ตอนที่ 903 เตรียมตัว
“มีคำพูดหนึ่งกล่าวไว้ว่าสิ่งมีชีวิตในโลกนี้ล้วนมีดวงชะตา…” ในเมืองโลกดารา กลางห้องลับห้องหนึ่ง ผู้เฒ่าวายุกับผู้เฒ่าสายฝนกำลังนั่งอย่างเงียบๆ อยู่สองคน ตรงหน้าพวกเขามีม่านแสงวงหนึ่ง กลางม่านแสงเป็นร่างเงาซูหมิงหันกลับมา สายตาเหมือนมองทะลุม่านแสงมาที่พวกเขาสองคน
พวกเขาได้ยินคำพูดนั้นของซูหมิง สองคนนี้จึงเงียบไป
“ท่านเทพหมานรุ่นสี่….ดูหน้าซื่อใจเหี้ยมกว่าเทพหมานรุ่นหนึ่งเสียอีก” ผู้เฒ่าสายฝนมีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย ผ่านไปพักหนึ่งก็เอ่ยเสียงต่ำ
“เยี่ยวั่งคนนี้คือคนที่ดวงชะตาไปรวมอยู่ในรอบหลายหมื่นปีของเซียน ดังนั้นเขาจึงมีพรสวรรค์สูงส่งยิ่ง สามารถฝึกถึงเจ้าปกครองโลกตอนกลางได้ในเวลาสั้นๆ อนาคต…ไม่มีขีดจำกัด”
“หลังเข้าสำนักดาราสัจธรรมแล้ว เขาจะแบ่งดวงชะตาของโลกแท้จริงดาราสัจธรรมออกมาอย่างไร้รูป สิ่งไร้รูปชนิดนี้ กระทั่งมีหลายคนคิดว่าดวงชะตาที่ไม่มีอยู่จะทำให้เขาเติบโตขึ้นในโลกแท้จริงดาราสัจธรรม”
“คำว่าดวงชะตา มันล่องลอยและว่างเปล่า เหมือนกับที่ท่านเทพหมานรุ่นหนึ่งรวมดวงชะตาของทั้งแผ่นดินหมาน แต่สุดท้าย คนที่ถูกดวงชะตารวมอยู่จะต้องทำเรื่องที่สอดคล้องดับดวงชะตานี้ มิเช่นนั้นแล้ว…..จะรวมเป็นหนึ่งกับดวงชะตามิได้ ถึงตอนนั้นดวงชะตาจะหายไป ค่อยๆ หายไปจนหมด”
“หากเยี่ยวั่งใช้ความเข้าใจในการฝึกฝนตลอด ชายตามองทุกคนด้วยความโอหัง นี่ก็จะเป็นวิชาที่สอดรับกับดวงชะตาเขา เขาคิดว่าฟ้าดินยุติธรรม คิดว่าผู้อ่อนแอก็ควรจะเป็นผู้อ่อนแอ ผู้แข็งแกร่งก็ควรจะเป็นผู้แข็งแกร่ง หากเป็นแบบนี้ระยะยาวไป ขั้นพลังเขาจะมีพลานุภาพของฟ้าดิน หลอมดวงชะตาเข้าสู่ร่างกาย เมื่อเอ่ยกฎเกณฑ์จะปฏิบัติตาม แล้วสำเร็จ….วิถีหลัก”
“แต่เทพหมานรุ่นสี่ทำแบบนี้ ใช้ความเข้าใจของเขารบกวนจิตใจเยี่ยวั่ง ทำให้จิตใจเขาปั่นป่วน เดิมทีเยี่ยวั่งอยากจะหารอยรั่วในใจของเทพหมานรุ่นสี่ ทว่ากลับถูกปลูกเต๋าของคนอื่นลงไป ดังนั้นแล้ว หากเขาทำแบบนี้จริงๆ จากนี้ไปเขาจะไม่มีนิสัยชายตามองคนอื่นอีก แต่นิสัยจะเกิดจากใจจริง ในใจเขาจะไม่คิดว่าตัวเองเป็นโอรสสวรรค์อีก ดังนั้นแล้ว…..จากนี้ไปก็จะไม่ใช่โอรสสวรรค์จริงๆ จากการที่นิสัยไม่สอดรับกับดวงชะตา ดวงชะตาเขาก็จะหายไปอย่างรวดเร็ว
เช่นนั้นเขาก็จะเป็นเพียงนกโง่ตัวหนึ่ง” ผู้เฒ่าวายุกับผู้เฒ่าสายฝนต่างส่ายศีรษะ ทว่าตอนที่มองเงาหลังซูหมิงที่กำลังเดินไกลออกไปจากในม่านแสง กลับเกิดความรู้สึกแปลกขึ้น
