Skip to content

สู่วิถีอสุรา 951

ตอนที่ 951 สี่คน

ลูกหญ้าแห้งในมือเขาเป็นสีเหลืองเหี่ยวเฉา เหมือนกับเพียงใช้มือสัมผัสเบาๆ ก็จะแตกกระจายทันที ช่วงที่ซูหมิงเงยหน้าขึ้นและเอ่ยออกไปนั้น ก็เกิดเมฆดำขึ้นอย่างรวดเร็วภายใต้การส่องสะท้อนของสายฝนดำเบื้องบน เมฆดำลุกลามไปยังเส้นขอบฟ้า ส่งผลให้ฟ้าดินอยู่ในความมืด

รอยร้าวบนพื้นเยอะขึ้นเรื่อยๆ ต้นไม้แห้งเหี่ยวกลายเป็นฝุ่นละออง ทะเลไกลออกไปกลายเป็นแอ่งกระทะ ภายในรอยเว้าลึกลงไปมีดินเลนมากมายกับพืชเหี่ยวเฉากองอยู่

กลิ่นอายมรณะค่อยๆ กระจายออกมาจากต้นไม้แห้ง จากก้นทะเลแอ่งกระทะ จากพื้นดิน รวมกันจนเข้มข้น

ซูหมิงมองรอบตัวเอง มองไปแวบหนึ่งก็เห็นเป็นความเสื่อมโทรม กระทั่งเห็นไกลออกไปมีชาวเผ่าขวางสวรรค์หลายสิบคนกำลังห้อวิ่งพลางร้องกรีดร้อง

เห็นได้ชัดว่าชาวเผ่าขวางสวรรค์ก่อนหน้านี้ไม่ได้ออกมาทั้งหมด ตอนนี้หลายสิบคนนี้ร่างกายแห้งเหี่ยวลงอย่างรวดเร็ว พลังชีวิตจำนวนมากถูกพื้นดินสูบออกจากร่างกายอย่างว่องไวไม่ว่าพวกเขาจะยินยอมหรือไม่ บางทีอาจพูดได้ว่าถูกดาวที่กำลังจะตายสูบไป

มันยอมรับชาวเผ่าขวางสวรรค์ให้อาศัยอยู่บนตัวมันได้ แต่ขณะเดียวกัน ตอนที่มันต้องการ ไม่เพียงแต่จะเอาการยอมรับกลับคืนไปเท่านั้น แต่ยังเอาพลังชีวิตไปด้วย

ซูหมิงมองชาวเผ่าขวางสวรรค์หลายสิบคน มองพวกเขาวิ่งออกไปไม่ถึงหลายสิบจั้ง แล้วต่างก็ร้องโหยหวนพร้อมกับกลายเป็นหนังหุ้มกระดูก จนกระทั่งถูกสูบชีวิตจนหมดแล้วจึงกลายเป็นเถ้าธุลี

เพียงแต่พลังชีวิตของชาวเผ่าขวางสวรรค์เหล่านี้ สำหรับดาวแท้จริงดวงใหญ่แล้วเป็นเพียงน้ำน้อยที่ย่อมแพ้ไฟ ยื้อไว้ได้เพียงหลายลมหายใจภายใต้คำสาปของซูหมิงเท่านั้น

สิบลมหายใจต่อมา แผ่นดินก็ไม่เกิดรอยร้าวอีก ต้นไม้แห้งเหี่ยวถึงจุดสิ้นสุด แอ่งกระทะก้นทะเลไกลออกไปเข้าสู่ความเงียบ มีเพียงสายฝนสีดำบนฟ้าที่ยังตกลงมา มีเพียงเมฆดำที่ปกคลุมแสงสว่างทั้งหมด

นี่คือ…ดาวมรณะดวงหนึ่ง

กลิ่นอายเสื่อมโทรม กลิ่นอายมรณะอบอวลอยู่ทุกที่ ทำให้ทุกคนที่มาครั้งแรกคิดว่านี่คือดาวที่ตายมาแล้วไม่รู้กี่ปี

