ตอนที่ 92 ค่าหัว
“ค้นหา!” เวนีน่าออกคำสั่ง
“ครับ”
แผนที่ขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นข้างหน้าของชายแก่ชุดดำ ตรงกลางของแผนที่นั้นมีจุดสีแดงปรากฏอยู่ นั่งก็คือตำแหน่งปัจจุบันของหลี่เวย
มีจุดแสงอีก 6 จุดปรากฏขึ้นในรัศมี 100 ไมล์รอบบริเวณตำแหน่งของหลี่เวย
“มีแม่ทัพขั้นสูง 6 คนอยู่ในรัศมี 100 ไมล์!”
“ตรวจสอบทุกคน แสดงระยะห่างของแต่ละคนจากตำแหน่งของหลี่เวยด้วย” หลี่เย่าสั่งเยือกเย็น
ปี๊บ…ปี๊บ…
ภาพโฮโลแกรมแบ่งออกเป็น 2 จอ และทั้ง 2 จอก็เริ่มแสดงข้อมูลจำนวนมากออกมาให้เห็น
“แม่ทัพขั้นสูง 6 คน นอกเหนือจากบอดี้การ์ดของหลี่เวย 2 คน ยังมีอีก 4 คนในเมืองหมายเลข 003 เหรอ?”
สีหน้าของหลี่เย่าย่ำแย่ เขามีผู้ต้องสงสัยเพียง 4 คน เพราะบอดี้การ์ด 2 คนนั้นตายไปแล้ว
“ในจำนวน 4 คนนี้ คนที่ใกล้ที่สุดห่างออกไป 20 ไมล์”
ด้วยความเร็วของแม่ทัพขั้นสูง ตั้งแต่ที่เขาสั่งค้นหาก่อนหน้านี้ ผ่านไปประมาณ 1 นาที เพราะฉะนั้นไม่น่าจะไปเกิน 20 ไมล์
“เย่า! ใครฆ่าอาเวยกันแน่?” สำเนียงกลางของเวนีน่าถึงจะไม่รื่นหูเล็กน้อย แต่ยังถือว่าพูดคล่อง
“ค้นหาแม่ทัพขั้นกลาง! แม่ทัพขั้นต้นทั้งหมดเดี๋ยวนี้!” หลี่เย่าขบกรามแน่น
“จะเป็นพวกแม่ทัพขั้นกลางกับขั้นต้นได้ยังไง?” เวนีน่ามีสีหน้าฉงน “ด้วยพลังของพวกข่าหลง พวกเขาจะตายด้วยน้ำมือของแม่ทัพขั้นกลางกับขั้นต้นโดยไม่มีโอกาสแจ้งเราก่อนเนี่ยนะ?”
“หุบปาก!” หลี่เย่าอดคำรามไม่ได้
เวนีน่าอดกลั้นไม่เอ่ยแย้ง
“ภายในรัศมี 100 ไมล์ มีแม่ทัพขั้นกลาง 21 คน” ชายชุดดำตอบ บนภาพแผนที่มีจุดแสง 21 จุดซึ่งริบหรี่กว่าจุดที่ปรากฏขึ้นก่อนหน้าชุดแรก “แม่ทัพขั้นต้นในรัศมี 100 ไมล์มี 21 คน”
และก็มีจุดแสงอีก 21 จุดซึ่งบ่งบอกถึงตำแหน่งของแม่ทัพขั้นต้นปรากฏขึ้นในแผนที่
คำพูดของหลี่เย่าดูเหมือนจะลอดไรฟันออกมา
“บันทึกข้อมูลทั้งหมดของนักสู้พวกนี้ รวมถึงระยะทางจากตำแหน่งของหลี่เวย! และค้นหาพวกระดับนักรบและบันทึกข้อมูลมาให้ด้วย เสร็จแล้วก็ส่งมาให้ฉันกับเวนีน่าทันที”
“ครับ” ชายชุดดำโค้งศีรษะอย่างเชื่อฟัง
หลี่เย่าชำเลืองมองจุดแสงจำนวนมากที่ปรากฏอยู่บนแผนที่ พวกมันมีจำนวนมากแทบจะนับไม่ถ้วน แน่นอน เมื่อเปรียบเทียบกับนักสู้กับระดับแม่ทัพแล้ว…นักสู้ระดับนักนบมีมากกว่าถึง 10 เท่า! จุดแสงนับร้อยๆ จุดนี้ก็ค่อนข้างสว่างไสวทีเดียว
และหนึ่งในจุดที่สว่างไสวอยู่นั้นก็คือ หลัวเฟิง!
