ตอนที่ 1089 การทดสอบทะเลเต๋า
ภายใต้สายตาของคนรอบๆ ซูหมิงสูบพลังชีวิตมหาศาลจากเป้ยปังไม่หยุดหย่อน อาศัยพลังชีวิตนี้มาฟื้นขั้นพลังตัวเอง
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ การสูบพลังชีวิตยังคงมากมายไม่หยุด สำหรับยอดฝีมือ ขั้นเกิดคนหนึ่งแล้ว พลังชีวิตเขาแทบจะไม่มีสิ้นสุด และนี่ก็เป็นสาเหตุที่เป้ยปังพูดอย่างทะนงอจอาจไปก่อนหน้านี้
ทว่านานเข้าเป้ยปังก็หน้าเปลี่ยนสี เขาเกิดความรู้สึกเด่นชัดราวกับซูหมิงเป็นหลุมไร้ก้น ถึงพลังชีวิตตนแทบจะไร้ขีดจำกัด แต่การสูบของซูหมิงให้ก็ความรู้สึกว่าเกือบ ไร้ขีดจำกัดเหมือนกัน
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม เป้ยปังหน้าเปลี่ยนสีไปทั้งหมด กระทั่งเกิดความรู้สึกพลังชีวิตส่งไปไม่ทัน ความหวาดกลัวจากก้นบึ้งหัวใจลอยขึ้นในในกายและใจเขา ส่วนซูหมิงตอนนี้เป็นหลุมไร้ก้นที่สูบกินพลังชีวิตอย่างไร้ขีดจำกัด
หากเพียงเท่านี้ก็ไม่เท่าไร เพราะเป้ยปังสามารถหยุดได้ตลอดเวลา ทว่าช่วงที่เขาจะตัดการเชื่อมต่อระหว่างพลังชีวิตในร่างกายและแท่นดอกบัว กลับพบสิ่งน่าสะพรึงว่าทุกอย่างกลับตาลปัตร ไม่ใช่เขาเป็นคนส่งพลังส่วนอีกฝ่ายสูบอีก แต่เปลี่ยนเป็น….อีกฝ่ายสูบได้เท่าไร เขาก็ต้องส่งไปเท่านั้น
นี่คือการสับเปลี่ยนนายและบ่าว มันดูเหมือนง่าย ดูเหมือนกัน แต่ความจริงสิทธิ์ในการหยุดไม่ได้อยู่ในมือเป้ยปังอีก แต่อยู่ในมือซูหมิง
‘นะ…นี่จะเป็นไปได้อย่างไร! วงแหวนอาคมที่นี่ไม่ได้วางกันง่ายขั้นนี้ และก็ไม่มีใครเปลี่ยนโครงสร้างวงแหวนอาคมด้วย อีกทั้งวงแหวนอาคมนี้ยังไม่มีทางที่คนอื่นจะเปลี่ยนมันได้ในเวลาอันสั้น’ เป้ยปังหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง ดวงตาหรี่แคบลง ความรู้สึกถึงอันตรายเข้ามาใกล้ตน
เขาหลุดจากการสูบของแท่นดอกบัวไม่ได้ พลังชีวิตในร่างกายถูกสูบไปเข้าไปในแท่นดอกบัวแล้วก็ถูกซูหมิงสูบไป
ภายในใจซูหมิง ตอนนี้เสียงกระเรียนขนร่วงกำลังดังเอะอะด้วยความลำพองใจ
“ท่านกระเรียนผู้นี้ร้ายกาจใช่หรือไม่ หึหึ ไม่อยากเชื่อว่าเจ้าโง่คนนี้จะกล้าเอาตัวเองหลอมรวมกับวงแหวนอาคมที่นี่ คงมั่นใจว่าพลังชีวิตตนเกือบไร้ขีดจำกัด เลยไม่กลัวถูกสูบ
แต่แล้วเจ้าโง่กลับดวงซวยมาเจอท่านกระเรียน ข้าเพียงขยับปลายนิ้วก็เปลี่ยน วงแหวนอาคมได้แล้ว ให้จากที่เขาหลอมรวมเข้าวงแหวนอาคมเปลี่ยนเป็นถูกวงแหวนอาคมหลอมรวม จากควบคุมอาคมเปลี่ยนเป็นทาสถูกควบคุม
เจ้าซูน้อย สูบไป สูบให้หนำใจ หนึ่งลมหายใจหนึ่งหินผลึก ข้ามีให้เจ้าไม่จำกัดเลย” กระเรียนขนร่วงกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ตอนนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขที่มีเพียงมันเท่านั้นถึงจะเข้าใจ
