Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1220

ตอนที่ 1220 ทาสโบราณ

เทพโบราณถ่าเจียดวงตาวาววับ จุดดาวดวงที่แปดตรงระหว่างคิ้วขยับแสงขึ้นมา เขาจ้องซูหมิงแล้วแสยะปากยิ้ม ในรอยยิ้มมีการเย้ยเยาะ

“ถึงเจ้าจะมีบุญคุณกับข้า แต่บุญคุณนี้ไม่ได้ยิ่งใหญ่อย่างที่เจ้าคิด วันนี้ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้า แต่หากเจ้ายังดึงดันอีก ก็อย่าโทษว่าข้าบดขยี้ร่างเจ้า” ถ่าเจียกล่าวด้วยเสียงไม่แยแส ขณะเอ่ยยังมีความรู้สึกอยู่สูงส่งเผยมาอย่างชัดเจน ก็ไม่แปลกที่เขาจะเป็นแบบนี้ ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ใช่เจ็ดดาวแล้ว แต่เป็นเทพโบราณแปดดาวที่ถูกขนานนามว่าผู้แข็งแกร่ง ในภาพจำเขาถือว่ามีอำนาจมากในเผ่า

“เจ้าลองดูหน่อยก็ได้” ซูหมิงตอบกลับอย่างเฉยชา

สิ้นเสียง ดวงตาเทพโบราณถ่าเจียขยับประกายจิตสังหาร เขาแค่นเสียงหึเย็นชาแล้วเดินหน้ามาหาซูหมิง ยกมือขวาขึ้นชกอากาศไปทางซูหมิงพร้อมกับก้าวเดิน

“ไม่รู้จักดีชั่ว!” เทพโบราณยิ้มเยาะ หนึ่งหมัดที่มีพลังของเทพโบราณแปดดาวพุ่งออกไป ชั่วพริบตาเดียวถึงกับสั่นสะเทือนการเปลี่ยนแปลงฟ้า ประหนึ่งฟ้าจะพังลง ท้องฟ้าลดระดับลง

นัยน์ตาซูหมิงแวววาว ร่างเงามังกรทำลายล้างข้างหลังแน่นิ่ง แต่ตัวเขาเดินหน้าไป เมื่อเข้าไปใกล้ถ่าเจียในพริบตาแล้วก็ยกมือขวาขึ้น กำหมัดชกไปปะทะกับ หมัดเทพโบราณด้วยวิธีที่ง่ายที่สุดและไม่ต้องใช้วิชาใดๆ

เกิดเสียงโครมดังสนั่น ซูหมิงตัวสั่นสะท้าน เขาโซเซถอยไปเกือบร้อยจั้ง จากนั้นพลันกระทืบเท้าขวาลงข้างหลัง ฟ้ากระจ่างดาวสั่นไหว เห็นบิดเบี้ยวรางๆ ส่วน เทพโบราณถ่าเจียสูงเด่นแน่นิ่ง ขณะมีสีหน้าโอหัง ความเหยียดหยามยังเด่นชัดกว่าเดิม จากนั้นเขาเดินหน้าไปหาซูหมิงอีกครั้ง

“เมื่อครู่นี้ข้าใช้พลังไปเพียงเจ็ดส่วน ครั้งนี้หากเจ้ากล้ารับมืออีก ร่างเจ้าต้องแหลกแน่!”

‘ร่างกายข้าตอนนี้เอาชนะเจ็ดดาวได้ แต่พละกำลังของเทพโบราณแปดดาวเพิ่มมากเกินไป…’ ซูหมิงส่ายศีรษะ หลังระงับ

พลังโลหิตไหลเชี่ยวในร่างกายแล้วก็ยกมือขวากำหมัด ทันใดนั้นรอบๆ มือขวาปรากฏวิญญาณเผ่าหมานใหญ่นับไม่ถ้วน ชั่ววูบเดียววิญญาณเหล่านี้ต่างหลอมรวมเข้าไปในมือขวา จากนั้นมือซ้าย ขาสองข้างไปจนทั่วตัว ด้วยความที่วิญญาณ เผ่าหมานใหญ่ร้อยล้านดวงรวมในร่างกาย เลยทำให้ร่างกายเขาขยายใหญ่ขึ้นจนมีความสูงหลายสิบจั้ง

กลิ่นอายพลังแฝงไว้ด้วยความแก่กล้า แผ่กระจายพลังอำนาจที่ยากจะเอ่ย ยามที่กำหมัด ในหมัดเหมือนกำเนิดพลังขึ้นมา นี่ก็คือ…เปลี่ยนเทพหมาน!