ถึงแม้ว่าหลัวเฟิงจะมีทักษะอยู่ในระดับแม่ทัพขั้นต้นแล้ว แต่ตามบันทึกการต่อสู้และข้อมูลสถานะนักสู้ของเขา เขาเพิ่งจะอยู่ระดับ ‘นักรบขั้นสูง’ เพียงเท่านั้น
“ใช้บันทึกการต่อสู้ของพวกเขาวิเคราะห์ระดับทักษะ! และใช้ดาวเทียมบันทึกตำแหน่งของหลี่เวยเดี๋ยวนี้!” เวนีน่าขัดจังหวะขึ้น
“เนื่องจากสภาพอากาศ การบันทึกอาจจะไม่ค่อยดีนัก แต่ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญของเราจะจัดการให้ ทางเราจะส่งข้อมูลไปในอีกครึ่งชั่วโมง” ชายชุดดำกล่าว
อันที่จริง…การบันทึกไม่ใช่สิ่งที่น่าทึ่งอะไรนักในความคิดของคนทั่วๆ ไป แต่ที่จริงมันมีข้อจำกัดค่อนข้างมาก เรื่องใหญ่ๆ ก็คือสภาพอากาศ ที่ส่งผลต่อคุณภาพการบันทึกข้อมูลค่อนข้างมาก
“คุณหลี่เย่า ผอ.เวนีน่า มีแม่ทัพขั้นสูง 8 คน แม่ทัพขั้นกลาง 21 คน แม่ทัพขั้นต้น 58 คน กับระดับนักรบ 426 คนครับ ข้อมูลทั้งหมดถูกส่งไปแล้วนะครับ” ชายแก่ชุดดำกล่าว
หลี่เย่าและเวนีน่าก้มลงมอง
รูปภาพและข้อมูลของบรรดานักสู้จำนวนมากปรากฏขึ้นที่นาฬิกาของพวกเขา และหนึ่งในนั้นก็มีหลัวเฟิงรวมอยู่ด้วย! แน่นอน ในฐานะนักสู้ระดับนักรบ เขาไม่ได้โดดเด่นออกมาแต่อย่างใด
3 นาทีต่อมา…
บนยอดเขาอันปกคลุมไปด้วยแสงดาว ยานของนักสู้รูปทรง UFO สีน้ำเงิน 2 ลำก็บินขึ้นและทะยานหายลับเข้าไปในกลีบเมฆ
ปี๊บ!
อ่านรหัส…ผ่าน
หลังจากนั้นอีกอึดใจ ยานทั้ง 2 ลำนั้นก็สามารถบินผ่านระบบป้องกันของเมืองออกไปได้
ถ้าบินตรงออกไปโดยไม่ผ่านการอ่านรหัส ยานทั้ง 2 ลำของพวกเขาก็จะถูกยิ่งโดยปืนเลเซอร์จนกลายเป็นลูกไฟไป
ภายในห้องโดยสาร…
หลี่เย่ากับเวนีน่าต่างอยู่ในชุดต่อสู้ครบเซ็ต
นักสู้แต่ละคนมีอาวุธครบมือพร้อบกับสีหน้าอึมครึม ทั้งนักบินและเทพสงคราม 6 คนใต้บังคับบัญชาต่างไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่น้อย
พวกเขารู้ว่า…มีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้น ลูกชายคนเดียวของ 2 สามีภรรยา ฉายา ‘อีแร้ง’ และ ‘แมงป่องพิษ’ ถูกฆ่าตาย! 2 สามีภรรยาคู่นี้ไม่ใช่คนธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นในวงการเทพสงครามหรือสังคมพันธมิตรใต้ดิน ทั้งคู่ต่างก็ทรงอิทธิพลอยู่ในองค์กรดังกล่าว
“เย่า เป็นไปได้ไหมว่าสัตว์ประหลาดระดับจ่าฝูงอาจจะฆ่าพวกเขา?” เวนีน่าครุ่นคิด
“สัตว์ประหลาดระดับจ่าฝูงจะปรากฏตัวบนถนนหลวงได้ยังไง? ล้าพวกเขาเผชิญหน้ากับมัน พวกเขาจะถึงขนาดไม่มีจังหวะส่งข้อความบอกเราเลยเหรอ?”
