Skip to content

สู่วิถีอสุรา 954

ตอนที่ 954 มาถึง

สิบลมหายใจก่อนดาวระเบิดตัวเอง

ซูหมิงนั่งขัดสมาธิอยู่บนดาวขอบสวรรค์ที่แห้งไร้ชีวิต เขากำลังรอ รอให้ผู้แข็งแกร่งที่จะต้องมาปรากฏตัว นี่คือหนึ่งเป้าหมายสำคัญที่เขามาเผ่าขวางสวรรค์

เขาอยาก…สู้กับผู้กุมชะตาเกิดดับ!

สู้กับผู้กุมชะตาเกิดดับอย่างสุดกำลัง ศึกครั้งนี้ต้องแพ้แน่…แต่ถึงต้องแพ้ เขาก็จะสู้ เขาอยากรู้ว่าตนต่างกับระดับชะตาเกิดดับเท่าไร นอกจากนี้แล้ว…เขาอยากสืบฐานของเผ่าขวางสวรรค์ด้วย!

เขาอยากรู้ว่าเผ่าขวางสวรรค์มีผู้กุมชะตาเกิดดับกี่คนกันแน่ หากมีเพียงคนเดียว เขาก็จะใช้แผนการของเขา แต่หากมากกว่าหนึ่งก็คงต้องเปลี่ยนแผน

เวลาผ่านไปทีละลมหายใจ ตอนถึงลมหายใจที่หก ซูหมิงพลันเงยหน้าขึ้น อักขระ ต้นกำเนิดจิตในดวงตาสองข้างขยับประกาย พริบตาเดียวก็ปกคลุมทั่วร่าง ในเวลาเดียวกัน เขายิ้มมุมปากเย็นชา ยกสองมือขึ้นกดบนพื้นใต้ร่าง

เมื่อกดไปแล้วร่างกายเขาพลันปะทุขึ้น ต่อมาดาวดวงนี้ก็ระเบิด แผ่นดินแตกออกอย่างต่อเนื่อง แรงทำลายล้างจากการระเบิดตัวเองปะทุมาจากดาวดวงนี้

ตอนนี้เอง มีเสียงหึเย็นชาดังแว่วมาจากในอากาศ ครั้นเสียงนี้ดังกังวาน เมฆดำบนฟ้าก็หมุนตลบกลายเป็นน้ำวนหลายชั้น จากนั้นซูหมิงก็เห็นว่า…บนฟ้าปรากฏ ผืนดินกว้างใหญ่ไม่มีสิ้นสุด

บางทีอาจพูดได้ว่าไม่ใช่ผืนดิน แต่คือฝ่ามือที่กว้างใหญ่ไร้สิ้นสุด นี่คือ…การมาถึงของผู้กุมชะตาเกิดดับแห่งเผ่าขวางสวรรค์

“ในที่สุดก็มาแล้ว!” ซูหมิงเงยหน้าหัวเราะขึ้นฟ้าก่อนกระโดดขึ้น พลังทำลายล้างจากดาวแท้จริงใต้ร่างรุนแรงขึ้นอีก ตอนนี้หากมองจากกลางฟ้ากระจ่างดาว จะเห็นชัดว่านอกดาวขอบสวรรค์มีชั้นหินผุพังพุ่งตรงเข้ามา หินผุพังกลุ่มนี้อยู่กันแน่นขนัด จำนวนไม่แน่ชัด พวกมันรวดเร็วอย่างยิ่ง พริบตาเดียวก็เข้ามาใกล้ดาวขอบสวรรค์

มันวนเวียนอยู่นอกดาวแล้วเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน กลายเป็นฝ่ามือหินดาวผุพังยักษ์ที่ใหญ่ยิ่งกว่าดาวดวงนี้ ฝ่ามือยกขึ้นคว้าไปยังดาวขอบสวรรค์ ดูจากพลังแล้วเหมือนอยากจะบดขยี้ดาวดวงนี้เสีย

ทว่าทันทีที่ฝ่ามือยักษ์ปะทะกับดาวดวงนี้ ดวงดาว…ก็เกิดเสียงโครมและระเบิดออกทั้งหมด ในตอนนั้น แรงปะทะจากการระเบิดตัวเอง พลังทำลายล้าง รวมถึง คลื่นยักษ์ที่ม้วนกวาดฟ้ากระจ่างดาวพุ่งชนเข้ากับฝ่ามือหิน

เสียงโครมดังสนั่นแก้วหู กึกก้องผืนฟ้าดวงดาว ดังกระจายไปรอบๆ ต่อให้เป็น ผู้ฝึกฌานสี่คนที่หนีไปไกลมากแล้วก็ยังได้ยินชัด