จนกระทั่งผ่านไปอีกครึ่งชั่วยาม เป้ยปังหน้าขาวซีด สายตาจ้องซูหมิงเขม็ง ความหวาดกลัวในใจกลายเป็นความขมขื่น ตอนนี้เขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไรว่านี่คือการแก้แค้นในสิ่งที่เขาพูดและกระทำก่อนหน้านี้
‘ช่างเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นจริงๆ….’ เป้ยปังลอบถอนหายใจก่อนหลับตาลงไม่ใคร่ครวญสิ่งใดอีก แต่โคจรขั้นพลังในร่างกายเพื่อจะลองหลุดจากวงแหวนอาคม ทว่าแทบเป็นช่วงที่เขาโคจรพลัง กลับมีอำนาจคุกคามจากมวลอากาศพุ่งเข้ามาอีกครั้ง
ผ่านไปอีกหนึ่งก้านธูป ซูหมิงลืมตาขึ้น ตอนนี้เป้ยปังหน้าขาวซีดอย่างยิ่งแล้ว
ซูหมิงหยุดการสูบจากวงแหวนอาคมไปแล้วยันกายขึ้น
“ขอบคุณผู้อาวุโสเป้ยปังมากที่ช่วยรักษาบาดแผล” ช่วงที่เอ่ยเรียบนิ่ง เป้ยปังเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า
“ไม่จำเป็นต้องท้าประลองต่อแล้ว พิธีแต่งตั้งใหญ่ครั้งนี้สิ้นสุดการท้าประลอง ต่อไปเข้าสู่ช่วงการทดสอบ พวกเจ้า…องค์ชายเก้าคน สถานที่ทดสอบในครั้งนี้คือทะเลเต๋าข้างล่าง
ทะเลเต๋าแบ่งออกเป็นในและนอก ข้างในมีผู้หลงทางของสำนักดาราสัจธรรมเราอยู่เล็กน้อย ผู้หลงทางเหล่านี้มีศัตรูแข็งแกร่งของสำนักดาราสัจธรรม และก็มีคนทรยศ และยังมีผู้ฝึกฌานบางส่วนที่ถูกลงโทษให้อยู่ทะเลเต๋า ต้องเสียตัวเองไปจนกลายเป็น ผู้หลงทาง
พวกเขามีแกร่งและอ่อน การทดสอบของพวกเจ้าเกี่ยวกับผู้หลงทางเหล่านี้
สังหารผู้หลงทางสิบคนจะได้รับสิทธิ์การทดสอบ หลังมีสิทธิ์แล้วพวกเจ้าจะเปิดทะเลเต๋าเพื่อฝึกฝนได้ตลอดเวลา จากนั้นจะสุ่มเข้าไปในแดนทดสอบที่ต่างกันตามคะแนนสงครามที่ต่างกันของพวกเจ้า
การทดสอบครั้งนี้เคยมีมาก่อนในอดีตแล้ว สำหรับพวกเจ้านี่คือโชควาสนา….เพราะการทดสอบครั้งนี้เกี่ยวกับพันธมิตรเซียน พันกว่าปีมานี้ สำนักดาราสัจธรรมกับพันธมิตรเซียนก่อสงครามเล็กใหญ่กันมานับพันครั้ง สงครามขนาดเล็กในนั้นราวหลายร้อยครั้ง ส่วนขนาดใหญ่เกือบร้อยครั้ง และมหาสงครามสูงสุดอีกเจ็ดครั้ง
สงครามเหล่านี้ถูกบันทึกเอาไว้อย่างละเอียด อีกทั้งยังถูกเลียนแบบสร้างออกมาเป็นสถานที่มายาคล้ายๆ กัน พวกเจ้าจะถูกส่งเข้าไปกลางสงครามอย่างต่อเรื่องตามสิทธิ์ที่ต่างกันของพวกเจ้า ที่นั่น พวกเจ้าจะคุมสงครามอย่างไร จะเปลี่ยนสงครามไปในทิศทางใด นี่ก็คือการทดสอบของพวกเจ้า
จำเอาไว้ ในภาพมายานั้น ถึงพวกเจ้าจะไม่ถูกสังหาร ทว่าทุกคนที่นี่จะสังเกตเห็นคำพูดและการกระทำทุกอย่างของพวกเจ้า และจะถูกเก็บอยู่ในผลการทดสอบ ช่วงท้ายสุดด้วย
ขณะเดียวกัน พวกเจ้าจงจำเอาไว้ว่าในแดนมายาต่างกันนั้น พวกเจ้าจะไม่ใช่เอาตัวเองหลอมรวมเข้าไปอีก แต่จะถูกเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกฌานธรรมดาฝ่ายดาราสัจธรรมของเรา
