Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1170

ตอนที่ 1170 พบกันอีกครั้ง

ซูหมิงเงียบ เขามองตราประทับใบหน้าผีตรงหน้าอกศิษย์พี่ใหญ่พลางถือไหสุราขึ้นดื่มจนหมด น้ำสุราไหลผ่านมุมปากราดบนตัวเขา แต่เขาก็ไม่สนใจ

ซูหมิงดื่มสุราไม่เก่ง กระทั่งในวันปกติถึงจะดื่มเองบ้าง แต่ในด้านการดื่มสุรา จะต้องใช้พลังมาละลายความเมาไป แต่วันนี้เขาไม่ทำ

“พูดถึงเจ้าบ้างเถอะ พวกนี้เจ้า…เจ้า…” ศิษย์พี่ใหญ่ถอนหายใจเบา เขาไม่ควรถามคำถามเหล่านี้ เขาเองก็รู้แล้วว่าศิษย์น้องเล็กตรงหน้ามีหน้าตาแปลกตาไม่เคยเห็นมาก่อนก็เพราะยึดร่างมา

ส่วนขั้นพลังในสายตาศิษย์พี่ใหญ่ก็หยั่งลึกไม่อาจคาดเดา และเป็นเพราะแบบนี้เองเขาถึงเข้าใจว่าอีกฝ่ายจะต้องประสบเรื่องราวเกือบเอาชีวิตไม่รอดมาตลอดหลายปีนี้แน่

ผู้ฝึกฌานระดับดินเล็กๆ ในตอนนั้น กลายมาเป็นยอดฝีมือในวันนี้ การก้าวกระโดดของขั้นพลัง การยึดร่าง ความจริงทุกอย่างไม่จำเป็นต้องพูดแล้ว

ซูหมิงดื่มสุราพลางเล่าเรื่องตั้งแต่เข้าไปในทะเลดาราต้นกำเนิดจิตตอนนั้น เริ่มตั้งแต่นอนเหมือนศพบนดาวแดงเพลิงและประสบการณ์หลังจากนั้น

ซูหมิงก็เล่าไปอย่างไม่อยากจะเชื่อตัวเองเหมือนกัน ทว่าคำพูดอธิบายคร่าวๆ เหล่านั้น เมื่อเข้าถึงหูศิษย์พี่ใหญ่แล้ว ทำให้เขาดื่มสุราไปสิบไหโดยไม่รู้ตัว

“ทะเลดาราต้นกำเนิดจิต ทุกชนเผ่า แดนประหลาดเอ้อชาง…” ซูหมิงพูดพึมพำเหมือนกำลังเล่า และก็เหมือนพูดกับตัวเอง

ตอนที่ศิษย์พี่ใหญ่ได้ยินว่าซูหมิงหาร่องรอยของเทียนเสียจื่อพบ ศิษย์พี่ใหญ่ตัวสั่น จนกระทั่งเขาได้ยินจากซูหมิงว่าอาจารย์รับศิษย์คนที่ห้า เขาเงียบ

ถึงท้ายที่สุด จนเมื่อซูหมิงเล่าประสบการณ์และการคาดเดาของตนในทะเลลำดับห้านั้นให้ฟัง ศิษย์พี่ใหญ่มือขวาสั่นไหว เงียบไม่กล่าวใดๆ

“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าในคนเหล่านั้นจะมีอาจารย์อยู่หรือไม่ แต่ข้ารู้สึกว่าน่าจะมี…” ซูหมิงก้มหน้าลง หยิบไหสุราขึ้นมาดื่มอีกหนึ่งไห ตอนนี้เขาเมาแล้ว

“ข้ายึดร่างเต้าคง ใช้ร่างแยกออกจากทะเลดาราต้นกำเนิดจิตไปสำนักดาราสัจธรรม กลายเป็นใต้เท้าแห่งสำนักดาราสัจธรรม ข้า…พบบิดาที่ข้าคิดว่าใช่ในตอนนั้น” ซูหมิงยิ้ม ในรอยยิ้มไม่มีความขมขื่น แต่เป็นการหลุดพ้น ราวกับเล่าเรื่องราวที่ไม่เกี่ยวกับตัวเองให้คนอื่นฟัง

“เมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตก็เป็นเรื่องตลก มันเป็นแค่กาฝากเท่านั้น ความฝันตอนอยู่ภูเขาทมิฬไม่มีที่ให้ข้าเก็บความงดงามแม้แต่น้อย ถึงข้าจะไม่อยากเข้าใจ แต่ก็รู้ว่านั่นคือของปลอม ทุกอย่างเป็นเพียงแผนการของซูเซวียนอีเท่านั้น ข้า…เป็นเพียงจุดหนึ่งในแผนการเขา ตอนที่แผนสำเร็จเลยถูกลบไป”