ท่ามกลางเสียงครึกโครม ฝ่ามือหินดาวยักษ์ก็ไม่หยุดแม้แต่น้อย เสียงขึ้นจมูกเยาะหยันยังคงดังกังวาน ฝ่ามือคว้าบนดาวแท้จริงที่พังทลาย ชวนให้ไม่แน่ใจว่า ดาวดวงนี้จะระเบิดหรือถูกฝ่ามือบดขยี้ก่อนกันแน่

ขณะเดียวกัน ฝ่ามือหินผุพังจับดาวเอาไว้แน่น เหมือนเจ้าของฝ่ามือมั่นใจว่าในการระเบิดทำลายล้างของดาวดวงนี้….มีตัวการสังหารชาวเผ่าขวางสวรรค์และทำให้ดาวดวงนี้ตายลงอยู่

“กุมชะตาเกิดดับอย่างนั้นรึ…” เสียงต่ำทุ้มดังแว่วมาจากในดาวที่ระเบิด น้ำเสียงสงบนิ่ง ไม่มีคลื่นอารมณ์ใดๆ หากมองดาวที่แตกสลายให้ดีๆ จะเห็นชัดว่าบนแผ่นดินแหลกทลายแห่งหนึ่งมีชายเส้นผมยาวปลิวไสวยืนอยู่

ชายคนนี้คือ ซูหมิง

“รนหาที่ตาย!” เสียงเย็นชาดังไปรอบๆ จากในอากาศ ฝ่ามือหินผุพังนั้นเร็วขึ้นอีก พริบตาเดียวก็เข้าไปใกล้ซูหมิง ประหนึ่งว่าอยากจะทำลายซูหมิงไปพร้อมกับดาวดวงนี้

“ใครกันแน่ที่รนหาที่ตาย!” พริบตาที่ซูหมิงกล่าวขึ้นก็ปรากฏร่างเงาสะท้อน เอ้อชางขึ้นนอกตัวเขา ร่างเงาต้นไม้ยักษ์ปรากฏอยู่กลางฟ้าทันที ก่อนจะเข้าปะทะกับฝ่ามือที่คว้าลงมา

เสียงระเบิดดังสนั่นไปรอบๆ จังหวะที่มือใหญ่กับเงาสะท้อนเอ้อชางปะทะกัน เพียงชั่วครู่หนึ่งเงาสะท้อนเอ้อชางตัวสั่นไหวเหมือนจะสลายไป ตอนที่มันสั่นไหวอย่างรุนแรง ก็เห็นว่าซูหมิงใต้ร่างมันมีโลหิตไหลตรงมุมปาก

“เอ้อชาง…” เสียงเย็นชาดังแว่วมาจากมวลอากาศ แต่กลับไม่เห็นตัว

“ต่อให้เจ้ามีสายเลือดของเอ้อชาง แต่ล่วงเกินเผ่าขวางสวรรค์ก็ยังต้องตาย” เสียงดังกังวานไป ฝ่ามือหินผุพังยักษ์ส่งแรงอีกครั้ง ครั้งนี้มันบดขยี้เงาสะท้อนเอ้อชางจนแหลก ซูหมิงร่างสั่นสะท้าน กระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง แล้วจึงถอยร่นไปอย่างรวดเร็วด้วยใบหน้าขาวซีด ทว่านัยน์ตาไม่มีความตระหนก แต่กลับสงบนิ่ง

ขณะเงาสะท้อนเอ้อชางด้านหลังสลายไปก็ปรากฏขึ้นมาใหม่ไม่หยุด ปะทะกับฝ่ามือยักษ์ที่คว้ามาหลายครั้ง ต่างฝ่ายต่างเกิดเสียงดังสนั่น ทุกครั้งที่ปะทะกันซูหมิงจะตัวสั่นสะท้าน เขารู้สึกถึงแรงมหาศาลจากในฝ่ามือ

ทว่าในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้สึกว่า ผู้กุมชะตาเกิดดับคนนี้ยังสู้กับผู้กุมชะตาเกิดดับตอนอยู่ดินแดนผู้รักษาการณ์สี่มหาโลกแท้จริงไม่ได้

ตั้งแต่เงาสะท้อนปรากฏจนร่างแยกมาเยือนจริงๆ ต้องใช้เวลาสิบกว่าลมหายใจ ซูหมิงอย่างไรก็ได้ในตอนนี้ ความจริงก่อนหน้านี้เขาก็เตรียมการมาอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ตอนนี้ให้ร่างแยกเอ้อชางลงมาเยือนได้ทุกเมื่อ

แต่เขากลับไม่ทำ

เขายืนอยู่ตรงนั้น สายตามองเงาสะท้อนเอ้อชางถูกทำลายไปทีละครั้ง มองฝ่ามือยักษ์เข้ามาใกล้เรื่อยๆ มองมันเข้ามาแทนที่ฟ้า มาแทนที่ผืนฟ้าดารา มาแทนที่ทุกอย่าง ทว่าเขาก็ยังไม่ให้ร่างแยกเอ้อชางปรากฏตัว

