Skip to content

สู่วิถีอสุรา 892

ตอนที่ 892 คำสั่งหมึกดำ

ซูหมิงมองทุกอย่างที่เกิดขึ้นในม่านแสง ชื่อหั่วโหวข้างๆ เบิกตากว้าง เผยอาการตกตะลึง ชี้ไปยังวงแหวนอาคมบนหอสิ่งก่อสร้างทั้งหมดในม่านแสงพลางกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงร้อนรน

“นี่มัน…วงแหวนอาคมไท่เฮ่า (เทพบิดร) ของโลกแท้จริงที่ห้า! เป็นหนึ่งในพลังการป้องกันทั้งเขตผืนฟ้าของโลกแท้จริงที่ห้า!” เขาใจสั่นสะท้าน

นี่คือโครงสร้างของวงแหวนอาคมไท่เฮ่าที่ต่อให้เป็นโลกแท้จริงที่ห้าก็ยังเป็นความลับยิ่งใหญ่ นอกจากชนเผ่าที่สร้างสิ่งนี้แล้ว คนอื่นยากจะล่วงรู้ได้ ตอนสงครามระหว่างสี่มหาโลกแท้จริงกับโลกแท้จริงที่ห้า โลกแท้จริงที่ห้าเคยใช้ดวงดาวทั้งหมดเป็นรากฐานสร้างวงแหวนอาคมแบบนี้ขึ้นมานับไม่ถ้วน ทุกครั้งที่ใช้งานจะทำให้โลกแท้จริงสั่นไหว พลังในการสังหารก็สุดจะบรรยาย ทุกคนที่เคยเห็นกับตา หากโชคดีรอดมาได้ก็จะจดจำไปชั่วชีวิต

“สหายท่านนี้มีความรู้กว้างขวางดี ไม่เลวเลย นี่คือวงแหวนอาคมไท่เฮ่าของโลกแท้จริงที่ห้า” ผู้เฒ่าวายุมองชื่อหั่วโหวแวบหนึ่งแล้วหรี่ตาลง ก่อนจะยิ้มเอ่ยขึ้น ทว่ากล่าวจบเขาก็เปลี่ยนหัวข้อ เอ่ยประโยคที่ทำให้ชื่อหั่วโหวต้องหรี่ตา

“สมกับเป็นแม่ทัพใหญ่ชื่อหั่วโหวแห่งกองพลที่เจ็ดของโลกแท้จริงที่ห้า รักษาการณ์อยู่ในเขตแปดของพื้นที่สงครามทางตะวันตกเฉียงใต้ มองออกว่าเป็นวงแหวนอาคมไท่เฮ่าได้ก็ถือว่าไม่น่าแปลกใจอะไร”

ชื่อหั่วโหวหน้าเปลี่ยนสี ซูหมิงมีสีหน้าเช่นเดิม เพียงเอียงศีรษะมองผู้เฒ่าวายุแวบหนึ่ง

“วีรกรรมในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตของเทพหมานรุ่นสี่ตอนนั้น เรื่องที่ถูกบีบให้เข้าไปในแดนประหลาดวงแหวนบูรพา ส่วนใหญ่ข้ารู้หมดแล้ว เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าเป็นเทพหมานรุ่นสี่ ตอนนี้มาสืบเสาะดูก็เลยนำเรื่องในอดีตของพวกเจ้ามาเชื่อมโยงกัน” ผู้เฒ่าวายุยิ้มอย่างเป็นมิตร สายตามองซูหมิงเช่นกัน

“มังกรหินจากสะพานหินทั้งหมดในเมืองวารีดำคืออภินิหารวิชาของเผ่าหินดาวตกที่ตอนนี้ยังอยู่ในทะเลดาราต้นกำเนิดจิต และก็มีแต่หินที่ยอดนักบวชในเผ่าพวกเขาเคยอำนวยพรให้ เลยทำให้มันเกิดสติปัญญาขึ้นมาตามกาลเวลา สูบพลังฟ้าดินจนเติบใหญ่ขึ้น