ทุกอย่างในอดีตดังมาจากปากซูหมิงที่ดื่มสุราไปหลายไห ดังก้องอยู่ข้างหูศิษย์พี่ใหญ่อยู่นานไม่หายไป

“ถ้าอย่างนั้น ที่เจ้าสร้างสำนักนามยอดเขาลำดับเก้าที่โลกแท้จริงดาราสัจธรรม ผุพังนี่ก็เพราะจะเปลี่ยนโลกดาราสัจธรรมให้กลายเป็นดวงจิตกฏของเจ้า ถึงขั้นเข้ามาแทนที่ดวงจิตของโลกนี้ ทำให้โลกนี้เป็นวัตถุของเจ้าอย่างนั้นรึ?

แต่ว่าเจ้าใช้นามยอดเขาลำดำเก้า หากสร้างอำนาจยิ่งใหญ่ขึ้นมา ซูเซวียนอีจะต้องรู้แน่ เขาจะต้องคาดการณ์ได้แน่ว่าเจ้า…กลับมาตั้งต้นใหม่แล้ว!” ศิษย์พี่ใหญ่มองซูหมิงแวบหนึ่งแล้วพูดเสียงเบา

“เรื่องนี้ในเมื่อเจ้ากล้าทำ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะไม่มีการเตรียมตัว”

“ไม่ผิด ข้าใช้นามยอดเขาลำดำเก้า นอกจากหาพวกท่านแล้ว ข้าไม่สนหรอกว่า ซูเซวียนอีจะรู้หรือไม่ ไม่สนว่าใครจะรู้ทั้งนั้น ต่อให้รู้แล้วอย่างไร สิ่งที่ข้าต้องการคือควบคุมโลกดาราสัจธรรม เมื่อพายุหมุนข้างนอกหายไป เมื่อฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนลงมาเยือน ด้วยฐานะและขุมอำนาจของข้า ต่อให้เป็นฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนก็ยังต้องตกตะลึงจนต้องใคร่ครวญ

ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว ซูเซวียนอีทำลายหนึ่งช่องโหว่ได้ ข้าซูหมิงก็จะทำลายโลกแท้จริงเลียนแบบเขา หากเป็นตอนไม่มีช่องโหว่ข้าคงเปิดไม่ได้ แต่ตอนนี้มีช่องโหว่แล้ว มหาโลกสามรกร้างไม่สมบูรณ์ เช่นนั้นก็ง่ายขึ้นเยอะ ใช้การระเบิดของหนึ่งโลกแท้จริงสร้างช่องโหว่เหมือนกันขึ้นมา!

จุดนี้เป็นสิ่งที่ฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณต้องการ แต่ฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนไม่ และข้าเคยคิดว่าการมาของคนจากฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณจะต้องมีความคิดและการเตรียมตัวแบบนี้แน่

ข้าเคยคาดการณ์ว่านี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนการซูเซวียนอี เขาคาดเดาไว้แล้วว่าจะจบลงแบบนี้!” ซูหมิงดื่มสุราไปอึกใหญ่ ก่อนพูดขึ้นและหัวเราะเสียงดัง

“หากทำลายมหาโลกสามรกร้าง พลังสวรรค์ก็ไม่อาจย้อนคืนได้ สี่โลกแท้จริงจะดับสูญกันไป เรื่องนี้ไม่มีทางย้อนกลับมาได้แล้ว ในเมื่อรู้ว่าสุดท้ายเป็นเช่นนี้ ข้าย่อมต้องขยายขุมอำนาจตัวเองให้ไม่มีที่สิ้นสุดก่อนจะถึงวันสุดท้ายที่ลิขิตเอาไว้ ข้าต้องเสริมพลังให้แกร่งขึ้น ต้องช่วงชิงโชควาสนาและชีวิตเสี้ยวนั้นในมหันตภัยครั้งนี้!

หากไม่ทำลายก็ไม่ถือกำเนิด หากสามรกร้างถูกทำลาย หากข้าซูหมิงได้รับโชควาสนาและชีวิตเสี้ยวนั้น บางทีอาจจะเป็นไปได้ที่ข้าจะ…มาแทนมหาโลกสามรกร้าง การยึดร่างคนไม่เท่าไรแล้ว ความคิดข้าคือไม่ว่าใครได้ยินก็ต้องคิดว่าบ้า แต่ข้าอยากลอง… ยึดครองมหาโลกสามรกร้าง!”

