ตอนที่ 886 ผู้เฒ่าวายุ
“ชายชราคนนั้นคือ ท่านซงชิง ผู้มาเยือนของตระกูลเลี่ยซาน!”
“ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะปรากฏตัวในงานประมูลขนาดเล็กแบบนี้?”
“ไม่ผิด เขาอารักขาวัตถุประหลาดชิ้นนี้ด้วยตัวเองจริงๆ ตาแก่ซงชิงคนนี้เป็นผู้มาเยือนในตระกูลเลี่ยซานมาหลายปี ขั้นพลังลึกล้ำไม่อาจคาดเดา วิชาผนึกด้วยมือเดียวน่ากลัวอย่างยิ่ง”
“เล่าลือว่าตระกูลไท่ฉือเคยมีคนยอมจ่ายราคาสูงลิ่วเพื่อเชิญตาแก่ซงชิงออกจากตระกูลเลี่ยซาน มาเป็นผู้มาเยือนตระกูลไท่ฉือแทน แต่กลับถูกปฏิเสธอย่างสุภาพไป”
เสียงสนทนาดังขึ้นในลานประมูลเพราะชายชราผู้นี้ปรากฏกาย ชายชราโครงร่างใหญ่เงยหน้าขึ้น มองรอบๆ อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วยกมือขวาชี้ไปยังรูปปั้นชำรุดที่ลอยอยู่ตรงหน้า
“ในเมื่อทุกท่านส่วนใหญ่รู้จักข้า ก็ถือว่าเป็นสหายกัน ข้าขอเตือนทุกท่านว่าของสิ่งนี้…หากไม่รู้จักมัน อย่าเคาะประมูลออกไปง่ายๆ” ชายชราซงชิงกล่าวเพียงประโยคนี้ก็เงียบไป ยืนอยู่ตรงนั้นดั่งภูเขาลูกเล็ก
หากเขาไม่เอ่ยประโยคนี้ บางทีรูปปั้นอาจไม่สร้างความสนใจต่อคนมากนัก แต่เมื่อกล่าวออกไปแล้ว กลับทำให้ทุกคนในลานประมูลเพ่งสายตามองรูปปั้นทันที
“สิ่งนี้คืออะไรกันแน่?”
“หรือว่าจะเป็นรูปปั้นของเทพโบราณ!”
“ไม่ถูกต้อง ไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายพลังโบราณจากตัวรูปปั้นเลย เหนือรูปปั้นมีความรู้สึกเก่าแก่ แต่ก็คาดเดาไม่ได้อยู่เล็กน้อย”
“รูปปั้นแบบนี้ ไม่อยากเชื่อว่าจะกล้าตั้งราคาขั้นต่ำไว้แปดแสนหินผลึก ไม่คุ้มค่าเลย!”
เสียงสนทนาดังอื้ออึงอยู่ในลานประมูล กระทั่งมีเสียงสงสัยแหลมเล็กดังขึ้น ทำให้หลายพันคนในลานประมูลเกิดความวุ่นวายขึ้นเล็กน้อย
“วัตถุชิ้นนี้คุ้มหรือไม่คุ้มค่า ข้าเองก็บอกไม่ได้ หากสหายทุกท่านมีใครรู้จักสิ่งนี้ ต่อให้ราคาหลายสิบล้านหินผลึกก็ยังจะซื้อมัน แต่หากไม่รู้จัก แม้แต่หินผลึกก้อนเดียวก็ไม่ยอมจ่าย ดังนั้นทุกท่านเคาะประมูลได้เลย”
ชายตระกูลเลี่ยซานซึ่งเป็นเจ้าภาพงานประมูลมีสีหน้าสงบ ตอนที่ยิ้มน้อยๆ พลางกล่าว ในลานประมูลค่อยๆ เงียบลง แต่กลับไม่มีใครเคาะประมูล
ซูหมิงยืนอยู่ข้างกำแพงมายาของห้อง เหม่อมองรูปปั้นนั้น คนอื่นจะรู้จักสิ่งนี้หรือไม่เขาไม่รู้ แต่เขามองแวบเดียวก็รู้แล้วว่ามันคือสิ่งใด
กลิ่นอายพลังเก่าแก่ด้านในคือกลิ่นอายพลังของเผ่าหมาน ชัดเจนว่ารูปปั้นนี้คือเทวรูปหมาน!