“ข้าได้แต่คาดการณ์เท่านั้น ที่เขาทำเช่นนี้ก็เป็นเพราะว่าเยี่ยวั่งไม่มีจิตสังหารต่อเขา จิตสังหารนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับนิสัยและดวงชะตาของเยี่ยวั่ง ดวงชะตาของโอรสสวรรค์คือห้ามให้ผู้ใดมากดขี่ ถึงจะเสมอก็ถือว่าพ่ายแพ้ จะต้องสังหารอีกฝ่ายเท่านั้นถึงจะคงท่าทางชายตามองใต้หล้าได้”
“แต่ข้ารู้สึกว่าท่านเทพหมานรุ่นสี่ของเราน่าจะมีเจตนาอื่นๆ อยู่…..” ผู้เฒ่าสายฝนลังเลชั่วครู่แล้วกล่าวเนิบๆ
“จะเกี่ยวกับเต้าคงหรือไม่?” นัยน์ตาผู้เฒ่าวายุขยับประกาย
สองคนมองกันและกัน เพียงแต่ยังมั่นใจไม่ได้
สามวันขยับวูบผ่านไป ผู้ฝึกฌานนอกดาวจำนวนมากเฮโลกันมายังดาวทมิฬในช่วงสามวัน ทำให้ดาวทมิฬคึกคักเป็นพิเศษ มิหนำซ้ำทุกวันยังมีเผ่าประหลาดจากทะเลดาราต้นกำเนิดจิตมาด้วย อาภรณ์พวกเขา ประเพณีรวมถึงทุกอย่างต่างกับผู้ฝึกฌาน ครั้นพวกเขามาถึงก็ดึงดูดความสนใจของผู้ฝึกฌานจำนวนมาก
เมื่อยามรุ่งอรุณวันที่สี่มาถึง งานประมูลดาวทมิฬเริ่มขึ้นแล้ว!
นี่คืองานประมูลครั้งใหญ่ในทุกหลายร้อยปีบนดาวทมิฬ มันไม่ได้จัดขึ้นบางแห่งในสามเมืองใหญ่ แต่จัดบนฟ้า ในนั้นใช้เมืองวารีดำเป็นใจกลาง เมืองโลกดารากับกิเลนหมึกเป็นรอง ในสามเมืองเปล่งแสงสว่างขึ้นพร้อมกัน
แสงสว่างตัดสลับกันบนฟ้าดาวทมิฬ คล้ายๆ กับของเมืองโลกดารา ภายใต้ลำแสงตัดสลับ พลันมีลานประมูลที่ใหญ่กว่าเมืองแห่งหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ
ลานประมูลเป็นลักษณะวงรี กว้างไกลไร้ขอบเขต บรรจุคนได้หลายหมื่นคนพร้อมกัน พื้นที่กว้างโล่งตรงกลางคือเวทีประมูลยักษ์ ตรงขอบเวทีเป็นม่านแสงมายา ทุกคนและวัตถุทุกชิ้นบนเวทีจะขยายใหญ่ขึ้นไม่รู้กี่เท่า ทำให้ทุกมุมโดยรอบเห็นสินค้าประมูลที่นำออกมาบนเวทีประมูลอย่างชัดเจน
ยามรุ่งอรุณ แสงจากวงแหวนอาคมขยับวูบวาบไม่หยุดในเมืองประมูลยักษ์ และยังมีสายรุ้งยาวห้อเหยียดมาจากรอบทิศ
ผู้ฝึกฌานกับเผ่าประหลาดแห่งทะเลดาราต้นกำเนิดจิตที่มาเข้าร่วมงานประมูลครั้งนี้มีสองล้านกว่าคน หลังจากพวกเขาใช้อาคมเคลื่อนย้ายหรือไม่ก็เปิดมวลอากาศเข้ามาแล้ว ไม่นาน ในลานประมูลแห่งนี้ก็มีผู้ฝึกฌานนั่งกันอยู่แน่นขนัด
อีกทั้งรอบลานประมูลยังมีห้องใหญ่อยู่จำนวนมาก นั่นเตรียมไว้สำหรับผู้มีฐานะสูงส่งบางคน ในนั้นมีขุมอำนาจรักษาการณ์สี่มหาโลกแท้จริงต่างฝ่ายต่างส่งคนมาด้วย แบ่งกันอยู่ในห้องเหล่านี้
กระทั่งเผ่าประหลาดจากทะเลดาราต้นกำเนิดจิตส่วนใหญ่ยังอยู่ในห้องของตัวเองเพื่อร่วมงานประมูล
และยังมีผู้ฝึกฌานบางคนที่ไม่เปิดเผยฐานะ พวกเขาจ่ายหินผลึกไปมากโขเพื่อแลกกับคุณสมบัติเข้าห้องเหล่านี้
