ตอนที่ 1167 ตัวอ่อนแห่งฝ่ายเงามืด
เวลาผ่านไปช้าๆ จนครบหนึ่งเดือน ซูหมิงยังคงนั่นฌานอยู่กลางฟ้าเงียบสงบ ตระหนักรู้ชะตาแห่งภายนอกเงียบๆ สัมผัสพลังแห่งกฏชะตาที่มากขึ้นซึ่งมาจากการสูบของสองร่างแยก
กลิ่นอายพลังเขาเพิ่มขึ้นแทบทุกวัน แม้จะไม่มาก แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแกร่งขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน กระทั่งช่วงเวลานี้ นอกจากเขาจะตระหนักรู้กฏชะตาแล้ว เขายังใช้เวลาส่วนหนึ่งไปกับการทำความเข้าใจกับความทรงจำของจ่างจี๋เต้า
ในความทรงจำนั้น เขาเข้าใจต้นกำเนิดรวมถึงการคงอยู่ของมหาโลกสามรกร้างยิ่งกว่าเดิม
‘มหาโลกสามรกร้างดุจดั่งแก่นสวรรค์กลางสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับเงามืดรุ่งอรุณ นี่คือมหาโลกที่เปรียบได้กับโลกที่เพิ่งเกิดใหม่…มหาโลกเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนในตอนแรกก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน เพียงแต่ว่าพวกมันเติบโตขึ้นในกาลเวลาไม่มีสิ้นสุด พวกมันต่างขยายออกไปอีกหลายโลก จนกระทั่งมีฝั่งละหนึ่งร้อยแปดสิบโลก
นี่ถือว่าสมบูรณ์แบบ ถือว่าโลกที่พวกเขาอยู่เจริญเติบโตถึงขีดสุดแล้ว หากเปรียบมหาโลกนั้นเป็นมารดา หนึ่งร้อยแปดสิบโลกในนั้นก็คือบุตร ส่วนผู้ฝึกฌานกับสิ่งมีชีวิตในหนึ่งร้องแปดสิบโลกนั้นคือเส้นเลือด
มหาโลกสามรกร้างเป็นเพียงโลกที่เพิ่งกำเนิด หากภายภาคหน้ามีเวลาที่มากพอ มันก็จะใช้โลกต้นกำเนิดของหนึ่งร้อยแปดสิบโลกได้เช่นกัน ดังนั้น ฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับเงามืดรุ่งอรุณ ฝ่ายใดได้มหาโลกสามรกร้างไปก็จะเปิดฉากสงครามทำลายล้างอีกฝ่ายได้
ฉะนั้น พวกเขาจึงเริ่มใช้วิธีต่างๆ ตอนที่ค้นพบมหาโลกสามรกร้าง พยายามแย่งชิงกันไม่หยุด’ ซูหมิงลืมตาขึ้นมองฟ้ากระจ่างดาวเงียบๆ
เทียบกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับเงามืดรุ่งอรุณแล้ว มหาโลกสามรกร้างในตอนนี้เป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง ไม่อาจเทียบกับอีกสองโลกได้ ไม่มีพลังต่อสู้ด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนหรือเงามืดรุ่งอรุณ ไม่ว่าฝ่ายใดก็ครองมหาโลกสามรกร้างได้อย่างง่ายดายยิ่ง
แต่ดีที่พวกเขาทะเลาะกันเองจึงต่างไม่ยอมให้โอกาสอีกฝ่าย ขณะเดียวกัน แม้มหาโลกสามรกร้างจะอ่อนแอ แต่มันก็ยังเป็นโลกเพิ่งกำเนิด ดังนั้นภายในจึงมีการต่อต้านภายนอกอบยู่ นี่คือการตอบสนองโดยสัญชาตญาณของมหาโลกสามรกร้าง ในขณะที่มันเติบโตจะขัดขวางไม่ให้คนนอกเข้ามา
ต่อให้ฝืนเข้ามาก็ต้องถูกกำราบเอาไว้ ทว่าเรื่องนี้ถูกเปลี่ยนไปในภัยพิบัติเมื่อ หนึ่งปีก่อน การปรากฏช่องโหว่ยักษ์ทำให้คนจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับเงามืดรุ่งอรุณเข้ามาได้ทั้งหมด ประหนึ่งเปิดประตูออก ส่งผลให้มหาโลกสามรกร้างเปลือยเปล่า ทำได้เพียงรอจุดจบถูกยึดครอง
และทุกอย่างเป็นเพราะซูเซวียนอี!