กล้ามเนื้อที่ใบหน้าของหลี่เย่าเริ่มจะกระตุก ขณะเดียวกันดวงตาของเขาก็เปล่งประกายวาวโรจน์ เขาเพิ่งจะเสียผู้เป็นทุกสิ่งในชีวิตไป จึงไม่ต่างกับหมาป่าเดียวดายผู้เย็นชาและคลั่งแค้น “ฉันบอกหวังหงแล้วนะว่าให้ไปตรวจดูเหตุการณ์ก่อน พอเขาไปถึงที่นั่น พวกเราก็จะรู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น”
“อืม” เวนีน่าพยักหน้า
…………
กลางดึกของค่ำคืนในฤดูหนาว สายลมเย็นยะเยือกเสียดแทงกระดูก
บนถนนหลวง ร่างของทั้ง 4 คนกลายเป็นสีแดงคล้ำไปนานแล้ว ร่างสูงใหญ่และร่างผอมบางกำลังตรวจดูสภาพการณ์อย่างระมัดระวังตามคำขอร้องจากหลี่เย่า ร่างทั้ง 2 นี้ก็คือเทพสงครามขั้นสูงหวังหงและหลี่ค่านที่รีบดิ่งมาจากในเมือง
วูบ!
วูบ!
แสงสีน้ำเงินกำลังบินตรงมาจากขอบฟ้าห่างไกลออกไป แล้วก็ทะยานมาถึงที่ถนนหลวงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะค่อยๆ ลดความเร็วลง
วูบ…!
ยานรีบดิ่งลงจอด ฝาครอบด้านบนยานลำหนึ่งเปิดขึ้น เงา 2 เงาพุ่งพรวดออกมาจากยานลำนั้น พวกเขาก็คือหลี่เย่าและเวนีน่านั่นเอง!
อีแร้ง แมงป่องพิษ ดาบเงา และหมียักษ์ ทั้ง 4 มารวมกันครบทีมอย่างน่ากลัว
การช่วยเหลือกันของเทพสงครามเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นปกติมากๆ
“อีแร้ง ฉันเสียใจด้วย” หวังหงถอนหายใจ
“มันยังไงกันแน่?” หลี่เย่าพยายามให้เสียงสุภาพแต่ก็เห็นได้ชัดว่าเขากำลังคลั่งแค้น
หวังหงไม่ได้สนใจน้ำเสียงของหลี่เย่า และยังคงเพ่งพินิจไปที่ศพ “ถ้าให้วิเคราะห์…น่าจะเกิดจากฝีมือของนักอ่านจิต!”
“นักอ่านจิต?” หลี่เย่าและเวนีน่าขมวดคิ้ว
“แน่นอน ศัตรูอาจจงใจทำให้เข้าใจว่าเป็นแบบนั้นก็ได้ เพื่อเขาจะได้ไม่ถูกสงสัย” หวังหงกล่าวเสริม
ในตอนนี้ พวกนักสู้บอดี้การ์ดต่างกระโดดออกมาจากยานสีน้ำเงิน และอีก 5 คนในชุดสีเทาเข้มก็กระโดดออกมาจากยานอีกลำหนึ่งแล้วทั้งหมดต่างสะพายปืนกลไว้ข้างหลังอย่างพร้อมเพรียง ในบรรดา 5 คนนั้น มีผู้หญิง 2 คน เป็นคนเอเชียคนหนึ่ง และคนผิวขาวอีกคนหนึ่ง
มีชายชราผิวซีดอีกคนหนึ่งด้วย
“อย่าให้มีอะไรเล็ดลอดไปเด็ดขาด” ชายชราออกคำสั่ง
“เริ่มได้”
เจ้าหน้าที่ 4 คนนั้นเปิดกระเป๋าอาวุธทันทีแล้วดึงวัตถุประเภทเครื่องเซนเซอร์และเครื่องตรวจจับออกมา จากนั้นพวกเขาก็เริ่มตรวจจับไปบริเวณรอบๆ ทันที
เวลาผ่านไปเพียงอึดใจ
หลี่เย่ากับเวนีน่าทนรออยู่อย่างเงียบๆ หวังหงและหลี่ค่านมองหน้ากันไปมา ทั้งคู่ก็ไม่รู้จะกล่าวคำใดเช่นกัน
อีแร้งกับแมงป่องพิษต่างมีชื่อเสียงไปทั่วโลก ยิ่งกว่านั้นทั้งสองคนเหนือกว่าระดับเทพสงครามไปแล้ว เป็นเรื่องยากจริงๆ ที่จะมีใครต่อกรกับสามีภรรยาคู่นี้ได้
และด้วยความเหี้ยมโหดของพวกเขา พวกเขาจะไม่ล้างแค้นให้กับลูกชายที่ตายเหรอ?
