอบแทนให้อย่างงาม” ชายชรามีท่าทีเคารพอย่างยิ่ง เขาค้อมตัวต่ำประสานมือคารวะซูหมิง
นัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย ครั้นมองชายชราแวบหนึ่งแล้วก็เงียบไป กระทั่งไม่ถามว่าอีกฝ่ายจะมอบของขวัญใดให้เพื่อยุติเรื่องนี้ แต่หมุนตัวเดินไกลออกไปโดยไม่สนใจอีก
ชายชรานิ่งอึ้งกับการกระทำของซูหมิง นัยน์ตาเขาเป็นประกายเบาบางยากจะตรวจจับ จากนั้นเดินออกไปหลายก้าวแล้วคารวะซูหมิงอีกครั้งทันที
“ผู้อาวุโสช้าก่อน เรื่องนี้ผิดที่ข้าอบรมสั่งสอนนางไม่ดีเอง จากนี้ข้าจะอบรมนางอย่างแน่นอน ผู้อาวุโสมาถึงดาวทมิฬ น่าจะเพื่อเข้าร่วมงานประมูลแห่งแดนรกร้างอันลือชื่อในดาวทมิฬ หรือไม่ก็อยากจะไปประมือกับเผ่าประหลาดในทะเลดาราต้นกำเนิดจิต ทางข้ามีแผนที่ส่วนของทะเลดาราต้นกำเนิดจิตแผ่นหนึ่งด้วย จะช่วยผู้อาวุโสประหยัดระยะทางไปได้มาก” ขณะชายชรากล่าวก็เหมือนกังวลว่าซูหมิงจะจากไป จึงรีบหยิบหนังสัตว์แผ่นหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ ด้านบนร่างเป็นเส้นจำนวนหนึ่งคล้ายกับแผนที่
ทว่าที่น่าแปลกคือแผนที่ไม่ได้ประทับลงบนแผ่นหยก แต่เป็นหนังสัตว์ค่อนข้างโบราณ
ซูหมิงหยุดชะงัก เขาหมุนตัวกลับมามองชายชราแวบหนึ่งอย่างทีเล่นทีจริง
การมองมานี้ทำให้ชายชราหัวใจเต้นตึกๆ ประหนึ่งว่าความลับทุกอย่างในใจถูกอีกฝ่ายมองออกหมดในแวบเดียว คล้ายกับว่าเขาเปลือยกายตรงหน้าอีกฝ่าย ความรู้สึกนี้กลายเป็นภยันตรายที่ผุดขึ้นในใจเขาอย่างรวดเร็ว
“ผู้อาวุโส…” ชายชราใจเต้นระรัว แต่กลับมีสีหน้าเคารพยิ่งกว่าเดิม ตอนที่เอ่ยโดยสัญชาตญาณ เขาก็เห็นซูหมิงยกมือขวาคว้าอากาศ หนังสัตว์ในมือตนลอยออกไปอย่างรวดเร็ว และไปอยู่ในมืออีกฝ่ายในพริบตา
ซูหมิงถือหนังสัตว์พลางมองอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หมุนตัวจากไป
ชายชราใจสั่นสะท้าน เขาหน้าเปลี่ยนสีติดกันหลายครั้ง เขาไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะมาด้วยท่าทีโหดร้ายน่ากลัว อีกทั้งเมื่อสังหารคนในตระกูลหมดแล้วก็ยังทำตัวสูงส่ง ก่อนจะผ่อนลงทีละน้อยและจากไปแบบนี้
ทำให้การเตรียมตัวทุกอย่างของเขาเหมือนสูญเปล่าไป
ในใจเขาร้อนรน รีบเดินหน้าไปหลายก้าวและกล่าวอีกครั้ง
“ผู้อาวุโส ผู้อาวุโสช้าก่อน ผู้เยาว์ยังมอบของขวัญไม่เสร็จเลย ยังมี…ยังมีหินผลึกจำนวนมากจะมอบให้ด้วย มันจะช่วยให้ผู้อาวุโสชนะในการประมูล”
เขาเพิ่งกล่าวจบ ซูหมิงก็ไม่ได้สนใจอะไร ทว่ามวลอากาศข้างๆ เขากลับปรากฏร่างกระเรียนขนร่วงขึ้น ดวงตามันเปล่งประกาย สายตามองชายชรา ในแววตาเหมือนแฝงไว้ด้วยหินผลึก ขยับวูบวาบส่องแสงพร่างพราว
“หินผลึกเท่าไร?” มันตะโกนด้วยความตื่นเต้น
“หินผลึกสามล้านก้อน!” ชายชราลังเลอยู่ชั่วครู่ แล้วจึงกัดฟันกล่าวไป