‘ในเมื่อข้าไม่ใช่ทายาทของซูเซวียนอี เช่นนั้นทายาทของเขาคือใคร…อวี่เซวียนหรือ แต่ข้ารู้สึกว่ามันไม่ง่ายขนาดนั้น…เขามีความสามารถโดดเด่นและวางแผนกว้างไกล ซ้ำยังเกือบจะเรียกว่าเสียสติ จะคาดเดาความคิดแบบคนธรรมดามิได้ ไม่อาจคาดเดาได้เลย แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ในแผนการเขาจะต้องมีช่วงหนึ่งที่ต้องใช้การทำลายรากฐานของทั้งมหาโลกสามรกร้างทำให้ฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับเงามืดรุ่งอรุณต้องจ่ายในราคาแสนสาหัสแน่ๆ
นี่อธิบายได้ว่าเหตุใดเขาถึงต้องเปิดช่องโหว่นั้น อันดับแรกเปิดช่องโหว่ก็เพื่อกระตุ้นให้สงครามระหว่างฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนบรรลุถึงจุดเดือด ต่อมา…ก็เพื่อให้ฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนลงมาเยือนกันครั้งใหญ่ จะดีที่สุดต้องให้ผู้แข็งแกร่งลงมากันทั้งหมด แบบนี้แล้ว หากมหาโลกสามรกร้างระเบิด การทำลายล้างโลกเพิ่งกำเนิดแบบนี้ ผู้ฝึกฌานไม่มีทางต้านทานไหวแน่
ทว่าทำแบบนี้มีผลดีอะไรกับเขา จะทำให้เผ่ายมโลกผงาดขึ้นได้อย่างไร…เขายังมีแผนอะไรอีกกันแน่…’ ซูหมิงส่ายศีรษะเงียบๆ ในใจเกิดความคิดเล็กน้อย แต่กลับไม่รู้ว่าวิเคราะห์ถูกหรือไม่ ทำได้เพียงรอต่อไป สังเกตต่อไป และหาโอกาสได้รับ โชควาสนาในมหันตภัยครั้งนี้
‘ต้นกำเนิด รากฐานแห่งวัตถุภายนอก…สายลมสายฝนฟ้าผ่าและสายฟ้า ทุกอย่างล้วนมีต้นกำเนิด ทองไม้น้ำไฟและดิน การเปลี่ยนแปลงของต้นกำเนิดทุกสรรพสิ่งในฟ้าดิน…
ควบคุมต้นกำเนิดก็เท่ากับควบคุมเส้นทางของผู้แข็งแกร่ง ยิ่งตระหนักรู้ใน ต้นกำเนิดมากเท่าไร พลังก็ยิ่งแกร่งขึ้นเท่านั้น นี่คือรากฐานการฝึกฝนของโลกแท้จริงสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน ไม่รู้ว่าของฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณจะเป็นอะไร…’ ซูหมิงนึกถึงลูกกลมเล็กสีขาวก่อนหน้านี้พลางตกอยู่ในห้วงความคิดเล็กน้อย ก่อนทำความเข้าใจกับ การต่อสู้ที่เคยเกิดขึ้นกับผู้ฝึกฌานฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณจากในความทรงจำของจ่างจี๋เต้า
‘น่าสนใจ ในความทรงจำของจ่างจี๋เต้า คนจากฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณล้วนมีรูปร่างประหลาดต่างกับผู้ฝึกฌาน พวกเขากลายร่างเป็นคนได้ แต่ตอนอยู่ในร่างเดิมจะระเบิดพลังได้อย่างสมบูรณ์
อย่างเช่นผู้ฝึกฌานจากฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณคนหนึ่งที่เคยประมือกับจ่างจี๋เต้า ร่างเดิมเขาคือคางคกสามตาขนาดหลายร้อยจั้ง…
เทียบกับฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนที่เรียกตัวเองว่าเซียนกับเทพแล้ว คนจาก ฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณเรียกตัวเองว่าปีศาจกับวิญญาณ พวกเขาไม่ได้ฝึกต้นกำเนิด แต่เป็นชีพจรของตัวเอง ถึงระบบการฝึกฝนจะเหมือนกันคร่าวๆ แต่รากฐานกลับต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ฝึกฝนพลังแห่งลูกกลอนภายใน ลูกกลอนนี้เป็นทั้งวิญญาณและทั้งจิตแรก ซ้ำยังเป็นสิ่งสำคัญของชีวิต เปลี่ยนแปลงได้จนไม่อาจคาดเดา มันต่อต้านกับพลังแห่ง ต้นกำเนิดของมหาโลกสิ่งสักดิ์สิทธิ์หวนคืนได้ จะเห็นได้ว่าพลังแห่งการฝึกลูกกลอนแฝงไว้ด้วยรากฐานแห่งจักรวาล!’ ซูหมิงยกมือขวาขึ้นขณะอยู่ในความคิด ในมือปรากฏลูกกลมที่เปลี่ยนเป็นสีเทาลูกหนึ่ง
