ตอนที่ 1214 เจ็ดยอดวงแหวนอาคมเงามืด
ดูจากเค้าโครงวงแหวนอาคมแสงผลึกแล้วเหมือนกับเตาหลอมยา ขณะที่มันเปล่งแสงยังเหมือนล้อมซูหมิงเอาไว้ภายใน
ซูหมิงเดินหน้าไปด้วยสีหน้าปกติ ชั่วพริบตาที่สัมผัสกับแสงผลึก เขารู้สึกถึง แรงสะท้อนกลับรุนแรงเหมือนขวางตนไม่ให้ออกไป
“สิ่งนี้…” ชายชราเผ่าวิญญาณสวรรค์ที่อยู่ข้างกายซูหมิงตลอด แต่ไม่มีใครเห็นมองวงแหวนอาคมแห่งแสงผลึกพลางขบคิดอยู่ชั่วครู่แล้วก็ยิ้มเล็กน้อย
“สิ่งนี้คล้ายกับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าโอสถในเว่ยเล็กน้อย แต่เห็นได้ว่านี่เป็นของเลียนแบบ ในนั้นอาจจะมีเศษอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าโอสถอยู่เล็กน้อย ดูท่าใน ผู้ฝึกฌานชนรุ่นหลังคงจะมีคนเหลือรอดจากเผ่าโอสถ” ชายชราเผ่าวิญญาณสวรรค์กล่าวต่อเรียบๆ
แทบเป็นช่วงที่ชายชรากล่าวจบ ก็มีสายรุ้งยาวมาจากพันธมิตรใต้เก้าสาย ห้อเหยียดมาอยู่ตรงหน้าซูหมิงกลายเป็นชายชราเก้าคน
ชายชราเก้าคนนี้มีพลังธรรมดา บรรลุเพียงแค่ภัยพิบัติตะวัน ทว่าพวกเขาเหมือนอยู่มานานแต่โบราณ พวกเขามองซูหมิงแวบหนึ่งแล้วก็ใช้สองมือประสานมุทราชี้ไปยังเตาหลอมแสงผลึกที่รวมจากพันคน
“เผ่าโอสถศักดิ์สิทธิ์หมายถึงสวรรค์ สวรรค์หมายถึงโอสถศักดิ์สิทธิ์!” เก้าคนนี้ พ่นโลหิตพร้อมกัน น้ำเสียงยังมีความรู้สึกประหลาดบางอย่าง ทันทีที่เอ่ยขึ้น แสงจากวงแหวนอาคมแสงผลึกขยายไปหมื่นจั้ง ภายใต้เสียงดังสนั่นกึกก้อง พันคนนั้นหมุนวนพร้อมกันไปตามกฏบางอย่าง หากมองไกลๆ จะเห็นชัดเหมือนว่ามีเตาหลอมยักษ์กำลังหมุนวน
ในเวลาเดียวกัน เมื่อเตาหลอมยาหมุนวน ความคิดแห่งสวรรค์เหมือนฉีกมวลอากาศลงมาเยือนจากกาลเวลา เข้ามาปกคลุมในเตาหลอมยา ทำให้ตอนที่มองไปจะเกิดความรู้สึกผ่านโลกมาเนิ่นนานโดยธรรมชาติ ตอนนี้เองความคิดแห่งสวรรค์พลันขยายใหญ่ขึ้นเหมือนจะกลายเป็นของจริง
นี่คือพลังความคิดที่แกร่งกว่ายอดฝีมือขั้นชะตาสิบสามคนนั้นผนึกฟ้ารอบตัวและแยกที่นี่ออกจากโลกดาราสัจธรรม กระทั่งซูหมิงรู้สึกว่าความคิดแห่งสวรรค์นี้ใกล้เคียงไม่มีที่สิ้นสุดกับเจตนารมณ์แห่งสวรรค์ของบรรพชนวิญญาณ
แต่…ก็เพียงแค่ใกล้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดเท่านั้น