“คุณทั้งสองครับ…” ชายชราโค้งให้อย่างเคารพ “พวกเราได้ผลตรวจแล้วครับ เชิญทางนี้เลยครับ”
หลี่เย่าและเวนีน่ารวมทั้งหวังหงและหลี่ค่านเดินเข้าไปดูด้วยกัน
โน๊ตบุ๊คมีภาพจำลองปรากฏขึ้นบนหน้าจอ ชายชรากล่าวว่า “นักสู้อาวุโสกับนักสู้ผิวขาวคนนี้อาจตายในทันที…พวกเขาถูกฆ่าด้วยวิธีเดียวกัน มีบางสิ่งเจาะทะลุหัวของพวกเขาจากทางด้านหลัง! นักสู้วัยกลางคนกับคุณชายหลี่เวยถูกฆ่าแทบจะพร้อมๆ กัน นักสู้ผิวขาวตายหลังจากนักสู้อาวุโสเพียงเล็กน้อย”
ขณะที่กล่าวชายชราก็ใช้นิ้วแตะไปที่หน้าจอด้วย
ทันใดนั้น ภาพจำลองก็เริ่มทำงาน…
สิ่งที่สามารถมองเห็นได้มีเพียงลำแสง 2 เส้นที่พุ่งทะลุศีรษะของนักสู้ชรากับนักสู้ผิวขาว หลังจากนั้น ลำแสง 2 เส้นนั้นก็พุ่งทะลุพานย่า และพุ่งทะยานไปตัดคอเด็กหนุ่มลูกครึ่งจนขาดกระเด็น
“ใช่” หวังหงพยักหน้า “ฉันเองก็ตรวจสอบดูแล้ว นักสู้อาวุโสกับนักสู้ผิวขาวน่าจะยังไม่มีโอกาสตอบโต้เลยด้วยซ้ำ ส่วนหลี่เวยกับชายวัยกลางคนนั่น ในดวงตาดูตกอยู่ในความหวาดกลัว ชัดเจนว่าพวกเขาได้รู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด”
ชายชรากล่าวต่อ “พวกเราลองสืบค้นไปรอบๆ บริเวณแล้ว และแน่ใจได้ 100% ว่าไม่มีสัตว์ประหลาดระดับจ่าฝูงย่างกรายเข้ามาแถวนี้เลย จากการสังเกตรอยเท้าที่อยู่บริเวณรอบๆ และตำแหน่งขาของศพ นักสู้อาวุโส นักสู้ผิวขาว และนักสู้วัยกลางคนต่างกำลังเข้าโจมตีในจุดเดียวกัน! พวกเขาจึงไม่สามารถตอบโต้กับบางสิ่งที่โจมตีมาทางด้านหลัง”
ชายชราแตะนิ้วที่หน้าจอและรูปร่างของมนุษย์ก็ปรากฏขึ้นให้เห็น
หลี่เย่าและเวนีน่านั่งลงข้างๆ ร่างของหลี่เวย ศีรษะของหลี่เวยบัดนี้ถูกนำกลับมาต่อเข้ากับร่างแล้ว และดวงตาของเขาก็ยังคงเบิกโพลงอยู่
“ผมตรวจสอบดูแล้ว! หลังจาก 30 วินาทีที่หลี่เวยตาย ไม่มีเทพสงครามอยู่ในรัศมี 100 ไมล์เลย!”
“1 นาทีหลังจากหลี่เวยตาย มีแม่ทัพขั้นสูง 4 คนอยู่ในรัศมีใกล้เคียง คนที่ใกล้ที่สุดห่างออกไป 25 ไมล์!” หลี่เย่าสูดหายใจเข้าลึก “ดังนั้น…นักฆ่าคนนี้จะต้องซ่อนพลังไว้!”