กลายเป็นเทพหมาน มีกายหมาน รวมกระดูกหมาน รวมดวงจิตของวิญญาณ เผ่าหมานร้อยล้านดวง ประหนึ่งวิวัฒนาการให้ร่างกายปะทุพละกำลังที่แกร่งที่สุดของเผ่าหมานออกมา!

หลังใช้เปลี่ยนเทพหมาน ถ่าเจียที่เข้ามาใกล้หรี่ตาลง ความรู้สึกถึงอันตรายลอยขึ้นมาในใจเขา ตอนนี้เองซูหมิงหลังใช้เปลี่ยนเทพหมานเป็นสายรุ้งยาวพุ่งตรงไปหาถ่าเจีย

หนึ่งหมัด!

เกิดเสียงครึกโครมดังสนั่นสะเทือนแก้วหู ซูหมิงในสภาวะเปลี่ยนเทพหมานใช้หมัดขวาปะทะกับหมัดของถ่าเจีย แรงระเบิดแผ่กระจายไปรอบๆ ภายใต้แรงปะทะ ถาโถม ถ่าเจียมีสีหน้าเหลือเชื่อ เขากระเด็นถอยไปมากกว่าพันจั้งด้วยหมัดซูหมิง

ซูหมิงตัวสั่นไหว เขาถอยไปสองก้าว ก่อนเงยหน้าขึ้นแล้วพุ่งไปอีกครั้งด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

หมัดที่สอง!

เกิดเสียงดังสนั่นกึกก้อง ถ่าเจียกระอักเลือด ร่างถอยไปอีกครั้ง ซ้ำยังร้องคำราม

“สมควรตาย นี่เป็นไปไม่ได้ ข้าคือเทพโบราณ ข้าคือเทพโบราณแปดดาว เจ้าเป็นผู้ฝึกฌานป่าเถื่อนไม่มีทางมีพลังสั่นคลอนข้าได้ตรงๆ !” ถ่าเจียดวงตาแดงก่ำ ขณะที่ถอยไปร่างยังบิดงอ หมายจะเปลี่ยนทิศทางไปโจมตีใส่ซูหมิง แต่ทันทีที่เขาหยุดชะงัก ร่างเงาซูหมิงมาอยู่ตรงหน้าแล้ว

หมัดที่สาม!

หนึ่งหมัดชกตรงหน้าถ่าเจีย เขาร้องคำรามเสียงแหลมเล็ก ยามที่กระอักเลือดอีกครั้ง เขาตัวสั่นและถอยไป สีหน้าเย็นชาของซูหมิงเหมือนกลายเป็นเงามืดในดวงตาเขา ขยายใหญ่ขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัด ซูหมิงชกหมัดที่สี่

ภาพต่างๆ อยู่ในสายตาผู้ฝึกฌานรอบๆ กลายเป็นความเงียบและตกตะลึง นี่คือพลังที่อยู่เหนือกว่าอย่างสมบูรณ์แบบ ถ่าเจียเหมือนไม่มีแรงโต้กลับเลย ในขณะที่ ซูหมิงชกไปทีละหมัด ร่างถ่าเจียเหมือนจะแหลกสลายไป เขากระอักเลือดไม่หยุด ความตื่นกลัวในแววตาเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ

หมัดที่ห้า!

หมัดที่หก!

เสียงดังสนั่นกึกก้องไม่หยุดกลางอากาศ ซูหมิงรัวไปหกหมัด ถ่าเจียถอยไปไม่หยุด แต่ก็ไม่เร็วเท่าซูหมิง ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น จนกระทั่งซูหมิงเข้ามาใกล้อีกครั้งแล้ว ก็ยกมือขวาชกหมัดสุดท้าย

หมัดที่เจ็ด!

หมัดนี้รวมพลังทั้งหมดของเปลี่ยนเทพหมาน ชั่วพริบตาที่ชกออกไป คล้ายกับว่าหมัดเขากลายเป็นหลุมดำหนึ่งสูบแสงและมวลอากาศทั้งหมดรอบตัว ตอนที่ชกใส่หน้าอกเทพโบราณถ่าเจีย พลันเกิดเสียงดังสนั่นในร่างถ่าเจีย ร่างเขาสั่นสะท้าน ครั้งนี้ไม่ถอยไปอีก แต่ร่างมหึมาถูกหมัดซูหมิงชกใส่กลายเป็นเส้นโค้ง

ตอนที่ตกลงมา ร่างถ่าเจียเกิดรอยร้าวเหลือคณานับ ร่างเป็นแผลเหวอะหวะ โดยเฉพาะตรงหน้าอกเหมือนจะระเบิดออก จิตสำนึกหย่อนยาน หมัดนั้นของซูหมิง กระเทือนทางเดินเลือดลมเขาจนแตกออก ดาวแปดดวงตรงระหว่างคิ้วมัวหมองลงทั้งหมด คล้ายว่าจะมอดดับลง

