Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1031

SVTASR
BC

ตอนที่ 1031 สุขเศร้าโกรธแค้น

ขณะเดียวกัน สามคนที่สวมหน้ากากโกรธ เศร้า แค้นก็ก้าวออกมาพร้อมกัน ร่างแยกพวกเขาสามคนก็ตามออกมาด้วย ในตัวปะทุสายลม สายฝน และสายฟ้า สามชนิด แยกเป็นสามทางตรงไปหาซูหมิง

C

ซูหมิงยังคงหลับตานั่งฌาน จูโหย่วไฉดวงตาวาววับ เขาพลันเดินหน้าเข้าไปหาสามคนนั้น

ตอนนี้เอง บรรพบุรุษเผ่าเหริงอูยิ้มชั่วร้าย เขาวูบไหวตัวกลายเป็นอากาศบิดเบี้ยว ทะยานตรงไปหาซูหมิง ด้านหลังเขาเป็นบรรพบุรุษรวมธรรม และยังมียอดฝีมือขั้นกุมอีกสามคน รวมถึง…ชาวเผ่าเหริงอูจำนวนมากก็ตามไปด้วยกัน

โครม!

ตรงชายขอบทะเลลำดับห้า ชายหาดดาราที่รวมจากเศษหินสั่นสะเทือน ท่ามกลางการสั่นสะเทือน ชาวเผ่าเหริงอูเคลื่อนพลครั้งใหญ่ โดยเฉพาะบรรพบุรุษเหริงอู ด้วยความเร็วของเขา พริบตาเดียวก็เข้ามาอยู่ข้างซูหมิง

บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงกำลังถูกร่างแยกของคนที่สวมหน้ากากสุขแห่งทะเลลำดับห้าพัวพันอยู่ จูโหย่วไฉก็กำลังสู้กับสามร่างแยกที่เหลือ ขณะหันกลับไปมองดวงตาสองข้างวาววับ ตอนที่ยกมือขวาขึ้น ทวนสิ้นสูญตรงหน้าซูหมิงพลันเปล่งแสงสีม่วงสว่างจ้า

ลำแสงลากผ่านไปรอบด้านอย่างรวดเร็ว เสียงครึกโครมสนั่นฟ้าดินทันใด ร่างบรรพบุรุษเผ่าเหริงอูกระเด็นถอย เมื่อถูกแสงสีม่วงปะทะใส่แล้วยังกระอักเลือด บรรพบุรุษรวมธรรมข้างหลังร่างหายไปมากกว่าครึ่งในพริบตา ระหว่างเกิดแผลเหวอะหวะยังเห็นจิตแรกของเขาแยกตัวออกมา จากนั้นก็ร้องเสียงแหลมพร้อมถอยไปอย่างรวดเร็ว

และยังมียอดฝีมือขั้นกุมในเผ่าอีกสามคนด้านหลังบรรพบุรุษเหริงอู ตอนนี้ร่างพวกเขาคล้ายกับถูกระเหย กำลังจะหายไปแล้ว แต่บรรพบุรุษเหริงอูกระโจนเข้ามา ทั่วร่างระเบิดหมอกโลหิตออกมาจำนวนมากพร้อมเสียงโครม แล้วม้วนพวกเขาสามคนถอยไปพันจั้ง ตอนที่ปรากฏตัวเขากระอักเลือดอีกครั้ง ส่วนสามคนหน้าบาดเจ็บสาหัสไปทั้งตัว

การโจมตีครั้งนี้ของจูโหย่วไฉ พวกเขาสี่คนใช้พลังทั้งหมดพร้อมกัน แต่ก็ยังต้านไม่ไหว สุดท้ายเมื่ออยู่ในหมอกโลหิตที่ระเบิดออกและถูกบรรพบุรุษเหริงอูเติมพลังประหลาดของเผ่าเข้าไปให้ ถึงได้ฝืนรับการโจมตีครั้งนี้ไหว แต่ก็บาดเจ็บสาหัสเช่นกัน

ส่วนบรรพบุรุษรวมธรรม เขาถอยไปหลายร้อยจั้งอย่างรวดเร็ว ทั่วร่างสั่นไหว ร่างกายแหลกเป็นเสี่ยงๆ จิตแทบจะสูญสิ้นไป!