แต่ขั้นพลังพวกเจ้าจะยังอยู่ ใช้มันได้ตามอำเภอใจ จะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น!” ขณะที่เสียงเป้ยปังดังก้อง เขาสะบัดแขนเสื้อไป ทันใดนั้นมวลอากาศระหว่างเก้าแผ่นดินโลกข้างบนเกิดน้ำวนขนาดพันจั้งขึ้น
ทันทีที่น้ำวนโผล่มา มีเสียงคำรามดังแว่วมาจากในน้ำวน เห็นรางๆ ว่ากลางน้ำวนปรากฏเงามืดจำนวนมาก เงามืดเหล่านี้กำลังคำรามและเหมือนจะพุ่งออกมาจากน้ำวน ทว่าช่วงที่ปะทะกับน้ำวนกลับร้องโหยหวนและกระเด็นกลับไป
น้ำวนนี้เชื่อมกับรอบนอกทะเลเต๋า เงามืดเหล่านั้นก็คือผู้หลงทาง พวกเขาอยากพุ่งออกมาตลอดเวลา แต่นานมาแล้วก็ยังทำไม่ได้
“หากมีใครกลัว สามารถถอนตัวจากการทดสอบได้ตอนนี้ ผู้ถอนตัวจะถูกถอนฐานะองค์ชายคืนทันที พวกเจ้าคิดให้ดี ในระหว่างการทดสอบเพื่อรับสิทธิ์นี้…จะเกิดการตายขึ้นได้!” เป้ยปังพูดถึงตรงนี้แล้วก็กวาดสายตามององค์ชายหลายคน ส่วนซูหมิงถูกเขามองข้ามไปเลย
นอกจากซูหมิงแล้ว มีหลายคนในองค์ชายแปดคนมีสีหน้าลังเลใจ หากซูหมิงไม่เผยขั้นพลัง หากคนที่กลับมาจากแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตไม่ได้มาพร้อมกับความหวาดกลัวเด่นชัด พวกเขาก็คงร่วมการทดสอบอย่างไม่ลังเล
แต่ยามนี้การแย่งชิงกันระหว่างองค์ชายยังไม่เริ่มก็จบลงแล้ว พวกเขารู้ว่านอกจากจะเกิดเหตุไม่คาดคิด ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วชีวิตนี้คงไม่มีทางเทียบกับซูหมิงได้ ดังนั้นสำหรับพวกเขาแล้ว การทดสอบนี้ไม่มีประโยชน์ใดๆ เลย ซ้ำยังเสี่ยงอันตรายถึงชีวิต
ขณะเงียบอยู่นี้มีสี่คนในองค์ชายแปดคนขอถอนตัว ต่างพากันถอยหลังไปหลายก้าว ใบหน้าขาวซีด นี่ไม่เพียงแต่ถอนตัวการทดสอบเท่านั้น แต่ยังเท่ากับว่าถอนฐานะ องค์ชายออกด้วย
ในสี่คนที่เหลือ เต้าหลินร้องตะโกนในใจ เขารู้สึกอัปยศจนตาสองข้างแดงก่ำ ก่อนพุ่งเข้าไปในน้ำวนเป็นคนแรก เมื่อหายไปแล้ว อีกสามคนก็ต่างกัดฟันกลายเป็นสายรุ้งยาวพุ่งเข้าไปในน้ำวน
ซูหมิงเป็นคนสุดท้าย ตอนนี้อาการบาดเจ็บเขาฟื้นขึ้นมาไม่น้อย ระหว่างที่ก้าวเดินไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่งพลันดึงดูดสายตาของผู้ฝึกฌานสิบล้านคน จากนั้นก็เดินเข้าไปในน้ำวน
ช่วงที่ซูหมิงจะหายไปนั้น ผู้ฝึกฌานสิบล้านคนรอบๆ ก็เพิ่งจะระเบิดเสียงดังด้วยความตกตะลึงจากคำพูดของคนที่กลับมาจากแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตซึ่งถูกซูหมิงกดเอาไว้ก่อนหน้านี้มาตลอด
“โลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์จะต้องไม่ยอมแน่ หรือว่าจะเกิดสงครามระหว่าง ดาราสัจธรรมกับหยินศักดิ์สิทธิ์!”