กระเรียนขนร่วงกรีดร้อง มันตัวสั่น สายตาจ้องชายชราเขม็ง สีหน้าแบบนี้ แววตาแบบนี้ ดูเต็มไปด้วยความดุร้ายเหมือนอยากจะกินชายชราเข้าไปทั้งเป็น หนำซ้ำมันยังเหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้ ร่างขยายใหญ่ขึ้นกลางอากาศ เสี้ยวขณะเดียวก็มีขนาดหลายสิบจั้ง
พอได้ยินเสียงกรีดร้องแหลมของกระเรียนขนร่วง และยังเห็นร่างกายใหญ่ยักษ์ของมันรวมถึงสีหน้าดุร้าย ชายชราก็ใจสั่นสะท้าน ถอยหลังไปหลายก้าว รีบกล่าวอีกครั้ง
“หินผลึกสามล้านก้อนเป็นเพียงช่วงต้นเท่านั้น ยังมีอีกสามล้านก้อน ผู้อาวุโสระงับโทสะก่อน”
เขายังกล่าวไม่จบดี กระเรียนขนร่วงก็กรีดร้องเสียงดังยิ่งกว่าเดิม มันตัวสั่นอย่างรุนแรงเหมือนถึงขีดสุด สีหน้าแบบนี้ทำให้ชายชราตึงเครียด แต่ซูหมิงรู้ว่าเป็นเพราะมัน…ตื่นเต้นมากเกินไปต่างหาก
แรงกระตุ้นจากหินผลึกสามล้านก้อนมากพอจะทำให้กระเรียนขนร่วงคลุ้มคลั่ง ทว่าหินผลึกอีกสามล้านที่ชายชรากล่าวต่อเป็นแรงกระตุ้นรุนแรงยิ่งกว่าเดิม ทำให้มันสติปั่นป่วนไปหมด
“หินผลึกสิบล้านก้อน ข้าจะมอบหินผลึกสิบล้านก้อนให้ถือเป็นการขอโทษ” ชายชราเห็นสัตว์ร้ายลักษณะนกไม่มีขนตัวยักษ์กำลังคลุ้มคลั่ง จึงคิดว่าตนมอบหินผลึกให้น้อยเกินไป ทำให้อีกฝ่ายโกรธ ดังนั้นเขาจึงกัดฟันรีบกล่าวจำนวนสิบล้านไป
ทันทีที่สิ้นเสียงคำว่าสิบล้าน กระเรียนขนร่วงตาปูดนูนออกมา มันตัวสั่นอยู่หลายที ก่อนจะตาเหลือกหมดสติไป
ภาพนี้ทำให้ในใจชายชราตึงเครียดยิ่งกว่าเดิม ซูหมิงถอนหายใจ เขารู้ว่ากระเรียนขนร่วงไม่คิดว่าจะได้หินผลึกสิบล้านก้อน แรงกระตุ้นนี้มากะทันหันเกินไป มันเลยตื่นเต้นจนหมดสติ
ซูหมิงส่ายศีรษะ ไม่ได้จากไปอีก แต่หมุนตัวมามองชายชรา นัยน์ตาฉายแววเย็นชา ชายชราคนนี้มีปัญหา พริบตาที่อีกฝ่ายปรากฏตัวเขาก็เกิดการคาดเดาขึ้น และจากการลองหยั่งเชิงเพียงเล็กน้อยก็ได้คำตอบมาแล้ว
ชายชราเหมือนจะคิดหาวิธีต่างๆ นานาเพื่อล่อตนเข้าไป
“คนที่เจ้ารอยังมาไม่ถึงอีกรึ” ซูหมิงถามเสียงราบเรียบ
เมื่อกล่าวออกไป ชายชราพลันใจสั่นไหว ทว่าสีหน้ากลับปกติและมีท่าทางตะลึงงัน
“ผู้อาวุโส…”
“ข้าเคยบอกกับหญิงคนนี้ว่าขอแค่หนีข้าก็จะไม่สังหารนาง เจ้าไม่ได้ล่าสังหารมังกรยมโลก ข้าก็ไม่ได้คิดจะเอาชีวิตเจ้า เพียงแค่ลงโทษเล็กน้อยเท่านั้น
แต่ในเมื่อเจ้ากล้าคิดวางแผนทำร้ายข้า เช่นนั้นข้าคงให้มันจบแบบนั้นไม่ได้แล้ว” ซูหมิงมองชายชราแวบหนึ่ง เขายิ้มเยาะพลางยกมือขวาชี้ไปยังชายชรา
เมื่อชี้ไปมวลอากาศพลันบิดเบี้ยว พลังทำลายล้างรวมเข้ามาและพุ่งไปยังชายชรา
ชายชราหน้าเปลี่ยนสี ช่วงที่เร่งรีบถอย เขาก็ตะโกนเสียงต่ำออกไป
“มีศัตรูบุกรุก ขอให้ทางตระกูลโปรดลงมือด้วย!”
ทันทีที่โพล่งออกไปก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นมาจากหินผุพัง มีระลอกคลื่นวงแหวนอาคม เสียงครึกโครมดังขึ้น หินผุพังก้อนนี้คืออาคมเคลื่อนย้ายที่แม้แต่ก่อนหน้านี้ซูหมิงก็ยังมองไม่ออก