ดูจากระลอกคลื่นพลังของมังกรหินทุกตัวแล้ว พวกมันน่าจะอยู่มาหลายหมื่นปี พอเชื่อมโยงกับเวลาในการสร้างเมืองวารีดำ ตอนที่ตระกูลไท่ฉือสร้างเมืองนี้ ตระกูลเลี่ยซานก็น่าจะเข้าร่วมสร้างด้วย” อวี้โหรวกล่าวด้วยความเฉยชาอยู่ข้างซูหมิง

“บรรพบุรุษอวี้โหรว ตามข่าวลือแล้วเจ้าเป็นคนเดียวที่บุกผ่านด่านสองของวิถีสวรรค์เมื่อหลายพันปีก่อน ได้ยินมานานว่าทวารทั้งเจ็ดปราดเปรียว ได้รับพลังแห่งเทพจันทรา เป็นทูตของเทพจันทรา รู้ความลับของทะเลดาราต้นกำเนิดจิตมากมาย ตอนนี้มาดูแล้วคงเป็นเช่นนั้นจริงๆ” ผู้เฒ่าวายุยิ้มน้อยๆ ความลุ่มลึกในแววตาคล้ายกับว่าความลับทุกอย่างในโลกนี้มีน้อยนักที่เขาจะไม่รู้

อวี้โหรวยังคงสีหน้าปกติ ไม่ได้ตื่นตะลึงเพราะผู้เฒ่าวายุเอ่ยถึงฐานะตน ถึงอย่างไรตระกูลนี้ก็กล้าลงมือกับตระกูลไท่ฉือ กระทั่งวางแผนอย่างแยบยลโดยการซ่อนกลเอาไว้ตอนสร้างเมืองวารีดำ อยากรู้ความลับเหล่านี้เหมือนจะไม่ใช่เรื่องยากอะไร

โดยเฉพาะอวี้โหรวจำได้ว่า เมื่อครู่ผู้เฒ่าวายุเคยกล่าวไว้ประโยคหนึ่งอย่างวางอำนาจบาตรใหญ่

‘ดาวทมิฬเป็นของพวกเรา’

หากไม่มีศักยภาพจริงคงเอ่ยเช่นนี้ไม่ได้ ดังนั้นอวี้โหรวจึงไม่แปลกใจ แต่ก้มหน้าลงแสดงความเคารพ

หลังจากนางถูกผู้เฒ่าวายุเอ่ยถึงฐานะ อวี้เฉินไห่ที่อยู่ไม่ไกลหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง สภาพจิตใจคล้ายเกิดพายุกระหน่ำ เขาเหม่อมองแผ่นหลังอวี้โหรว เวลานี้ในความคิดขาวโพลน

เขาพลันเข้าใจแล้วว่าเหตุใดก่อนมาถึงเมืองวารีดำ ในหอตระกูลอวี้ ซูหมิงถึงไม่ถือสาท่าทีที่ตนหลงใหลหญิงรับใช้ กระทั่งยังนึกออกว่าตอนนั้นซูหมิงมีสีหน้าประหลาดด้วย ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว ที่แท้…คนที่ตนอดหลงใหลมิได้ ถึงขนาดเกิดความรักใคร่ชื่นชม…ก็คือบรรพบุรุษของตัวเอง!

