Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1041

ตอนที่ 1041 เสี้ยมให้แตกกัน

เอ้อชางสีแดงถูกกิน พร้อมกันนั้นแผ่นศิลาสีแดงหมื่นอันในแดนแผ่นศิลาแสนอันสั่นไหวอย่างรุนแรง และยังเปลี่ยนสี ทำให้ผู้ฝึกฌานหมื่นคนของแผ่นศิลาพากันร้องโหยหวน อักขระตรงระหว่างคิ้วกลายเป็นสีม่วง ดังนั้นแล้วภายในโลกแผ่นศิลา แสนอันนี้จึงมีแผ่นศิลาสามหมื่นอันที่เป็นสีม่วง เป็นของซูหมิง

ความตื่นกลัวจากทุกคนในแดนแผ่นศิลาแสนอันรวมถึงความสับสนวุ่นวายมากขึ้นกว่าเดิม ความหวาดกลัวลุกลามไป เสียงกรีดร้องหยุดลงแต่ในความคิดยังคงมีภาพเสียงสะท้อนกลับ ทำให้ในแดนประหลาดวงแหวนบูรพาเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

กระทั่ง…

เพราะการเปลี่ยนแปลงส่งผลถึงแผ่นศิลาสีฟ้าและแดงทั้งหมด จึงส่งผลไปถึงผู้มีแผ่นศิลาเกินกว่าแสนจั้งกระทั่งสูงกว่านั้น ถึงวันนี้พวกเขาจะไม่อยู่ในแดนประหลาดวงแหวนบูรพา แต่อยู่ข้างนอก ก็ยังไม่อาจหลบพ้นการเปลี่ยนแปลงที่มาพร้อมกับวิญญาณ

เขตดาราวงแหวนบูรพา บนดาวอ่อนแสงดวงหนึ่ง มีชายวัยกลางคนนั่งอยู่ข้าง บึงน้ำคนหนึ่ง ในมือถือกิ่งไม้ท่อนหนึ่ง ด้านบนมีใบไม้แตกหน่อสีเขียวมรกตหย่อนลงไปกลางน้ำ สีหน้าเขาเฉยชา เหมือนกำลังตกปลาอยู่

ข้างกายเขายังมีหญิงงดงามอีกสองคนกำลังคุกเข่าอยู่ข้างหลัง คอยนวดบ่าเบาๆ ท้องฟ้าขุ่นมัว แผ่นดินเต็มไปด้วยหมอก ทว่าเขาอยู่ที่นี่กลับดูเด่นชัดมาก เหมือนกับ สีหน้าที่ไม่สนใจเรื่องราวใดๆ ใสสะอาดดั่งสายน้ำ

ทว่าตอนนี้เองเขาพลันหน้าเปลี่ยนสี จากนั้นมีพลังบ้าคลั่งปะทุมาจากในร่างกาย หญิงสองคนข้างหลังต่างร้องด้วยความตกใจพร้อมกระเด็นถอยไป ต้นหลิวในมือแตกเป็นเสี่ยงๆ แม้แต่บึงน้ำบนพื้นดินยังระเหยกลายเป็นไอ ทำให้แผ่นดินที่อยู่เต็มไปด้วยพลังอันปั่นป่วน

เขาร้องโหยหวน ร่างกายสั่นไหว ขณะที่หญิงสองคนข้างหลังไกลออกไปที่มีโลหิตไหลจากมุมปากตื่นตระหนก พวกนางเห็นว่าเจ้านายคนที่ถูกเรียกบรรพบุรุษและไม่มีใครกล้าล่วงเกินในดาวดวงนี้มีสีหน้าเจ็บปวดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยเฉพาะเสียงร้อง พวกนางไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย

ท่ามกลางเสียงร้อง ตรงระหว่างคิ้วชายคนนี้พลันปรากฏสัญลักษณ์อักขระขึ้น มันเป็นสีแดงฉาน ทว่ากลับเปลี่ยนเป็นสีม่วงอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งผ่านไปครู่หนึ่ง ตอนที่กลายเป็นสีม่วงอย่างสมบูรณ์ เขากระอักเลือดกองใหญ่ ร่างกายเกิดการตกใจสะดุ้ง แล้วเงยหน้ามองฟ้าด้วยสายตาเคารพยำเกรง