ตอนนี้เองเปลี่ยนเทพหมานหมดเวลาแล้ว เขาคืนร่างสภาพเดิม ยืนอยู่กลางฟ้ามองเทพโบราณถ่าเจียอย่างเย็นชา

“สายเลือดไม่บริสุทธิ์ หากเป็นเทพโบราณแปดดาวที่มีสายเลือดบริสุทธิ์ ด้วยพลังเปลี่ยนเทพหมานของเจ้า คงไม่ชนะง่ายขนาดนี้” ชายชราเผ่าวิญญาณสวรรค์ที่อยู่ข้างกายซูหมิงมาตลอดกล่าวขึ้นราบเรียบ

‘สายเลือดไม่บริสุทธิ์หรือ…’ ดวงตาซูหมิงแวววาว เดิมทีเขาคิดจะยึดร่างถ่าเจียด้วยซ้ำเพื่อให้ตนมีร่างแยกเทพโบราณ ดังนั้นเขาถึงช่วยปลดผนึกให้ก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้กลับลบความคิดนี้ไป หากเขาจะมีร่างแยก ก็ต้องเป็นร่างแยกเทพโบราณสายเลือดบริสุทธิ์

ทว่าหากสังหารทิ้งก็เสียดายอยู่เล็กน้อย นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกายประหลาด ชั่วขณะที่ถ่าเจียกำลังจะลุกขึ้นนั้น ซูหมิงหลับตาลง ทันใดนั้นความคิดแห่งท้องฟ้ากลายเป็นดวงจิตแห่งบรรพชนวิญญาณ หลังเข้ามาแทนที่ฟ้าแห่งนี้และเปลี่ยนให้เป็นเจตนารมณ์สวรรค์แล้วก็วางลงที่ร่างถ่าเจีย

“จงกลายเป็นทาสของแซ่โม่ นี่คือเจตนารมณ์สวรรค์” ซูหมิงลืมตาขึ้นแล้วเอ่ยออกไปเรียบๆ ทันใดนั้นถ่าเจียร้องเสียงแหลมเล็ก สองมือกุมหัว ภายในหัวเขาตอนนี้มีเจตนารมณ์สวรรค์ที่เป็นดั่งตาข่ายไร้รูปห่อหุ้มวิญญาณเขาเอาไว้แน่นราวกับผนึก จากนั้นประทับดวงจิตของซูหมิงลงไปข้างใน

นี่คือวิธีที่เลวทรามยิ่งกว่ากลอุบายควบคุมเทพโบราณของพันธมิตรใต้ นี่คือ การให้เจตนารมณ์สวรรค์มาเยือน ฝืนบังคับให้เป็นทาส ไม่ให้โอกาสต่อต้านกับถ่าเจียแม้แต่น้อย เสียงร้องโหยหวนดังก้อง ราวสิบกว่าลมหายใจต่อมาก็ค่อยๆ เงียบลง ถ่าเจียลดสองมือลงจากหัวเงียบๆ มองซูหมิงอย่างซับซ้อน ผ่านไปพักใหญ่ถึงก้มหัวลงโค้งตัวให้ซูหมิงกลางฟ้า

ในขณะเดียวกัน ผู้ฝึกฌานพันธมิตรใต้โดยรอบต่างใจสั่นสะท้านและคุกเข่าลงพร้อมกันในช่วงที่ซูหมิงกวาดสายตามองมา เห็นได้ชัดว่ายอมศิโรราบแล้ว ขณะเดียวกันทุกคนยังแผ่กระจายวิญญาณ ปล่อยให้ซูหมิงประทับตราด้วยเจตนารมณ์สวรรค์

นอกจากสวี่ฮุ่ยกับเต๋อซุ่นแล้ว ชั่วพริบตาที่วิญญาณทุกคนที่นี่มีตราประทับของซูหมิง พลังชะตาภายนอกมหาศาลพลันหลั่งไหลไปทางเขา ทำให้ตอนที่เขาสูบเข้ามา ชะตาภายนอกเหล่านี้เปลี่ยนเป็นกฎชะตาตัวเขา ดังนั้นแล้วดวงจิตแห่งบรรพชนวิญญาณจึงเพิ่มมากขึ้นหนึ่งเท่าและยังแผ่ขยายออกไปรอบๆ

อีกทั้งในยามนี้ ยังมีกฏชะตาจำนวนมากรวมเข้ามาอย่างไร้รูปจากทางยอดเขาลำดับเก้าปกคลุมทั่วร่างซูหมิง ขณะเดียวกันยังทำให้วิญญาณเขาเกิดระลอก คลื่นรุนแรง เขามีความรู้สึกเด่นชัดว่าขอเพียงมีกฎชะตาของผู้ฝึกฌานอีกหลาย แสนคน เขาจะบรรลุเป้าหมายยึดครองโลกดาราสัจธรรมได้ก่อนเวลา