“พันธมิตรใต้เล็กจ้อยมีเบื้องลึกเท่าใดกันแน่” ซูหมิงกล่าวเรียบนิ่ง เจตนารมณ์แห่งสวรรค์ที่ใกล้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดกับบรรพชนวิญญาณนี้ หากซูหมิงไม่ใช่บรรพชนวิญญาณและเป็นเพียงยอดฝีมือขั้นดับ เขาคงยากจะจัดการน่าดู เหมือนกับขั้นกุมเผชิญหน้ากับขั้นชะตา จะต้องถูกกำราบไว้โดยเขยื้อนไม่ได้
“แต่ก็ยังไม่พอ” ซูหมิงสีหน้าดังเดิมมาตลอดแต่แรก เขามองชายชราเก้าคนนั้นพลางส่ายศีรษะ เพียงยืนนิ่งอยู่ในวงแหวนอาคมนั้น
เก้าคนนี้หน้ามืดทะมึน พวกเขาแค่นเสียงหึพร้อมกับประสานมุทราชี้ไปยัง วงแหวนอาคมหลังเปลี่ยนไปแล้วอีกครั้ง
“ความคิดแห่งเผ่าศักดิ์สิทธิ์โอสถจงลอกวิญญาณเจ้าออกมา!” เก้าคนนี้เอ่ยพร้อมกันด้วยสีหน้าทะมึนทึบ ทันใดนั้นเตาหลอมยาที่รวมจากวงแหวนอาคมพันคนหมุนโคจรอย่างรวดเร็ว ความคิดแห่งสวรรค์ในนั้นกลายเป็นรวดเร็วและดุดันเหมือนกับมีดาบไร้รูปฟันไปทางซูหมิง
สิ่งที่ตัดมิใช่ร่างกายเขา แต่เป็นวิญญาณ นันย์ตาซูหมิงเผยประกายเย็นเยียบ เขายกมือขวาขึ้นชี้ข้างบน ดาบไร้รูปนั้นพลันสั่นสะท้านและแตกออกเป็นเสี่ยงๆ คนอื่นไม่เห็นภาพนี้ แต่ชายชราเก้าคนรู้สึกชัดเจน ในช่วงที่ดาบไร้รูปแตกออก เก้าคนนี้หน้าเปลี่ยนสีพร้อมกับกระอักเลือดพร้อมกัน ร่างกระเด็นถอยไปแล้วก็ประสานมุทราด้วยสองมืออีกครั้ง
“พลังของสามเผ่าศักดิ์สิทธิ์ ความคิดแห่งสวรรค์จงลอกวิญญาณเจ้าออกมา!” ตอนที่เก้าคนนี้ตะโกนออกไป วงแหวนอาคมพันคนหมุนเพิ่มอีกหนึ่งครั้ง พันคนนั้นตัวสั่น ตามตัวเป็นเลือดเนื้อน่ากลัว พริบตาเดียวก็กลายเป็นโครงกระดูก
ซูหมิงยิ้มเยาะ เขาเดินหน้าเข้าไปปะทะกับแสงผลึกตรงหน้า ตอนนี้เองแสงผลึกพลันสว่างจ้าแสบตา แต่กลับสั่นไหวอย่างชัดเจนเหมือนรับไม่ไหวจะพังลง เก้าคนนั้นรีบนั่งขัดสมาธิลง
ทุกคนร่างแห้งเหี่ยวลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่หน้าเปลี่ยนสีดูเหลือเชื่อ พวกเขาต่างประสานมุทราและตะโกนออกไปพร้อมกัน
“อัญเชิญบรรพบุรุษโอสถมาเยือน เซ่นไหว้วิญญาณพันคนให้เป็นเจตนารมณ์สวรรค์ ลอกวิญญาณเจ้าออกมา!” ชั่วพริบตาที่เสียงแหบแห้งและแหลมเล็กดังก้อง คนพันคนที่รวมเป็นเตาหลอมยาตัวสั่น พลังชีวิตหายไป เลือดเนื้อทั้งหมด แหลกละเอียด กระดูกยังหายไปด้วย เหลือเพียงหินผลึกสีโลหิตจำนวนมากที่เหมือนสูบโลหิตทั้งหมดจากพันคนไป พวกมันลอยอยู่รอบๆ พร้อมกับหดตัวเข้ามาล้อมซูหมิงเป็นใจกลาง รวมขึ้นเป็นเตาหลอมยายักษ์!