พลังของนักสู้จะถูกวัดระดับจากบันทึกการต่อสู้
ถึงแม้ว่านักสู้ผู้ทรงพลังจะฆ่าสัตว์ประหลาดที่ทรงพลังจำนวนมาก เขาก็จะได้รับเครดิตจากเพื่อนๆ พันธมิตร ถ้าไม่มีบันทึกการต่อสู้ ระดับของเขาจะยังคงต่ำอยู่ไม่ได้ขยับไปไหน
“ต้องเป็นอย่างนั้นแน่! นักฆ่าคนนี้คือนักสู้ธรรมดา ด้วยค่าเฉลี่ยจากบันทึกการต่อสู้ แต่พลังจริงๆ ของมันอาจอยู่ในระดับเทพสงคราม! หรือไม่ก็อาจเป็นนักอ่านจิต! นักฆ่าซึ่งเป็นนักอ่านจิตที่เก็บงำสถานะของตนเองไว้เป็นความลับ นักอ่านจิตจะมีระดับเหนือกว่าสมรรถภาพร่างกายของตัวเอง 2 ขั้น…ดังนั้นหมอนี่อาจเป็นพวกแม่ทัพขั้นกลางหรือขั้นต้นก็เป็นได้ แน่นอน…พวกเราไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าหมอนั่นปกปิดพลังได้ดีจริงๆ และมันอาจทำตัวเป็นเพียงระดับนักรบธรรมดาก็เป็นได้!” หลี่เย่ากล่าวอย่างใคร่ครวญ
“มีความเป็นไปได้อยู่ 3 อย่าง นักฆ่าอาจเป็นศัตรูของฉัน เทพสงครามผู้ทรงพลังซักคนหนึ่ง! มันอาจไม่ใส่นาฬิกาสื่อสาร ฉันเลยหามันไม่เจอ”
เทพสงครามมักแบ่งปันข้อมูลกันอยู่เสมอๆ จึงมีเพียงไม่กี่คนที่รู้ความลับเบื้องหลังนาฬิกาสื่อสาร พวกเขาขี้เกียจจะเที่ยวบอกกับคนอื่นๆ ไปทั่ว
เมื่อพวกเขากำลังทำภารกิจลับสุดยอด พวกเขาก็จะไม่ใส่นาฬิกาสื่อสารออกไปด้วย
ความเงียบเข้าครอบงำ…
ข้างๆ ร่างของหลี่เวย มีเพียงหลี่เย่าที่พูด…ดวงตาของเวนีน่านองไปด้วยน้ำตา และหวังหงกับหลี่ค่านก็ยังรักษาระยะห่างออกไปอยู่
“ไม่ว่าจะใครหน้าไหน ฉันจะไม่ให้อภัยคนที่ฆ่าลูกชายฉันเด็ดขาด!!!”
“กระจายข่าวออกไปทั่วโลกและให้นักสู้ทุกคนได้รับรู้” เวนีน่าเดือดดาล “ฉัน เวนีน่า พอลลินัส จะให้ค่าหัวกับคนที่สามารถลากคอนักฆ่าคนนั้นมาให้ฉันได้ 1 แสนล้าน! ฉันไม่เชื่อหรอกว่าหมอนั่นมันจะไม่มีครอบครัวหรือเพื่อนเลย! เมื่อใดที่มันพลั้งปาก มันละเมอ หรือเผลอบอกยามเมา หรืออะไรก็ตาม…เมื่อนั้นแหละเพื่อนสนิทของมันก็จะไม่เก็บความลับให้มันอีกต่อไป! เงินค่าหัว 1 แสนล้าน! จะทำให้มันนอนหลับตาไม่ลง! มันจะไม่กล้าดื่มเหล้าเมามายอีกต่อไป! ทั้งชีวิตของมันจะต้องมีแต่ความหวาดผวาไปตลอด!”
เวนีน่าอาฆาตพยายาท
หวังหงและหลี่ค่านต่างก็สูดหายใจเข้าลึก
1 แสนล้าน?
เงินมหาศาลขนาดนี้แม้แต่เทพสงครามระดับแถวหน้ายังต้องเคลื่อนไหว เป็นที่รู้กันว่า สัตว์ประหลาดระดับจักรพรรดิในตำนานยังมีมูลค่าไม่ถึง 1 แสนล้าน ดังนั้น เงินค่าหัวขนาดนี้! มันมากพอที่จะท่องเที่ยวไปทั่วโลกได้อย่างสบายๆ เลย
เครือข่ายทุกเครือข่ายและผู้ทรงพลังบนโลกนี้จะออกตามล่านักฆ่าคนนั้นเพื่อกระชากเงินค่าหัวนั่นมาครอบครองอย่างแน่นอน