ซูหมิงยกมือขวาขึ้น ลูกกลมที่ถักสานจากหญ้าแห้งในมือกลายเป็นผงไปแล้ว หลังจากถูกสายฝนดำตกใส่จนชื้น มันก็ไหลผ่านซอกนิ้วมือตกลงพื้นไป

‘น่าจะมาแล้ว’ ซูหมิงนั่งขัดสมาธิลง โบกมือขวาไป หลังจากสะบัดผงเปียกในมือออกไปแล้วค่อยกดมือลงพื้นเบาๆ

เมื่อยกขึ้นก็กดลงอีกครั้ง ทำตามกฎอะไรบางอย่าง กดไปอีกทีและอีกที

ตอนที่กดลงไปเก้าครั้ง ตรงจุดรอยร้าวของพื้นดินเชื่อมต่อกันด้วยความเร็วระดับสายตา ผ่านไปชั่วครู่ตอนที่มองไป ก็ไม่เห็นรอยร้าวบนผิวดินอีก

ตอนที่เขาตบมือลงไปสิบแปดครั้ง ต้นไม้เหี่ยวเฉาเหล่านั้นพลันกลายเป็นภาพมายาโผล่ขึ้นมา หลังจากภาพมายาค่อยๆ หายไป ต้นไม้ที่เปี่ยมล้นไปด้วยพลังชีวิตก็โผล่ขึ้นมาทีละต้น ชั่วครู่เดียวทั้งดาวแท้จริงกลายเป็นสีเขียวอีกครั้ง สีเขียวเป็นปึกแผ่น ทำให้มองไปเหมือนกับไม่มีเหตุการณ์เหี่ยวเฉาเกิดขึ้น ป่าทึบกว้างไกลไม่มีสิ้นสุด พลังชีวิตไม่ถูกตัดขาด

ตอนที่ซูหมิงตบมือลงไปยี่สิบเจ็ดครั้ง ภายในทะเลไกลออกไปถูกภาพมายาขมุกขมัวปกคลุม จากนั้นก็เกิดน้ำทะเลขึ้น เพียงเสี้ยววินาที ภายในแอ่งกระทะที่ไม่มีน้ำทะเลก็กลับมาเป็นทะเลกว้างใหญ่อีกครั้ง

เมฆดำบนฟ้าก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปตามการตบพื้นดินของซูหมิง หลังจากตบครั้งที่สามสิบหก เมฆดำหายไป ท้องฟ้าแจ่มใส แสงตะวันวิจิตรตระการตาโผล่ขึ้นมาบนพื้นดินและในสายตาอีกครั้ง

น้ำฝนสีดำก็เปลี่ยนเป็นใสสะอาดตกลงสู่พื้น เปิดขึ้นเป็นฉากฝน ทำให้ตอนที่มองดาวดวงนี้จะรู้สึกว่ามันงดงามเฉกเช่นตอนแรกเริ่ม

“มาแล้ว…น่าเสียดายไม่ใช่บรรพบุรุษเผ่าขวางสวรรค์” ซูหมิงหยุดมือขวาบนพื้น เงยหน้าขึ้นพลางกล่าวเรียบๆ มีเสียงโครมครามดังแว่วมาจากบนฟ้า ท่ามกลางเสียงดังสนั่น มีสายรุ้งสามสายเข้ามาใกล้ พวกเขาไม่ได้มาจากที่ไกลสู่ใกล้ แต่เดินออกมาจากอากาศ มาปรากฏตัวบนฟ้าดาวดวงนี้โดยตรง

สามคนมีชายสองหญิงหนึ่ง อายุราวๆ สี่สิบปี สวมเสื้อคลุมยาวสีครามเข้ม มีปีกยาวสยายออก บนตัวมีแสงไหลเวียน เส้นผมยาวปลิวไสว มีขั้นพลังน่าตะลึงแผ่มาจากตัว

กระทั่งหากสังเกตดีๆ จะเห็นรางๆ ว่าด้านหลังสามคนนี้ เมื่อมองลอดผ่านปีกสองปีกไปจะมีเงาดวงจันทร์อยู่ สามคนนี้ก็คือ…ผู้แข็งแกร่งระดับภัยพิบัติจันทรา!