งานประมูลจะดำเนินติดต่อกันหนึ่งเดือน ทุกวันจะมีวัตถุจำนวนมากถูกประมูลออกไป ทำให้งานประมูลนี้ติดอันดับต้นๆ
ซูหมิงนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องของตน ตรงหน้าเป็นพื้นที่กว้างโล่ง เห็นม่านแสงของเวทีประมูลยักษ์อยู่ไกลๆ และก็เห็นลานประมูลแทบจะทุกจุด
ด้านหลังเป็นชายชราแห่งตระกูลอวี้สิบสามคนนั่งอยู่เงียบๆ อวี้โหรวก็กลับมาแล้ว เพียงแต่ว่าถึงนางจะมีสีหน้าเฉยชา แต่กลับดูต่างไปเล็กน้อย ตอนนี้อยู่ข้างซูหมิง สายตามองไปในลานประมูล
“จัดให้เต้าคงเข้าไปอยู่ในห้องหมายเลขเจ็ดแล้ว ข้างกายเขามีชายชราติดตามอยู่เก้าคน เก้าคนนี้แทบจะไม่ออกไปไหนเลย และยังมีสตรีคนหนึ่งอยู่ด้วย นอกจากนี้จากที่ผู้เฒ่าวายุสืบมา ข้างกายเต้าคงมีผู้แข็งแกร่งระดับภัยพิบัติจันทราจริงๆ เป็นสตรีผู้หนึ่ง
สตรีผู้นี้ชำนาญด้านการอำพราง น่าจะมาเพื่อปกป้องเต้าคง จากที่พวกเราเข้าใจสำนักดาราสัจธรรม สตรีผู้นี้จะต้องเป็นคนของสำนักหงส์แห่งโลกแท้จริงดาราสัจธรรมแน่นอน จากประเพณีของพวกเขา ภายภาคหน้าสตรีผู้นี้น่าจะเป็นคู่ชีวิตของเต้าคง” เลี่ยซานคังจิ่วกล่าวด้วยความเคารพอยู่ข้างซูหมิง
“นักรบมรณะสามพันคนแห่งโลกแท้จริงดาราสัจธรรมก็อยู่บนที่ราบนอกเมืองวารีดำ พวกเขาสร้างอาคมเคลื่อนย้ายขึ้นมาที่ตัวเต้าคง ขอเพียงเต้าคงส่งกระแสจิต นักรบมรณะสามพันคนจะถูกเคลื่อนย้ายมาอยู่ข้างกายเขาทันที
นอกจากนี้แล้ว…” เลี่ยซานคังจิ่วกล่าวถึงตรงนี้ พลันเกิดคลื่นเสียงอื้ออึงดังอยู่ในลานประมูล นี่คือเสียงจากคนล้านคนที่ดังสนั่นเหนือกว่าเสียงฟ้าผ่า
ช่วงที่เกิดเสียงดังขึ้น มีบทเพลงไพเราะอ่อนหวานดังก้องทั้งลานประมูล ก่อนปรากฏชายวัยกลางคนสามคนบนเวทีม่านแสงตรงใจกลางลานประมูล
สามคนนี้มาพร้อมกับรอยยิ้ม และกำลังประสานมือคารวะทุกคน
“งานประมูลเริ่มขึ้นแล้ว…” ซูหมิงมองความคึกคักในลานประมูลแวบหนึ่ง ก่อนยกมือขวาสะบัด ทันใดนั้นมวลอากาศตรงหน้ากลายเป็นม่านแสง กันเสียงทุกอย่างจากภายนอกออกไป ทำให้ห้องนี้เงียบลง
“เจ้าว่าต่อ” ซูหมิงละสายตากลับ เขาไม่ได้สนใจงานประมูลครั้งนี้เลย สิ่งที่สนใจมีเพียงอย่างเดียวคือเต้าคง
“นอกจากนี้ ในเรือฟ้ากระจ่างดาวเก้าลำของเต้าคงก็มีลิ่วล้ออยู่ พวกมันลอยอยู่นอกดาวทมิฬและชี้เป้ามายังลานประมูลแล้ว หากเกิดอะไรขึ้น พวกมันจะลงมือสังหารทันที