ซูหมิงระงับความรู้สึกเด่นชัดในใจเอาไว้ ก่อนกวาดสายตามองไป มองสวี่ฮุ่ยกับเต๋อซุ่น พริบตาเดียวก็ไปปรากฏอยู่ตรงหน้าสวี่ฮุ่ย

สวี่ฮุ่ยตัวสั่น สัญลักษณ์แมงป่องตรงระหว่างคิ้วบิดเบี้ยว อีกทั้งข้างหลังยังปรากฏเงามายาแมงป่อง นางดูเหมือนตึงเครียดอย่างยิ่ง เต๋อซุ่นข้างหลังยังมองซูหมิงอย่างกังวล ในใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาไม่รู้ว่าผู้แข็งแกร่งแปลกหน้าคนนี้จะทำอะไรกันแน่

“นางเสียความทรงจำไปตั้งแต่เมื่อไร” ซูหมิงเบนสายตาจากสวี่ฮุ่ยไปมองหน้าเต๋อซุ่น

เต๋อซุ่นหน้าเปลี่ยนสี เขาตัวสั่นและเกิดความลังเล

“ผู้อาวุโสพูดอะไร ผู้เยาว์ไม่ค่อยเข้าใจ…” เต๋อซุ่นตัวสั่นพลันดึงสวี่ฮุ่ยไว้ข้างหลังตน เขาไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดถึงทำแบบนี้ เหมือนเป็นเองโดยธรรมชาติ

สวี่ฮุ่ยเองก็ไม่ปฏิเสธ ซูหมิงสร้างแรงกดดันต่อนางอย่างยิ่ง ทำให้นางหน้าขาวซีด แววตาตื่นกลัว แต่ในใจไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงเกิดความซับซ้อนเล็กน้อย

ซูหมิงเห็นดังนั้นแล้วก็ยังมีสีหน้าสงบนิ่ง แต่กลับถอนหายใจอยู่ภายใน เขาเดินไปหาสวี่ฮุ่ยโดยไม่สนใจเต๋อซุ่น สวี่ฮุ่ยหน้าเปลี่ยนสีในทันใด สัญชาตญาณบอกให้ ต้องถอย เต๋อซุ่นดวงตาเกิดเส้นเลือดฝอย เขาตะโกนเสียงต่ำเหมือนลืมพลังซูหมิง หมายจะลงมือ แต่ยังไม่ทันลงมือ นิ้วชี้มือขวาซูหมิงกดตรงระหว่างคิ้วสวี่ฮุ่ยแล้ว

‘จากภัยพิบัติของสำนักดาราสัจธรรม อภินิหารประหลาดชนิดนี้ปกป้องร่างกายเอาไว้ แต่วิชานี้ยังไม่สมบูรณ์เลยทำให้วิญญาณแยกออกเป็นจิตสำนึกที่สอง ตอนนี้จิตสำนึกเดิมหลับใหลอยู่ จิตสำนึกที่สองยึดครองร่าง’ มือขวาซูหมิงขยับประกายแสงวูบวาบ ฉับพลันนั้นมีระลอกคลื่นหลั่งไหลเข้าไปในร่างนาง นางมีสีหน้าดิ้นรน สายตาที่มองซูหมิงบ้างดูคุ้นเคย บางซับซ้อน และบางครั้งแปลกตา แต่ไม่นานนัก ความแปลกตาค่อยๆ เกิดเค้าลางจะหายไป นิ้วนั้นของซูหมิงกระตุ้นวิญญาณเดิมที่หลับใหลอยู่ของนางโดยตรง ทำให้เกิดสัญญาณจะตื่นขึ้น

“เป็นแบบนี้ไม่ได้…” เต๋อซุ่นตัวสั่น ดวงตาแดงก่ำสองข้างเผยความบ้าคลั่ง และเจ็บปวด เขามองสวี่ฮุ่ยพลางพึมพำ เขารู้ว่าจากการที่ตนใกล้ชิดกับนางมา ตลอดหลายปี แม้ตนจะถูกรังแกตลอด แต่จากการพึ่งพาอาศัยกันมาหลายปี ทำให้เขาเกิดความรักต่อสวี่ฮุ่ยโดยไม่รู้ตัว

เขาเข้าใจว่าคนที่เขาชอบไม่ใช่สวี่ฮุ่ยในอดีต แต่เป็นจิตสำนึกที่สองในร่างกายนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่พานางไปหาซูหมิง แต่พาเข้าพันธมิตรใต้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!