หนึ่งการโจมตีสะเทือนฟ้าดิน นี่คือพลังของเซียนนักรบ

ส่วนสามร่างแยกใหญ่ที่กำลังจะสู้กับจูโหย่วไฉ ตอนนี้ท่ามกลางแสงสีม่วงของทวนสิ้นสูญ พวกมันสลายกลายเป็นควัน เหมือนถูกลมพัดหายไปตรงหน้าจูโหย่วไฉในพริบตา

เสียงวิ้งดังขึ้น จูโหย่วไฉกำทวนสิ้นสูญไว้ในมือ ยืนอยู่ตรงหน้าซูหมิง แล้วพลันกวาดทวนยาว

“ข้าอยู่ตรงนี้ ผู้ใดกล้าเข้ามา!” จูโหย่วไฉกล่าวราบเรียบ เสียงเขาดังก้องไปรอบๆ ทำให้แปดทิศในชั่วเวลานี้เงียบยิ่งนัก

“เป็นยอดฝีมือขั้นเกิดจริงๆ!” บรรพบุรุษเผ่าเหริงอูเช็ดคราบโลหิตตรงมุมปาก นัยน์ตาเผยประกายประหลาดใจ ขณะที่กล่าวพึมพำกับตัวเอง ร่างจริงของสุขโกรธเศร้าแค้นทั้งสี่คนกลางทะเลลำดับห้าดวงตาวาววับ จากนั้นสี่คนก้าวเดินตรงไปหา จูโหย่วไฉพร้อมกัน

“สุข!” คนสวมหน้ากากสุขกล่าวขึ้นพร้อมกับเดินหน้า น้ำเสียงมากประสบการณ์ แต่กลับมีพลังคล้ายสายฟ้า ท่ามกลางเสียงสะเทือนเลื่อนลั่น หน้ากากเขาพลันหลอมละลาย ระหว่างนั้นก็ยืดขยายออกไปอย่างว่องไว เมื่อปกคลุมทั่วร่างแล้ว ร่างกายเขาบิดเบี้ยวโดยพลัน แล้วกลายเป็นอักขระยักษ์ตัวหนึ่งกลางอากาศ

อักขระนี้แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายโบราณ หากมีคนเข้าใจภาษาโบราณ ก็จะเข้าใจจากอักขระนี้ว่ามีความหมายแฝงคือต้นกำเนิดความสุขทุกอย่างในฟ้าดิน

นั่นคืออักขระโบราณที่เมื่อคนเห็นแล้วจะอดเกิดความรู้สึกยินดีจากส่วนลึกในใจขึ้นมามิได้!

เมื่ออักขระปรากฏออกมา ฟ้ากระจ่างดาวนี้จึงถูกกลิ่นอายความสุขเข้มข้นโอบล้อม ภายใต้การแผ่กระจายของมัน บนใบหน้าบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงเผยรอยยิ้มดีใจขึ้นบางๆ แต่นัยน์ตาเขากลับหวาดกลัวอย่างชัดเจน

ขณะเดียวกัน ชาวเผ่าเหริงอูเหล่านั้นต่างพากันหยุดชะงัก ใบหน้าเผยรอยยิ้มกันทุกคน กระทั่งยอดฝีมือขั้นกุมสามคนที่บาดเจ็บสาหัสก็เช่นกัน

มีเพียง…สามคนที่ไม่เป็นเช่นนี้

หนึ่งคือจูโหย่วไฉ เขามีสีหน้าปกติ ไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย สองคือบรรพบุรุษเหริงอู เขามีสีหน้าทะมึนทึบ มวลอากาศรอบตัวบิดเบี้ยว เห็นได้ชัดว่าใช้พลังของกฎ ดวงชะตามาต้านอักขระดีใจโบราณเอาไว้

และคนสุดท้ายคือ…ซูหมิง

ซูหมิงในร่างเส้นผมยาวสีเทาเป็นผู้ควบคุมที่ใช้พลังความตายได้อย่างเต็มที่ ในความคิดที่มีสติปัญญาของเขาไม่มีคลื่นอารมณ์ใดโผล่ขึ้นมา ต่อให้เป็นอักขระสุขจากยุคโบราณก็ยังยากจะหลอมละลายเข้าไปในจิตใจเขา

เขากำลังหลับตา ยังคงไม่สนเรื่องภายนอกแม้แต่น้อย

แต่ทันทีที่อักขระสุขปรากฏขึ้นมา หน้ากากบนหน้าคนสวมหน้ากากโกรธละลายเช่นกัน ขณะนั้นร่างกายก็บิดเบี้ยวและกลายเป็นอักขระตัวที่สอง

นี่คืออักขระแห่งความโกรธ!