แรงกระทบกระเทือนครั้งนี้ทำเอาเขาเกือบจะรับไม่ไหว ใบหน้าขาวซีด ร่างซวนเซถอยไปหลายก้าว ใบหน้าเผยรอยยิ้มแห้ง กระทั่งเก้อเขินเล็กน้อย

“เทพหมานรุ่นหนึ่งหาโลกแท้จริงที่ห้าพบรึ?” ซูหมิงไม่ได้สนใจอวี้เฉินไห่ แต่มองผู้เฒ่าวายุพลางถามเสียงเรียบ

“เรื่องนี้ข้าจะอธิบายให้เทพหมานรุ่นสี่ฟังทีหลัง ตอนนี้พวกเรามาดูศักยภาพแท้จริงของตระกูลเลี่ยซานบนดาวทมิฬกันต่อดีกว่า” ผู้เฒ่าวายุเลี่ยงเรื่องนี้ไป ยิ้มพลางส่ายศีรษะ

ระหว่างที่พวกเขาสนทนากัน เมืองวารีดำในม่านแสงเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างกะทันหัน ฟ้าดินเกิดเสียงดังกระหึ่ม ผู้ฝึกฌานหลายร้อยคนที่กำลังเข้าใกล้ตระกูลเลี่ยซานต่างหน้าเปลี่ยนสีอย่างชัดเจน เห็นได้ว่าตื่นกลัวกับภาพในเมืองวารีดำ พวกเขาพากันถอยไปอย่างไม่ลังเลและเหลือเชื่อ คิดจะกลับไปยังวิหารไท่ฉือ

ทว่ามังกรหินเหล่านี้กลับเร็วยิ่งกว่า ครั้นเข้าใกล้ในพริบตาแล้วก็เกิดเสียงระเบิดดังก้องนภา มีโลหิตตกลงมาจากฟ้าท่ามกลางเสียงระเบิดที่ดังสนั่นกลบเสียงกรีดร้อง

ผู้ฝึกฌานตระกูลไท่ฉือหลายร้อยคนสิ้นชีพไปมากกว่าครึ่งในเสี้ยววินาทีเดียว คนที่เหลือต่างถอยหนีไปด้วยความตื่นกลัว ส่วนมังกรหินด้านหลังก็มีไม่น้อยที่พังทลายลง ทว่าทุกตัวที่กลายเป็นหินร่วงลงไปจะรวมขึ้นมาใหม่ กลายเป็นมังกรหินอีกครั้ง แล้วไล่ตามไปใหม่ อีกทั้งในยามนี้ ลำแสงจากวงแหวนอาคมไท่เฮ่าจากเมืองวารีดำยังพุ่งขึ้นจากพื้น สร้างขึ้นเป็นเหมือนม่านแสงโจมตีใส่วิหารไท่ฉือ ภายใต้เสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหว วิหารไท่ฉือเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง

ยืนหยัดได้เพียงไม่กี่ลมหายใจก็ระเบิดกระจุยต่อสายตาซูหมิง กลายเป็นเศษนับไม่ถ้วนกระเด็นไป หนำซ้ำผู้ฝึกฌานหลายร้อยยังหนีออกมาจากข้างในอย่างตะลีตะลาน แต่หนีไปได้ไม่ไกลนักก็ถูกวงแหวนอาคมไท่เฮ่าโจมตีใส่ ร่างแหลกสลายไป

ตอนนี้เอง ชั้นเมฆบนฟ้าหมุนตลบ เสียงคำรามด้วยความโกรธพลันแว่วลงมา จากนั้นมีร่างเงายักษ์จำนวนมากรวมขึ้นบนฟ้าอย่างรวดเร็ว แวบเดียวก็ปรากฏวิหารยักษ์อีกหลายสิบหลัง

ทุกหลังล้วนเป็นวิหารไท่ฉือ ขณะเดียวกับที่พวกมันปรากฏขึ้น แรงกดดันก็กดทับลงมายังพื้นดิน ในแรงกดดันมีความเอาจริงและความแค้นถึงขีดสุด

“ตระกูลเลี่ยซาน พวกเจ้าวางแผนมานานปี ซ่อนเอาไว้ลึกเช่นนี้เชียว แต่ว่าเมืองวารีดำเป็นของตระกูลไท่ฉือ พวกเจ้า…รนหาที่ตาย!” ท่ามกลางเสียงคำรามด้วยความโกรธ ทั้งเมืองวารีดำพลันสั่นไหว มีแสงสีแดงวูบวาบเริ่มจากชายแดน แวบเดียวแสงสีแดงนี้ก็เชื่อมเข้าหากัน สร้างเป็นม่านแสงขึ้น เหมือนมีชามใหญ่คว่ำลงบนแผ่นดิน เมื่อปกคลุมเมืองวารีดำแล้วก็หดตัวเข้ามาอย่างรวดเร็ว