ซูหมิงหัวเราะเสียงดัง เสียงดังกึกก้อง แต่กลับไม่ดังออกไปรอบๆ คนอื่นจึงไม่ได้ยิน มีเพียงอยู่ภายใต้สภาพแบบตอนนี้และอยู่ต่อหน้าศิษย์พี่ใหญ่ที่เป็นดั่งญาติพี่น้องเท่านั้น เขาถึงจะเผยความทะเยอทะยานที่ฟังแล้วน่ากลัวออกมา!

ศิษย์พี่ใหญ่ใจสั่นสะท้านอย่างรุนแรง เขามองซูหมิง มองซูหมิงที่ดื่มสุราจนหมดอยู่ในท่าทางสบายๆ และดูเสียสติ ซ้ำยังมีความรู้สึกโอหังอยู่เหนือผู้ใด เขาเห็น ลางสังหรณ์เสี้ยวหนึ่งที่เหมือนจะสามารถทำลายล้างฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน โค่นล้มฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณจากตัวซูหมิงรางๆ

นี่เป็นเพียงความรู้สึกเขา กระทั่งความรู้สึกนี้ยังน่าหัวเราะในสายตาคนอื่น เพียง ผู้ฝึกฌานตัวเล็กๆ คนเดียวยังกล้าพูดว่ายึดครองมหาโลกสามรกร้าง นี่มันเหลวไหลอย่างยิ่ง จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงความรู้สึกนั้นในใจศิษย์พี่ใหญ่เลย ไม่ว่าใครก็ต้องรู้สึกน่าหัวเราะและคิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้

แต่ยามนี้ ศิษย์พี่ใหญ่รู้สึกถึงสิ่งเหล่านี้อย่างแจ่มชัด

นี่คือกลิ่นอายที่บอกไม่ถูก ไม่ใช่ระลอกคลื่นพลัง ไม่ใช่นิสัยเฉพาะตัว และก็ไม่ใช่ระลอกคลื่นที่เกิดจากการเปลี่ยนของสภาพแวดล้อมรอบตัว แต่นั่นคือ…ความหยิ่งยโสที่เกิดจากความบ้าคลั่งถึงขีดสุด การทำลายล้างถึงขีดสุดและการสังหารกับบิดเบือนความจริงถึงขีดสุด สิ่งเหล่านี้ตัดสลับกันจนออกมาเป็นความหยิ่งยโสที่ทำให้ใจคน สั่นไหว!

“หากเจ้าคิดจะทำแบบนี้จริงๆ ข้าก็จะช่วยด้วย” ศิษย์พี่ใหญ่ไม่ลังเลแม้แต่น้อย แต่กลับหัวเราะเสียงแหบแห้ง ในเสียงหัวเราะยังมีกลิ่นอายมารเหลือล้น

ซูหมิงหยิบไหสุราขึ้นมาวางตรงมุมปากแล้วดื่มไปอึกหนึ่ง แต่ดื่มไปได้ครึ่งเดียวพลันวางไหสุราลง ดวงตามึนเมาตอนนี้พลันขยับประกาย สายตามองไกลออกไป

ศิษย์พี่ใหญ่ก็หน้าเปลี่ยนสีเช่นกัน เขามองตามไป ครู่ต่อมาก็เงยหน้าหัวเราะเสียงดัง ซ้ำยังยืนขึ้น ทางด้านซูหมิง ใบหน้าเขาเผยรอยยิ้มนานแล้ว ในรอยยิ้มมีความตื่นเต้น ดีใจ ทั้งยังหัวเราะเสียงดังหลังจากเมาแล้ว

“วันนี้จะต้องเมากันให้เต็มที่ วันนี้…ยอดเขาลำดำเก้า จากกันพันกว่าปี ในที่สุด ก็มารวมกันครบ!” เสียงหัวเราะศิษย์พี่ใหญ่ดูเบิกบานใจ ขณะเสียงดังก้องไปทั่วฟ้า ยังส่งไปถึงเรือโดดเดี่ยวลำหนึ่งที่กำลังแล่นมาทางนี้กลางพายุหมุนนอกระลอกคลื่น

บนเรือโดดเดี่ยวลำนั้น ชายอบอุ่นไม่ดื่มสุราอีก แต่เหม่อมองไกลๆ นัยน์ตาเขาฉายแววตื่นเต้นทีละน้อย โดยเฉพาะชายร่างกำยำข้างหลัง เขามองไปข้างหน้า ใบหน้าทึ่มทื่อมีน้ำตา ปากยังพึมพำกับตัวเอง

“นั่นกลิ่นอายพลังของศิษย์พี่ใหญ่ ข้างกายเขา นั่น…นั่นคือ…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!