ชายสองคนในนั้นหนึ่งเป็นเงาของจันทร์วารี อีกหนึ่งเป็นเงาจันทร์เพลิง ส่วนด้านหลังสตรีเป็นลักษณะดวงจันทร์ที่รวมขึ้นจากกลีบดอกไม้

ในทุกๆ เผ่า ระดับภัยพิบัติจันทราคือกำลังหลัก แม้แต่เผ่าขวางสวรรค์ก็เช่นกัน สามคนนี้มีฐานะสูงยิ่งในเผ่าอย่างเห็นได้ชัด

ยามที่พวกเขาปรากฏตัว สามคนนี้พลันมองพื้นดินและพากันตะลึงงัน

“ก่อนหน้านี้ได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือว่าที่นี่มีศัตรูแข็งแกร่งบุกรุก แต่ตอนนี้กลับเงียบสงบ…..”

“อีกทั้งข้ายังรู้สึกถึงระลอกคลื่นมรณะส่งมาจากในฟ้ากระจ่างดาว ทว่าตอนนี้ที่นี่กลับเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต” สามคนมองหน้ากันและกัน หญิงสาวคนนั้นนัยน์ตาขยับประกาย นางยกมือขวาขึ้นลูบไปตรงดวงตาสองข้าง ยามหลับตาลงและลืมตาอีกครั้ง แผ่นดินก็ยังคงเต็มไปด้วยป่าทึบ ไม่มีอะไรผิดปกติแม้แต่น้อย

“ไม่ใช่วิชามายา”

ขณะที่สามคนนี้กำลังลังเล มีร่างหลายสิบคนทะยานขึ้นมาจากพื้นดิน ร่างเหล่านั้นก็คือ….ชาวเผ่าขวางสวรรค์

พวกเขามุ่งหน้าไปยังสามคนนั้นอย่างเร็วไว สามคนนี้ก็มองไปทันทีเช่นกัน

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ผู้อาวุโสรักษาการณ์จ๋อตูกับกานตัวล่ะ?” ชายที่มีเงาจันทราวารีด้านหลังในสามคนนั้นขมวดคิ้วพลางตะโกนไป

สิ้นเสียงเขา ชาวเผ่าขวางสวรรค์หลายสิบคนต่างมีสีหน้าเฉียบแหลมขึ้นมาทันที

“ผู้บุกรุกเผ่าขวางสวรรค์ของเราคือสัตว์ร้ายหรือชาวเผ่าอื่น?” ชายอีกคนก็เอ่ยขึ้นตาม ขณะเสียงตะโกนดังก้อง ความปราดเปรียวของชาวเผ่าขวางสวรรค์หลายสิบคนนั้นก็เด่นชัดขึ้นอีก ดูแล้วแทบจะไม่ต่างอะไรกับก่อนหน้าที่จะตายเลย

มีเพียงหญิงสาวที่หน้าเปลี่ยนสี ขณะกำลังจะกล่าวก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นบนฟ้า มีสายรุ้งยาวสี่สายบินเข้ามาอย่างว่องไว สายรุ้งสี่สายนี้ทำให้ทุกคนเพ่งมองไปทันที

ซูหมิงที่นั่งขัดสมาธิอยู่ในป่าทึบก็มองไปเช่นกัน

ผู้ฝึกฌานสี่คน ล้วนเป็นชายทั้งหมด อายุราวๆ สามสิบปี แต่ละคนอยู่ห่างกันไม่ไกล เห็นได้ชัดว่าเป็นคนจากกองกำลัง เมื่อพวกเขามาแล้วก็หยุดชะงักกลางอากาศ มีสีหน้าตกใจระคนสงสัย ก่อนจะเข้ามารวมตัวกัน