โครม! เตาหลอมยาคล้ายว่าลุกไหม้ด้วยไฟไร้รูป ขณะลุกไหม้ยังหมุนวนอย่างเร็วไว มิหนำซ้ำตอนนี้มีดวงจิตมหึมาลงมาเยือน ดวงจิตนี้เหมือนกับเจตนารมณ์สวรรค์ มันพุ่งไปหาซูหมิงด้วยแรงกดดัน ทำให้คนพันธมิตรใต้ตกตะลึงก่อนพากันโห่ร้องด้วยความดีใจ ส่วนชายชราเก้าคนยิ้มเยาะเหยียดหยาม
ภายในเจตนารมณ์สวรรค์นี้มีดวงจิตของชายชราเก้าคนนี้ นั่นคือดวงจิตที่จะแยกวิญญาณกับร่างซูหมิงออกมา ราวกับว่าทุกสิ่งมีชีวิตไม่อาจรับไหวและต้องปฏิบัติตาม เป็นดั่ง…เจตนารมณ์สวรรค์
“ผู้อาวุโสใหญ่แห่งยอดเขาลำดับเก้า วันนี้วิญญาณออกจากร่าง เซ่นไหว้แก่ บรรพบุรุษโอสถ!” เก้าคนกล่าวอีกครั้ง หลังประสานมุทราด้วยสองมือแล้วก็ กดระหว่างคิ้วตัวเอง
แต่ว่าชั่วขณะที่ความคิดแห่งสวรรค์นั้นกลายเป็นเจตนารมณ์สวรรค์ลงมายังซูหมิง ซูหมิงส่ายหน้า
“เจตนารมณ์สวรรค์…เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวเท่านั้น ในเมื่อพวกเจ้าคารวะเจตนารมณ์สวรรค์ขนาดนี้ เช่นนั้นข้าจะให้พวกเจ้าดูว่า…อะไรคือเจตนารมณ์สวรรค์” ซูหมิงเอ่ยเรียบๆ พร้อมเงยหน้าขึ้น ดวงตาขยับประกายเย็นชา ทันใดนั้นเขาแผ่ จิตสัมผัส ดวงจิตแห่งบรรพชนวิญญาณของเขากระจายออกปกคลุมไปรอบๆ ส่งผลให้มวลอากาศสั่นสะเทือน ฟ้าสั่นไหว ฟ้ากระจ่างดาวรอบตัวเหมือนถูกเปลี่ยนดวงจิตให้เป็นความคิดของเขา
ความคิดนี้ขึ้นคือทุกสิ่งมีชีวิตกำเนิด ลงคือฟ้าดับสูญ
ความคิดขึ้น ดวงจิตที่ลงมาเยือนนั้นพลันสั่นไหว เตาหลอมยาที่รวมจากหินผลึกรอบๆ ยังส่งเสียงดังสนั่น บนตัวมันเกิดรอยร้าวขนาดใหญ่ขึ้นหลายแห่ง ชายชราเก้าคนนั้นหน้าเปลี่ยนสีไปอย่างสิ้นเชิง ความรู้สึกเหลือเชื่ออัดแน่นอยู่ในใจ