“ตระกูลเลี่ยซานมักจะมีของประหลาดหายากตลอด สิ่งนี้คืออะไรกัน?” อวี้เฉินไห่ที่อยู่ข้างๆ มองรูปปั้น คิ้วขมวดขึ้น แม้แต่อวี้โหรวก็เพ่งมองอยู่พักหนึ่งแต่มองไม่ออก
“ของสิ่งนี้ไม่เลว ถึงข้าจะไม่รู้จักมัน แต่วางไว้ดูเล่นในตระกูลก็ดีเหมือนกัน หนึ่งล้านหินผลึก” หลังจากลานประมูลเงียบไปครู่หนึ่งก็มีเสียงแหบแห้งดังขึ้น
เสียงนี้ไม่ได้ดังก้องในห้องโถงใหญ่ที่บรรจุคนหลายพัน แต่ดังมาจากในห้องรอบๆ ที่เหมือนกับห้องของซูหมิง เมื่อสิ้นเสียงนี้ ก็ดึงดูดความสนใจของผู้ฝึกฌานในห้องโถงทันที
“หนึ่งล้านสามแสนหินผลึก ข้าชอบสะสมของแปลกหายากแบบนี้” ต่อมาก็มีอีกเสียงดังกังวาน
“หนึ่งล้านหกแสนหินผลึก!”
“หนึ่งล้านแปดแสน!”
ไม่นานก็มีอีกเสียงแทรกเข้ามาประมูล เมื่อสามคนนี้แย่งชิงกัน ไม่ว่าสิ่งนี้คืออะไร แต่ก็ทำให้ผู้ฝึกฌานในลานประมูลต่างตื่นเต้นขึ้นมาทันที อีกทั้งสามเสียงนี้ยังมาจากห้องแขกคนสำคัญด้านบน เพียงแต่คนที่มีสิทธิ์ใช้ห้องเหล่านี้ล้วนเป็นแต่ละตระกูลบนดาวทมิฬ ไม่เหมือนกับผู้ฝึกฌานอิสระบนดาวทมิฬส่วนใหญ่ในห้องโถงใหญ่หรือผู้มาจากต่างถิ่น
ระหว่างกำลังเคาะประมูลอยู่นี้ ลานประมูลของตระกูลเลี่ยซานมีห้องลับแห่งหนึ่ง ตอนนี้ในห้องลับมีผู้เฒ่านั่งขัดสมาธิอยู่คนหนึ่ง ด้านหลังผู้เฒ่ามีชายร่างกำยำที่มีรูปร่างเป็นคนตระกูลเลี่ยซานอย่างชัดเจนสิบกว่าคนยืนอยู่อย่างเคารพ
ในนั้นมีเลี่ยซานคังจิ่วด้วย
เขามองม่านแสงภาพมายาตรงหน้าชายชราอย่างเงียบๆ ตรงนั้นคือภาพลานประมูลทั้งหมด กระทั่งเสียงยังดังเข้ามาเช่นกัน
ผู้เฒ่าเส้นผมขาวทั้งศีรษะ สวมเสื้อคลุมยาวสีน้ำเงินเข้ม ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยย่น เขานั่งอยู่ตรงนั้นเงียบๆ สายตามองภาพตรงหน้า มีกลิ่นอายโรยราแผ่กระจายมาจากตัวเขา ราวกับว่าแก่หง่อมถึงปลายทางแล้ว
อากาศรอบตัวเขาบิดเบี้ยวรางๆ ท่ามกลางความบิดเบี้ยวเกิดการทำลายและรวมขึ้นมาใหม่ไม่หยุดหย่อน กระทั่งหากมองดีๆ จะเห็นว่ารอบตัวผู้เฒ่ามีอากาศบิดเบี้ยวและถูกทำลายก็เพราะ…สายลม!