เมื่ออักขระนี้เผยขึ้น กลิ่นอายพลังของผืนฟ้าแห่งนี้พลันถูกฝืนเปลี่ยน จากสุขกลายเป็นโกรธ ก่อนหน้าที่บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงจะเปลี่ยนสีหน้าอารมณ์ เขากระอักเลือดหนึ่งครั้ง ร่างกระเด็นถอยไป ทั่วตัวเต็มไปด้วยความโกรธ เพียงแต่ความโกรธนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับความกลัวรุนแรงในแววตาเขาแล้ว กลับกลายเป็นความประหลาดที่ยากจะกล่าว

ไม่ใช่เพียงแค่เขา ยอดฝีมือขั้นกุมสามคนของเผ่าเหริงอูก็เช่นกัน กระทั่งชาว เผ่าเหริงอูทั้งหมดยังพากันเป็นเช่นนี้

การเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะจิตใจตัวเอง แต่เป็นเพราะพลังของฟ้าดินถูกบีบให้เปลี่ยน สุดท้ายก็ทำให้ร่างกายบาดเจ็บ

ในเวลาเดียวกัน อักขระตัวที่สามโผล่ตามมา นั่นคืออักขระแห่งความเศร้า พริบตาที่อักขระปรากฏ กลิ่นอายพลังของฟ้ากระจ่างดาวถูกหมุนเปลี่ยนอีกครั้ง แทบเป็นช่วงที่เพิ่งเปลี่ยนคราวนี้ อักขระตัวที่สี่ก็โผล่ขึ้นมา

ตัวนี้คืออักขระแห่งความแค้น ทำให้ฟ้ากระจ่างดาวเต็มไปด้วยความแค้นรุนแรงทันที บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงร้องครวญ ร่างกระเด็นถอยไปตกอยู่บนเศษหินผุพังซึ่งห่างจากซูหมิงไม่ไกล เลือดสดไหลออกจากมุมปาก แววตาสับสน ทั่วร่างคล้ายกับเสียสติไปแล้ว สีหน้าเดี๋ยวสุข เดี๋ยวโกรธ เดี๋ยวเสียใจ หรือไม่ก็แค้น

ทางเผ่าเหริงอูก็เช่นกัน กระทั่งบรรพบุรุษเหริงอูยังตัวสั่น มวลอากาศนอกร่าง บิดเบี้ยวเปลี่ยนไปไม่หยุด เขาใช้พลังแห่งกฎดวงชะตาถึงขีดสุดแล้ว

แต่สีหน้าเขายังคงเปลี่ยนไปเล็กน้อย มุมปากยกขึ้น นั่นคือท่าทีของความสุข

จากสิ่งนี้จะเห็นได้ว่า ขณะเดียวกับที่อักขระสุขโกรธเศร้าแค้นปรากฏขึ้น พลังจากแรงกดดันที่กดลงมา…เหนือกว่ายอดฝีมือขั้นชะตาไปแล้ว!

ในเวลาเดียวกัน จูโหย่วไฉซึ่งเผชิญหน้าตรงๆ กับอักขระสี่ตัว เขามีสีหน้าจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ขณะกำทวนสิ้นสูญในมือ อักขระสี่ตัวส่งเสียงโครมครามก่อนจะพุ่งตรงมาหาในชั่วอึดใจ แล้ววนรอบตัวเขาไม่หยุด ก่อขึ้นเป็นพายุหมุนลูกหนึ่ง

หลังจากพายุหมุนโคจร คนสวมเกราะดำกลางทะเลลำดับห้าต่างพากันนั่งขัดสมาธิลง ร่างกายหายไปในหมอกทะเลลำดับห้าในพริบตา

เมื่อพวกเขาหายไป เมื่อพายุหมุนโคจรอย่างรวดเร็ว ทะเลลำดับห้าจึงเกิดเสียงสนั่นหวั่นไหว ยามนี้ทั้งทะเลลำดับห้าหมุนวนกลายเป็นน้ำวนยักษ์ กวาดทำลายไปรอบทิศ ลูกคลื่นสั่นสะเทือนผืนฟ้า

ยามนี้เอง หลังจากเกิดการหมุนวน ภายใต้การรวมตัวของหมอกในทะเลลำดับห้า จึงเกิดเป็นใบหน้ายักษ์ขึ้น

ใบหน้าเผยรอยยิ้มบางพลางลอยขึ้นจากกลางทะเลลำดับห้า แล้วกล่าวคำหนึ่งกับฟ้าดินและจักรวาล

“สุข!”