ภายในลูกกลมเล็กยังคงมีพลังชีวิต แต่กลับไม่มีจิตสำนึก เส้นใยเกือบแสนในนั้นแน่นิ่งราวหลับใหล
‘มาดูแล้ว สิ่งนี้มาจากฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณจริงๆ มันโผล่อยู่ในพายุหมุนได้ หรือว่า… ผู้ฝึกฌานจากฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณจะมีคนลงมาแล้ว!’ ซูหมิงตรึกตรองอีกเล็กน้อย
จิตสัมผัสพลันขยายหลอมรวมเข้าไปในลูกกลมสีขาว จากนั้นรวมเข้าไปกลางเส้นทุกเส้น แต่ไม่ว่าเขาจะใช้จิตสัมผัสรวมเข้าไปอย่างไร ถึงขั้นปกคลุมในลูกกลมทั้งหมดก็ไม่อาจหาจุดที่ประทับจิตสัมผัสลงไปได้เลย ราวกับว่าลูกกลมสีเทาเป็นวัตถุโปร่งใส
นัยน์ตาซูหมิงขยับประกายวาว เขาอ้าปากพ่นปราณประจำตัวออกไปสายหนึ่ง เมื่อพันรอบลูกกลมเล็กแล้วก็ใช้จิตสัมผัสเข้าไปอีกครั้ง แต่ผลก็ยังเหมือนเดิม ในลูกกลมเล็กเหมือนมีเส้นใยนับไม่ถ้วนแน่นขนัด ทว่าเขาก็ยังประทับตราลงไปในนั้นไม่ได้
ซูหมิงแค่นเสียงหึเย็นชาทีหนึ่ก่อนยกมือขวาทำสัญลักษณ์มือ ทันใดนั้นรอบตัวเขาเกิดระลอกคลื่นสีขาววูบวาบ เมื่อขยายออกไปแล้วถึงม้วนกลับมาหาเขาในพริบตากลายเป็นแหวนสีขาว จากนั้นเขาก็ควบคุมแหวนให้โอบล้อมลูกกลมสีเทาเอาไว้แล้วหดตัวลงเล็กน้อย เกิดเสียงเสียดสีดังขึ้น ลูกกลมเล็กพลันเกิดรอยร้าว เส้นใยเกือบแสนในนั้นพากันสั่นไหว
ขณะเดียวกับที่พวกมันสั่นไหว ซูหมิงขยายจิตสัมผัสไปอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ติดขัดเลย สามารถประทับตราผ่านจิตสัมผัสลงบนเส้นถี่แสนเส้นนั้นได้อย่างราบรื่น
หลังทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ ซูหมิงคลายมือขวาออกแล้วกดบนลูกกลมสีเทา ฉับพลันนั้นลูกกลมแตกออกดังปัง เสียงอื้ออึงดังก้องไปรอบๆ เส้นถี่สีเทาในนั้นต่างบินออกมา วูบเดียวก็วนเวียนรอบตัวเขากลายเป็นพายุหมุนสีเทา
พายุหมุนนี้เกิดจากการวนเวียนของเส้นถี่สีเทาเกือบแสนเส้น ขณะที่พวกมันวนเวียนยังเห็นรางๆ ว่าในนั้นมีร่างเงาเลือนรางหนึ่ง รูปลักษณ์เหมือนตั๊กแตนที่ขยายใหญ่มาก และยังให้ความรู้สึกแปลกประหลาด
ซูหมิงหลับตาลง เขารู้สึกถึงตราประทับของตัวเองในเส้นถี่แสนเส้นนั้น เขาควบคุมมันได้ แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็สังเกตเห็นว่าเส้นถี่แสนเส้นนี้เหมือนยังเป็นตัวอ่อน อีกทั้งยังเสียรากฐานไป ไม่อาจเติบโตได้ อีกไม่นานก็จะแห้งตายไป
แทบเป็นทันทีที่ซูหมิงประทับตราจิตสัมผัสลงยังเส้นถี่แสนเส้นนั้นโดยอาศัยพลังของแหวนสีขาว และเส้นถี่แสนเส้นนั้นวนเวียนรอบตัวเขาจนเป็นพายุหมุน ในเวลาเดียวกันในโลกแท้จริงดาราสัจธรรม มีอยู่หลายสิบที่ที่ผู้ฝึกฌานหลายสิบคนตัว สั่นสะท้านพร้อมกัน
ตรงระหว่างคิ้วคนเหล่านี้ล้วนมีรูใหญ่ แต่กลับไม่มีโลหิตไหล ซึ่งรูนี้ถูกทะลวงโดยลูกกลมสีขาวที่ปรากฏอย่างเงียบเชียบในระหว่างที่พวกเขากำลังนั่งฌานก่อนหน้านี้ จากนั้นกลิ่นอายพลังก็หายไป แต่ตอนนี้ขณะที่พวกเขากำลังตัวสั่นกลับลืมตาขึ้น พร้อมกัน
“มีคนกำลังฟักตัวอ่อนข้า…ตัวอ่อนไม่ใช่ที่ข้ากระจายไปก่อนหน้านี้ นี่คือ…ตัวอ่อนตัวนั้นที่ข้าปล่อยออกไปตอนแรกสุด ก่อนให้เป็นกาฝากในร่างผู้ฝึกฌานโลกนี้คนหนึ่ง แต่จากนั้นก็ไปกาฝากกับอีกคน ก่อนถูกใครไม่รู้เอาออกไปและลบจิตสำนึกทิ้ง!