รอบตัวผู้เฒ่ามีสายลมไร้รูปโคจรไม่หยุดอยู่หนึ่งชั้น
“ผู้เฒ่าวายุ ข้านำเทวรูปหมานเข้าไปในลานประมูลตามคำสั่งของท่านเรียบร้อยแล้ว” มวลอากาศด้านหลังผู้เฒ่าสั่นไหวคล้ายถูกฉีกออก ก่อนมีชายร่างกำยำคนหนึ่งเดินออกมา เขามีอายุราวห้าสิบปี ทั่วร่างมีกลิ่นอายชั่วร้ายเข้มข้น เขาก้าวเท้ายาวออกมา คารวะอยู่ข้างผู้เฒ่าด้วยความเคารพและกล่าวเสียงหนักแน่น
ผู้เฒ่าพยักหน้า เขามองลานประมูลตลอด เหมือนกำลังรออะไรบางอย่าง
ผ่านไปพักใหญ่ ราคารูปปั้นในงานประมูลก็สูงถึงสี่ล้านกว่าหินผลึกแล้ว ทว่าคนที่ผู้เฒ่ารออยู่ก็ยังไม่กล่าวเลยว่าจะซื้อ
“คังจิ่ว…” ผู้เฒ่ากล่าวช้าๆ ด้วยเสียงแก่ชราและแหบแห้งเป็นเอกลักษณ์ กระทั่งมีสำเนียงต่างกับคนบนดาวทมิฬ
“ท่านผู้เฒ่าวายุ” เลี่ยซานคังจิ่วเดินออกมาทันที เขาก้มคารวะผู้เฒ่า สีหน้าเคารพอย่างยิ่ง ในตระกูลผู้เฒ่าคนนี้มีฐานะเป็นรองเพียงบรรพบุรุษเท่านั้น เขาทำเพื่อตระกูลมาไม่รู้กี่ปี จึงมีฐานะสูงส่งยิ่งนัก โดยเฉพาะเมื่อมีตำนานบางอย่างเกี่ยวกับผู้เฒ่าคนนี้ จึงยิ่งทำให้เขาเป็นที่น่าเคารพยำเกรงมากกว่าเดิม
“อธิบายความรู้สึกของเจ้าตอนนั้นมาอย่างละเอียด” ผู้เฒ่าพึมพำ
“ขอรับ!” เลี่ยซานคังจิ่วสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะกล่าวเสียงต่ำ
“…ต่อหน้าเขา ข้ามีความรู้สึกเหมือนเจอกับท่านบรรพบุรุษ เส้นเลือดในกายข้าเหมือนจะเสียการควบคุม กระทั่งลายหมานยังจะโผล่ขึ้นมา ที่สำคัญกว่าคือตอนเผชิญหน้ากับเขา ข้าเกิดความคิดอยากจะก้มคารวะ
ความคิดนี้ส่งมาจากจิตวิญญาณข้า เหมือนกับว่า…” เสียงเลี่ยซานคังจิ่วสะดุดไป
“เหมือนกับว่าอะไร?” ผู้เฒ่าหันไปมองเลี่ยซานคังจิ่ว พอถูกผู้เฒ่ามองมาแวบหนึ่ง เขารู้สึกว่ารอบตัวมีสายลมโผล่ขึ้นมาทันใด
“เหมือนกับว่า ผู้เยาว์เองก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร ความรู้สึกตอนอยู่ต่อหน้าเขา ข้าไม่อยากจะต่อต้านอะไรเลย และจะเชื่อคำพูดของเขาอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย”
เลี่นซานคังจิ่วก้มหน้าลงยิ้มเจื่อน คนตระกูลเลี่ยซานสิบกว่าคนข้างหลังต่างก็มีสีหน้าจริงจังขึ้นมา
ผู้เฒ่าวายุเงียบงัน หันหน้าไปมองในลานประมูลต่อ ในใจพึมพำอยู่เงียบๆ
‘เป็นคนจากบ้านเกิดหรือ…เช่นนั้นเขาจะต้องรู้จักเทวรูปหมานแน่
หากเจ้าใช่ก็ดีไป หากเจ้าไม่ใช่ แต่ฝึกฝนวิชาบางอย่างที่ใช้กำราบเผ่าหมาน เช่นนั้น…อย่าว่าแต่เจ้าที่เป็นเพียงผู้มาเยือนตระกูลอวี้เลย ต่อให้เจ้าเป็นบรรพบุรุษตระกูลอวี้ที่เพิ่งหลุดพ้นในช่วงเร็วๆ นี้ ต่อให้เจ้าเป็นทูตของวิญญาณสุริยันและจันทรา กระทั่งเจ้าเป็นคนจากสามตระกูลใหญ่ มีตาแก่พวกนั้นจากสามตระกูลคอยปกป้อง ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ต้องตายอยู่บนดาวทมิฬแน่!