อีกอย่าง ถึงสี่มหาโลกแท้จริงจะมีการต่อสู้กันเองภายในไม่น้อย แต่ต่างฝ่ายต่างก็มีพันธมิตรอยู่เช่นกัน หากเกิดอะไรขึ้นกับเต้าคงที่นี่ ผู้ฝึกฌานจากอีกสามมหาโลกแท้จริงก็จะลงมือด้วย” เลี่ยซานคังจิ่วกล่าวเสียงเบา เขาไม่รู้ว่าเหตุใดซูหมิงต้องเล็งเป้าไปที่เต้าคง ทว่าการสังหารเต้าคงง่ายก็จริง แต่ความยุ่งยากหลังจากนั้นต่างหากที่จัดการยาก
“เปลี่ยนกฎงานประมูลแล้วรึยัง?” ซูหมิงกล่าวเรียบนิ่ง
“จัดการเรียบร้อยแล้วขอรับ” เลี่ยซานคังจิ่วรีบเอ่ยขึ้น
“ตอนที่เต้าคงหายไป ข้าต้องการให้พวกเจ้าถ่วงเวลาให้ข้า…สามสิบลมหายใจ”
ซูหมิงยกมือขวาขึ้นสะบัดไปทางม่านแสงตรงหน้า ม่านแสงพลันบิดเบี้ยวแล้วเผยเป็นภาพนอกดาวทีละน้อย ในเวลาเดียวกันเสียงจากข้างนอกก็ดังเข้ามาอีกครั้ง
“….ขอบพระคุณที่สหายทุกท่านมาร่วมงานประมูลดาวทมิฬในครั้งนี้ ครั้งนี้พวกเราสามตระกูลจุดสูงสุดรวมถึงทุกตระกูลบนดาวทมิฬเปลี่ยนกฎแล้ว
สหายทุกท่านวางใจ การเปลี่ยนกฎครั้งนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งต่อทุกคน ในอดีตหลังงานประมูลจบถึงจะส่งสินค้าประมูลให้ทุกท่านพร้อมกัน แต่ว่าครั้งนี้ หากประมูลของไปแล้วเราจะส่งให้ถึงมือสหายทันที
ดังนั้น หากผู้ใดต้องไปก่อนก็จะสะดวกยิ่งขึ้น จริงๆ แล้วตอนนั้นก็มีสหายไม่น้อยเสนอเรื่องนี้ขึ้นมา ครั้งนี้พวกเราทุกตระกูลบนดาวทมิฬจึงตัดสินใจรับคำแนะนำนี้มาปฏิบัติใช้”
ซูหมิงมองลานประมูลข้างนอกอย่างเงียบๆ ฟังเสียงที่แว่วมาด้วยสีหน้าปกติ
เลี่ยซานคังจิ่วข้างกายจะกล่าวต่อแต่ก็ถูกหยุดอีกครั้ง ทว่าสุดท้ายแล้วก็เลือกปฏิบัติตาม เขาพยักหน้าแล้วเอ่ยลาไป
ในใจซูหมิงตอนนี้สงบนิ่ง ทุกอย่างดำเนินไปตามแผน ตอนนี้รอเพียงปลากินเหยื่อเท่านั้น เขาก็จะได้รับร่างแยกที่สาม…..ร่างแยกของขั้นพลัง!
ซูหมิงหรี่ตาลงพลางรอคอยอย่างเงียบๆ
เขามองลานประมูลประมูลสิ่งของออกไปทีละชิ้น ในเวลาต่อมา เสียงเคาะประมูลดังสนั่นขึ้นลง ทำให้ฟ้าดินคึกคักขึ้นมา ทว่าจนถึงตอนนี้ ในห้องของเต้าคงก็ยังไม่มีการเคาะประมูลใดๆ แต่ซูหมิงก็ไม่รีบร้อน
จนกระทั่งถึงยามบ่าย แสงตะวันบนฟ้าสวยตระการตา ช่วงที่นำสินค้าอีกชิ้นออกมา ท่ามกลางเสียงเคาะประมูลของคนจำนวนมาก ซูหมิงก็ได้ยินเสียงสตรีเอ่ยเคาะประมูลดังมาจากในห้องเต้าคง
“เตรียมตัว” ซูหมิงกล่าวเรียบๆ
บรรพบุรุษตระกูลอวี้สิบสามคนข้างหลังพลันมีสีหน้าจริงจัง ทุกคนต่างนั่งขัดสมาธิลงล้อมรอบซูหมิงอย่างรวดเร็ว สร้างเป็นวงกลมที่มีพื้นที่สิบกว่าจั้ง
แววตาทุกคนวาววับ ต่างเริ่มโคจรขั้นพลัง
อวี้โหรวยืนขึ้นและถอยไปนั่งอยู่ข้างประตูห้อง ภารกิจของนางคือขวางทุกคนที่จะเข้ามา ข้างกายนางยังมีชื่อหั่วโหว เขากับนางเฝ้าประตูนี้อยู่ด้วยกัน