‘เกิดอะไรขึ้น…เหตุใดข้าถึงรู้สึกเหมือนกับว่าแผ่นศิลาในแดนประหลาดวงแหวนบูรพา….เปลี่ยนเจ้านาย!’ เขาตัวสั่น สีหน้าเปลี่ยนติดกันหลายครั้งแล้วก็ลุกพรวดห้อเหยียดไปบนฟ้า เขาจะกลับแดนประหลาดวงแหวนบูรพาเพื่อไปดูเหตุการณ์เมื่อครู่ที่ทำให้เขาตกใจกลัว หากไม่เข้าใจว่าเกิดขึ้นอะไรขึ้นก็คงยากจะสงบลง ถึงอย่างไร… ในแดนประหลาดวงแหวนบูรพาก็มีแผ่นศิลาของเขา

ภาพเหตุการณ์เดียวกันเกิดขึ้นในเขตดาราวงแหวนบูรพา สถานที่จำนวนมากเกิดเหตุการณ์พร้อมกัน กระทั่งภายในขุมอาจผู้ตรวจการณ์สี่มหาโลกแท้จริงยังเกิดภาพแบบนี้หลายคน เพียงแต่เมื่อส่งเสียงร้องแล้ว ทุกคนต่างมีสีหน้าตื่นกลัวภายใต้ ความกังวล

ณ แดนประหลาดวงแหวนบูรพา ซูหมิงที่กินสีฟ้ากับสีแดงเดินออกมาจากฟ้ากระจ่างดาวสีม่วงสามแสนแห่ง ตอนนี้ขณะเขาหลับตาลงเล็กน้อยยังยกสองมือขึ้น ชกหมัดออกไปสองข้าง

วินาทีที่ชกสองหมัดออกไป ฟ้ากระจ่างดาวสีม่วงสามแสนแห่งพลันม้วนตลบ เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว น้ำวนสีม่วงยักษ์สองแห่งพลันพุ่งไปยังมวลอากาศไกลๆ จากสองข้างของเขา

ครั้งนี้เขาไม่ได้จะกินเพียงตัวเดียว แต่จะกินสองตัว!

เสียงครึกโครมดังสนั่นฟ้าดิน เพียงไม่กี่ลมหายใจ ช่วงที่เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นติดต่อกันสองครั้ง ปราการในมวลอากาศสองข้างของซูหมิงพากันพังทลายลง แสงสว่างสีส้มกับสีเขียวส่องสว่างมาจากในปราการรอยแตก

“วันนี้เป็นวันที่เอ้อชางลงมาเยือนฟ้า พวกเจ้า…เหตุใดต้องต่อต้าน จงใช้ดวงจิตของข้าซูหมิงสร้างเอ้อชางขึ้นมาใหม่ ความรุ่งเรืองของข้าก็คือความรุ่งเรืองของพวกเจ้า!” ท่ามกลางเสียงซูหมิงดังก้อง เขาขยับตัวพุ่งไปยังฟ้ากระจ่างดาวสีส้ม

“ขวางเขา หากไม่ขวาง พวกเราจะถูกทำลายไปทีละตัว หากข้าถูกกิน เขาจะแกร่งขึ้น พวกเจ้าก็จะหนีไม่รอดเหมือนกัน!” เอ้อชางสีส้มกลางฟ้ากระจ่างดาวสีส้มเอ่ยเสียงดังก้องด้วยความร้อนรนและตื่นกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“เหตุใดต้องขวาง?”

“เขากินสีฟ้ากับสีแดงไปแล้ว ระดับชีวิตเขาจะกลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง ระดับความแกร่งตอนนี้พวกเราต้านไม่ไหวแล้ว เหตุใด…ต้องขวาง?”

“สีเขียว ปราการฟ้าของเจ้าเปิดแล้ว เจ้าลงมือช่วยกันกับสีส้ม หากเจ้าไม่ลงมือ ไม่ช้าก็เร็วต้องหนีไม่พ้นโชคชะตาถูกหลอมรวม!”

“ไม่ผิด สีเขียว เจ้าลงมือต่อต้านไปก่อน ปราการพวกข้ายังอยู่ ต่อให้ส่งดวงจิตไปก็ไม่มีประโยชน์ สีเขียว ในเมื่อเขาอวดดีกล้าเปิดปราการสองแห่งพร้อมกัน เจ้า…ร่วมมือกับสีส้มหลอมรวมเขา!”