จุดที่ผ่านที่อยู่อาศัยจะพังลงทั้งหมด กระทั่งผู้ฝึกฌานในเมืองบางส่วนยังหลบไม่ทัน เมื่อถูกแสงสีแดงสัมผัสจะกรีดร้องและร่างกายเน่าเปื่อยทันที โลหิตทั้งหมดถูกสูบไปเป็นส่วนหนึ่งของม่านแสงสีแดง

ซูหมิงมองทุกอย่างในม่านแสง ข้างหูก้องด้วยเสียงราบเรียบของผู้เฒ่าวายุ

“ตระกูลไท่ฉือสร้างเมืองวารีดำ แต่คนที่ออกแบบวงแหวนอาคม องค์ประกอบ รวมถึงการสร้างล้วนเป็นตระกูลเลี่ยซาน เพียงแต่ตอนนั้นพวกเราไม่ได้ใช้ชื่อว่าตระกูลเลี่ยซานก็เท่านั้น” ผู้เฒ่าวายุกล่าวขึ้นพร้อมยกมือขวาชี้ม่านแสง

เมื่อชี้ไป ซูหมิงเห็นว่าม่านสีแดงที่กำลังหดตัวจากรอบเมืองวารีดำพลันหยุดชะงักครู่หนึ่ง จากนั้นก็แตกออกจากด้านบนราวกับฟองอากาศ ระหว่างที่ม่านแสงสีแดงทั้งหมดเปล่งแสงแดงฉานวิบวับก็เกิดเสียงโครมขึ้น ก่อนจะรวมขึ้นเป็นร่างคนสีแดงโลหิตพร้อมกันตรงจุดที่แตก

ร่างนั้นคนคือคนแคระ มีผมยาวสีโลหิต หลังจากปรากฏตัวแล้วก็เงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า ผู้ฝึกฌานทั้งเมืองวารีดำล้วนเกิดความรู้สึกว่าโลหิตจะพุ่งออกจากร่าง

ส่วนม่านโลหิตแสงรวมตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็ไม่ใช่ม่านแสงโลหิตอีก แต่ถูกคนแคระสีโลหิตผู้นี้สูบไป

“วิญญาณวงแหวนอาคมสีโลหิต! บัดซบ เหตุใดในวงแหวนอาคมถึงมีวิญญาณอยู่ ตอนสร้างอาคมนี้เราทำลายความเป็นไปได้ที่จะกำเนิดวิญญาณไปแล้วไม่ใช่รึ!” มีเสียงแว่วมาจากกลางวิหารไท่ฉือหลายสิบหลังบนฟ้า

คนแคระสีโลหิตเลียริมฝีปาก เขาก้มหน้าลงโค้งคารวะไปทางลานประมูลตระกูลเลี่ยซาน แล้วเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า ระหว่างนั้นร่างกายเขาคล้ายกลายเป็นทะเลโลหิตพุ่งขึ้นฟ้าไป

พริบตาที่วิญญาณวงแหวนอาคมสีโลหิตพุ่งออกไป ซูหมิงยังเห็นว่าในตัววิญญาณมีดวงจันทร์โลหิตโผล่ขึ้นมาหนึ่งดวง ดวงจันทร์นี้เป็นตัวแทนขั้นพลังของมัน

ในเวลาเดียวกัน วิหารไท่ฉือหลายสิบหลังบนฟ้าพลันสั่นสะเทือน เกิดการซ้อนทับกันอย่างรวดเร็ว สร้างขึ้นเป็นลักษณะหอคอย จากนั้นกดทับลงมายังวิญญาณวงแหวนอาคมที่กำลังพุ่งขึ้นมา