เพราะเขาพบว่าทุกครั้งที่ร่างเงาสะท้อนเอ้อชางถูกทำลาย จะปรากฏเงาสะท้อนที่เข้มแข็งและทรหดกว่าเดิมมาก เหมือนกับว่าเหล็กธรรมดาจะต้องตีเป็นร้อยเป็นพันครั้ง ถึงจะเปลี่ยนเป็นเหล็กกล้าชั้นยอดที่ไม่มีสิ่งใดแข็งแกร่งยืนหยัดต้านทานด้วยได้ นี่คือการหล่อหลอม

เสียงโครมครามดังไม่หยุดหย่อน หลังเงาสะท้อนเอ้อชางสลายและสร้างขึ้นมาใหม่ไม่รู้กี่ครั้ง ฝ่ามือหินผุพังก็ใกล้จะกำหมัดแล้ว ซูหมิงมองไป ทุกอย่างรอบตัวล้วนเป็นฝ่ามือหินผุพัง เหมือนจะไม่มีทางหนีได้แล้ว!

หากมองจากฟ้ากระจ่างดาวจะเห็นชัดว่าตอนนี้ฝ่ามือหินผุพังยักษ์กำลังกำหมัด เหมือนว่าสามารถบดขยี้ทุกอย่างในฝ่ามือ รวมถึงดวงดาว รวมถึงสิ่งมีชีวิตและผืนฟ้าดวงดาว

ตอนนี้เองซูหมิงเงยหน้าขึ้น เส้นสีม่วงตรงระหว่างคิ้วเปิดออก เปล่งแสงสีม่วงพร้อมกับเผยเป็นเนตรอสูร เพียงเสี้ยวขณะเดียวฝ่ามือหินผุพังข้างบนที่เขามองอยู่ก็ถูกขยายอย่างไร้ขีดจำกัดในสายตาเขา ภายใต้การขยายหลายชั้น เขาเห็นซอก รอยแยกระหว่างฝ่ามือ

ซูหมิงเพ่งมองไป ก่อนจะกระโดดลอยขึ้นและใช้ความเร็วทั้งหมด กระทั่งเก็บ เงาสะท้อนเอ้อชางกลับมา ให้มันหลอมรวมเข้าสู่ร่างกาย ทำให้ความเร็วเพิ่มมากกว่าเดิม เขาบินออกไปในพริบตา ตอนที่เกิดเสียงดังสนั่นสะเทือนฟ้ากระจ่างดาวและดังกึกก้องไปทั้งพื้นที่เผ่าขวางสวรรค์นั้น ฝ่ามือหินผุพังกำหมัดบดขยี้ทุกอย่างในมือ ระหว่างนั้นเอง ตัวเขาก็พุ่งเข้าไปในซอกในฝ่ามือที่เห็นจากเนตรอสูร!

มองจากที่ห่างไกล จะเห็นว่าเมื่อฝ่ามือหินผุพังกำหมัดกลับมีสายรุ้งยาวสายหนึ่งบินออกจากในฝ่ามือไป เมื่อสายรุ้งไปยืนอยู่กลางฟ้ากระจ่างดาวแล้ว เขาก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงมืดทะมึน

“เอ้อชาง!”

สิ้นเสียง ปรากฏเงาสะท้อนต้นไม่ใหญ่เอ้อชางมายาด้านหลังเขาทันที เงาสะท้อนแข็งตัวอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็มีชายผมม่วงคนหนึ่งเดินออกมาจากข้างใน!

การปรากฏตัวของชายคนนี้ทำให้ฟ้าแห่งนี้หมุนตลบ ฟ้าดินเกิดเสียงดังสนั่น ฟ้ากระจ่างดาวคล้ายเกิดคลื่นลูกใหญ่ม้วนถอยไป กระทั่งเห็นด้วยตาเนื้อว่าผืนฟ้าแผ่ระลอกคลื่นมากมายโดยมีชายผมม่วงเป็นศูนย์กลาง ระลอกคลื่นเหล่านี้ถอยไปพร้อมกัน หากเป็นคนทั่วไปอาจมองระลอกคลื่นเหล่านี้ไม่ออก

แต่ซูหมิงรู้ว่าระลอกคลื่นนั้นก็คือกฎเกณฑ์ของฟ้ากระจ่างดาวนี้ เวลานี้กฎถูกบีบออกไปตามการปรากฏตัวของร่างแยกเอ้อชาง ประหนึ่งว่าผืนฟ้าเปลี่ยนเป็นแดนของเอ้อชาง ในแดนแห่งนี้ ไม่ว่ากฎใด ไม่ว่าดวงจิตของใคร ไม่ว่าข้อบังคับใด ล้วนต้องทำตามความคิดเอ้อชาง

เสื้อคลุมยาวสีม่วง เส้นผมยาวสีม่วง และยังมี…ดวงตาสีม่วงดวงหนึ่งในระหว่างคิ้ว!