ขณะเสียงจากเอ้อชางตัวอื่นดังก้องในความคิดพวกมัน ก็มีเสียงคำรามราวกับ เสียสติดังมาจากฟ้าสีเขียว แรงปะทะบ้าคลั่งม้วนเข้าสู่ฟ้าสีม่วงกลายเป็นต้นไม้เอ้อชางสีเขียวยักษ์ พลังชีวิตมหาศาลแผ่กระจายออกรอบตัวอย่างรวดเร็ว ก่อนเอ้อชางสีเขียวกลายเป็นสายรุ้งยาวสายหนึ่งพุ่งเข้าไปในฟ้าสีส้มที่ซูหมิงอยู่

ทว่าวินาทีที่เข้าไปใกล้ฟ้าสีส้ม เอ้อชางสีส้มกลับร้องคำรามเสียงดังก้องด้วยความสิ้นหวัง

“คิดจะกินข้า คิดจะลบข้า ไม่ใช่ว่าไม่ได้ แต่เจ้าต้องกิน ไม่ใช่หลอมรวม เรื่องนี้…ข้ายอมลบจิตสำนึก ฉีกสัญญาให้ข้าไม่มีร่างจิตสำนึก จากนี้หวนคืนสู่จักรวาล!”

ช่วงที่เสียงคลุ้มคลั่งดังก้อง ก็ตามมาด้วยเสียงดังสนั่นสะเทือนฟ้ากระจ่างดาวล้านแห่ง จากนั้นฟ้าสีส้มพลันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

ในเวลาเดียวกันแดนแผ่นศิลาแสนอัน เมื่อเอ้อชางสีส้มเลือกลบดวงจิตตัวเองหวนคืนสู่ต้นกำเนิด แผ่นศิลาสีส้มหมื่นอันของมันก็เกิดรอยร้าวจำนวนมากขึ้นแล้วกลายเป็นผุยผงพร้อมกัน ตามมาด้วยผู้ฝึกฌานหมื่นคนที่มีแผ่นศิลานี้ต่างกรีดร้อง เสียงดัง ร่างกายสั่นสะท้านก่อนแหลกสลายไปทั้งหมด วิญญาณสูญสลายไป

ขณะเดียวกับที่เอ้อชางสีส้มยอมหวนคืนสู่ต้นกำเนิด ก็มีเมล็ดพันธุ์ส่องแสงสีส้มเจ็ดเมล็ดกระจายออกไป ทะลวงผ่านมวลอากาศ ในนั้นมีเม็ดหนึ่งตรงไปหาเอ้อชาง สีเขียวแล้วทะลวงเข้าไปในร่างทันที ทำให้เอ้อชางสีเขียวตัวสั่นสะท้าน ส่งเสียงคำรามลากยาวดังก้องไปรอบๆ

ขณะร้องเสียงลากยาว กลิ่นอายพลังของเอ้อชางสีเขียวพลันเพิ่มขึ้นกว่าเมื่อก่อนหลายส่วน พร้อมกันนั้นยังเกิดเสียงคำรามลากยาวติดกันห้าเสียงในฟ้ากระจ่าวดาวล้านแห่ง นั่นคือเอ้อชางห้าสีที่เหลือได้สูบร่างต้นกำเนิดหลังเอ้อชางสีส้มลบดวงจิตไป ดังนั้นจึงทำการหลอมรวมและมีพลังแกร่งขึ้นมาทันที

เมล็ดสีส้มหกเม็ด ซูหมิงก็ได้สูบไปหนึ่งเหมือนกัน แต่ว่านี่เป็นเพียงส่วนหนึ่ง ยังห่างไกลจากความสมบูรณ์แบบตอนที่กินไปก่อนหน้านี้ เขาจึงขยับวูบไหวตัวพุ่งไปยังเอ้อชางสีเขียวที่หยุดนิ่งอยู่กลางฟ้ากระจ่างดาวสีส้มพังทลาย

ภายในดวงตาคล้ายวงปีของเอ้อชางสีเขียวฉายแววบ้าคลั่ง หลังพลังชีวิตบ้าคลั่งที่แผ่มาจากทั่วร่างหลอมรวมกันแล้ว มันพลันหลับตาลง

“สุดท้ายพอได้รับเอ้อชางที่หลอมรวมอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว เจ้าต้องจำเอาไว้ว่า….ต้องสังหารคนนี้ ใช้มันเซ่นไหว้พวกข้าที่ยอมกลายเป็นต้นกำเนิด!” เอ้อชาง สีเขียวรู้ว่าต่อให้ตนสูบเมล็ดจากต้นกำเนิดสีส้มไปหนึ่งเม็ดก็ยังไม่อาจหนีรอดจาก ซูหมิง ในเมื่อสีส้มลบดวงจิตเพื่อหวนคืนต้นกำเนิด เช่นนั้น….มันก็จะทำแบบเดียวกัน