โครม หอคอยสูงที่รวมขึ้นจากวิหารใหญ่หลายสิบหลังกดทับบนตัววิญญาณวงแหวนอาคมสีโลหิตตรงๆ หอคอยนี้สั่นไหว มีผู้ฝึกฌานหลายพันคนบินออกมาจากข้างใน ทุกคนล้วนมีขั้นพลังไม่ธรรมดา หลังบินออกมาแล้วร่างพวกเขาก็ปกคลุมเนืองแน่นอยู่บนฟ้า ก่อนจะพุ่งตรงไปยังลานประมูลตระกูลเลี่ยซาน

“ตระกูลไท่ฉือขยายอำนาจมาหลายหมื่นปี มีคนในตระกูลจำนวนมาก ทว่า…ในสายเลือดพวกเขามีคนตระกูลเลี่ยซานอยู่เท่าไร?” ผู้เฒ่าวายุพลันหัวเราะดังลั่น รอยยิ้มดูทะมึนและชั่วร้ายเล็กน้อย

ขณะเขากำลังยิ้มอยู่นี้ก็หยิบตราคำสั่งสีดำออกมาอันหนึ่ง แล้วโยนเข้าไปในม่านแสง

ซูหมิงเห็นว่าตราคำสั่งละลายเข้าไปในม่านแสง จากนั้นก็ไปปรากฏอยู่บนฟ้า ตอนที่ปรากฏ มันขยายใหญ่ขึ้นไม่รู้กี่เท่าจนกลายเป็นรูปร่างของภูเขาเล็กลูกหนึ่ง

ด้านบนเขียนไว้ว่า

หมึกดำ

ครั้นตราคำสั่งนี้ออกไป กระทั่งไม่ต้องกล่าวแม้แต่คำเดียว คนตระกูลไท่ฉือหลายพันคนที่กำลังมุ่งหน้าไปยังตระกูลเลี่ยซานมีมากกว่าครึ่งหยุดชะงักครู่หนึ่ง พวกเขาหน้าเปลี่ยนสีอย่างเด่นชัด เหมือนเกิดความลังเลเพียงชั่วครู่ แล้วจึงหมุนตัวกลับ…เปิดฉากการเข่นฆ่ากับผู้ฝึกฌานตระกูลพวกตน

ภาพนี้ทำให้นัยน์ตาซูหมิงแวววาว ทุกอย่างเมื่อครู่เขายังรับได้ ไม่ว่าจะเป็นวงแหวนอาคมของเมืองวารีดำ ม่านแสง รวมถึงอื่นๆ ต่างอธิบายได้ ทว่ายามนี้คนตระกูลไท่ฉือกลับแตกแยกเพราะตราคำสั่งอันหนึ่ง เรื่องนี้…ใหญ่ยิ่งนัก

เหมือนสังเกตเห็นความตื่นตะลึงของซูหมิง ผู้เฒ่าวายุจึงหันหน้าไปมองเขาแล้วยิ้มอย่างมีเมตตา

“นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เทพหมานรุ่นหนึ่งที่สร้างราชวงศ์ต้าอวี๋ในเวลาหมื่นปีจะเป็นเพียงตระกูลเลี่ยซานระดับกลางบนดาวทมิฬได้อย่างไร ดาวทมิฬ พวกเราต่างหากคือ เจ้านายผู้อยู่ในเงามืด!”

สิ้นเสียงผู้เฒ่าวายุ หอคอยสูงบนฟ้าเมืองวารีดำสั่นสะเทือนแล้วพังพินาศลง นั่นคือการถล่มทลายของวิหารใหญ่หลายสิบหลัง ระหว่างที่ถล่มลง วิญญาณวงแหวนอาคมสีโลหิตก็ส่งเสียงร้องคำราม

ทว่าตอนนี้เอง กลับมีเสียงถอนหายใจจากบนฟ้าดังก้องอยู่นาน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!