สิ้นคำพูดนี้ ก็เกิดเสียงสนั่นฟ้าจากในพายุหมุนที่ล้อมจูโหย่วไฉเอาไว้

“โกรธ!” เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง

“เศร้า!”

“แค้น!” ตอนที่สี่คำนี้ดังมาจากใบหน้าน้ำทะเลยักษ์ สีหน้ามันก็เปลี่ยนตามคำพูดนั้นด้วย พายุหมุนที่ล้อมจูโหย่วไฉไว้ระเบิดเสียงดังสะเทือนฟ้า

จูโหย่วไฉในพายุมีสีหน้าบึ้งตึงและขาวซีด ทั่วร่างบิดเบี้ยว ตอนนี้เองเขายกทวนสิ้นสูญในมือขวาขึ้นแล้วปักลงข้างล่าง

“เป็นตาย…ไม่แน่นอน!”

ระหว่างที่เขากล่าวพึมพำ ทวนสิ้นสูญใต้ร่างเปล่งแสงสว่างสีดำ เสียงนี้แผ่ออกไปรอบๆ ก่อนเข้าปะทะกับพายุหมุนและอักขระสี่ตัวนั้น ขณะฟ้าดินส่งเสียงดังสนั่น ภายใต้สายตาของทุกคน พายุหมุนพลันหยุดชะงักและแตกกระจายออกไปสี่ทิศ กลายเป็นแรงปะทะม้วนทะเลลำดับห้า เมื่อพายุพังทลายลง แสงสีดำสายหนึ่งพุ่งออกมาจากรวดเร็ว ก่อนกลายเป็นสายรุ้งยาวตรงไปหาใบหน้าของทะเลลำดับห้า

เสียงโครมดังขึ้นอีกครั้ง

ใบหน้าทะเลลำดับห้าแตกเป็นเสี่ยงๆ จากการปะทะกับทวนยาว อักขระสี่ตัวนั้นถูกเหวี่ยงออกไปพร้อมกับพายุหมุนที่แตกกระจายไปรอบๆ หลังจากกลายเป็นร่าง สี่คนกลางอากาศแล้ว สี่คนนี้กระอักเลือดพร้อมกัน พลันเงยหน้าขึ้นมองจูโหย่วไฉด้วยความเย็นชา

จูโหย่วไฉยืนอยู่กลางอากาศ สีหน้าซีดขาว ตรงมุมปากมีโลหิตไหล ร่างโซเซแล้วร่วงลงมาเบื้องล่าง เขามายืนอย่างมั่นคงบนหินผุพังข้างซูหมิง ก่อนจะยกมือขวาขึ้น แสงสีดำขยับวิบวับในทะเลลำดับห้า เมื่อมันกลับมาอยู่ในมือเขาแล้วก็กลายเป็น ทวนสิ้นสูญ จากนั้นเขาปักทวนลงบนหินเพื่อค้ำตัวไม่ให้ล้มลง

“วงโคจรชีวิตไร้สิ้นสุด!” นัยน์ตาจูโหย่วไฉขยับประกาย เขายกมือซ้ายขึ้นกดตรงระหว่างคิ้ว

ทว่าตอนที่ปลายนิ้วสัมผัสหว่างคิ้ว บรรพบุรุษเหริงอูที่อยู่ไกลออกไปพลันหัวเราะเสียงดัง เขารอมานานมาก ในที่สุดยอดฝีมือขั้นเกิดคนนี้ก็ใช้วิชาวงโคจรชีวิตแล้ว

ระหว่างที่เสียงหัวเราะดังก้อง ชาวเผ่าเหริงอูที่ดูเหมือนปกติยิ่งคนหนึ่งข้างหลังเขาเงยหน้าขึ้น แล้วขยับตัวเดินไปทางจูโหย่วไฉหนึ่งก้าว ความเร็วของเขาราวกับสายฟ้า ตอนที่ก้าวเดิน ร่างกายเขาแห้งเหี่ยวอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็กลายเป็น ร่างหนังหุ้มกระดูก แล้วมาโผล่อยู่ข้างจูโหย่วไฉ ร่างกายเขาแหลกเป็นผุยผงภายใต้ความเร็วระดับนี้

แต่ผุยผงกลับรวมขึ้นเป็นฝ่ามือใหญ่ คว้าไปทางศีรษะจูโหย่วไฉ บนมือยังแผ่กระจายพลังที่เหนือกว่าขั้นเกิด มันเป็นพลังของ….ขั้นดับ!

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!