เสียงครึกโครมดังขึ้น มันหลับตาลงแผ่พลังทำลายล้างออกมาทันที ร่างมันระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นเมล็ดสีเขียวหกเมล็ดทะลวงผ่านอากาศไปรอบๆ พวกมันหายไปด้วยความเร็วที่ซูหมิงยังตามไม่ทัน แต่มีหนึ่งเมล็ดพุ่งมาหาเขา ทะลวงผ่านร่างกายและทำการหลอมรวม จากนั้นก็มีเสียงคำรามห้าเสียงดังแว่วมาจากใน มวลอากาศ

ภายในเสียงคำรามแฝงไว้ด้วยระลอกคลื่นแกร่งยิ่งกว่า วิญญาณเอ้อชางห้าตัวที่เหลือแกร่งขึ้นมาก แต่พวกมันตัวเดียวก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ซูหมิง ทว่าหาก…ในวิญญาณ เอ้อชางห้าตัวมีอีกสี่ตัวยอมเป็นต้นกำเนิด เช่นนั้นร่างเอ้อชางที่ปรากฏเป็นตัวสุดท้าย ก็จะ…เป็นเอ้อชางที่เคยอยู่ในเพลงกลอนของผู้เฒ่าเมี่ยเซิงและเขย่าจักรวาลตัวนั้น!

ตอนนั้นมันถูกซุ่ยเฉินจื่อวางแผนโจมตี ตนจึงต้องแยกร่างออก รอจนอาการบาดเจ็บหายดีแล้วค่อยรวมกันอีกครั้ง ทว่าตอนนี้หากหลอมรวมกันแบบนี้ ถึงจะยังเป็นเอ้อชางในตอนนั้น แต่ก็แกร่งไม่เท่า เพียงแต่ว่า…ถึงจะแกร่งไม่เท่าในอดีต แต่มันที่มีความทรงจำก็มากพอจะสร้างอำนาจคุกคามให้ซูหมิง

จุดนี้ เพราะซูหมิงนึกขึ้นได้จึงทำการกินไปก่อนหน้านี้ เขาทำอย่างสะอาดแล้วเชียว แต่ก็ยังคง…เกิดการเปลี่ยนแปลง

เพียงทว่าในเมื่อคาดเดาว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน แต่ซูหมิงก็ยังกล้ากินเสี้ยววิญญาณเอ้อชาง แน่นอนว่าย่อมมีวิธี ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเอ้อชางห้าตัวที่เหลือประหลาดยิ่งนัก เขาเลือกใคร ตนนั้นก็จะกลายเป็นต้นกำเนิด ตัวสุดท้ายที่ไม่ถูกเลือกจะกลายเป็นดวงจิตสำคัญซึ่งมีผลให้เอ้อชางแท้จริงตื่นขึ้น

ดังนั้นแล้วเลือกตนใดก็เท่ากับให้มันเสียคุณสมบัติเป็นเอ้อชางแท้จริงไป สำหรับส่วนวิญญาณเอ้อชางห้าตัวที่เหลือ นี่คือเรื่องที่ใหญ่ที่สุดเหนือกว่าชีวิตพวกมัน

ซูหมิงยกยิ้มมุมปากชั่วร้ายทีละน้อย

“วันนี้แซ่ซูไม่ได้จะกินพวกเจ้าทั้งหมด ข้าอยากกินเพียงส่วนวิญญาณเอ้อชางสามส่วน ตอนนี้….ขาดอีกหนึ่ง

อีกแค่ส่วนเดียวข้าก็จะไม่กินอีก ไม่รู้ว่าในส่วนวิญญาณพวกเจ้าห้าตัวใครจะยอมให้แซ่ซู?” ซูหมิงพูดออกไป ส่วนวิญญาณเอ้อชางห้าตัวพลันใจสั่นสะท้านขึ้นมา อำนาจคุกคามจากซูหมิงรุนแรงยิ่ง อีกทั้งพวกมันก็ไม่ยอมลบจิตสำนึกเช่นกัน เพียงแต่ว่า…ส่วนวิญญาณเอ้อชางห้าตัวนี้ใครจะยอมถูกกิน?

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!