ความคิดลง ดวงจิตที่มาเยือนแตกสลายไป เตาหลอมยาหินผลึกสั่นสะท้าน แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ระหว่างที่มันหมุนม้วนถอยไป เศษหินทุกชิ้นแตกออกอีกครั้งกลายเป็นเศษละเอียด จากนั้นซูหมิงเดินออกมาทีละก้าวด้วยใบหน้าสงบนิ่ง
ชายชราเก้าคนนั้นกระอักเลือด ในนั้นมีแปดคนร่างระเบิดออก เห็นได้ชัดว่ารับ ผลย้อนกลับจากการที่เตาหลอมยาแตกเป็นเสี่ยงๆ ไม่ไหว ชายชราที่รอดชีวิตเพียงคนเดียวตอนนี้กระอักเลือดไม่หยุด ในสายตาที่มองซูหมิงมีความตกใจและหวาดกลัวจนไม่อาจบรรยาย ความรู้สึกเหลือเชื่อเด่นชัดจนกลายเป็นเสียงพึมพำของเขา
“บรรพชนวิญญาณ…เจ้าคือบรรพชนวิญญาณ…เป็นไปไม่ได้ บรรพชนวิญญาณในสมัยนี้ถูกกำราบอยู่ในนรก
วิญญาณแล้ว หรือไม่ก็ถูกผนึกให้ออกมาไม่ได้ เจ้า…เจ้าเป็นบรรพชนวิญญาณ ได้อย่างไร!
เว้นแต่เจ้าเพิ่งเป็นบรรพชนวิญญาณ…มีแต่แบบนี้เท่านั้นเจ้าถึงยังไม่ถูกกำราบ ยังไม่ถูกดวงจิตสามรกร้างลงมากำราบ!” ชายชราคนนั้นเบิกตากว้างก่อนพลันหัวเราะเสียงดัง รอยยิ้มดูบ้าคลั่งและสบายใจ
“เจ้าเป็นบรรพชนวิญญาณแล้วอย่างไร ในสมัยโบราณเทพบรรพชนยังถูกดวงจิตสามรกร้างกำราบ วันนั้นอยู่อีกไม่ไกลแล้ว!” ขณะชายชราหัวเราะเสียงดังแถมยังตะโกนเสียงแหลมเล็ก ก่อนกระอักเลือดสิ้นใจไป
เดิมทีพลังชีวิตเขาถูกทำลายจนป่นปี้แล้ว เมื่อครู่เป็นเพียงอาการก่อนตายเท่านั้น ตอนนี้พอหัวเราะและกระอักเลือดแล้วจึงล้มลง
แทบเป็นช่วงที่ชายชราคนนี้ล้มลงและซูหมิงเดินออกมาจากในเตาหลอมยาหินผลึกที่พังลงนั้น มีสายรุ้งยาวอีกสองสายบินออกมาจากในพายุหมุนข้างหลังซุงยักษ์หลายร้อยต้น สายรุ้งยาวสองสายนี้เพิ่งปรากฏ พลันมีพลังไม่ดับสูญแผ่ออกมา นั่นคือผู้แข็งแกร่งขั้นดับสองคน!