“ข้าผู้ฝึกฌานนอกทะเลดาราเสวียนซาง เป็นมิตรกับจ้าวเผ่าธุลีแผดเผาหลูข่า ได้รับคำเชิญให้มาทะเลดารา นี่คือสิ่งยืนยัน เพียงแต่พวกข้าเจออุปสรรคระหว่างทางจึงบังเอิญมาที่นี่ ไม่ทราบว่าที่นี่เป็นเขตของเผ่าขวางสวรรค์ หวังว่าจะไม่ถือโทษ พวกเราจะไปทันที จะไปทันที”

คนที่กล่าวคือชายสวมเสื้อคลุมยาวสีเขียวเข้มหนึ่งในสี่คน เขายิ้มและมีท่าทีเกรงใจมาก ขณะพูดอยู่ก็ยังหยิบท่อนไม้สีดำชิ้นหนึ่งจากอกเสื้อ จากนั้นเขย่ามือ ท่อนไม้นั้นมีเปลวเพลิงสีเขียวลุกขึ้นมา มองดูแล้วเหมือนกับเป็นเพลิงภูตผี มันไม่ได้แผ่ไอร้อน แต่แผ่ไอหนาวเยือก

ผู้ฝึกฌานสี่คนนี้มีขั้นพลังไม่ธรรมดา ดูแล้วน่าจะเป็นเจ้าปกครองโลกตอนปลาย หากไปอยู่นอกทะเลดาราต้นกำเนิดจิต เพียงคนเดียวก็ค้ำจุนได้หนึ่งตระกูลแล้ว มิหนำซ้ำยังต่อรองเงื่อนไขกับขุมอำนาจผู้รักษาการณ์สี่มหาโลกแท้จริงได้เล็กน้อย

ทว่าในทะเลดาราต้นกำเนิดจิตที่เต็มไปด้วยเผ่าประหลาดกลับต้องระวังตัวอย่างยิ่ง ต้องกล่าวเช่นนี้ ต้องเกรงใจ เพราะเกรงว่าจะเกิดการเข้าใจผิด

ความจริงแล้วก็เป็นอย่างที่สี่คนว่าไว้จริงๆ พวกเขาบังเอิญมาที่นี่ พวกเขาไม่ได้มาจากเขตดาราวงแหวนบูรพา แต่มาจากเขตดาราต่างกัน เตรียมตัวจะฝ่าอันตรายเข้าไปในส่วนลึกของทะเลดารา

เจออุปสรรคตลอดทางจึงเสียเวลาไปเกือบร้อยปี จากอันตรายหลายครั้ง พวกเขาเจ็ดคนเหลือสี่คนในตอนนี้ ไม่ง่ายเลยที่จะมาถึงที่นี่ ตอนเห็นดาวขอบสวรรค์ของเผ่าขวางสวรรค์จากกลางฟ้ากระจ่างดาว เห็นดาวสีเขียวชอุ่มดวงนี้ พวกเขาเกิดความลังเล ก่อนจะเตรียมตัวพักผ่อนกันที่นี่

แต่ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอเผ่าประหลาดที่ดาวนี้ ชายที่กล่าวไปเมื่อครู่ก็ดูค่อนข้างเข้าใจเผ่าประหลาดในทะเลดาราต้นกำเนิดจิต ดังนั้นพอเห็นปีกของชาวเผ่าขวางสวรรค์แล้ว มองแวบเดียวก็รู้ว่าพวกเขาคือเผ่าขวางสวรรค์หนึ่งในสี่เผ่าใหญ่