คนนี้ใจกล้าไม่เบา มีความสามารถลบจิตสำนึกตัวอ่อนข้าได้ หนำซ้ำยังประทับตราลงไปได้อีก เห็นได้ว่ามีพลังไม่อ่อนแอ แต่ก็อวดดีบ้าระห่ำเกินไปหน่อย หากตัวอ่อนข้ามีสารอาหารบำรุงที่มากพอ สุดท้ายจะเติบโตจนเหมือนกับข้าได้
ทว่าในมหาโลกสามรกร้างนี้ เว้นแต่มันจะกินผู้ฝึกฌานหลายร้อยล้านคน มิเช่นนั้นคงจากจะเติบโต แต่ก็คงไม่ต้องกังวล เพราะข้าอยากให้เขาเลี้ยงมันอยู่พอดี จนถึงวันที่พวกเราพบกัน ข้าจะกินตัวอ่อนนี้ มันจะช่วยประหยัดเวลาข้าได้ไม่น้อย”
เสียงแบบนี้ดังมาจากปากผู้ฝึกฌานสิบกว่าคนจากต่างสถานที่พร้อมกัน น้ำเสียงเหมือนกัน กระทั่งในสามโลกแท้จริงอื่นๆ ก็มีผู้ฝึกฌานรวมถึงสัตว์ร้ายจำนวนไม่น้อยที่ระหว่างคิ้วปรากฏรูกล่าวคำพูดแบบนี้เหมือนกัน
ณ จุดที่ซูหมิงอยู่ เขามองเส้นถี่วนเวียนรอบตัวพลางมองร่างเงามายาตั๊กแตนที่ปรากฏรางๆ ในนั้น ดวงตาหรี่เล็กลง ก่อนยกมือขวาขึ้นพร้อมยื่นนิ้วชี้ออกไป ฉับพลันนั้นมีเส้นถี่เส้นหนึ่งขยับวูบออกมาพันรอบนิ้วมือเขา ซ้ำยังมุดเข้าไปมากกว่าครึ่ง
ซูหมิงมีสีหน้าปกติพลางสัมผัสอย่างละเอียด ก็พบว่าพลังในร่างกายตนกำลังถูกเส้นถี่นี้สูบไปอย่างรวดเร็ว ไหลผ่านนิ้วมือหลอมรวมเข้าไปในร่างเส้นถี่สีเทา ทำให้เส้นถี่หนาขึ้นเล็กน้อย พลังชีวิตภายในตอนนี้ข้นขึ้นอีกมาก ไม่ใช้ใกล้จะแห้งเหี่ยวเหมือนก่อนหน้านี้
‘สูบพลังหรือ ไม่รู้ว่าสิ่งนี้ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อพวกเจ้าหรือไม่’ ซูหมิงตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตัดสินใจได้ว่าจะเลี้ยงวัตถุจากฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณเอาไว้ เพื่อใช้ศึกษาฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณ
หลังใคร่ครวญแล้วเขาจึงสะบัดมือขวาเก็บเส้นถี่นั้นไป จากนั้นในมือมีผึ้งพิษโผล่มาตัวหนึ่ง!
เป็นผึ้งพิษที่มีน้ำหวานดอกผนึกจิต!
น้ำหวานดอกผนึกจิตหยดหนึ่งถูกบีบออกมาจากเหล็กในผึ้งพิษภายใต้การควบคุมจากซูหมิง ทันทีที่พิษถูกบีบออกมา เส้นถี่แสนเส้นรอบตัวเขาพลันหยุดชะงักพร้อมกัน แน่นิ่งโดยพลันราวกับถูกหยุด