บนดาวทมิฬ ไม่มีเรื่องใดที่ตระกูลเลี่ยซานทำไม่ได้!’ ผู้เฒ่าหรี่ตาลง นัยน์ตามีจิตสังหารวูบผ่าน ในใจเขารู้ว่าหากคนอื่นรู้เรื่องนี้เข้า จะต้องเกิดความตื่นตะลึงอย่างยิ่งแน่นอน เพราะเขารู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตระกูลอวี้ เรื่องนี้เป็นความลับที่สุดในตระกูลนั้น แม้แต่คนในตระกูลส่วนใหญ่ยังไม่รู้ แต่เขากลับรู้อย่างละเอียด
ขนาดคำพูดในใจยังเหมือนไม่เห็นสามตระกูลใหญ่อยู่ในสายตา ถ้าอย่างนั้น…..ตระกูลเลี่ยซาน…..ตระกูลระดับกลางในสายตาผู้ฝึกฌานบนดาวทมิฬ เป็นเพียงตระกูลระดับกลางจริงๆ หรือ…
ชั่วขณะที่ผู้เฒ่าตกอยู่ในห้วงความคิด ลานประมูลในม่านแสงภาพมายาตรงหน้าพลันเงียบลง
“รูปปั้นนี้ต้องเป็นคุณชายของตระกูลข้า” เสียงไพเราะยิ่งดังก้องในลานประมูล หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากในห้องรับรองของแต่ละตระกูล
หญิงสาวคนนี้สวมผ้าคลุมหน้า แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น นางก็ยังมีความงามที่ทำให้คนใจสั่นไหว เมื่อนางเดินออกมา โดยรอบพลันเงียบงัน สายตาจำนวนมากเพ่งมองไปยังนาง
“หกล้านหินผลึก บรรจุสิ่งนี้ให้ดีแล้วเอามาให้ข้า” หญิงงามคนนี้คืออวี้โหรว นางมีสีหน้านิ่งๆ แต่งดงาม ตอนที่ยืนอยู่บนแท่นเรียบ ในมือถือถุงเก็บวัตถุใบหนึ่ง ส่งไปข้างหน้าเบาๆ มันลอยไปหาเจ้าภาพคนตระกูลเลี่ยซานโดยทันที
เจ้าภาพตระกูลเลี่ยซานนิ่งอึ้งไป เมื่อรับถุงเก็บวัตถุมาแล้วก็มองท่านซงชิงผู้มาเยือนตระกูลเลี่ยซานข้างๆ โดยไม่รู้ตัว กลับเป็นซงชิงที่มีสีหน้าจริงจังยิ่งนัก สายตาจ้องหญิงสาวคนนั้น
“เอ่อ…” คนตระกูลเลี่ยซานลังเลอยู่ชั่วครู่ ตอนนี้เอง มีเสียงเฉยเมยแว่วมาจากห้องของตระกูลอื่นๆ ด้านบน เสียงนั้นยังแฝงไว้ด้วยการแทะโลมด้วย
“แม่นางน้อย ข้าขอประมูลเจ็ดล้านหินผลึก”
“แปดล้านหินผลึก” อวี้โหรวไม่เงยหน้าขึ้น เพียงกล่าวราบเรียบ
“ฮ่าๆ ดี ข้าขอประมูลเก้าล้าน” เสียงเฉยเมยนั้นหัวเราะดังก้อง เพียงแต่ว่าน้ำเสียงแฝงตัณหา
เมื่อสิ้นเสียงเคาะประมูล ผู้ฝึกฌานในลานแห่งนี้ต่างเริ่มมีสีหน้าคึกคัก มีคนเงยหน้ามองห้องที่มาของเสียงบุรุษคนนั้นตลอด ทว่าทุกคนที่มองไปต่างหน้าเปลี่ยนสี ก้มหน้าลงทันใด
“ในเมืองวารีดำ คนที่กล้าประมูลแข่งกับข้าไท่ฉือหย่งมีไม่เยอะ แม่นางน้อยอย่างเจ้าไม่เลวเลย ข้าขอประมูลสิบล้านหินผลึก แต่ข้าจะให้โอกาสเจ้าครั้งหนึ่ง หากเจ้าเคาะประมูลสิบห้าล้าน ข้าจะไม่แย่งกับเจ้าอีก” เสียงเกียจคร้านหัวเราะมาเบาๆ
“ยี่สิบล้านหินผลึก” อวี้โหรวไม่เงยหน้าขึ้น ราวกับไม่สนใจแม้แต่น้อย น้ำเสียงนุ่มนวลแฝงไว้ด้วยความเย็นเยียบ
เมื่อกล่าวราคานี้ออกไป ทั้งลานประมูลเกิดเสียงดังเกรียวกราวขึ้นโดยพลัน
“ดี รูปปั้นนี้เป็นของเจ้านายตระกูลเจ้าแล้ว ราคาคือยี่สิบล้านหินผลึกกับแม่นางน้อยคนนี้ ไปเอาหินผลึกกับนางมา ข้าจะเล่นสนุกกับนางที่นี่สักหน่อย” ตอนที่เสียงหัวเราะดังก้อง พลันมีเสียงแหลมลากยาวดังมาจากในห้องแห่งหนึ่งด้านบน มีร่างเงาสองคนขยับวูบไหวตรงไปหาอวี้โหรว