ทันทีที่ร่างแยกเอ้อชางปรากฏตัว ร่างแยกขั้นพลังก็ขยับวูบไหว ร่างแยกกลืนนภาเดินออกมาจากร่างแยกขั้นพลัง จากนั้นสามร่างแยกใหญ่ก็ซ้อนทับกันกลาง ฟ้ากระจ่างดาวโดยการเหนี่ยวนำจากวิญญาณของซูหมิง

หลังจากพวกมันซ้อนทับกันกลายเป็นคนเดียว ซูหมิงเงยหน้าขึ้นยิ้มมุมปากชั่วร้าย ทั้งตัวแผ่กระจายความรู้สึกชั่วร้ายอย่างลึกซึ้ง ประหนึ่งว่าการคงอยู่ของเขาคือต้นกำเนิดแห่งความชั่วร้ายของทุกอย่างในโลก ราวกับว่าจุดที่เขาอยู่ แสงสว่างจะต้องถูกเงามืดสีม่วงเข้ามาแทนที่

ขั้นพลังจากภัยพิบัติตะวันทะยานขึ้นไม่หยุด แม้ยังไม่ถึงระดับกุมชะตาเกิดดับ แต่ก็ใกล้อย่างไร้ขีดจำกัด อีกทั้งยังมีความรู้สึกผ่านโลกมาอย่างโชกโชนและเก่าแก่แผ่มาจากตัวเขา ความรู้สึกของกาลเวลาวนเวียนรอบๆ คล้ายกับสามารถทำให้ฟ้ากระจ่างดาวเสื่อมโทรมลงได้

ซูหมิงยกมือขวาคว้าอากาศพลางยิ้มชั่วร้าย ในฝ่ามือปรากฏหินสีขาวก้อนหนึ่ง มันคือ ช้างมงคล!

ส่วนมือซ้ายชูขึ้นด้านบน ขณะที่ฟ้าสั่นสะเทือน ก็มีภูเขาใหญ่ลูกหนึ่งโผล่ขึ้นมาบนมือซ้าย ภูเขานี้ก็คือ…ภูเขาวิถีเต๋า!

ในเวลาเดียวกันหมอกสีม่วงหนาแน่นแผ่กระจายมาจากใต้เท้าเขา มันม้วนตลบไปรอบๆ อบอวลอยู่ในฟ้ากระจ่างดาว ส่งผลให้ผืนฟ้ากลายเป็นแดนดาราเอ้อชางของเขา

“ข้าจะสู้กับเจ้า!” ซูหมิงมองมวลอากาศไกลๆ ในดวงตาโผล่ขึ้นมาเป็นร่างเงาคนในมวลอากาศทีละน้อย

นั่นคือชายวัยกลางคนสวมอาภรณ์ยาวสีครามอ่อน เส้นผมยาวสีคราม ดูหล่อเหลายิ่ง ด้านหลัง….ไม่มีปีก แววตาสองข้างแฝงไว้ด้วยสติปัญญา ทำให้ตอนที่มองไปจะเหมือนอยู่กลางฟ้ากระจ่างดาวและไม่อาจถอนตัวขึ้น

ชายคนนี้ริมฝีปากบางมาก ให้ความรู้สึกใจอำมหิตเล็กน้อย ทว่าความอำมหิตในตัวเขากลับกลายเป็นความเมินเฉย สายตามองซูหมิงนิ่งๆ

“ข้าควรจะเรียกเจ้าว่าเอ้อชางหรือว่า…ศิษย์ของเทียนเสียจื่อดี” ชายวัยกลางคนพูดเรียบๆ

“ที่แท้เจ้าก็มาถึงตั้งนานแล้ว” ซูหมิงยิ้มน้อยๆ

“ตัดมือตัดขาของตัวเองทิ้งเสีย ข้าเห็นแก่นามของเอ้อชาง จะอนุญาตให้เจ้าเอาหัวกลับไปได้” ชายวัยกลางคนมีสีหน้าปกติ คำพูดกล่าวไปอย่างชัดเจน มิหนำซ้ำตอนที่เสียงดังแว่วไป หมอกม่วงรอบตัวซูหมิงพลันม้วนตลบ ในฟ้ากระจ่างดาวที่กฎถูกบีบออกไปนั้น เมื่อเขากล่าวขึ้น มันกลับมีกฎเพิ่มมาอีกครั้ง เพียงแต่ว่าเป็นกฎของเขา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!