พวกเขาสองคนคือผู้ปกครองสามพันธมิตรใหญ่แห่งพันธมิตรใต้ และก็เป็น ผู้แข็งแกร่งที่สุดที่นี่ ก่อนหน้านี้ไม่ได้ปรากฏตัวเพราะพวกเขาสองคนขี้ระแวง หากไม่มั่นใจเต็มสิบต่อซูหมิงก็จะไม่ลงมือด้วยตัวเอง
แต่ตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่มั่นใจ ทว่าคำพูดก่อนตายของชายชราคนนั้นทำให้พวกเขาสองคนใจสั่นสะท้านและต้องลงมือ
“ผู้ฝึกฌานพันธมิตรใต้ห้าแสนคนฟังคำสั่ง จัดวางเจ็ดยอดวงแหวนอาคมเงามืดผนึกเขาเอาไว้!” ตอนที่สองคนนี้บินออกมา หนึ่งในนั้นพลันเอ่ยขึ้น เสียงดังสนั่นและแฝงไว้ด้วยแรงกดดันมหาศาลของขั้นดับ แรงกดดันนี้ปกคลุมไปรอบๆ กลายเป็นพลังมหึมาเหมือนจะต่อต้านพลังอำนาจของซูหมิง
เมื่อสิ้นเสียงเขา มีซุงยักษ์หลายร้อยต้นพุ่งออกมาพร้อมกัน รวมถึงซุงยักษ์ที่ซ่อนอยู่กลางพายุหมุนยังพุ่งออกมาด้วย บนซุงยักษ์หนึ่งต้นในนั้น สวี่ฮุ่ยเงยหน้ายืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าโอหังเล็กน้อย สายตามองซูหมิงอย่างเย็นชา ในแววตามีความแปลกตา เหมือนไม่มีความรักในอดีตต่อกันเลย
เต๋อซุ่นข้างหลังก็ย่อมมองไม่ออกอยู่แล้วว่าโม่ซูตอนนี้คือ เต้าคงในอดีต เขายืนอยู่หลังสวี่ฮุ่ยอย่างระมัดระวังด้วยสีหน้าประจบ
เมื่อซุงยักษ์เกือบร้อยต้นพุ่งเข้ามา ชั่วพริบตาเดียวก็ล้อมซูหมิงเป็นใจกลางอย่างชำนาญยิ่งราวกับเคยทำมาแล้วหลายร้อยครั้ง ล้อมขึ้นเป็นวงแหวนอาคมเจ็ดวง
วงกลมขนาดต่างกันเจ็ดวงนี้รวมเข้าด้วยกันและยังรวมซุงยักษ์เข้าไปด้วย ล้อมซูหมิงอยู่ภายใน แผ่ขยายไปกลางฟ้า หากมีใครพบเห็นจะต้องเกิดความรู้สึกยิ่งใหญ่มหึมา
นี่คือการเคลื่อนไหวทั้งหมดของผู้ฝึกฌานพันธมิตรใต้ เป็นการล้อมด้วยซุงยักษ์เกือบห้าร้อยต้น จึงก่อเป็นแรงกดดันรุนแรงรวมถึงมีน้ำวนขึ้นตรงระหว่างซุงไม้ น้ำวนนี้มีทั้งหมดเจ็ดวง ทุกวงสวมเข้าด้วยกันเหมือนวงกลมยักษ์ จากการหมุนโคจรในพริบตาที่ต่างกัน มองไกลๆ จึงเหมือนกลายเป็นน้ำวนดารา
ภายในวงกลมยักษ์ชั้นในสุดเป็นชายชราสองคนที่มารับมือกับซูหมิง สองคนนี้หนึ่งในนั้นมีแสงสีแดงเต็มใบหน้า เส้นผมขาวเหมือนชายชรา แต่ในร่างกายมีพลังชีวิตเปี่ยมล้นเข้มข้นจนถึงขั้นยากจะบรรยาย
ส่วนอีกคนเป็นชายชราผอมแห้ง ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายพลังหนาวเยือก ใบหน้า ไร้อารมณ์ ยืนอยู่ตรงนั้นราวกับน้ำแข็ง ภายในร่างกายไม่มีพลังชีวิตมหาศาล แต่กลับมีความรู้สึกหนาวเยือกแห่งการไม่ดับสูญ ประหนึ่งว่าเขายืนอยู่ตรงนั้น แม้แต่ฟ้าพังลงเขาก็ยังไม่ตายตกไป
นี่ก็คือขั้นดับ!
ช่วงที่วงแหวนอาคมจากซุงยักษ์เจ็ดวงล้อมรอบซูหมิง ภายในพายุหมุนไกลออกไปมีร่างเงาเลือนรางซ่อนอยู่ นั่นคือ สตรีผู้มีสีหน้ำเย็นชา แต่ใบหน้ากลับงดงามยิ่ง ตอนนี้นางเพ่งมองซูหมิงด้วยแววตาประหลาดใจ
“บรรพชนวิญญาณ…”