ระหว่างที่สี่คนถอยไปก็ส่งกระแสจิตถึงกัน เตรียมตัวต่อสู้หากเผ่าขวางสวรรค์คิดจะขวางเอาไว้ ถึงสามคนที่แกร่งที่สุดในเผ่าขวางสวรรค์จะให้ความรู้สึกว่าเป็นผู้แข็งแกร่งภัยพิบัติจันทรา แต่ผู้ฝึกฌานที่กล้าเข้ามาในทะเลดาราต้นกำเนิดจิต หากไม่มีของวิเศษหรืออภินิหารแก่กล้าอยู่บ้างเลย จะต้องไม่กล้าเข้ามาง่ายๆ แน่ และก็ไม่มีทางเข้ามายังส่วนในทะเลดารา กระทั่งจะตายตั้งแต่ระหว่างทางแล้ว

ซูหมิงละสายตาจากผู้ฝึกฌานสี่คนบนฟ้า เขาเห็นความเหนื่อยล้าของพวกเขา จึงคาดการณ์ว่าพวกเขาไม่ได้โกหก เพียงแต่ว่า…หากไม่มีเหยื่อล่อตัวใหญ่ ก็คงไม่มีใครยอมเข้ามายังส่วนในทะเลดาราต้นกำเนิดจิต สี่คนนี้…จะต้องมีคามลับอื่นอีกแน่

ชายสองคนหนึ่งในสามระดับภัยพิบัติจันทราบนฟ้าขมวดคิ้ว แต่พอได้ยินนามของจ้าวเผ่าธุลีแผดเผาแล้วจึงคลายออกเล็กน้อย จากนั้นมองสิ่งยืนยันที่อีกฝ่ายนำออกมา แล้วละสายตากลับไม่สนใจผู้ฝึกฌานสี่คนนี้อีก

สี่คนนี้ทะยานถอยไปทันที อยากจะออกไปให้ไกลจากที่นี่ พวกเขาเห็นสีหน้าไม่เป็นมิตรของชาวเผ่าขวางสวรรค์เหล่านี้แล้วเหมือนว่าจะเกิดอะไรขึ้นบางอย่าง แต่ไม่ว่าจะเรื่องอะไร พวกเขาสี่คนก็ไม่อยากไปข้องเกี่ยวด้วย

แต่ว่าช่วงที่พวกเขากำลังจะไป หญิงคนนั้นในสามระดับภัยพิบัติจันทรากลับหน้าเปลี่ยนสีหลายครั้ง นางไล่ตามไปยังสี่คนพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนรน

“สี่คนนี้มีอะไรแปลกๆ อย่าให้พวกเขาไป!” หญิงสาวคนนั้นพุ่งออกไปทันควัน ผู้ฝึกฌานสี่คนหน้าเปลี่ยนสีแล้วหนีไปด้วยความเร็วทั้งหมด ชาวเผ่าขวางสวรรค์ระดับภัยพิบัติจันทราสองคนขมวดคิ้ว เห็นได้ว่าไม่เข้าใจการกระทำของสหาย แต่ก็ไล่ตามไปโดยสัญชาตญาณ

บนพื้นดินในป่าทึบ ซูหมิงถอนหายใจ

‘ภาพมายาตะวันจันทราและดาราซึ่งรวมขึ้นจากพลังที่ขอแค่เชื่อก็จะมีอยู่ยังมีข้อบกพร่องอีกเล็กน้อย หากไม่มีสี่คนนี้มาเปรียบเทียบความจริงในภาพมายา เช่นนั้นข้อบกพร่องก็คงไม่ชัดเจน’ ซูหมิงส่ายศีรษะ เขารู้ว่าหญิงคนนั้นมองเห็นเงื่อนงำ แต่ลังเลไม่กล้าพูดออกไปตรงๆ นางจึงทำทีไล่ตามไปเพื่อออกจากดาวแท้จริงมรณะดวงนี้

“ในเมื่อมาแล้วก็ไม่ต้องไป” ซูหมิงกล่าวราบเรียบ ก่อนยืนขึ้นจากท่าขัดสมาธิ ทันทีที่เขายืนขึ้น ดาวแท้จริงดวงนี้พลันเปลี่ยนจากเปี่ยมล้นด้วยพลังชีวิตกลายเป็นเสื่อมโทรมในพริบตา!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!