“ในโลกแท้จริงดาราสัจธรรมของเราตอนนี้มีพันธมิตรเซียน ข้างนอกยังล่วงเกินโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์อีก องค์ชายเต้าคง เขา…ช่างโง่เขลาจริงๆ”
เสียงสนทนาดังก้อง ชายชราหน้าดำอยู่ในความอึมครึม เป้ยปังลอบถอนหายใจ ทำให้พิธีแต่งตั้งใหญ่ครั้งนี้ค่อยๆ เหมือนออกจากทิศทาง
…………
ณ ทะเลเต๋า ข้างล่างสุดของสำนักดาราสัจธรรม แดนต้องห้ามตลอดไม่รู้กี่ปีมานี้ มันแบ่งเป็นในและนอกสองส่วน ทะเลเต๋าส่วนในผนึกตลอดปี มีเพียงเขตภายนอกเท่านั้นถึงจะถูกเปิดในตลอดเวลาแบบพิเศษ มิเช่นนั้นแล้วที่นั่นจะเป็นแดนต้อมห้ามตลอดปีห้ามทุกสิ่งมีชีวิตเข้าไป
หากมีคนจะเข้าไปจริงๆ ก็ใช่ว่าจะไม่ได้ ทว่าตั้งแต่อดีตจนมาถึงตอนนี้ คนที่เข้าไปโดยพลการไม่เคยได้กลับมาอีกเลย บางทีอาจไม่ใช่แบบนี้ อาจทีอาจเป็นแบบนี้จริงๆ แต่ในสำนักดาราสัจธรรมตัวอย่างแบบนี้มีน้อยมากๆ
ความลับของทะเลเต๋าเริ่มมาจากตำนานที่ว่าทะเลเต๋าอยู่มาก่อนยุคของเต้าเฉิน
กล่าวกันว่ามันคือทะเล เพราะที่นั่นจะได้ยินเสียงคลื่นทะเลจริงๆ แต่พอมองไปรอบๆ กลับเต็มไปด้วยหมอกหนาอบอวล คนจึงมองเห็นไม่ชัด แม้จิตสัมผัสยังถูกระงับเอาไว้อย่างแน่นหนา
ดวงตาซูหมิงขยับประกาย ทันทีที่เขาเข้าไปในน้ำวน ก็มาปรากกฎตัวอยู่ใน แดนหมอก กวาดสายตามองไป ในความคิดลอยขึ้นมาเป็นคำพูดเป้ยปังก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่าการทดสอบครั้งนี้แบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือได้รับสิทธิ์ ส่วนสองต่างหากคือจุดสำคัญ
ดังนั้นการได้รับสิทธิ์ที่นี่จึงไม่ได้ยากมาก แต่เพราะความลับของทะเลเต๋าจึงเกิดภยันตรายเป็นตายขึ้น
‘สังหารผู้หลงทางสิบคนก็จะได้รับสิทธิ์อย่างนั้นรึ….หากเข้าไปในสงครามในช่วงพันกว่าปีมานี้จริงๆ ข้าอยากเข้าไปในสงครามที่มีคนยักษ์หมื่นจั้งปรากฏตัวมากที่สุด หรือไม่ก็ในสงครามนั้นที่บรรพบุรุษไถซานบาดเจ็บหนัก บางทีคนเสื้อคลุมดำอาจปรากฏตัวมา’ ซูหมิงมีสีหน้าปกติ เขาขยับวูบไหวตัวหายไปในหมอก หมอกรอบๆ ก็ม้วนตลบขึ้น
ผ่านไปครู่หนึ่ง ขณะซูหมิงกำลังห้อเหยียดพลันแค่นเสียงหึเย็นชา เพราะข้างหลังเขามีมือแห้งเหี่ยวปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบเข้ามาคว้าหัวใจจากด้านหลัง มือนั้นเป็นสีดำทึบ ปลายนิ้วยังแผ่หมอกดำซึ่งแฝงไว้ด้วยพลังเกือบถึงเจ้าปกครองโลกตอนปลาย ทันทีที่มันเข้ามา ซูหมิงไม่เดินหน้าแต่ถอยกลับ ก่อนยกมือขวาคว้าอากาศไปข้างหลัง เกิดเสียงดังปังขึ้น เขาคว้ามือที่พุ่งเข้ามาจากข้างหลังเอาไว้แล้วกระชากออกมา จึงเผยเป็นร่างเงาแห้งเหี่ยวทั้งตัวถูกดึงออกมาจากหมอก
มือขวาสั่น พลังรุนแรงก็ไหลเข้าไปในร่างเงานั้น เกิดเสียงโครมดังขึ้นพร้อมกับ ร่างเงานั้นระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ
“หนึ่ง” ซูหมิงเดินหน้าหนึ่งก้าวหายไปในหมอก